ผู้เขียน: admin

เทศบาลตำบลแม่ยวม จัดกิจกรรมรณรงค์เคาะประตูบ้าน เชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกมาเลือกตั้ง นายกฯและสมาชิกเทศบาล

วันที่ 24 เมษายน 2568 ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลแม่ยวม นำโดย นางนภัสวรรณ ยาทา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลแม่ยวม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่ยวม ร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์เคาะประตูบ้าน ชุมชนตำบลแม่ยวม จำนวน 13 หมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลแม่ยวมและนายกเทศมนตรีตำบลแม่ยวม ในเขตหมู่บ้านจอมกิตติ หมู่บ้านน้ำดิบ หมู่บ้านคะปวง และหมู่บ้านห้วยวอก ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยดำเนินกิจกรรมการณรงค์ ประกอบไปด้วย การแจกคู่มือประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง การให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง การรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ เวลา 08.00 – 17.00 น. ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสำคัญในการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่ยวม โดยจัดให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านทั้งช่องทาง เพจ Facebook เทศบาลตำบลแม่ยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ เวปไซค์ เทศบาลตำบลแม่ยวม

สำหรับเทศบาลตำบลแม่ยวม แบ่งเขตเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ออกเป็น 2 เขต รวม 13 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง รวม 7,476 คน มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี จำนวน 3 คน และ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 20 คน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เทศบาลตำบลเมืองยวมใต้ จัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ

วันที่ 24 เมษายน 2568 ณ พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง ได้เดินทางเป็นประธาน ในพิธีเปิด โครงการสืบสานวัฒนธรรม และประเพณีไทยเพื่อผู้สูงวัย ในพื้นที่เทศบาลตำบลเมืองยวมใต้ ประจำปี 2568 เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณี ความเชื่อทางศาสนา ของชาวล้านนาการตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ รวมไปถึงการให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของประเพณีอันดีงามเพื่อรักษาและสืบสานประเพณีอันดีงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติให้คงอยู่สืบต่อไป นายวิชัย กองเเก้ว นายกเทศมนตรีตำบลเมืองยวมใต้ ได้นำผู้สูงอายุในแต่ละหมู่บ้านเข้าร่วมกิจกรรม พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ รวมไปถึง พนักงานเทศบาลตำบลเมืองยวม เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

พร้อมกันนี้ทางเทศบาลตำบลเมืองยวมใต้ ได้มอบเกียรติบัตร ให้กับผู้สูงวัยดีเด่น และ สร้างคุณงามความดี ให้กับชุมชนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้สูงอายุ

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

สมาคมกู้ชีพกู้ภัยแม่สะเรียง และเจ้าหน้าที่ นำร่างผู้เสียชีวิต เหตุคนถูกยิงในลำห้วยแม่กองคา ออกจากที่เกิดเหตุ

วันที่ 24 เมษายน 2568 ร.ต.อ.วรวิทย์ อัมพรประทาน พงส.เวรฯ สภ.ท่าตาฝั่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ สภ.ท่าตาฝั่ง สภ.แม่สะเรียง อุทยานแห่งชาติสาละวิน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 แพทย์โรงพยาบาลแม่สะเรียง และ สมาคมกู้ชีพกู้ภัยแม่สะเรียง ได้เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ ภายในลำห้วยแม่กองคา เขตบ้านแม่กองคา หมู่ที่ 10 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หลัง ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต เมื่อเช้าของวันที่ 23 เมษายน 2568 เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายดิเก สุกุลกิจ อายุ 66 ปี ที่อยู่ 14/2 หมู่ 10 ต.แม่กองคา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พบผู้เสียชีวิตอยู่ในท่าก้มหน้าคุกเข่านั่ง สวมเสื้อกีฬาสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขาสั้น มีบาดแผลถูกยิงจากกระสุนลูกปราย 7 เม็ด บริเวณหน้าอกและหัวไหล่ข้างขวา ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 13.6 เมตรพบปลอกกระสุนลูกซองตกอยู่ จำนวน 1 ปลอก จึงทำการตรวจยึดไว้ สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง พร้อมเร่งติดตามผู้ก่อเหตุมารับโทษตามกฏหมายต่อไป

Cr. สมาคมกู้ชีพกู้ภัยแม่สะเรียง / สภ.ท่าตาฝั่งแม่สะเรียง , สุกัลยา /แม่ฮ่องสอน

ปอยส่างลอง สีสันแห่งประเพณีของชาวไทใหญ่ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

24 เม.ย. 68 องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สืบสานและรักษา ประเพณีอันดีงามปอยส่างลอง ให้คงอยู่คู่กับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งเสริมและสนับสนุนให้จัดงานประเพณีปอยส่างลอง ตามโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้กิจกรรมบรรพชา อุปสมบทภาคฤดูร้อน (ปอยส่างลอง ณ วัดบ้านป่าลาน ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีแม่งานคือครอบครัว พ่อส่างอุดม – แม่ส่างสุพรรณ คำใส พ่อส่างมนูญศักดิ์ แสนสีหะ – แม่ส่างมยุรี แก้วสมศรี นายชนสรณ์ – นางอารุณี เกรียงสมุทร พร้อมญาติพี่น้อง และครอบครัวเด็กชายชนาภัทร เกรียงสมุทร (น้องไตตั้น) เป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดงานปอยส่างลองครั้งนี้ โดยมีเด็กและเยาวชนร่วมบวชส่างลอง จำนวน 20 องค์ และบวชจางลอง จำนวน 1 องค์ รวม 21 องค์

นายแสงทอง ขยันดี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายอาวุธ ขยันดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง ได้เป็นตัวแทนมอบเงินอุดหนุนการจัดงานให้กับเจ้าภาพใหญ่ด้วย

งานประเพณีปอยส่างลอง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์และวิถีวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ เช่น พิธีปลงผมส่างลอง การแห่โคหลู่ และพิธีข่ามส่าง หรือการบรรพชาสามเณร เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนใช้เวลาว่างจากการเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และห่างไกลจากยาเสพติด

งานประเพณีปอยส่างลอง ถือเป็นการรวมตัวของอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ รวมถึงการแต่งกาย เครื่องประดับ และการแสดงต่างๆ ซึ่งจะจัดขึ้นปีละครั้งในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน และเป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ ได้ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประเพณีและพุทธศาสนา

ประเพณีปอยส่างลองจึงเป็นการรวบรวมอัตลักษณ์ วิถีวัฒนธรรม และงานศิลป์ต่าง ๆ ของชาวไทใหญ่เข้าไว้ด้วยกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อ พิธีกรรม การแต่งกาย เครื่องประดับ ขบวนแห่ การแสดง อาหารการกิน โดยจะจัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ทุกปี ระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน ซึ่งเป็นช่วงว่างเว้นจากการทำนา และมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของอาหาร และเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ปิดเทอม ถือเป็นการใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมนี้ ศึกษาหาความรู้ และฝึกปฏิบัติตามรูปแบบชองชาวพุธ เป็นกลวิธีในการให้เด็กได้เรียนรู้ และสืบสานประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นได้ดี

มนต์เสน่ห์หนึ่งในงานประเพณีประจำปีเลื่องชื่อของชาวไทใหญ่เมืองสามหมอก ซึ่งนอกจากจะมากไปด้วยสีสันงดงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังเป็นงานบุญที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธาอันทรงคุณค่ายิ่ง

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

เชียงราย เปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส”บุกร้านคาราโอเกะมีเด็กต่ำ 18 บริการ

เวลา 00.45 น.วันที่ 24 เมษายน2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จันพ.อ. ภาณุมาศ จีนานุรักษ์ รอง ผอ.รมน.จว.ชร. , พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบร้านแสงจันทร์คาเฟ่ ตั้งอยู่เลขที่ 219 หมู่ที่ 9 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยร้านอาคารชั้นเดียว มีการจัดแสดงดนตรีสด มีโต๊ะสำหรับบริการลูกค้าตั้งอยู่ห้องโถง 11 โต๊ะ และห้องคาราโอเกะ VIP จำนวน 5 ห้อง จากการตรวจสอบยังมีลูกค้าใช้บริการ และเปิดเพลงกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบพนักงานหญิงบริการ จำนวน 11 คน ในจำนวนนี้มีบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน (อายุต่ำสุด 15 ปี) พนักงานแคชเชียร์ 1 คน มีบุคคลแสดงตัวเป็นผู้จัดการร้าน จำนวน 1 คน โดยน.ส.ชมภิศา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ซึ่งได้นำเอกสาร ใบประกอบกิจการวิดีทัศน์ ใบอนุญาตจำหน่ายสุรา หนังสือรับรองการแจ้งจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบใบอนุญาตสถานบริการ ร้านดังกล่าว ผู้ดูแลไม่สามารถ นำมาแสดงได้

นอกจากนี้ยังตรวจพบผู้มาใช้บริการอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน โดยผู้ใช้บริการให้การว่าก่อนเข้าใช้บริการทางร้านไม่มีการตรวจสอบอายุหรือบัตรประชาชนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาในเบื้องต้น ในข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด , ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม , จ้างแรงงานเด็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานสหวิชาชีพเพื่อทำการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ต่อไป

โดยร้านดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จับกุมและตั้งข้อกล่าวหา “ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต” เนื่องจากเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย ทหารพรานสกัดรถแหกด่านขนยาบ้า 2.5 ล้านเม็ด

เวลา 10.00 น.วันที่ 23 เม.ย.68 พล.ต.กิดากร จันทรา ผบ.กองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พ.อ.ไมตรี ศรีสันเทียะ เสธฯ กองกำลังผาเมือง พ.อ.ไพรัช ศรีไชยวาล ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาร ที่ 31 พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ นบ.ยส.35 พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและแถลงข่าว การสกัดและตรวจยึดยาบ้า จำนวน 2,500,000 เม็ด

โดยการปะทะกันในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 22 เม.ย. 68 ทหารพราน ร้อย.ทหาร 3106 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาร ที่ 31 ได้รับแจ้งจาก ชุดปฏิบัติการการข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนผ่านพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย โดยใช้เส้นทางเลี่ยง ด่านตรวจกิ่วสะไต และด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังตั้งจุดตรวจ บริเวณ บ้านธรรมจาริก ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย

จนกระทั่งเมื่อเวลา 20.45 น.ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยขับเข้ามาบริเวณจุดตรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุด เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้เร่งความเร็วหลบหนี จึงได้เกิดการไล่ติดตาม พบรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน ผธ 8566 เชียงราย จอดอยู่บริเวณดังกล่าว ห่างจากจุดตรวจประมาณ 5 กิโลเมตร โดยไม่พบผู้ใดอยู่ภายในรถ จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ ตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 10 กระสอบ เบื้องต้นพบเป็นยาบ้าประมาณ 2,500,000 เม็ด วางอยู่บริเวณป่ากล้วย ห่างจากจุดพบรถยนต์ ประมาณ 100 เมตร จางนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบของกลาง

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

จากคนสูญหาย กลายเป็น คนร้าย ฆ่าคนเสียชีวิต 1 ราย โดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าเฝ้าระวังบ้านแม่กองคา หวั่นกลับมาก่อเหตุซ้ำ

วันที่ 23 เมษายน 2568 นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง ได้สั่งให้มีการยุติการค้นหาตัว นายยุทธนา จตุพรสีวลี หลังรับแจ้งว่า ผู้สูญหายก่อเหตุยิงผู้อื่นเสียชีวิตในป่าพื้นที่บ้านแม่กองคา ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ล่าสุดเมื่อ 13.00 น. ของวันนี้ ทาง พ.ต.ท.ปภัสศ์พงศ์ แก้วรากมุก สว.ท่าตาฝั่ง พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าตาฝั่ง ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรแม่สะเรียง,เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอแม่สะเรียง,เจ้าหน้าที่กรมทหารพรานที่ 36, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน,กู้ภัยแม่สะเรียง,โรงพยาบาลแม่สะเรียง สนธิกำลังพิสูจน์ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว ในพื้นที่คาบเกี่ยว พื้นที่ตำบลแม่ยวม-ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

สืบเนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการระดมหาผู้สูญหาย นายยุทธนา จตุพรสีวลี วัย 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/2 หมู่ 8 ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งหายออกจากบ้านเมื่อช่วงกลางวัน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 โดยสวมเสื้อลายคล้าย อส.สีน้ำตาล กางเกงสีน้ำตาลลายขาว พร้อมสวมหมวกโม่งปิดบังใบหน้าสีดำชมพู พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ดรีม สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คาดว่าน่าจะออกไปหาของป่า เมื่อทุกๆครั้งที่ผ่านมา จนกระทั้งเมื่อช่วง เวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน มีพายุฝนตกหนักและมีน้ำป่าหลากเกรงว่าสามีจะได้รับอันตราย จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยกันออกตามหาต่อเนื่องทุกวัน และ แจ้งความคนหายที่ สภ.ท่าตาฝั่ง จนกระทั้ง เช้าวันที่ 23 เมษายน 2568 ได้เกิดเหตุ ชาวบ้าน 2 สามีภรรยา ไปหาของป่าบริเวณบ้านห้วยห้อม ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง และ พบตัวบุคคลคาดว่าเป็น นายยุทธนา จตุพรสีวลี ใช้อาวุธปืนลูกซอง ยิงใส่ทั้งคู่ ทำให้สามีเสียชีวิต ภรรยาวิ่งหนีตาย และ มาเจอชาวบ้านช่วยไว้ได้

โดย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่ง สภ.แม่สะเรียง ฝ่ายปกครองแม่สะเรียง ทหารพราน เจ้าหน้าที่อุทยานสาละวิน ได้จัดกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ป่าบ้านห้วยห้อม ตำบลแม่คง และ บ้านศาลา ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ ในคืนนี้จัดกำลังเข้า เฝ้าระวังในพื้นที่ บ้านแม่กองคา ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ หวั่นกลับมาก่อเหตุซ้ำ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนหวาดกลัว ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางออกจากหมู่บ้าน มาพักอาศัยอยู่บ้านญาติในตัวเมืองแม่สะเรียงกันหลายครอบครัว

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

“แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล” เปิดบ้านสวนริมลำพูน ให้กัลยาณมิตรทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมเข้าสระเกล้าดำหัว ขอพรเนื่องในประเพณีสงกรานต์ 2568 เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

เมื่อค่ำวันที่ 23 เม.ย.68 ณ บ้านสวนริมลำพูน แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัด เปิดบ้านสวนริมลำพูน ให้กัลยาณมิตรสระเกล้าดำหัว ขอพรสืบสานประเพณีสงกรานต์ สืบทอดกันมาแต่โบราณ สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามไทยแต่โบราณซึ่งทำมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 42 โดยมีข้าราชการฝ่ายปกครอง อาทิ นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา,นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน,พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 , นายพิชัย เลิศพงค์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่, นายธานินทร์ สุภาแสน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง,นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,นายสิทธิชัย จินดาหลวงอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง

นอกจากนี้ยังมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,รองผู้ว่าฯลำพูนและเชียงราย ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ตลอดจนนายอำเภอในพื้นที่เชียงใหม่และลำพูน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจและพี่น้องประชาชนลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น ด้วยรักและผูกพัน

“แม่เลี้ยงวรรณี ลิทองกุล” กรรมการผู้จัดการบริษัท วีพีเอ็น คอลเล็คชั่นส์ จำกัด มีประสบการณ์ในงานด้านมวลชน และสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการบริหารจัดการขยะมูลฝอย แบบครบวงจร มานานกว่า 20 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจในด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยการนำมาใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า นอกจากการทำธุรกิจแล้ว แม่เลี้ยงวรรณียังได้ช่วยเหลือสังคมและสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ส่วนรวมและประเทศชาติอีกหลายโครงการด้วย

ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาเฉพาะกิจที่ 302 เปิดคลินิกฟุตบอลหมวกแดงแม่สะเรียง เสริมทักษะ ปั้นเยาวชนแข้งทอง 3 วันก็เป็นได้

วันที่ 22 เมษายน 2568 ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาเฉพาะกิจที่ 302 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นำโดย ร.ท.เอนกณรงค์ ทองอ่อน หน.ชุดฯ ได้จัดกิจกรรม คลีนิคฟุตบอลหมวกแดง แม่สะเรียง สอนทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐาน โดยกำลังพลของชุดฯ ซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนฟุตบอล ระดับ AFC’C’DIPLOME และมีประสบการณ์ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพื่อให้น้องๆ อายุ 8-12 ปี ที่มีความสนใจในกีฬาฟุตบอลได้มีทักษะพื้นฐานอย่างถูกต้อง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ยังเป็นกิจกรรมที่กองทัพบกให้ความสำคัญ เปิดค่ายทหารเพื่อใช้ขีดความสามารถของกำลังพลในหน่วยจัดกิจกรรมให้กับน้องๆ ช่วงปิดภาคเรียน เช่น ดนตรี กีฬา ฯลฯ อยู่แล้ว

ทั้งนี้ กิจกรรมคลีนิคฟุตบอลหมวกแดงแม่สะเรียง ได้รับความสนใจจากผู้ปกครองและเด็กๆ ร่วมถึงผู้สนับสนุนกิจกรรมเป็นอย่างมาก มีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมในการเปิดคลินิกฟุตบอลหมวกแดง จำนวน 34 คน ใช้ระยะเวลาการฝึก 3 วัน ระหว่างวันที่ 21-23 เม.ย.68 ในเวลา 16.00 – 17.30 น. ณ สนามฟุตบอลชั่วคราว ซึ่งสนับสนุนพื้นที่โดยเจ้าของที่

ร.ต.อ.สำเริง สุวรรณภูมิ นำทีมฝึกสอน โดย โค๊ชตาม ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนฟุตบอลระดับ AFC ‘C’ DIPLOMA ผู้ฝึกสอนฟุตบอล ใจฟ้าอาคาเดมีนักฟุตบอลอาชีพหลายสโมสร และ โค๊ชเจ นักฟุตบอลหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ – นักฟุตบอลเดินสาย และ ร.ต.ต.ไพโรจน์ คำลา หน.ชมรมฟุตบอลแม่สะเรียง พร้อมทีมงาน มาร่วมฝึกสอนให้กับเด็กๆ ในครั้งนี้

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เชียงราย คนริมน้ำกกยื่น 7 ข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลแก้ไขน้ำกกปนเปื้อน

เวลา 09.00 น.วันที่ 22 เม.ย.2568 ที่ ห้องประชุมสายน้ำกก ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรม CCF เชียงราย ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำ กก อิง โขง นำโดย นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก โดยมี นักวิชาการและตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ เข้าร่วม ในการนำเสนอถึงความเดือดร้อน และแนวทางในการแก้ไขปัญหา

โดยแม่น้ำกก ได้รับผลกระทบจนมีสารปนเปื้อนมาจากการทำเหมืองแร่ในเขตปกครองของชนกลุ่มน้อย ว้า ในประเทศเมียนมา โดยมีการใช้สารเคมีในการสกัดแร่ต่างๆ ทำให้สารแคมีไหลลงมาในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย จนกระทั่งมีการตรวจพบว่ามีสารหนูเกินค่ามาตราฐาน จนทำให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ทั้งด้านการท่องเที่ยว การเกษตร การประมง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบแล้วในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการแพริมแม่น้ำกกหลายรายทั้งต้นน้ำที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และแพริมแม่น้ำกก ในพื้นที่ ต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย ทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนหลายราย

นางจิรภัทร์ กันธิยาใจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลก็คือแม่น้ำของเราเปลี่ยนไป ปีนี้เศรษฐกิจเรายับเยินเลย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาลานที่อยู่ริมแม่น้ำกกที่เคยใช้เล่นน้ำหญ้าขึ้นสูงถึงเข้าไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำ ช่วงวันที่ 14 -15 เม.ย. ช่วงเป็นฤดูแล้งแต่กลับมีน้ำ และดินโคลนไหลมา ทำให้แพที่สร้างอยู่ริมแมน้ำได้รับความเสียหาย จะหาจ้างให้ใครลงไปเก็บก็ไม่มีใครกล้าลงไป ที่เป็นห่วงขณะนี้ก็คือคนที่หาปลา ไม่สามารถลงน้ำได้น่าหดหู่ใจมาก เมื่อ 2-3 ปี ก่อนยังสามารถหาปลาเลี้ยงชีพได้ แต่ตอนนี้แม้แต่ลงน้ำยังไม่กล้า บ้านเรือนหลายหลังที่อยู่ติดแม่น้ำกก บางรายยังต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักช่าวคราว เพราะบ้านเสียหายจากน้ำท่วมครั้งก่อนยังไม่ได้รับการซ่อมแซม

ชาวบ้านบ้านฟาร์มสหกิจ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่บ้านถูกแม่น้ำกกท่วมเมื่อฤดูฝนปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ยังถูกน้ำท่วมอยู่เพราะยังมีคันกั้นน้ำที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมอยู่ในพื้นที่ของเอกชน น้ำกกยังคงไหลเข้ามาที่บ้าน ตอนนี้ยังมีสารปนเปื้อนเข้ามาอีก ใช้ชีวิตลำบากมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือ ที่ผ่านมามีหน่วยงานต่างๆเข้ามาดูแต่พอกลับไปก็ไม่ได้มีการแก้ไขอะไร ปัจจุบันน้ำยังท่วมบ้านอยู่เหมือนเดิม

นาย สุขใจ ยานะ อายุ 72 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน บ้านเชียงแสนน้อย อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า น้ำกกที่บ้านเชียงแสนน้อยเป็นปากแม่น้ำที่น้ำกกไหลลงสู่แม่น้ำโขง ในปีนี้ถือว่าเป็นศึกหนัก ที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่คาดเดาไม่ได้ บางครั้งก็สูง บางครั้งก็ลงอย่างรวดเร็วขึ้นอยู่กับการปล่อยน้ำจากเขื่อนในแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งถือว่าได้รับความเดือดร้อน ปีนี้ที่ผ่านมาแม่น้ำกกยังมีการทำแพขายของทำให้ชาวบ้านมีเงินหมุนเวียนแต่ในปีนี้ไม่มีคนมานั่งชาวเชียงแสนน้อยทั้งคนหาปลาต้องรับศึกหนักทั้งแม่น้ำโขงที่เปลี่ยนไป กับ แม่น้ำกกที่มีสารปนเปื้อน

ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย กล่าวว่า สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ที่มีการปนเปื้อนของสารหนู ซึ่งเกิดจากการทำเหมืองทองของประเทศเมียนมา ทางรัฐบาลไทยต้องหาทางออก โดยการคุยกับผู้นำระดับประเทศคือ จีน พม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ว้า ซึ่งเหมืองทองได้ประกอบกิจการอยู่ในพื้นที่เขตปกครองของว้า เรื่องปัญหาสารพิษเป็นปัญหาใหม่ และมีความซับซ้อนของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ที่ก่อมลพิษไม่ใช่รัฐบาล ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีข้อมูลของแหล่งกำเนิดสารโลหะหนักที่อยู่นอกเขตแดนประเทศไทย เพราะรัฐบาลขาดผู้มีอำนาดตัดสินใจทางนโยบายที่ต้องรับผิดชอบกับปัญหาดังกล่าว และรัฐบาลยังใช้กลไกเดิมในการแก้ไขปัญหา เช่น สทนช. และ MRC อีกทั้งรัฐบาลยังขาดยุทธศาสตร์และแผนการแก้ไขปัญหาสาเหตุของมลพิษข้ามแดน ข้อกังวลของประชาชนในพื้นที่ คือการขาดข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสารพิษจากแหล่งกำเนิดต้นแม่น้ำกก กลางน้ำ และปลายน้ำ เพราะได้รับข้อมูลล่าช้า และไม่ต่อเนื่อง ประกอบกับสารโลหะหนักส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากสารโลหะหนักสะสมในน้ำและห่วงโซ่อาหาร จากนั้นได้เสนอมาตราการและนโยบายที่รัฐบาลควรปฏิบัติคือ จัดตั้งสถาบันตรวจสอบคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำโขงเหนือ ประจำจังหวัดเชียงราย จัดตั้งคณะทำงานระดับประเทศและระดับจังหวัดที่มีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาระยะยาว สร้างความโปร่งใสในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชน

ด้าน นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ได้เสนอให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเร่งนำเดินการตามข้อเรียกร้อง จำนวน 7 ข้อคือ

1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ภายใน 30 วัน
2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา และกลุ่มกองกำลังว้า เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำ เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้งพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่ทำเหมืองในรัฐฉาน ประเทศพม่า และพื้นที่แม่น้ำกกในประเทศไทย
4. การสร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่ง เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำจังหวัดเชียงราย
5. การขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน  โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำ
6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ โดยมีกลไกระดับอาเชียนบวกประเทศ
7. การแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานในทุกระดับให้มีสัดส่วนของประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบภาคประชาสังคม

จากนั้นกลุ่มจึงร่วมกันยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่าน นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส.เชียงราย เขต 1 พรรคประชาชน เพื่อให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว

โดย นายชิตวัน กล่าวว่า ปัจจุบันตนได้นำเรื่องปัญหาดังกล่าวเข้าหารือในสภาผู้แทนราษฏร พร้อมนำเรื่องเข้าสอบถามรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวยังไง ทั้งในเรื่องของปัญหาน้ำท่วม และปัญหาของหมอกควัน พร้อมกล่าวว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากในการทำงานช่วยเหลือประชาชน จากนั้นได้กล่าวว่าประชาชนต้องได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นระบบทั้งในเรื่องของเรื่องเหตุแผ่นดินไหว หรือเรื่องอุทกภัย และสารปนเปื้อนต่างๆทางน้ำหรือดิน

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์