เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมแม่ฮ่องสอนน้ำตาตก ไร้พ่อค้ามารับซื้อ และราคาถูก วอนรัฐช่วยด้วย

ฟังเสียงของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม ซึ่งเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ไร้วี่แววพ่อค้ามาซื้อกระเทียม ส่วนที่เข้ามาซื้อ ก็ต่อรองราคาถูกจนไม่สามารถจำหน่ายได้ วอนภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน หาตลาดรองรับให้กับชาวบ้านด้วย

วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจากตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จาก 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วยบ้านห้วยโป่ง หมู่ที่ 1 , บ้านแก่นฟ้า หมู่ที่ 2 , บ้านป่าลาน หมู่ที่ 3 , บ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 5 , บ้านกลาง หมู่ที่ 7 และ บ้านห้วยช่างคำ หมู่ที่ 8 จำนวนกว่า 50 คน รวมตัวกันเพื่อวอนขอภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาดูแลและให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม ในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีวี่แววพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียมแต่อย่างใด บางส่วนที่เข้ามาก็ต่อรองรับซื้อในราคาถูกมาก ( ราคา กก.ละ 22 -30 บาท ) เกษตรกรบางรายก็จำเป็นต้องขาย เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ซ้ำเป็นช่วงของการเปิดภาคเรียน ต้องจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียนบุตรหลาน หนี้สินรุงรัง เพราะลงทุนปลูกกระเทียมไปแล้ว แต่กระเทียมกลับไม่ได้ขาย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือเก็บกระเทียมแห้งเข้าโกดังไว้ รอวันที่ได้จำหน่าย

นางแรมจันทร์ ไชยสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยโป่ง ได้เปิดเผยถึงข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ของจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม และจำนวนกระเทียมที่มีอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง อ.เมือง จำนวน 6 หมู่บ้าน กว่า 140 ราย ผลิตกระเทียมปีนี้ กว่า 778,800 กิโลกรัม หากรวมจำนวนพื้นที่การปลูกกระเทียม ของตำบลห้วยโป่งในปีนี้ ลดลงกว่าครึ่งของพื้นที่ปลูกทั้งหมดในปีที่ผ่านมา ส่วนผลผลิตกระเทียมก็ลดน้อยลงกว่า 30% เพราะเกษตรกรในพื้นที่บางรายเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น เช่น ถั่วลายเสือ เป็นต้น เพราะลงทุนน้อยและจำหน่ายได้ง่ายกว่า ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ปัญหากระเทียมล้นตลาดอย่างแน่นอน คาดว่าน่าจะเป็นเพราะผู้บริโภคหันไปใช้กระเทียมที่มาจากประเทศจีน ซึ่งมีหัวขนาดใหญ่ ปอกเปลือกง่าย และราคาถูกกว่ากระเทียมของไทยนั่นเอง

ส่วนต้นทุนการปลูกกระเทียม อยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม อยากขอราคาจำหน่าย กิโลกรัมละ 60 บาท ก็จะอยู่ได้ หากราคาต่ำกว่านี้คงลำบากกันไปหมด (ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้จำหน่ายกระเทียมราคา กก.ละ 50-55 บาท)

นายแดง ปฎิพัทกวี เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 5 ได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้เกษตรกรเก็บกระเทียมเข้าโรงเก็บ ไว้รอพ่อค้าเข้ามารับซื้อ แต่บางคนก็ได้ขายไปด้วยความจำเป็น ในราคา กก.ละ 22-30 บาท ซึ่งยอมขายแบบขาดทุน แต่ในช่วงนี้ไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อเลย จึงอยากวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้าง

นายสมบูรณ์ พิรุณรัตน์ อีกหนึ่งเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านไม้ฮุง ก็ได้กล่าวว่า ปีนี้กระเทียมยังไม่ได้ขาย ขอฝากถึงพ่อเมืองของเรา พาณิชย์จังหวัดฯ สส.แม่ฮ่องสอน ในส่วนของตนเองในปีนี้ ได้ลงทุนปลูกกระเทียม 80 ถัง 2 แสนกว่าบาท ถ้าหากว่า ได้ขายราคากิโลกรัมละ 60 บาท ก็พอใจแล้ว

นางอิ๊ด จันทร์โอภาส เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านแก่ฟ้า หมู่ที่ 2 ได้กล่าวว่า ความลำบากของชาวบ้านคือต้นทุนการปลูกสูง ราคากระเทียมตกต่ำ และตอนนี้เกษตรกรเดือดร้อนเพราะไม่ได้ขายกระเทียม และไม่มีพ่อค้าเข้ามาซื้อกระเทียมเลย ในส่วนของกระเทียมที่บ้านแก่นฟ้าในตอนนี้มีอยู่ประมาณ 150 ตัน หรือ 156,400 กิโลกรัม

นางอรสา ภาพเพริดพริ้ง เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านกลาง หมู่ที่ 7 กล่าวว่า กระเทียมปีนี้ ราคาตกต่ำ ต้นทุนก็สูง ตอนนี้ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอมาช่วยดูแลด้วย ติดหนี้ ธกส.ก็ยังไม่ได้ใช้ เพราะยังไม่ได้ขายกระเทียม

นายก๋องคำ บุญมาลา เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านป่าลาน หมู่ที่ 3 กล่าวว่า ราคากระเทียมตกต่ำ ที่ยังไม่ได้ขายก็เพราะว่ามีพ่อค้ามารับซื้อใน กก.ละ 30 บาท จึงไม่ขายเพราะไม่ได้ทุนคืน ตอนนี้ลูกหลานเปิดเทอม หนี้ ธกส.ก็ต้องใช้ เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งในส่วนของตนปลูกกระเทียม 7 ไร่ ลงทุนไปกว่า 2 แสน

นายบุญเทียม บุญมาลา อีกหนึ่งเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านป่าลาน ก็ได้กล่าวว่า อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เพราะตอนนี้เกษตรกรหาทางออกไม่ได้ พ่อค้าคนกลางมาให้ราคา กก.ละ 30 บาท ซึ่งขาดทุน ปีนี้ขอได้ขายแค่ ราคา กก.ละ 60 บาท ก็อยู่กันได้แล้ว

นางกัญณิกา ปัญญา เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านห้วยโป่ง หมู่ที่ 1 กล่าวว่า เพราะรายได้หลักของเรามาจากกระเทียม ปีนี้ราคากระเทียมตกต่ำ อยากขอทางราชการมาช่วยในการหาตลาดเพื่อจำหน่ายกระเทียม ให้กับเกษตรกรด้วย

นายจำเริญ วงศ์ปัญญา เกษตรกรผู้ปลูกกระเทยมบ้านห้วยโป่ง กล่าวว่า ตอนนี้ ไม่มีพ่อค้าคนกลางเข้ามาซื้อกระเทียมในพื้นที่ตำบลห้วยโป่งเลย นี่คือปัญหาหลัก ปัญหาใหญ่ของเกษตรกร ขอวิงวอนหน่วยงานที่รับผิดชอบ มาดูแลเรื่องราคากระเทียมให้กับพวกเราด้วย

ด้านนายอาวุธ ขยันดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง กล่าวปิดท้ายว่า ปีนี้ พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อกระเทียมในพื้นที่น้อยมาก และราคาที่รับซื้อก็ต่ำ จึงทำให้กระเทียมตกค้างตามโกดังในหมู่บ้านต่าง ๆ เยอะมากกว่าทุกปี สรุปคือราคากระเทียมต่ำ ในขณะที่ต้นทุนการปลูกสูง อยากขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มาดูปัญหาของชาวบ้านพี่น้องเกษตรกร เพื่อหาแนวทางแก้ไขช่วยชาวบ้าน

กระเทียม ถือเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลห้วยโป่งมานานแล้ว กระเทียมที่นี่ ขึ้นชื่อในเรื่องของกระเทียมพันธุ์ดี เพราะเป็นกระเทียมสายน้ำแร่ เป็นกระเทียมที่มีคุณภาพ และได้รับการันตีว่าเป็นกระเทียม GAP ในวันนี้ เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมทุกคน ได้แต่รอคอยความหวังจากหน่วยงานของรัฐ ในการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการตลาด เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้จำหน่ายกระเทียมในราคาที่เป็นธรรม

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

เชียงราย นัด 5 มิ.ย. ระดม 1 หมื่นคน ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลจีนแฉเหมืองแรร์เอิร์ธสุดเลวร้าย

เชียงราย นัด 5 มิ.ย. ระดม 1 หมื่นคน ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลจีนแฉเหมืองแรร์เอิร์ธสุดเลวร้าย

วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้มีการจัดวงหารือ “ปกป้องแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย/ปิดเหมืองต้นน้ำ-ฟื้นฟูลุ่มน้ำ” โดยมีพระภิกษุและประชาชนหลากหลายอาชีพ อาทิ นักธุรกิจ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ศิลปิน นักการเมืองท้องถิ่น องค์กรภาคประชาสังคม ทั้งจากพื้นที่ บ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ จากอำเภอที่ติดแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย อาทิ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เมือง จ.เชียงราย ประมาณ 70 คนเข้าร่วม

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า เราคุยกันว่าน่าจะมีการทำอะไรร่วมกันจากทุกภาคส่วน ซึ่งวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ควรมีการทำอะไรร่วมกันบ้าง โดยเราได้ตั้งตุ๊กตาไว้บ้างแล้ว งานทั้งหมดเป็นการฮอมปอย คือไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ

ดร.สืบสกุลกล่าวว่า รัฐบาลโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯได้จัดประชุม 1 ครั้งและพยายามใช้กลไกราชการต่างๆแก้ไขปัญหาโดยเป็นกลไกปกติ แต่ยังขาดเสียงของประชาชน

“ในวันที่ 5 มิถุนายน เราจะจัดกิจกรรมตั้งแต่เช้าไปยันค่ำ อยากให้มีการแสดงเจตนารมณ์และสะท้องเสียงของคนเชียงรายและเชียงใหม่ เราอยากชวนชาวบ้านออกมาสัก 1 หมื่นคน ในพื้นที่ต่างๆ มีข้อเสนอว่าเราจะยื่นหนังสือถึงสถานทูตจีนหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วงนักเรียนนักศึกษามาร่วมขบวนแสดงออก และมีการสืบชะตาแม่น้ำกก”นายสืบสกุล กล่าว

น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์องค์กรแม่น้ำนานาชาติ International Rivers กล่าวสรุปสถานการณ์ว่า ถ้ามองจากบริเวณชายแดนไทยที่บ้านม้งแปดหลัง อ.แม่ฟ้าหลวง จะเห็นการเปิดหน้าดินขนาดใหญ่ในรัฐฉานเพื่อทำเหมืองซึ่งพื้นที่ดังกล่าวดูแลโดยกองกำลังว้าโดยไม่สนใจคนท้ายน้ำ ขณะที่ชาวบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้สังเกตเห็นความผิดปกติและรู้ว่าต้นแม่น้ำกกมีการทำเหมืองทอง จึงเดินขบวนเพื่อเรียกร้องการอนุรักษ์แม่น่ำกกตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 นำไปสู่การตรวจสอบจนทราบผลการตรวจว่าแม่น้ำกกมีสารหนูปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน

น.ส.เพียรพรกล่าวว่า จากภาพถ่ายอากาศพบว่าห่างไปจากพรมแดนไทยที่หัวฝายเพียง 2 กม. มีการขุดเหมืองกลางแม่น้ำสาย มีการทำเหมืองเถื่อนที่ไม่มีกลไกใดๆกำกับเลย ทำให้เกิดคำถามว่าหน่วยงานรัฐบาลไทยกำลังทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้แม่น้ำสายถูกกระทำเช่นนั้น ทั้งๆที่เป็นแม่น้ำข้ามแดน ที่น่ากังวลใจมากขึ้นเมื่อมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ออกมาเปิดเผยว่ามีการทำเหมืองแรร์เอิร์ธจำนวนมาก

“น่าเป็นห่วงคือตอนนี้เป็นแค่ผลกระทบในปีแรกๆ จากการทำเหมือง เหมืองเหล่านี้ต้องอยู่บริเวณต้นน้ำอีกกี่ปี อนาคตจะผลกระทบจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น หากปีนี้น้ำกกและน้ำสายหลากน้ำท่วมและมีโคลนอีก ก็จะไม่เหมือนปีก่อน เพราะเรารู้แล้วว่าในน้ำและในโคลนนี้ว่ามีสารพิษปนเปื้อน”น.ส.เพียรพร กล่าว

โดยร่วมประชุมได้แสดงความเห็นและมีข้อเสนออย่างหลากหลาย โดยทั้งหมดเห็นด้วยที่จะจัดกิจกรรมใหญ่ในวันที่ 5 มิถุนายน แต่ก่อนถึงวันงานจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆด้วย ซึ่งนักธุรกิจรายหนึ่งเสนอว่าควรเชิญสถานทูตจีน ตัวแทนกองกำลังว้า และตัวแทนรัฐบาลพม่าเข้าร่วมด้วย

“ทุกครั้งที่เข้าประชุมกับส่วนราชการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เรามักได้คำตอบว่าสารโลหะหนักในแม่น้ำกกยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบว่าสารโลหะหนักนั้น จะสะสมในตัวเราหรือไม่ อย่างไร”ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง กล่าว

“เราอยากให้ภาครัฐมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ อยากให้การแก้ปัญหาเห็นความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีเป้าหมายและระยะเวลาชัดเจน ในวันที่ 5 มิถุนายน เป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเคลื่อนไปที่อำเภออื่นๆ ที่ติดกับแม่น้ำ เราอาจต้องไปยื่นหนังสือที่สถานทูตจีนเพื่อให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา คุณจะนิ่งหรือเฉยไม่ได้” ผู้ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็น

นายซอแลต ชาวคะฉิ่นซึ่งเป็นนักวิจัยอิสระ กล่าวว่าการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธอันตรายมาก เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะว่ามันอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้ เช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งประเทศจีนเป็นศูนย์กลางเรื่องแร่นี้มาตั้งแต่ปี 2015 โดยพม่า เป็นประเทศที่ส่งออกให้จีนแทบทั้งหมด ตอนนี้ในรัฐคะฉิ่นมีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ 200 -300 แห่ง ภายใต้กองกำลังคะฉิ่น(Kachin Independence Army: KIA) ตอนนี้เหมืองดังกล่าวได้ขยายมายังรัฐฉานและขยายมายังชายแดนไทย นี่คือเรื่องการเมืองภูมิภาคไม่ใช่เรื่องของไทยอย่างเดียว ตอนนี้จีนเข้ามาที่กองกำลังว้า

“ตอนที่จีนทำเหมืองในพื้นที่ต้นน้ำคะฉิ่น สารเคมีลงในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำอิรวดี ปลาตายหมด วัวตายควายล้ม ชาวบ้านไม่สามารถหากินได้ ถ้าพูดถึงผลกระทบของเหมืองตอนนี้ ไม่ใช่แค่ไทย แต่รวมถึงประเทศตอนล่างทั้งลาว เวียดนาม กัมพูชา ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ข้อเสนอคือ ต้องทำเรื่องการเมืองท้องถิ่นให้ยกระดับไปถึงระดับชาติ ถ้าไม่ยกระดับในรัฐสภา ผลกระทบนี้จะไม่ได้รับการแก้ไขเลย” นายซอแลต กล่าว

ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋ กล่าวว่า สถานการณ์นี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก พวก สส.ต้องเดือดร้อนแล้ว ตอนนี้รัฐบาลนี้ได้แต่สั่งให้จังหวัดทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือ วันที่ 5 มิถุนายน จะทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้ได้อย่างไรว่า ประชาชนไม่พอใจ

นายนิวัฒน์กล่าวว่า ในวันที 24 พ.ค. จะมีการปูพรมข้อมูลให้ประชาชนเข้าร่วมในวันที่ 5 โดยจะมีการจัดเวทีที่บริเวณสวนตุง กลางเมืองเชียงราย เพราะปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มองว่าปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นปัญหาที่สำคัญซึ่งตองยกระดับให้เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติและจะจัดการปัญหานี้อย่างไร

ดร.สืบสกุล กล่าวอีกว่า ได้ข้อตกลงร่วมกันคือในวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ชาวเชียงรายและลุ่มแม่น้ำกกจะร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ส่งเสียงไปยังรัฐบาลไทย รัฐบาลเมียนมา รัฐบาลจีน และกองกำลังชาติพันธุ์ที่มีพื้นที่ทำเหมืองต่างๆบริเวณต้นน้ำซึ่งส่งผลกระทบกับคนลุ่มน้ำ โดยตั้งเป้าไหว้ 1 หมื่นคนหรือ 1% ของประชากรในจังหวัดเชียงราย

“อย่างน้อยตอนนี้รัฐบาลไทย ต้องเชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเมียนมา และรัฐบาลจีนมาพูดคุย เพราะประจักษ์แล้วว่ามีสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายที่มีสาเหตุมาจากการทำเหมืองในพม่า โดยบริษัทจีนเข้ามาทำเหมืองแร่”ดร.สืบสกุล กล่าว

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย ยึดไอซ์ คีตามีนรวมกว่า 1 พันกิโล ผู้ต้องหา 6 ราย เสริมเขี้ยวเล็บเพิ่มรถเอ็กซเรย์ที่เชียงราย

เชียงราย ยึดไอซ์ คีตามีนรวมกว่า 1 พันกิโล ผู้ต้องหา 6 ราย เสริมเขี้ยวเล็บเพิ่มรถเอ็กซเรย์ที่เชียงราย

วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ ปปส. หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวกาสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติด 2 ราย เป็น 578 กิโลกรัม และ คีตามีน 529 กิโลกรัม

โดยคดีแรกเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 23.40 น. เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน ภูธรจังหวัดเชียงราย ตรวจยึดยาเสพติดประเภทไอซ์ 578 กิโลกรัม ซุกซ่อนมาในรถยนต์เอนกประสงค์ยี่ห้อ Mitsubishi XPANDER สีขาว บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงราย ขณะเข้าตรวจค้น รถกระบะ ISUZU DMAX สีขาว หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ได้ขับหลบหนี ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. พบรถคันดังกล่าวเสียหลักตกลงร่องน้ำสาธารณะบริเวณบ้านฟาร์ม ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย ตรวจพบโทรศัพท์มือถือและเอกสารภายใน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีต่อไป

คดีที่สอง เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ จ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน ภูธรจังหวัดเชียงราย ได้สืบสวนติดตามขบวนการค้ายาเสพติดจากอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย พบการลำเลียงคีตามีน 529 กิโลกรัม โดยรถยนต์ 4 คัน พยายามหลบเลี่ยงด่านตรวจในพื้นที่อำเภอพาน ก่อนเจ้าหน้าที่จะติดตามสกัดจับได้ 2 คัน พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย อีก 1 คันตกข้างถนน ส่วนคนขับหลบหนี ต่อมาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ช่วงเวลา 01.30 – 02.20 น. สามารถจับกุมรถนำทางอีก 2 คัน พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย บริเวณ ต.แม่ต๋ำ อ.เมืองพะเยา และในเวลา 18.30 น. พบผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 ราย ซ่อนตัวในกระท่อมสวนลำไย เขตบ้านห้วยตุ้ม อ.พาน จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย นายนเรศ อายุ 51 ปี นายมโนทัย อายุ 42 ปี นายราวุธ อายุ 26 ปี นายฤทัย อายุ 40 ปี ทั้ง 4 คนเป็นชาว ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย น.ส.วราลักษมี อายุ 55 ปีชาว ต.น้ำหมาน อ.เมืองเลย จ.เลย และ นายธีรวิทย์อายุ 43 ปี ชาว เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การว่าได้รับจ้างจากนายหน้าชาวเมียนมาให้ลำเลียงยาเสพติดทั้งหมด จาก อ.เชียงแสน ไปยังตอนในของประเทศ โดยมทำมาแล้ว 3 ครั้งได้รับค่าจ้างครั้งละ 1,000,000 บาท

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การสกัดกั้นยาเสพติดเป็นการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วนภายใต้หน่วยงาน นบ.ยส.35 ซึ่งปัจจุบันสามารถสกัดกั้นและจับกุมยาเสพติดในปีที่ผ่านมา 50 เท่า ในช่วงก่อนหน้านี้ 3-6 เดือน กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง เนื่องจากมีการสกัดกั้นจับกุมได้บ่อยครั้ง จึงไปใช้เส้นทางภาคตะวันออก และตะวันตก อย่างไรก็ตามคาดว่าอีกไม่นานจะมีการกลับมาใช้เส้นทางภาคเหนือ เนื่องจากเส้นทางอื่นมีความเข้มงวด ซึ่งจะได้มีการเพิ่มมาตราขึ้นมากกว่าเดิม โดยทางเราจะได้มีการเสริมเขี้ยวเล็บโดยการเพิ่มรถเอ๊กซเรย์เพิ่มอีก 2 คัน จากเดิมมีที่ จ.แพร่ และลำปาง โดยจะนำมาไว้ประจำที่จังหวัดเชียงรายเพิ่ม เพื่อทำให้การสกัดกั้นยาเสพติดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย มทบ.37 จัดกิจกรรม “สร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัว เสริมกำลังใจให้น้องทหารใหม่” วันเยี่ยมญาติทหารใหม่

เชียงราย มทบ.37 จัดกิจกรรม “สร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัว เสริมกำลังใจให้น้องทหารใหม่” วันเยี่ยมญาติทหารใหม่ผลัดที่ 1/68

เวลา 09.00 น.วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ที่กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช พล.ต.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ในฐานะผู้อำนวยการฝึกทหารใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ได้เดินทางมาจตรวจตเยี่ยม พบปะพูดคุย กับน้องทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ผู้ปกครอง และญาติของทหารใหม่ โดยในวันนี้เป็นกิจกรรมการเยี่ยมญาติทหารใหม่ครั้งแรก

หลังจากที่ได้เข้ารับการฝึกทหารใหม่ โดยที่กิจกรรมที่หน่วยฝึกทหารใหม่จัดขึ้นเพื่อให้ญาติของทหารใหม่ได้มาเยี่ยมเยือนและพบปะทหารใหม่ ซึ่งเป็น น้องคนเล็กของกองทัพบก ที่กำลังฝึก ซึ่งกิจกรรมนี้ช่วยให้ทหารใหม่ได้พบปะกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญในการฝึก เพื่อให้ครอบครัวคลายความกังวล ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สร้างสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัว เสริมกำลังใจให้น้องทหารใหม่ และให้มั่นใจในกระบวนการของกองทัพบกที่จะดูแลน้องทหารใหม่ เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน “ความคิดถึงที่เชื่อมด้วยใจ คลายกังวลด้วยกิจกรรม”

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย มทบ.37 จัดกิจกรรม Army Youth Summer Camp “เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจคุณธรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง”

เชียงราย มทบ.37 จัดกิจกรรม Army Youth Summer Camp “เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจคุณธรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง”

พล.ต.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ได้มอบหมายให้กองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียน Army Youth Summer Camp ประจำปี 2568 โครงการ “เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจคุณธรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง” วันนี้น้องๆเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับฟังคำบรรยาย “หน้าที่เยาวชนที่ดี” การ”ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักในสถาบันชาติ ศาสน์กษัตริย์” โดยมี จ.ส.อ. สุชน เนาวชมพู จิตอาสา 904 การรับฟังบรรยายความรู้และฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ การรับฟังบรรยายประวัติศาลารอยพระบาท ร.9 พ.อ. สิงหนาท โลสุยะ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 37 และร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ศาลารอยพระบาท ร.9 ค่ายเม็งรายมหาราช และการรับฟังบรรยายประวัติศาสตร์พิพิธภัณฑ์ทหาร มทบ.37 และชมสถานที่

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 แม่ฮ่องสอน ตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฯ อ.ขุนยวม

สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 แม่ฮ่องสอน ตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฯ อ.ขุนยวม

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน คณะเจ้าหน้าที่โดยการอำนวยการของ นายเกษม คำมา ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายปณิธิ เรืองศรีศุภพงศ์ หัวหน้าหน่วยฯมส.3 (ขุนยวม) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.3 (ขุนยวม), เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ขุนยวม และเจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ 3603 ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในท้องที่ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยทางเจ้าหน้าที่ฯ ชุดดังกล่าวได้ทำการตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 10 แผ่น ปริมาตร 2.722 ลบ.ม.คิดเป็นค่าภาคหลวง 217.76 บาท คิดเป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับจำนวน 190,540 บาท (สำหรับไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 5 แผ่น ปริมาตร 0.374 ลบ.ม.นำมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยฯ มส.3 (ขุนยวม) และไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 5 แผ่น ปริมาตร 2.348 ลบ.ม., ไม้ประดู่ท่อน จำนวน 4 ท่อน ปริมาตร 12.571 ลบ.ม. คิดเป็นค่าภาคหลวง 1,005.68 บาท ค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน 439,985 บาท มีลักษณะขนาดใหญ่ ไม่สามารถชักลากออกมาได้ หน่วยกำลังประสานงานทางหน่วยงาน ออป.ในการชักลากไม้ประดู่ดังกล่าวต่อไป) เหตุเกิดที่บริเวณป่าห้วยมะอูม บ้านเมืองปอน หมู่ที่ 2 ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้สำนักฯ ต่อไป

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

อำเภอแม่สะเรียง ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ตามโครงการ มหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drug)

อำเภอแม่สะเรียง ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ตามโครงการ มหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drug)

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียงอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้การอำนวยการของ นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง/ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอแม่สะเรียง นำทีมชุดปฏิบัติการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ร่วมตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ บุคลากรฝ่ายปกครองข้าราชการ พนักงานราชการลูกจ้างและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สะเรียงที่ 3 ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สะเรียง

นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง กล่าวว่า การตรวจหาสารเสพติดในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป้องปราม ไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ที่มีเจตนารมณ์ที่จะลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด และนโยบายบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในระดับพื้นที่ สำหรับผลการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะบุคลากรฝ่ายปกครอง ข้าราชการ พนักงานราชการลูกจ้างและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สะเรียงที่ 3 จำนวนทั้งสิ้น 60 ราย (ชาย 43 ราย, หญิง 17 ราย) ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

อบต.แม่สามแลบ เร่งช่วยเหลือราษฏร หลังฝนตกหนักในพื้นที่ระบบประปาภูเขา เส้นทางได้รับผลกระทบ

อบต.แม่สามแลบ เร่งช่วยเหลือราษฏร หลังฝนตกหนักในพื้นที่ระบบประปาภูเขา เส้นทางได้รับผลกระทบ

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล แม่สามแลบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ เร่งออกสำรวจความเสียหายหลังในพื้นที่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่าน ซึ่ง ขณะเกิดเหตุฝนตกหนัก ไฟฟ้าดับ การติดต่อสื่อสารล่ม สัญญาณในการติดต่อไม่เสถียร การเข้าพื้นที่สำรวจความเสียหาย นายก อบต.แม่สามแลบ ต้องใช้ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์

โดยที่ บ้านกอมูเดอ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากผ่านกลางหมู่บ้าน มีต้นไม้หักโค่นปิดทับเส้นทางเข้าห่างจากหมู่บ้านประมาณ 100 เมตร ซึ่ง เจ้าหน้าที่ อบต.แม่สามแลบ เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 36 พร้อม ผู้นำชุมชน ชาวบ้านช่วยกันเปิดเส้นทางตัดทอนต้นไม้ออกจากเส้นทางเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ทาง อบต.แม่สามแลบ ได้ความเสียหายในพื้นที่เบื้องต้น มี บ้านเรือนราษฎรถูกพายุฝนพัดหลังคาเสียหาย 2 หลัง .ถนนสายหลัก และสายรองหลายเส้นทาง บางช่วงถูกน้ำกัดเซาะ เกิดดินสไลด์ ไม้ล้มกีดขวางจราจร และ น้ำป่าไหลหลากตามลำห้วยพัดพาเศษไม้ ดินโคลน กีดขวางทางน้ำ และคอสะพาน ทำให้คอสะพานถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย ในส่วนลำน้ำแม่สามแลบ น้ำป่าไหลหลากกัดเซาะตลิ่ง ทำให้บ้านเรือนบางส่วน และถนน ถูกน้ำกัดเซาะพังเสียหาย .ระบบประปาหมู่บ้าน เพื่ออุปโภคบริโภคเสียหายจากกระแสน้ำที่พัดเชี่ยว

ทั้งนี้ทาง องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ กรณีมีฝนตกหนัก เนื่องจากฝนตกถนนมีความลื่น หากมีความจำเป็นในการเข้าออกในพื้นที่ของหมู่บ้านแม่สามแลบ ให้เช็คเส้นทางก่อนการเดินทาง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เปิดเทอมวันแรก โรงเรียนบ้านแม่กองคา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สภ.ท่าตาฝั่ง จัดกำลังตรวจตราดูแลความปลอดภัย

เปิดเทอมวันแรก โรงเรียนบ้านแม่กองคา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สภ.ท่าตาฝั่งจัดกำลังตรวจตราดูแลความปลอดภัย

วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.00 น.โดยการอำนวยการของ พ.ต.ท.ปพัสศ์พงศ์ แก้วรากมุก สว.สภ.ท่าตาฝั่ง มอบหมายให้ ร.ต.ต.ชูชาติ ตาด้วง รอง สว(ป.).สภ.ท่าตาฝั่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่ง ลงพื้นที่ออกตรวจดูรักษาความปลอดภัยให้แก่คณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านแม่กองคา ราษฎรและหมู่บ้านใกล้เคียง สร้างความมั่นใจและเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน ณ บ้านแม่กองคา หมู่ที่ 10 ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ในด้านความปลอดภัยของราษฏรหมู่บ้านแม่กองคา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง แม้เจ้าหน้าที่จะยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุ ฆ่าราษฏร 2 ศพในพื้นที่ได้ แต่ทาง พ.ต.ท.ปพัสศ์พงศ์ แก้วรากมุก สว.สภ.ท่าตาฝั่ง ได้ จัดกำลังข้าราชการตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่ง ได้ออกตรวจ Re X -ray พื้นที่ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ได้ตรวจสอบร่องรอยการกลับมาหาเสบียงตามกระท่อมต่างๆ ไม่พบร่องรอยคนร้ายแต่อย่างใด จากการลงพื้นที่ได้สอบถามผู้คนที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้การว่าไม่พบร่องรอยคนร้าย และ คาดว่าคนร้ายได้หนีไปกบดานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ พ.ต.ท.ปพัสศ์พงศ์ แก้วรากมุก สว.สภ.ท่าตาฝั่ง ได้พูดคุยให้ความมั่นใจและเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านบ้านแม่กองคา หมู่ที่ 10 ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อย่างต่อเนื่อง

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ชุมชนและท้องถิ่น

วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ กาดซอกจ่าบ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี พ.ศ.2568 เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในท้องถิ่นให้เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรม ที่แสดงถึงความเป็นอัตลักษณ์ชุมชนและท้องถิ่น โดยมีนางสาวกมลลักษณ์ บุญซื่อ วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับ มีนายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน หัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลผาบ่อง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลผาบ่อง สภาวัฒนธรรมตำบลผาบ่อง กำนันตำบลผาบ่อง และเครือข่ายชุมชน นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย Soft Power กระทรวงวัฒนธรรม ได้กำหนดให้จังหวัดคัดเลือกอำเภอ เข้าร่วมโครงการส่งเสริมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในท้องถิ่นให้เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรม ที่แสดงถึงความเป็นอัตลักษณ์ชุมชนและท้องถิ่นเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ จัดแสดงผลงาน และจำหน่ายสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นในเด็ก เยาวชน และประชาชน

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้คัดเลือกพื้นที่ดำเนินการกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 2 อำเภอ ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตบ้านน้ำฮู ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ ครั้งที่ 2 ณ กาดซอกจ่าบ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชุมชนบ้านผาบ่อง การสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านอาหาร การสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรมอีกด้วย

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน