ข่าวเด่น » แพทย์ มช. ผ่าตัดผ่านกล้อง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน

แพทย์ มช. ผ่าตัดผ่านกล้อง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน

17 กรกฎาคม 2020
2428   0

Social Share

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 ก.ค. 63 ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผศ.นพ.อานนท์ โชติรสนิรมิต หัวหน้าหน่วยระบบตับทางเดินน้ำดี ดับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.นพ.สัณหวิชญ์ จันทร์รังสี อาจารย์ประจำหน่วยระบบตับ ทางเดินน้ำดี ตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ฯ และ อาจารย์ นายแพทย์วรกิตติ ลาภพิเศษพันธุ์ อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ ระบบตับทางเดินน้ำดีและตับอ่อน ในการแถลงข่าว นางสาวสาลินี ช่างเงิน ผู้บริจาคตับให้กับ นายบุญยืน มีมานะ อายุ 61 ปี พ่อที่รับบริจาค ร่วมกันแถลงข่าว ความสำเร็จของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต โดยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน ที่ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันการแพทย์ของประเทศไทยมีพัฒนาการก้าวไกลเทียบเท่านานาอารยประเทศ โดยเฉพาะการให้การรักษาผู้ป่วยโรคตับ การปลูกถ่ายตับถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายของการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะตับวาย ซึ่งการผ่าตัดปลูกถ่ายตับสามารถรักษาทั้งภาวะตับแข็งและมะเร็งตับไปในการผ่าตัดครั้งเดียวกัน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งตับที่ได้รับการปลูกถ่ายตับมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 80-90 และมีอัตราการกลับเป็นซ้ำต่ำเมื่อเทียบกับการรักษาวิธีอื่น ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวได้อีกครั้ง

“มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย การรักษามะเร็งตับที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือการผ่าตัดมะเร็งตับออก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยมะเร็งตับมักพบว่ามีภาวะตับแข็งร่วมด้วย ซึ่งสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และการดื่มสุรา เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่ไม่สามารถรับการรักษาโดยการผ่าตัดได้”

 

ขณะนี้การปลูกถ่ายตับสำหรับผู้ใหญ่มีด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่ 1.การปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้คือ ไม่ต้องเสี่ยงทำการผ่าตัดในผู้บริจาคที่มีชีวิต แต่ข้อเสียสำคัญของวิธีนี้คือ การรออวัยวะที่นานหลายเดือน หรือหลายปี เนื่องจากในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนมีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รออวัยวะ ทำให้บางครั้งไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทัน 2.การปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต เป็นการผ่าตัดตับกลีบขวาของผู้บริจาคที่เป็นญาติสายตรง สามีหรือภรรยาของผู้ป่วย โดยการผ่าตัดลักษณะนี้เป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนสูง แต่ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้คือ สามารถลดระยะเวลาการรออวัยวะให้สั้นลงเหลือประมาณ 3-4 สัปดาห์ อีกทั้งตับยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่า และมีระยะเวลาที่ขาดเลือดสั้นกว่าการปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยสมองตาย ซึ่งปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นเพียงสถาบันเดียวที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคมีชีวิตเพื่อรักษาโรคมะเร็งตับในผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดวิธีดังกล่าวมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 28 ราย

 

อาจารย์ นายแพทย์วรกิตติ ลาภพิเศษพันธุ์ อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ ระบบตับทางเดินน้ำดีและตับอ่อน กล่าวว่า การผ่าตัดผ่านการส่องกล้องมีข้อดีคือ ลดการปวดแผล ผู้บริจาคไม่มีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ที่ช่องท้อง รวมทั้งระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดเปิด (เฉลี่ย 5 วันเมื่อเทียบกับ 7-10 วันสำหรับผ่าตัดเปิด) ฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทำการผ่าตัดตับผู้บริจาคผ่านการส่องกล้อง และนำไปปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งตับ สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563