ทหารพรานที่ 36 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอแม่สะเรียง

ทหารพรานที่ 36 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอแม่สะเรียง

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 (ฉก.ทพ.36) ได้จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย เข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากพายุบัวลอย ทำให้ฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน โดยได้ร่วมกับ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 ในการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่คง ให้กับราษฎรบ้านหนองป่าแขม และบ้านทุ่งแล้ง ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบจากพายุบัวลอย ในพื้นที่รวม 7 ตำบล กว่า 50 หมู่บ้านที่ โดยความเสียหายครอบคลุมทั้งบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร ถนนสายหลักและสายรอง ตลอดจนสะพานเชื่อมหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำพัดขาด ทำให้การสัญจรเข้าออกยากลำบาก บางพื้นที่ถูกตัดขาดไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องใช้เรือและกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันยังมีรายงานดินโคลนถล่มในพื้นที่ภูเขา ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขา

ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มขึ้นที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียงเพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงพร้อมจัดตั้งสายด่วนให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทันที

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

บก.ทท. (นทพ.) โดย นพค.36 สนภ.3 นทพ. จัดกำลังช่วยเหลือราษฏรประสบอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอแม่สะเรียง และ สบเมย

บก.ทท. (นทพ.) โดย นพค.36 สนภ.3 นทพ. จัดกำลังช่วยเหลือราษฏรประสบอุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอแม่สะเรียง และ สบเมย

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.36 สนภ.3 นทพ ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว 3 ชุดปฏิบัติการ ออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พายุบัวลอย ร่วมกับ ส่วนราชการในท้องที่ ของอำเภอแม่สะเรียง และ อำเภอสบเมย หลังเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรได้รับความเดือดร้อนใน พื้นที่ บ้านหนองป่าแขม ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง โดยนำเรือออกช่วยเหลือราษฏรที่ติดกระท่อมกลางน้ำในพื้นที่ บ้านหนองป่าแขม 2 ราย พร้อมทั้ง พร้อมทั้งมอบอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัย นอกจากนี้ยังได้จัดชุดไปยังพื้นที่ ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่ และฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดยการขนย้ายสิ่งของ ตักดินโคลนที่ทับถมออก และล้างทำความสะอาดบ้านเรือน ให้กับประชาชนผู้ประสบภัย เพื่อคืนสภาพปกติให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

ในส่วนของอำเภอสบเมย และชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.36 สนภ.3 นทพ. พร้อม เรือท้องแบน จำนวน 1 ลำ ร่วมกับ อบต.แม่คะตวน ช่วยเหลือราษฏรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทุกภัย ทำให้เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ต.แม่คะตวน อ.สบเมย ส่งผลให้น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน และท่วมพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน โดยดำเนินการ เคลื่อนย้ายประชาชน และขนย้ายสัมภาระออกจากพื้นที่เกิดภัยได้อย่างปลอดภัย

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

น้ำยวม ไหลบ่าลงอำเภอสบเมย เร่งช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของ น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฏรและสถานศึกษา 2 แห่ง

น้ำยวม ไหลบ่าลงอำเภอสบเมย เร่งช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของ น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฏรและสถานศึกษา 2 แห่ง

วันที่ 30 กันยายน 2568 ด้วยอิทธิพลของพายุบัวลอย ทำให้เมื่อวันที่ 29 – 30 กันยายน 2568 เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน น้ำเหนือที่ไหลบ่ามาจาก อ.แม่สะเรียง ได้ไหลลงสู่พื้นที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย ระดับน้ำแม่น้ำยวม ณ สะพานบ้านแม่คะตวน มีระดับน้ำอยู่ในระดับวิกฤติ 5.1 เมตร ส่งผลให้แม่น้ำยวมและลำห้วยสาขาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ในเขตท้องที่ 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบ ประกอบไปด้วย ตำบลแม่คะตวน ได้แก่ บ้านคอนผึ้ง หมู่ที่ 5 ,บ้านแพะหลวง หมู่ที่ 7 ,บ้านผาผ่า หมู่ที่ 1 ,บ้านไหม้ หมู่ที่ 2 ตำบลสบเมย ได้แก่ บ้านแม่คะตวน หมู่ที่ 2 ,บ้านแม่ทะลุ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สวด ได้แก่ บ้านแม่สวด หมู่ที่ 1 ,บ้านแม่สวดใหม่ หมู่ที่ 8 นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบน้ำยวมเอ่อล้นเข้าท่วม 2 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านแม่สวด และ โรงเรียนบ้านแม่เกาะ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวฯ นายคำผัน โมกไธสง นายอำเภอสบเมย นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 3605 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสบเมย เจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 เข้าช่วยเหลือราษฎรในการขนย้ายออกจากพื้นที่น้ำท่วม และ ราษฏรที่ติดค้างกระท่อมกลางน้ำ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้กำนันทุกตำบล ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน รวมถึงนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ทำการช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ขนของ สัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง และเร่งสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนราษฎร ทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตร เบื้องต้นมีราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 62 ครัวเรือน รวม 186 ราย

นอกจากนั้น อำเภอสบเมยยังสั่งการให้ทุกภาคส่วนได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ และเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

พิษบัวลอย แม่สะเรียงฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก ท่วมบ้านเรือนราษฏรหลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย กลางดึกที่ผ่านมา

พิษบัวลอย แม่สะเรียงฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก ท่วมบ้านเรือนราษฏรหลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย กลางดึกที่ผ่านมา

วันที่ 30 กันยายน 2568 ฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน ส่งผลให้เช้านี้ เวลาประมาณ 04.00 น. ได้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฏรในหลายพื้นที่ของอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยในช่วงเช้าที่ผ่านประชาชนจำนวนมากได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ แม่น้ำยวม ณ สะพานบริเวณวัดจองคำ ซึ่งระดับการแจ้งเตือนสถานีเตือนภัยบ้านหนองป่าแขม เมื่อเวลา 06.30 น. ยังคงเป็นสัญญาณสีแดง โดยระดับน้ำที่เอ่อเข้าท่วมจุดบ้านหนองป่าแขม ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ที่ 4 เมตร 60 เซน ราษฏรบางส่วนขนย้ายสิ่งของได้ทัน บางส่วนต้องปล่อยข้าวของให้จมไปกับน้ำที่มาอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 20 ปี บางพื้นที่น้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรเป็นจำนวนมากได้รับความเสียหาย มีสะพานเชื่อมต่อภายในหมู่บ้านขาด

โดยทางปกครองแม่สะเรียง เจ้าหน้าที่ทหารพราน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งกำลังพลเข้าไปให้การช่วยเหลือราษฏรอย่างเร่งด่วนตั้งแต่ 04.00 น. ต่อเนื่องถึงเช้านี้ พร้อมกับ จะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือราษฏรที่ประสบความเดือนร้อนจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ความคืบหน้าสถานการณ์จะรายงานให้ทราบต่อไป

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

นายกแม่สามแลบ แจ้งเตือน เส้นทางท่องเที่ยวกลอเซโล ไม่ชินทางอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากทางแคบ

นายกแม่สามแลบ แจ้งเตือน เส้นทางท่องเที่ยวกลอเซโล ไม่ชินทางอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากทางแคบ ช่วงนี้ฝนตกหนัก ถนนลื่นร่องลึกทางถูกน้ำกัดเซาะเสี่ยงอันตราย

วันที่ 29 กันยายน 2568 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ เปิดเผยว่า รถยนต์นักท่องเที่ยวได้เกิดอุบัติเหตุ รถไหลลงข้างทาง เนื่องจากจะเบี่ยงหลบดินสไลด์ไหล่ทาง (ช่วงระหว่าง บ.กลอเซโล – บ.กอมูเดอ) ชาวบ้านไปช่วยกันดึงออกมาได้ ด้วยความปลอดภัย เนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว เพื่อสัมผัสบรรยากาศทะเลหมอกกลอเซโล ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วประเทศเป็นอย่างมาก แต่ปีนี้เนื่องจากมีพายุฝน เข้ามาต่อเนื่องทำให้ถนนในการสัญจรได้รับผลกระทบ และได้รับความเสียหาย จากพายุฝนดังกล่าว ทำให้ถนนถูกน้ำกัดเซาะ ร่องลึก มีดินสไลด์ไหล่ทางเส้นทางจราจรแคบ บางช่วงร่องลึก และลื่นมาก หากไม่ชินเส้นทางอาจจะเกิดอันตรายได้

ที่ผ่านมาทาง องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้ร่วมกับชาวบ้านในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อเดินทางเข้า-ออก ได้ชั่วคราว และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้ประสานขอความอนุเคราะห์ เครื่องจักรในการปรับเกลี่ย บดอัดลูกรัง จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการเข้ามาดำเนินการแก้ไข

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ จึงขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยว และประชาชนผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

แม่สะเรียง น้ำกัดเซาะตลิ่งทรุดบ้านพังลอยไปกับสายน้ำแม่ยวม โชคดีขนย้ายสิ่งของได้ทันท่วงที

แม่สะเรียง น้ำกัดเซาะตลิ่งทรุดบ้านพังลอยไปกับสายน้ำแม่ยวม โชคดีขนย้ายสิ่งของได้ทันท่วงที เส้นทางสายเสาหินยังน่าเป็นห่วงน้ำหลากต่อเนื่อง

วันที่ 28 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 16.00 น. นางสาวกรรณิการ์ คำปอก ผู้ใหญ่บ้านห้วยสิงห์ ตำบลแม่ยวม รายงานต่ออำเภอแม่สะเรียง ว่า มีบ้านเรือนราษฎรที่ปลูกสร้างอยู่ติดริมน้ำยวม บริเวณบ้านห้วยสิงห์ หมู่ที่ 4 ตำบลแม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่ง ทำให้ดินทรุดและตัวบ้านเสียหาย จำนวน 1 หลัง พื้นที่ดังกล่าวฯเดิมเป็นพื้นที่นาซึ่งภายหลังได้ถูกเปลี่ยนสภาพมาเป็นที่อยู่อาศัย และได้มีการก่อสร้างบ้านเมื่อประมาณ 3 ปี โดยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พื้นที่นี้ถูกน้ำกัดเซาะอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดส่งผลให้โครงสร้างบ้านได้รับความเสียหาย เจ้าของบ้าน พร้อมด้วยผู้นำท้องที่ เทศบาลตำบลแม่ยวม และราษฎรในพื้นที่ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันขนย้ายสิ่งของออกไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยได้อย่างทันเวลาก่อนที่ตัวอาคารบ้านบางส่วนจะทรุดและไหลลอยไปกับสายน้ำยวม พร้อมกันนี้ ได้มีการแจ้งความเสียหายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนอำเภอแม่สะเรียง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบและช่วยเหลือตามระเบียบกฎหมายอย่างเร่งด่วน

ขณะที่เส้นทางสู่ชายแดนบ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ยังมีฝนตกหนักส่งผลทำให้น้ำในลำห้วยไหลหลากและมวลน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นเป็นระยะหากเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะน้ำแม่แงะ บริเวณท่าน้ำแม่เจ จะมีรถชาวบ้านหรือรถวิ่งส่งสินค้าสู่ชายแดนติดระหว่างทางข้าม จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนและผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องและไม่ประมาทในการใช้เส้นทางซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

ทางอำเภอแม่สะเรียง ได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนราษฎรอย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำให้ราษฎรที่มีบ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยติดริมน้ำ ลำห้วย ร่องเขา และไหล่เขา ติดตามข้อมูลข่าวสารและการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หากพบว่าพื้นที่ใดมีความเสี่ยง ขอให้รีบอพยพราษฎรไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้รวมไปถึงการใช้เส้นทางสัญจรในถนนสายต่าง หรือ จุดที่รถต้องข้ามผ่านลำห้วย ในห้วงฝนตกหนักต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบ2หนุ่มเจ้าของบัญชี ฐาน ร่วมกันรีดเอาทรัพย์,เป็นอั้งยี่,ร่วมกันฟอกเงิน,สมคบฟอกเงินข่มขู่กรรโชกปล่อยภาพลับผู้เสียหาย

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบ2หนุ่มเจ้าของบัญชี ฐาน ร่วมกันรีดเอาทรัพย์,เป็นอั้งยี่,ร่วมกันฟอกเงิน,สมคบฟอกเงินข่มขู่กรรโชกปล่อยภาพลับผู้เสียหาย

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ส.ทล.1 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง) ร่วมกันจับกุม นายภากร อายุ 30ปี นายบุญฤทธิ์ อายุ 43 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันรีดเอาทรัพย์ และร่วมกันเป็นอั้งยี่ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดฐานฟอกเงินและกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน จับกุม บนถนนในหมู่บ้าน ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย

สืบเนื่องมาจาก มีผู้เสียหายคนหนึ่ง ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่สร้างโปรไฟล์เป็นดาราสาวสวยชื่อดังในโลกออนไลน์ เข้ามาคุยด้วยผ่านแช็ต จากนั้นได้ล่อลวงขอให้ผู้เสียหายวิดีโอคอลช่วยตัวเองให้ดู โดยอ้างว่าถ้าทำให้ดูจะยอมตกลงคบเป็นแฟน เหยื่อหลงเชื่อ วิดีโอคอลให้เห็นทั้งใบหน้า และ อวัยวะเพศ จากดาราสาวก็กลายเป็นมิจฉาชีพ บันทึกวิดีโอไว้ข่มขู่เรียกเงินทันที หากเหยื่อไม่ยอมจ่าย ก็ขู่ว่าจะส่งคลิปให้เพื่อนในเฟซบุ๊กของเหยื่อทั้งหมด

แอปพลิเคชั่น Facebook ที่ใช้ชื่อ PORNPIMOL NAMFON และแอฟพลิเคชั่นไลน์ Nomfon ได้ส่งรูปและวีดีโอที่บันทึกไว้กลับส่งมาให้ผู้เสียหายและข่มขู่กรรโชก รีดเอาทรัพย์เรียกเงินจำนวน 1ล้านบาท หากไม่โอนเงินให้ ผู้ต้องหาจะนำภาพโป๊เปลือยของผู้เสียหายไปเผยแพร่ ให้กับเพื่อนใน Facebook ของผู้เสียหาย ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงต่อรองกับผู้ต้องหา แล้วได้โอนเงินให้ผู้กลุ่มต้องหาไปจำนวน 4ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 640,000บาท ไปยังบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี นายภากรฯ 320,000บาทและนายบุญฤทธิ์ฯอีก320,000บาทต่อมาผู้ต้องหาได้ ทำการข่มขู่กรรโชกทรัพย์,รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหาย เพิ่มเพื่อให้โอนเงินมาให้อีกหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่ให้ พร้อมเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายภาก และ นายบุญฤทธิ์ เจ้าของบัญชีทั้ง2 หลบอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นายภากร และ นายบุญฤทธิ์ฯจึงทำการจับกุมตัวนำส่ง พงส.กก.3 กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผลปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น,พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล,และ พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 บก.ทล.,พ.ต.ท.กรกฤช งามวงศ์วาน สวญ.ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล.สนธิกำลัง กก.3 กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโลยี,กก.4 กองปราบปรามการค้ามนุษย์,ตำรวจน้ำเชียงแสน และ กก.4 บก.ปทส.

Cr. ณัฐวัตร จ.เชียงราย

 

นพค.35 จัดกำลังติดตามสถานการณ์น้ำจากพายุบัวลอย

นพค.35 จัดกำลังติดตามสถานการณ์น้ำจากพายุบัวลอย

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค 3 ภายใต้การอำนวยการของ น.อ.ณัฐพัชร หนองแสง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วเข้าพื้นที่ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบระดับน้ำอย่างใกล้ชิด

เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตามลำห้วยและจุดเสี่ยงน้ำท่วมในหมู่บ้าน เพื่อประเมินสถานการณ์ หากมีปริมาณฝนสะสมสูงอาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่พื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในเขตชุมชนและพื้นที่การเกษตร ขณะเดียวกันยังได้แจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมอพยพสิ่งของขึ้นที่สูงหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายจังหวัดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วง 1–2 วันนี้ โดยจังหวัดเชียงรายยังคงถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด

Cr. ณัฐวัตร จ.เชียงราย

เชียงราย รวบขี้เมาวัยดึก อยากดื่มเบียร์ไม่มีเงินซื้อ คว้าไม้ทุบหัวตาเจ้าของร้านสาหัสชิงเบียร์ 1 ลัง

เชียงราย รวบขี้เมาวัยดึก อยากดื่มเบียร์ไม่มีเงินซื้อ คว้าไม้ทุบหัวตาเจ้าของร้านสาหัสชิงเบียร์ 1 ลัง

วันที่ 26 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พาน ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.จิตรกร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สภ.พาน นำโดย พ.ต.ท.ชีวะ ยาท้วม รอง ผกก.สส.สภ.พาน, พ.ต.ท.ภูริยศ บำรุงยศ สว.สส.สภ.พาน, พ.ต.ต.สุรพัศ ธรรมปัญญา สวป.สภ.พาน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันจับกุม นายเปล่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาว ต.ดอยงาม อ.พาน จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 นายนิพันธ์ พรมศรี อายุ 50 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า นายสนั่น พรมศรี อายุ 74 ปี ผู้เป็นบิดา ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ระหว่างอยู่ที่ร้านค้าในพื้นที่ ม.13 ต.ดอยงาม อ.พาน เวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนญาติจะรีบนำส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบคราบเลือดและรองเท้าแตะถอดทิ้งไว้ในร้านค้า ต่อมาได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายสวมเสื้อยืดสีเทาแขนสั้น กางเกงสามส่วนสีดำ ใช้เสื้อแขนยาวสีน้ำตาลปิดบังใบหน้า และใช้อาวุธไม้ทุบศีรษะผู้เสียหายหลายครั้ง ก่อนจะขโมยเบียร์ 1 ลัง ไปซุกซ่อนในป่าหญ้าบริเวณทางเข้าป่าช้า บ้านสันหนองควาย ห่างจากร้านค้าประมาณ 50 เมตร แล้วหลบหนีไป

เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกัน กล้องวงจรปิดยังบันทึกภาพชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีผู้ก่อเหตุนั่งซ้อนท้าย เข้าไปนำเบียร์ที่ซ่อนเอาไว้ในป่าหญ้าออกมา หลังจากนั้นชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และยืนยันตัวผู้ก่อเหตุคือ นายเปล่ง อายุ 54 ปี ชาว ต.ดอยงาม อ.พาน

กระทั่งเช้าวันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสาธารณะ บ้านแม่หนาด ม.13 ต.ดอยงาม อ.พาน จึงเรียกตรวจสอบ นายเปล่งให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าก่อเหตุเพราะต้องการดื่มเบียร์แต่ไม่มีเงินเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

Cr. ณัฐวัตร จ.เชียงราย

TEI ร่วมกับอำเภอเชียงของ 1 เมืองคู่ขนานชายแดนเป้าหมาย จังหวัดเชียงราย จัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนลดเผา

TEI ร่วมกับอำเภอเชียงของ 1 เมืองคู่ขนานชายแดนเป้าหมาย จังหวัดเชียงราย จัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนลดเผา

วันที่ 23-25 กันยายน 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI โดยโครงการพัฒนาความร่วมมือเมืองคู่ขนานชายแดนไทย ลาว เมียนมา ขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน นำโดยคุณวิลาวรรณ น้อยภา หัวหน้าโครงการ พร้อมคณะนักวิจัย จัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนลดเผาโดยร่วมกับอำเภอเชียงของ ซึ่งได้รับเกียรติจากนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ เป็นประธานกล่าวเปิดการจัดอบรมให้กับแกนนำชุมชนในพื้นที่เทศบาลตำบลบุญเรือง เทศบาลตำบลศรีดอนชัย และเทศบาลตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนพื้นที่เป้าหมายสู่ชุมชนต้นแบบลดเผาในที่โล่ง

โดยมีหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) บุคลากรสถานศึกษา และผู้ประกอบการ เข้าร่วมเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ จำนวน 120 คน มี ดร.ไพบูลย์ โพธิ์สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เป็นวิทยากรให้ความรู้หลักและกระบวนการเรียนรู้จากคณะวิทยากรจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย อำเภอ และท้องถิ่น ท้องที่ในพื้นที่ พร้อมสาธิตแนวทางการจัดการคัดแยก วัสดุ มูลฝอย เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสมแก่ชุมชน พร้อมลงพื้นที่ชุมขนเตรียมความพร้อมอาสาชุมชนนำร่องคัดแยกใช้ประโยชน์และลดเผาในพื้นที่เทศบาลตำบลศรีดอนชัย และเทศบาลตำบลครึ่งพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติที่ดีลดการเผาในรูปแบบการจัดการที่เหมาะสมต่อไป

การอบรมและการติดตามให้คำแนะนำในพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับชุมชน เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนลดเผา เพื่อนำไปสู่กระบวนการบริหารจัดการภาคการเกษตรลดการเผา เสริมสร้างความร่วมมือภาคส่วนในการพัฒนา เปลี่ยนแปลง ผลักดันให้ชุมชนก้าวสู่การเป็นชุมชนต้นแบบจัดการตนเองอย่างแท้จริง และเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นควันให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ต่อไป