ธุรกิจประกันภัยในปี 2561 มีแนวโน้มสดใส บริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด เปิดตัวศูนย์บริการด้านประกันภัยแบบครบวงจร สาขาเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ

บริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด เปิดตัวศรีกรุงโบรคเกอร์ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอาคารเลขที่ 340 หมู่ 1 ถนนวงแหวนรอบ 2 (สมโภช 700 ปี) อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจประกันวินาศภัยให้ครอบคลุมลูกค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ กว่า 7 แสนราย ทั้งนี้สำหรับสาขาเชียงใหม่แห่งนี้ เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาสาขาทั้งหมดของศรีกรุง โบรคเกอร์ โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมด กว่า 50 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ทำให้การซื้อประกันเป็นไปด้วยความฉับไว สะดวกสบายยิ่งขึ้น

นายพงษ์ธวัทน์ ก้าวสัมพันธ์ กรรมการบริหารส่วนปฏิบัติการ บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยในปี 2561 มีแนวโน้มสดใส หลังจากที่ในช่วงปี 2559-2560 ที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยแนวโน้มการเติบโตน่าจะกลับสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งนายกสมาคมประกันวินาศภัย ได้กล่าวว่าในปี 2560 มียอดการเติบโตราว 4% จากปี 2559 ส่วนในปี 2561 มองภาพบวกจากองค์ประกอบหลายๆอย่าง คาดการณ์ว่าการเติบโตของธุรกิจประกันภัยจะสูงถึง 10% จากยอดขายรถใหม่ที่แนวโน้มดีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 และแนวโน้มธุรกิจประกันสุขภาพที่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากทางภาครัฐให้สิทธิลดหย่อนภาษีเริ่มต้นในปี 2560

สำหรับศรีกรุงโบรคเกอร์ สาขาเชียงใหม่เดิม จัดตั้งขึ้นในปี 2555 หรือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เดิมสำนักงานอยู่ที่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 1 คูหามีพนักงานทำงานอยู่ราว 10 คน โดยธุรกิจเติบโตขึ้นตามลำดับ จึงทำให้ต้องมีการสถานที่เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้ทำการหาที่ตั้งทำเล โดยทดลองในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อจะสามารถพิสูจน์ โมเดลทางธุรกิจและ สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาสาขา ทุกสาขาในอนาคตได้ โดยได้พื้นที่ขนาด 1 ไร่ ในเขตอำเภอสารภีติดริมถนน สมโภชน์ 700 ปี เชียงใหม่ ซึ่งเป็นถนนขนาด 6 เลน เป็นถนนเศรษฐกิจเส้นใหม่ ของจังหวัดเชียงใหม่

หลังจากได้พื้นที่ก็ได้ว่าจ้าง บริษัท monotello ที่มีชื่อเสียงการทำงาน และประสบการณ์จากหลายโครงการ โดยออกแบบให้อาคารมีความทันสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมให้สวยงามและโดดเด่นให้ง่ายต่อการจดจำ เน้นให้สะท้อนวัฒนธรรมและความปราณีตของไทย ผู้ออกแบบได้เลือกใช้วัสดุที่หาได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเพิ่มความสวยงามและเอกลักษณ์พร้อมทั้งสนับสนุนกิจการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้เลือกใช้อิฐเผาในพื้นที่เป็นจุดเด่นในการออกแบบก่อสร้างทั้งหมดอีกด้วย

ทั้งนี้เนื่องในโอกาสพิเศษสุดในการฉลองเปิดสาขาเชียงใหม่ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม 2561 นี้ รับบริการตรวจสภาพรถฟรีสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ ตรวจสภาพ และซื้อประกันรถ และสำหรับลูกค้าประกันภัย รับโปรโมชั่น ผ่อนจ่ายง่ายๆ ผ่านบัตรเครดิต 0% นาน 6 เดือน และบริการผ่อนเงินสดแบบ ไม่มีดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิตอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศรีกรุงโบรคเกอร์ สาขาเชียงใหม่ โทร 02-867-3878

นักท่องเที่ยวจีน 6 ชีวิตหวิดตกเครื่อง โชคดีสนามบินเชียงใหม่เร่งประสานติดตามคืนได้ทัน

นักท่องเที่ยวชาวจีนแห่เดินทางกลับ หลังสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีนหกชีวิต เกือบได้อยู่ต่อ หลังลืมหนังสือเดินทางไว้บนรถสี่ล้อแดง โชคดีเจ้าหน้าที่สนามบินเชียงใหม่ ประสานติดตามคืนได้ทันเวลา

มีรายงานจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ร่วมรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยวชาวจีนชื่อ Mr.Sun Yanxin และครอบครัว ว่าได้ลืมหนังสือเดินทางจำนวน 6 เล่ม ไว้บนรถรับจ้างสาธารณะ (สี่ล้อแดง) หมายเลขทะเบียน 10-3894 เชียงใหม่ ขณะโดยสารมายังสนามบิน เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จนทราบว่าผู้ขับรถคันดังกล่าว คือนายสุรพล ตาลคำมูล อายุ 65 ปี ซึ่งหลังจากได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ นายสุรพล ก็รีบนำหนังสือเดินทางมาส่งมอบคืนให้แก่ครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ทันท่วงที สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง และตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา บริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หลั่งไหลเดินทางกลับ หลังจากเดินทางมาฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังปฏิบัติงานเต็มอัตรา ทั้งในส่วนของท่าอากาศยานเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

เครดิตภาพ จากท่าอากาศยานเชียงใหม่

เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เร่งหามาตรการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ หวั่นช่วงเดือน มี.ค.ถึง เม.ย.ผลผลิตจะตกต่ำ

เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เร่งหามาตรการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ หวั่นช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย.ผลผลิตจะตกต่ำ เพราะมีผลผลิตจะออกสู่ตลาด 27,180 ตัน

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์หอมหัวใหญ่ ปีการผลิต 2561 ที่กำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 6,795 ไร่ ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดประมรณ 27,180 ตัน จากการตรวจสอบพื้นที่แปลงใหญ่ใน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีพื้นปลูก จำนวน 3,500 ไร่ รองลงมาคือ อำเภอฝาง และอำเภอสันป่าตอง

จากการเดินทางลงไปตรวจสอบและพบกับ นางกัลยากร สมโน เกษตรอำเภอแม่วาง ซึ่งได้นำเข้าตรวจสอบผลผลิตขณะนี้ในซึ่งเป็นเกษตรกรแปลงใหญ่ และมีการเก็บเกี่ยวไปแล้ว ก็พบว่า ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงแรกแล้ว ร้อยละ 37 ของพื้นที่ คิดเป็นผลผลิต จำนวน 10,056 ตัน โดยคาดว่าผลผลิตหอมหัวใหญ่ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ จะหมดฤดูกาลดภายในเดือน เม.ย.

เกษตรกรในอำเภอแม่วางนั้นได้เริ่มปลูกก่อน จึงทำให้ราคายังสูง แต่ในอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือที่กำลังอยู่ช่วงการเก็บเกี่ยว และผลผลิตในอำเภอฝาง และอำเภอสันป่าตอง ออกมาอีกก็อาจจะทำให้ราคาตกลงไปได้ ดังนั้น ทางเกษตรจังหวัดได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ไว้แล้ว ด้วยการประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการกระจายผลผลิตได้ ทั้งพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และ ธกส. เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร พร้อมกันนี้ก็จะนำแนวทางต่างๆ เข้าประชุมในวาระของจังหวัดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในอนาคต แม้ว่าราคาผลผลิตในขณะนี้ยังสูงอยู่ แต่ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน เพื่อให้เกษตกรเกิดความสบายใจและสามารถอยู่ได้หากผลผลิตราคาตกต่ำลง

ด้าน นางกัลยกร สมโนเกษตรอำเภอแม่วาง เปิดเผยว่า เกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานเกษตรแม่วางไว้จำนวน 3,500 ไร่ ซึ่งในช่วงนี้ผลผลิตที่อำเภอแม่วางเก็บเกี่ยวไปแล้วจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 3,500- 4,000 ต่อไร่ ราคในปัจจุบัน เบอร์ 0-2 ราคา 12 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์ 3 ราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์4 ราคา 8 บาทต่อกิโลกรัม โดยแรงงานที่มาเก็บเกี่ยวจะเป็นแรงงานที่มาจากต่างอำเภอ โดยเป็นแรงงานที่มีความชำนาญในการคัดคุณภาพ ณ แปลงปลูก เบื้องต้นอัตราค่าจ้างจะอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาทต่อวัน คาดการณ์ว่าเดือนเมษายนจะเก็บเกี่ยวหมดในฤดูกาลนี้

เครดิตภาพ จากเกษตรจังหวัดเชียงใหม่

คณะทันตแพทยศาสตร์ มช. จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน “Fun-D for Smile : วิ่งเปื้อนยิ้ม” ระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วย

คณะทันตแพทยศาสตร์ มช. จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน “Fun-D for Smile : วิ่งเปื้อนยิ้ม” ระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วย

ที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดงานวิ่งมินิมาราธอน “Fun-D for Smile : วิ่งเปื้อนยิ้ม” เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนโอกาส ในการเข้าถึงการรักษาที่ดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี คณะทันตแพทยศาสตร์ฯ โดยรายได้หลังจัดกิจกรรมนำไปหักค่าใช้จ่ายสมทบเข้ากองทุน “เฉลิมพระเกียรติ 100 ปี สมเด็จย่า” ซึ่งได้แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ มินิมาราธอน ระยะทาง 9.4 กิโลเมตรและฟันรัน ระยะทาง 4.4 กิโลเมตร

คณะทันตแพทยศาสตร์ มช.เป็นสถาบันการเรียนการสอนที่รับส่งต่อผู้ป่วย ที่มีปัญหาในช่องปากและฟัน ที่มีความซับซ้อนในเขตภาคเหนือ พบว่าผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องได้รับการรักษา ที่ซับซ้อนและยากมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น เช่น การผ่าตัด การใส่ฟัน หรือใส่เครื่องมือจัดรูปหน้า ซึ่งล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง และทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรับบริการของผู้ป่วย จึงทำให้ผู้ป่วยเหล่านั้นขาดโอกาสในการรับการรักษาที่ดีและเหมาะสมที่สุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย


โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจจะร่วมบริจาคเงินเพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส ได้ที่ เลขที่บัญชี 521-0-63438-8 ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนสุเทพ ชื่อบัญชี คณะทันตแพทยศาสตร์ มช. เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส บริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (ใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้) ส่งชื่อพร้อมหลักฐานการโอนเงินเข้ามาที่ fundforsmile@hotmail.com หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ “Fun-D for Smile : วิ่งเปื้อนยิ้ม” โทร.053-944441 เว็บไซด์ www.dent.cmu.ac.th FB: Dentcmu

บ้านต้นเปาจัดพิธีเปิดงานมหัศจรรย์ล้านนา เมืองกระดาษสา พร้อมโชว์ผลิตภัณฑ์จากกระดาษสา ภูมิปัญญาชาวบ้าน อวดสายตานักท่องเที่ยว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพรชัย คำบุญเรือง รองนายกเทศมนตรี รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองต้นเปา ได้ร่วมกันทำการเปิดงานมหัศจรรย์ล้านนา เมืองกระดาษสาบ้านต้นเปา ครั้งที่ 14 ประจำปี 2561 ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณบ้านต้นเปา หมู่ที่ 1 ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และส่งเสริมการประกอบอาชีพด้านการผลิตสินค้าหัตถกรรมในท้องถิ่น ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความงดงามตระการตาของกระดาษสานานาชนิด

สำหรับงานมหัศจรรย์ล้านนา เมืองกระดาษสาบ้านต้นเปา จัดขึ้นในระหว่างวันที่16-18 กุมภาพันธ์ 2561 โดยภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมมากมายอาทิการจัดนิทรรศการและการสาธิตการทำกระดาษสา , การจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากกระดาษสา , การประกวดเทพีกระดาษสา , การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน , การตกแต่งเส้นทางและหน้าร้านด้วยกระดาษสา , การแสดงวัฒนธรรมและกลองสะบัดชัย และกิจกรรมภาคบันเทิง

นอกจากนี้ยังมีการจัดขบวนรถกระดาษสา จากแต่ละหมู่บ้านจำนวนทั้งสิน 10 ขบวนที่ตกแต่งด้วยกระดาษสานานาชนิด อย่างสวยงามอลังการ รวมถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดกระดาษสาที่หาดูยาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างยิ่ง

โดยทางด้านนายพรชัย คำบุญเรือง รองนายกเทศมนตรี รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองต้นเปา เปิดเผยว่า การจัดงานมหัศจรรย์ล้านนาเมืองกระดาษสาบ้านต้นเปานั้น ได้จัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 14 แล้ว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจน เพื่อประชาสัมพันธ์หมู่บ้านต้นเปา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระดาษสาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น และเกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนในอนาคตโดยเชื่อมโยงแนวคิดให้ปรากฎในขบวนตกแต่งรถกระดาษสา

โดยการจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและการสนับสนุนจากหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเชียงใหม่ด้วย

ผอ.การท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำทีมผู้ประกอบการสายการบิน จัดกิจกรรมอบความสุขให้กับเด็กในถิ่นทุรกันดาร

ผอ.การท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำทีมผู้ประกอบการสายการบิน จัดกิจกรรมอบความสุขให้กับเด็กในถิ่นทุรกันดาร พร้อมมอบอุปกรณ์การแพทย์ให้ รพ.แม่แฮเหนือ ที่อยู่ห่างไกลได้นำไปใช้รักษาประชาชน

 

นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการ ผู้บริหารและพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้ประกอบการ ผู้แทนสายการบินและส่วนราชการที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เดินทางไปมอบอุปกรณ์การแพทย์ อาทิ เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องขูดหินปูน และเตียงเข็นผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมถึงเครื่องมือแพทย์อีกหลายรายการ ให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแม่แฮเหนือ ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปใช้ในการให้บริการผู้ป่วย และมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่แฮเหนือ มีที่ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของอำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวไทยภูเขา จึงทำให้แต่ละวันมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก โอกาสเดียวกันนี้คณะผู้แทนของชาวสนามบินเชียงใหม่ ยังได้เดินทางไปมอบอุปกรณ์กีฬา น้ำดื่ม และอุปกรณ์การเรียนให้แก่โรงเรียนบ้านหนองเต่า ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วางด้วย

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ชาวสนามบินเชียงใหม่ คืนความสุขให้เด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ปีที่ 5” ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมกับผู้ประกอบการ สายการบิน ส่วนราชการและหน่วยงานข้างเคียง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และนำรายได้ไปจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ทั้งด้านการศึกษาและสาธารณสุข เป็นการร่วมกันตอบแทนสังคมในนามของชาวสนามบินเชียงใหม่

เชียงใหม่ บุกจับโต๊ะพนันบอลสองแห่งจับทั้งคนดูแล คนเล่น ยึดเงินสดพร้อมของกลางจำนวนมาก

เชียงใหม่ บุกจับโต๊ะพนันบอลสองแห่งจับทั้งคนดูแล คนเล่น ยึดเงินสด พร้อม โพยพนันบอล คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นส์ และของกลางอื่นๆ จำนวนมาก

นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.33 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ เจ้าหน้าที่ อส.จังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นโต๊ะพนันบอลชื่อร้านเน็คสเต็ป 168 ตั้งอยู่ในตลาดเจ็ดยอดพลาซ่า ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ พบผู้ดูแล 2 คน และผู้เล่นอีก 2 คน และยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง จำนวน 27 ชุด เครื่องปริ้นส์เตอร์ จำนวน 1 เครื่อง เครื่องสแกนธนบัตร จำนวน 1 เครื่อง โทรทัศน์แอลซีดี จำนวน 2 เครื่อง เครื่องสำรองไฟ จำนวน 1 เครื่อง กล้องวงจรปิด 2 ตัว เงินสด 33,032 บาท

ต่อมาได้เข้าตรวจที่ร้านเอสเอ็มเบท ตั้งอยู่ซอย 6 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบผู้ดูแลเป็นชาย 1 คน  และผู้เล่นอีก 2 คน จึงจับกุมตัวไว้และยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จำนวน 7 ชุด เครื่องปริ้นส์ โพยพนันบอลและเงินสดจำนวน 4,660 บาท

ในการจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่คุมเข้มตั้งแต่ห้วงเทศกาลวาเลนไทน์เป็นต้นมา กระทั่งได้ทราบว่าสถานที่ทั้งสองแห่งลักลอบเปิดโต๊ะพนันบอลโดยผิดกฎหมาย จึงนำกำลังเข้าปิดล้อม จนสามารถจับกุมตัวทั้งผู้ดูแลและผู้เล่นได้ พร้อมยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ในการเล่นการพนันต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่อไป

เชียงดาว “คลิ๊กออฟ” ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน เน้นการมีส่วนร่วม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

เชียงดาว “คลิ๊กออฟ” ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน เน้นการมีส่วนร่วม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเชียงดาว ได้มีการประชุมคณะทำงานฯในระดับอำเภอ สรุปพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีอาชีพเข้าป่าหาของป่า ต้องลงทะเบียนผ่านผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และได้มีการลดเชื้อเพลิง จัดทำแนวกันไฟล่วงหน้าในแต่ละพื้นที่

โดยนำนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่ ตามที่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า จ.เชียงใหม่ และจัดตั้งศูนย์อำนวยการสั่งการฯทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ให้ทุกอำเภอในท้องที่ดำเนินการสำรวจและกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยในปีนี้ได้ขอกำลังจาก อปพร.ในการร่วมสนับสนุนในการทำงานทั้งการเฝ้าระวังในพื้นที่ และเรื่องอื่นๆ โดยมีค่าตอบแทนให้ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจุดไฟจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป

ล่าสุด นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะทำงานศูนย์หมอกควันและไฟป่า จ.เชียงใหม่ ได้ทำหนังสือสั่งการถึงนายอำเภอทุกอำเภอ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) และงดการเผาอย่างเด็ดขาดในระหว่างวันที่ 20 – 25 กุมภาพันธ์ 2561

ทางด้าน นายคำรณ อินต๊ะ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านถ้ำ หมู่ที่ 5 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว รับแจ้งมีการเผาตอซังข้าวโพด ในพื้นที่ และมีการลุกลามอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดมลพิษและเกรงว่าจะลุกลาม จึงประสานรถน้ำจาก อบต. เทศบาลเชียงดาว และเทศบาลแม่นะ เข้าทำการดับไฟ ที่กำลังลุกไหม้ ท่ามกลางกระแสลมที่แรง ยากต่อการดับไฟ ใช้เวลานานกว่า จะควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับความเสีบหายกว่า 10 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ประชุมทำความเข้าใจและประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้านถึงวาระจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องการห้ามเผาเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 ถึงวันที่ 20 เมษายน 2561 เพื่ออากาศบริสุทธิ์สำหรับทุกคน แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลาห้ามเผา แต่ขณะนี้ปรากฏว่า เริ่มมีการเผาแล้ว ซึ่งสร้างปัญหาทั้งทางด้านมลพิษและการลุกลามของไฟป่า

บ้านถ้ำเชียงดาว ถือเป็นพื้นที่กลางเมืองเชียงดาว ติดดอยหลวงเชียงดาว สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เมื่อมีการเผาจะสร้างผลกระทบกับชาวบ้านและการท่องเที่ยวอย่างมาก จึงได้ขอความร่วมมือชาวบ้านให้หยุดเผาซึ่งคนในหมู่บ้านให้ความร่วมมือเป็นย่างดี แต่ปัญหาก็คือ ปัจจุบันมีคนนอกพื้นที่มาทำการเกษตร และอื่นๆ โดยไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงต้องเร่งชี้แจงประชาสัมพันธ์ และหากพบว่าใครฝ่าฝืนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างแน่นอน

รพ.ค่ายกาวิละ ก้าวสู่ยุค 4.0 นำเทคโนโลยีมาใช้คัดกรอง รายงานผล ตรวจผู้ป่วยแบบออนไลน์ลดเวลาและงบประมาณ

โรงพยาบาลค่ายกาวิละ เชียงใหม่ ก้าวสู่ยุค 4.0 นำนวัตกรรมการคัดกรอง การรายงานผล และการเก็บข้อมูล การตรวจร่างกายประจำปีออนไลน์ มาใช้ช่วยลดเวลาและงบประมาณได้สำเร็จ

พ.อ.เสริมพงษ์ จารุเลิศวุฒิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายกาวิละ กล่าวว่า โรงพยาบาลค่ายกาวิละมีภารกิจให้การรักษาดูแลสุขภาพประจำปีแก่ทหารและทหารกองประจำการ สิ่งที่เราพบว่าเป็นปัญหาในการบริหารจัดการคือ การกรอกข้อมูลของคนไข้ การกรอกแบบสอบถาม การตรวจวัดสัญญาณชีพ การตรวจ BMI ซึ่งเราพบว่า การกรอกข้อมูลจะต้องเขียนลงในกระดาษแล้วคัดลอกข้อมูลลงในโปรแกรม เพื่อนำมาวิเคราะห์ผล ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร และเวลาในการประมวลผลนาน ตลอดจนเกิดความผิดพลาดในการประมวลผลสูง เนื่องจากการคัดลอกผล

ในยุคปัจจุบันกำลังพลสามารถใช้ Smart Phone เป็นจำนวนมาก จึงมีแนวคิดการนำเอกสารทุกอย่างให้อยู่ในรูปแบบดิจิตอล กำลังพลสามารถใช้งานและเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เกิดความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน และตอบสนองการปฏิบัติราชการในยุค 4.0

โรงพยาบาลค่ายกาวิละ ได้เริ่มใช้นวัตกรรมการคัดกรอง การรายงานผล และการเก็บข้อมูล การตรวจร่างกายประจำปีออนไลน์ เมื่อปี 2560 ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถลดระยะเวลาในการกรอกข้อมูล จากเดิมกำลังพลต้องมาคัดกรองที่โรงพยาบาล ซึงการคัดกรองมีการกรอกเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการใช้เวลานาน ปัจจุบัน ให้กำลังพลคัดกรองมาก่อนที่จะมาตรวจสุขภาพทำให้ไม่สุญเสียเวลาในการคัดกรอง สามารถลดลงได้ คนล่ะ 15 นาที และลดระยะเวลาในการบันทึกข้อมูล

จากเดิมหลังจากที่กำลังพล คัดกรองสุขภาพแล้ว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องนำข้อมูลมาบันทึกเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ทำให้เกิดการใช้กำลังพลและเวลาในการบันทึก ปัจจุบัน ไม่มีการบันทึกด้วยเจ้าหน้าที่ สามารถลด การใช้บุคลากร 2 นาย เวลา 10 นาที ต่อ 1 เอกสาร ลดระยะเวลาในการรายงานผล จากเดิม การรายงานผลจะมีการรายงานหลายรูปแบบ เช่น ผลส่วนบุคคลพร้อมซองใส่ผล ผลประจำหน่วย ทำให้เกิดการพิมพ์เอกสาร เป็นจำนวนมากทำให้เกิดการใช้เวลาในการพิมพ์

ปัจจุบัน การรายงานผลก็ผ่านระบบโปรแกรม ทำให้ลดเวลาในการพิมพ์ การใส่ซองเอกสารส่งให้ผู้ป่วย ได้ 3 นาที ต่อ 1 ผลการตรวจ และการรายงานผลให้กำลังพลรายบุคคล จาก 15 วัน เป็น 7 วัน ทำการ

นอกจากนี้การดำเนินการดังกล่าวยังสามารถลดงบประมาณในการพิมพ์เอกสาร ใบคัดกรอง ผลการตรวจ ซองเอกสารการรายงาน เพิ่มช่องทางการรับข้อมูลสุขภาพของกำลังพล ที่ไม่สามารถมารับบริการที่โรงพยาบาลได้ (ราชการสนาม, สามจังหวัดชายแดนภาคใต้) ซึ่งกำลังพลสามารถกรอกข้อมูลสุขภาพมาทางระบบอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้โรงพยาบาลได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน

ทำให้เกิดการดูแลกำลังพลได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญเป็นการเพิ่มช่องทาง ที่กำลังพลสามารถ ดูผลการตรวจได้ตลอดเวลาผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ และมีการเปรียบเทียบผลของแต่ละปี สามารถดูความเปลี่ยนแปลงได้เพื่อให้เกิดการดูแลรักษาสุขภาพของกำลังพลให้แข็งแรงอยู่เสมอหรือถ้าพบว่าป่วย ก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงที

ด้านนายเพลิงพายุ อุปนันท์ โปรแกรมเมอร์ ทีมสารสนเทศ โรงพยาบาลค่ายกาวิละ กล่าวว่า ทีมสารสนเทศได้พัฒนาซอฟต์แวร์ ขึ้นมาบน webpage โดยเทคโนโลยี Smart Phone ให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น โดยใช้ Username และPassword ในการเข้าดูข้อมูลต่างๆ เช่น ผลตรวจ ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ โดยผู้ป่วยสามารถกรอกข้อมูลผ่านทางมือถือจากที่บ้าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยเอง จึงมักจะไม่เกิดความผิดพลาด ส่วนการรายงานผลทางโรงพยาบาลจะรายงานได้ไม่เกิน 7 วัน ซึ่งสามารถดูผลการตรวจได้ตลอด 24 ชั้วโมง

นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบผลการตรวจสุขภาพย้อนหลังได้ 5 ปี เพื่อใช้ในการวิเคราะห์กำลังพลให้สามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้น การใช้โปรแกรมดังกล่าวสามารถตอบสนองปัญหาที่ทางฝ่ายการแพทย์พบในการดูแลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้จากการประเมินจากผู้เข้ารับการบริการในปี 2560 พบว่ามีความพอใจมาก ถึง มากที่สุด

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายกาวิละ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลค่ายกาวิละเป็นหน่วยขึ้นตรงของมณฑลทหารบกที่ 33 ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลได้มีการปรับโครงสร้าง อาคาร สถานที่ ให้เป็นลักษณะ healing and varoment ( การรักษาและการเปลี่ยนแปลง ) โดยปรับปรุงการให้บริการผู้ป่วยและปลูกฝังวัฒนธรรมการให้บริการของบุคลากรทุกระดับ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังจัดทำระบบให้การบริการโดยใช้หลักการของ ลีน เพื่อลดการปฏิบัติงานราชการทำให้เราสามารถลดระยะเวลาการรอคอย จาก 120 นาที เหลือ 45 นาที

ส่วนเรื่องการรับรองมาตรฐานของทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด ได้ผ่านมาตรฐาน HA ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่มาตรฐาน ISO ของห้องปฏิบัติการต่อไป ปัจจุบันโรงพยาบาลค่ายกาวิละมีจำนวนเตียง 60 เตียง สามารถรองรับ VISIT MEMBER ได้ 300 ครั้งต่อวัน ทั้งกำลัพลทหารและประชาชน 50/50

จุดเด่นของโรงพยาบาลจะให้บริการผู้ป่วยนอกและเวชกรรมป้องกันคือภารกิจของแพทย์ทหารไม่ได้รักษาพยาบาลอย่างเดียว เรามีการส่งเสริม ป้องกันและฟื้นฟู ซึ่งภารกิจนี้เป็นนโยบายของกองทัพบก อย่างไรก็ตามเป็นทหารต้องให้บริการประชาชนซึ่งแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับพยายามทุ่มเทในการให้การบริการประชาชนอย่างเต็มที่

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับสายการบินวิสดอมลงนาม MOU บินลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉิน

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับสายการบินวิสดอมลงนาม MOU บินลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉิน

ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และบริษัท วิสดอม แอร์เวย์ จำกัด ในการประสานการช่วยเหลือลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยอากาศยาน ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.) กล่าวว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และบริษัท วิสดอม แอร์เวย์ จำกัด ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสายการบิน ได้เห็นพ้องร่วมกันในการทำข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศยาน

ทั้งนี้เพื่อการลำเลียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน จากพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกล หรือเดินทางด้วยรถยนต์ใช้เวลานาน มาทำการรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินที่ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ได้รับการดูแลอย่างทันที อันเป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งการตราพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551

ก่อนหน้านี้ ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้เริ่มดำเนินการจัดตั้งระบบการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ที่เรียกว่า Sky Doctor มาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีอากาศยาน ในการใช้อากาศยานลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งการออกปฏิบัติการทั้งประเทศมีสถิติที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่เป็นภูเขาสูงการเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ต้องใช้เวลานาน Sky doctor ก็มาช่วยให้ระยะเวลานั้นลดลงเป็นอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาก็ยังมีข้อจำกัด เช่น การลำเลียงผู้ป่วยจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนมารักษายังจังหวัดเชียงใหม่ด้วยอากาศยานที่มีอยู่ในพื้นที่ ณ ปัจจุบัน คือเฮลิคอปเตอร์ สามารถดำเนินการได้เฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น การที่สายการบินวิสดอม แอร์เวย์ ซึ่งให้บริการบินในเชิงพาณิชย์ เส้นทาง เชียงใหม่- แม่ฮ่องสอน นำอากาศยานชนิดปีกตรึง และมีระบบเดินอากาศที่ทันสมัย มาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติ ทำให้การการลำเลียงส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินในสามารถทำได้รวดเร็วและครอบคลุมช่วงเวลาได้มากขึ้น

โดยการปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการร้องขอใช้อากาศยาน การประเมินสภาพผู้ป่วย การอนุมัติ จะดำเนินการผ่านระบบที่ สพฉ.กำหนด ผู้ป่วยและญาติไม่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น จากข้อมูลของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในปี 2560 มีการใช้อากาศยานในการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉิน จำนวนทั้งสิ้น 30 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการรักษาจนรอดปลอดภัย

นายสุนัย ถาวรธวัช ผู้บริหารสายการบิน วิสดอมเปิดเผยว่า เบื้องต้นทางสายการบินวิสดอมได้วางแผนกับ สพฉ.ในการเปิดเส้นทางบินรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อำเภอปาย ตัวเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดน่าน หลังจากนั้นจึงจะขยายเส้นทางบินไปยังจังหวัดอื่นในภาคเหนือตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติร้องขอมา ซึ่งทางสายการบินมีความพร้อมได้มีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน สามารถดำเนินการรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินได้ภายใน 1 ชั่วโมง