รถ 6 ล้อบรรทุกหิน ซิ่งเสยท้ายรถ จยย.สาว ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง ร่างกระเด็นติดใต้ล้อรถดับ (มีคลิป)

รถ 6 ล้อบรรทุกหิน ซิ่งเสยท้ายรถ จยย.สาว ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง ร่างกระเด็นติดใต้ล้อรถดับ

ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทิวรรณา รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ชนท้ายรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตติดใต้ล้อรถ บนถนนสายเชียงใหม่ – แม่โจ้ ขาเข้าเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าโลตัส สาขารวมโชค ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้ง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย

จากการเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ได้พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า จอดอยู่ ท้ายรถบรรทุกหินมาเต็มคันรถ และบริเวณล้อด้านหลังข้างซ้าย พบศพหญิง 1 ราย สภาพศพขาและลำตัวถูกทับเกือบขาดสองท่อน ทราบชื่อผู้ตายต่อมาคือ นาง Nan Koy อายุ 45 ปี สัญชาติเมียนมา และบนพื้นมีรอยลากเป็นทางยาวกว่า 15 เมตร และพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม 125ไอ สีแดง ล้มอยู่สภาพท้ายรถพังเสียหาย

สอบสวนทราบว่า รถบรรทุกหินดังกล่าวได้เดินทางจากในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าจะไปในตัวเมืองเพื่อนำหินไปส่ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถได้มาด้วยความเร็ซ และมีรถจักรยานยนต์อยู่ด้านหน้า ทำให้เบรกไม่ทัน ได้พุ่งเสยท้ายรถจักรยานยนต์ก่อนถึงสี่แยกตลาดรวมโชคเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลังเฉี่ยวชนได้พยายามเบรกแล้ว เมื่อรถหยุดก็ได้รีบลงมาดูคู่กรณี แต่ไม่ทัน เพราะได้เสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ

หลังการสอบสวนเสร็จทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวคนขับรถบรรทุกไปสอบสวนเพิ่มเติมก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพผู้ตายได้ส่งไปยังแผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อให้แพทย์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง นอกจากนี้เตรียมประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุมาตรวจสอบด้วยว่าสาเหตุแท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อจะได้ดำเนินคดีได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงกวาดล้างยาครั้งใหญ่ ยึดยาเสพติดรายสำคัญ 3 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 728,000 เม็ด ไอซ์ 45 กิโลกรัม

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงกวาดล้างยาครั้งใหญ่ ยึดยาเสพติดรายสำคัญ 3 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 728,000 เม็ด ไอซ์ 45 กิโลกรัม

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ทหารจาก ศป.ปส.ชน. , เจ้าหน้าที่ มทบ.33 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมกันแถลงข่าวการปฏิบัติงานการจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ 3 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 728,000 เม็ด ไอซ์ 45 กิโลกรัม

 

รายที่ 1 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 , ชปส.พื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย , กก.สส.ภ.จว.เชียงราย , สภ.เมืองเชียงราย , สภ.แม่สาย , สภ.บ้านดู่ , สภ.พาน จว.เชียงรายและ จนท.ปปส.ภาค 5 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน พร้อมยาบ้า 596,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 21 กิโลกรัม รถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อนิสสัน สีเทา ทะเบียน บท 3401 อุตรดิตถ์ อาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 21 นัด โดยทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดมาโดยใช้ถนนเลี่ยงด่านตรวจปูแกง โดยเป็นรถยนต์กระบะ ทะเบียน บท. 3401 อุตรดิตถ์ จึงได้ออกติดตามหาตัว

 

กระทั่งต่อมาได้พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่บนถนนข้างวัดอรัญญะวิเวก หมู่ 7 บ้านห้วยบง ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย จึงเข้าไปปิดล้อมและตรวจค้น ก็พบทั้งยาบ้าและยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังกระบะรถ จากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนยาในราคา 150,000 บาท โดยเดินทางมาจากจังหวัดแพร่ เพื่อไปรับยาเสพติดและนำไปส่งก็จะได้รับเงินค่าจ้างตามที่ได้รับการว่าจ้างแต่มาถูกจับได้เสียก่อน

 

รายที่ 2 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจปูแกง สภ.พาน จว.เชียงราย ได้จับกุมผู้ต้องหา 1 รายเป็นชาย พร้อมยาบ้า 132,000 เม็ด ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง พร้อมโทรศัพท์มือถือและทรัพย์สินอื่นๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจด้านหน้าด่านตรวจปูแกง สภ.พาน จ.เชียงราย ต่อมาได้มีรถโดยสารสายเชียงราย – นครสรรค์ โดยมุ่งหน้ามาจาก จ.เชียงราย ผ่านมา จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น

ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลาง ซุกซ่อนในกระเป๋า 2 ใบ อยู่ในช่องเก็บสัมภาระรถยนต์โดยสารประจำทาง และตรวจสอบบนรถก็พบตัวผู้ต้องหานั่งอยู่ จึงจับกุมตัวไว้ หลังถูกจับก็รับสารภาพว่า กำลังจะนำยาจากจังหวัดเชียงรายไปส่งที่ จ.พิษณุโลก ยังไม่ได้ตกลงราคาค่าจ้าง แต่ได้รับเงินมาแล้ว 2,000 บาท เป็นค่ารถ ขณะเดินทางก็มาถูกจับได้ดังกล่าว

 

รายที่ 3 เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.335 , กก.ตชด.33, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหวาย จว.เชียงใหม่ ร่วมกันตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 24 กิโลกรัม โดยทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดเดินเท้านำยาเสพติดเข้ามาระหว่างบ้านอรุโณทัย ม.10–บ้านป่าบงงาม ม.11 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังออกลาดตระเวนตามเส้น ต่อมาได้พบกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน เดินลัดเลาะมาตามชายป่า จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้นแต่กลุ่มชายดังกล่าวได้ยิงอาวุธปืนไม่ทราบขนาดใส่ เจ้าหน้าที่จึงเกิดการปะทะกันนาน 20 นาที

หลังจากเหตุการณ์เงียบสงบ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่ก็พบเป้สะพายสีเขียว จำนวน 2 ใบ ภายในพบก้อนห่อด้วยพลาสติกและกระดาษสีขาวโดยมีซองพลาสติกคล้ายถุงชาภายในบรรจุไอซ์ เป้ละ 12 ก้อน รวม 2 เป้ 24 ก้อน , อาวุธมีด 1 ด้าม และ ปลอกกระสุนจำนวนหนึ่ง จึงทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย ดำเนินการต่อไป

 

ตำรวจภูธรภาค 5 จะดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และติดตามตรวจยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมต้องมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป

องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยร่วมกับอำเภอแม่แจ่ม จัดงาน”สานต่อพระราชปณิธาน สร้างฝายชะลอน้ำสู่ความยั่งยืน”

องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยร่วมกับอำเภอแม่แจ่ม จัดงาน”สานต่อพระราชปณิธาน สร้างฝายชะลอน้ำสู่ความยั่งยืน”

พล.ท.สมพงษ์ แจ้งจำรัส แม่ทัพน้อยที่ 3 ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานเปิดงาน”สานต่อพระราชปณิธาน สร้างฝายชะลอน้ำสู่ความยั่งยืน”โดยการสร้างฝายถาวร 360 ฝาย และอ่างเก็บน้ำจำนวน 1 อ่าง ใน 3 พื้นที่ประกอบด้วยพื้นที่ตำบลแม่นาจร ตำบลแม่ศึกและตำบลกองแขก ณ.บ้านแม่สะต็อบ หมู่ 3 ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจากปี 2549 โดยมีราษฎรเข้าร่วมโครงการ 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน

การจัดงานในครั้งนี้องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทยร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 อำเภอแม่แจ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา ในวโรกาส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 66 พรรษา 28 กรกฏาคม 2561 และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่าแม่ทัพภาคที่ 3 มีนโยบายและข้อสั่งการในการบูรณาการทุกหน่วยงานโดยนำเอาแนวทางโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาเป็นหลักในการทำงาน ที่ผ่านมากองทัพภาคที่ 3 ได้ฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธารให้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น โดยการปลูกป่าในใจเยาวชนก่อน แล้วนำเยาวชนไปปลูกป่าในดิน รวมไปถึงการขอคืนพื้นที่ป่าโดยการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่เพื่อพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่มีที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จะขอคืนพื้นที่เพื่อเป็นป่าชุมชน

นายภูสวัสดิ์ สุขเลี้ยง ประธานองค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงก่อเกิดองค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย โดยรวบรวม พสกนิกรทุกหมู่เหล่า นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนและ เอกชน รวมดวงใจถวายเป็นพระราชกุศล ทำงานเสียสละเพื่อสังคม ประชาชน ทดแทนคุณแผ่นดินเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระที่พระองค์ทรงแบกรับนานมากว่า 60 ปี ขยายงานโครงการรณรงค์สร้างฝายต้นน้ำลำธาร(Check Dam) และแฝกโครงการปลูกป่า จากใจคน สนองแนวพระราชดำริ ฯ องค์การป่ารักษ์น้ำ เพื่ออนุรักษ์น้ำป่าฟื้นฟูระบบนิเวศวิทยา

พื้นที่ป่าแหล่งต้นน้ำลำธาร และภูมิทัศน์อันงดงาม ที่จะต้องได้รับการดูแลรักษา ให้คงสภาพสมบูรณ์ และคงคุณค่าอย่างยังยืนสืบทอดถึงลูกหลานตลอดไป และส่งเสริมการรักษาความสมดุลทางธรรมชาติและระบบนิเวศ ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อวงจร ตลอดจนส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วม โดยการสร้างฝ่ายต้นน้ำขนาดเล็ก เป็นแนวทางการฟื้นฟู่ และรักษาระบบนิเวศ ปลูกฝังชาวบ้านให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแบบอยู่อย่างพึ่งพากัน

ทั้งนี้ โครงการฝายชะลอน้ำและปลูกป่าในพื้นที่ป่าต้นน้ำแม่แจ่ม เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟูรักษาป่าต้นน้ำแม่แจ่ม รวมทั้ง ยังเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนมีใจรักต้นไม้ รักป่าไม้ หวงแหนทรัพยากร เพื่อกักเก็บรักษาน้ำไว้ใช้ทั้งบริโภคและการเกษตรของชุมชน และแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการสร้างฝายชะลอน้ำกึ่งถาวรในพื้นที่ 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน ปัจจุบันสามารถสร้างฝายชะลอน้ำจำนวน 360 ฝาย และอ่างเก็บน้ำขนาด 6?6 จำนวน 1 อ่าง

สำหรับอำเภอแม่แจ่มมีพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งหมด 1,705,003 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าจำนวน 1,401,557.25 ไร่ คิดเป็น 82.08 % ของพื้นที่ลุ่มน้ำปิงส่วนที่ 3 ที่เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงผู้คนต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ มากถึง 40% ของแม่น้ำปิง และ 16 % ของแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกคุกคามจากการทำเกษตรเชิงเดี๋ยวและการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ป่าต้นน้ำลดลงหลายหมื่นไร่ ทั้งนี้คาดหวังว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่จะเห็นความสำคัญของพื้นที่ป่าต้นน้ำมากขึ้น

โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลสันผีเสื้อ จัดพิธีมอบประกาศนียบัตร “ปริญญาชีวิต บัณฑิตปัจฉิมวัย”

โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลสันผีเสื้อ จัดพิธีมอบประกาศนียบัตร “ปริญญาชีวิต บัณฑิตปัจฉิมวัย” เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจ และตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ

ที่ห้องประชุมกาดท่าน้ำ หมู่ที่ 7 ตำบลสันผีเสื้ออำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร “ปริญญาชีวิต บัณฑิตปัจฉิมวัย” โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลสันผีเสื้อ เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุประกอบด้วยนักเรียนชั้นปีที่ 1 จำนวน 32 คนชั้นปีที่ 2 จำนวน 123 คนรวมทั้งหมด 155 คน โดยมีลูกหลานและญาติพี่น้องมาแสดงความยินดี พร้อมกับถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจเป็นจำนวนมาก

โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลสันผีเสื้อ ได้จัดการศึกษามาตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2558 โดยได้ร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์ตำบลสันผีเสื้อ เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลสันผีเสื้อ กลุ่มผู้สูงอายุตำบลสันผีเสื้อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสันผีเสื้อ โรงพยาบาลนครพิงค์ และเครือข่ายรักสุขภาพตำบลสันผีเสื้อ จัดให้มีโรงเรียนผู้สูงอายุขึ้น เพื่อเป็นการจัดการศึกษาอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องการให้ผู้สูงอายุมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต อันเกิดจากแนวคิดที่ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญของผู้สูงอายุ

โดยการจัดการเรียนการสอนจะมีขึ้นทุกวันพฤหัสบดีแรกของเดือน ในแต่ละครั้งจะมีวิชาที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษา ประกอบด้วย วิชาธรรมะ ศาสนพิธี พุทธประวัติ วิชาสาธารณสุขและพลานามัย และวิชาสัมมาอาชีพ เป็นต้น

เชียงใหม่ปรับตัวรองรับทิศทางการอยู่รอดของธุรกิจ การลงทุน และการเงินในยุค Digital 4.0

เชียงใหม่ปรับตัวรองรับทิศทางการอยู่รอดของธุรกิจ การลงทุน และการเงินในยุค Digital 4.0

นายปวิน ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางไปเป็นประธานในการเปิดงาน ประชุมสัมนา Business Financial & Digital Transformation 4.0  ซึ่งจัดขึ้นที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี เป็นซึ่งได้มีผู้บริหารธุระกิจชื่อดัง ระดับประเทศ อาทิ นายปิยพันธ์ วงศ์ยะรา ผู้บริหารและ ผู้ก่อตั้ง บริษัท สต๊อคทูมอร์โรว์ จำกัด ,ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์. ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ,

นายธีระชาติ ก่อตระกูล ผู้ก่อตั้ง บริษัท สยามสแควร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ,นายดนัย อรุณกิตติชัย SVP ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ,นายวิทูร เลิศพนมวรรณ ผู้บริหารบริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด และนายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด พร้อมด้วยประชาชนและนักลงทุนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

สำหรับการจัดสัมนาในครั้งนี้ถือเป็นการจัดสัมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เก้ยวกับ ทิศทางการอยู่รอดของธุรกิจ การลงทุน และการเงินในยุค Digital Transformation 4.0 ถือเป็นการปรับตัวให้กับผู้บริหารและนักลงทุน ในการเตรียมตวามพร้อมในการดำเนินธุรกิจสถาบันการเงินด้วยการนำเทคโนโลยีในด้านต่างๆมาปรับใช้หรือสร้างบริการในธุรกิจการเงิน

นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัวIFCG Wealth Cafe’ ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมของกลุ่มที่ปรึกษาการเงินอิสระ เพื่อคอยให้บริการในการให้คำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน ช่วยลูกค้าวางแผนให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน ในรูปแบบคาเฟ่ เพื่อความเป็นกันเองในการให้คำปรึกษา โดยมองความสำเร็จทางการเงินของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นแห่งที่สองของประเทศไทย

บางกอกแอร์เวย์ส เปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) เริ่ม 25 มี.ค.นี้

บางกอกแอร์เวย์ส เปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) เริ่ม 25 มี.ค.นี้ ใช้เวลาบินเพียง 2 ชั่วโมงก็เที่ยวฮานอยได้แล้ว

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดย นางจันทร์ทิพย์ ทองกันยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และนายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย ร่วมกันแถลงข่าวเปิดเส้นทางบิน เชียงใหม่ – ฮานอย (เวียดนาม) ที่ห้องประชุม The Meeting Room โรงแรมอนันตรา จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางผ่องพรรณ ศิริวัฒนาวงศา รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย

นางจันทร์ทิพย์ ทองกันยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า การขยายเส้นทางบินเชียงใหม่ – ฮานอย (เวียดนาม) ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายเครือข่ายเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์สให้ครอบคลุมประเทศไทย CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยใช้สนามบินสุวรรณภูมิ สมุย และเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางการบิน

เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับต้นของประเทศไทย และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่ ทั้งจากเส้นทางบินตรงออกจากเชียงใหม่ไปยังเมืองต่างๆ จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้โดยสารโดยไม่ต้องเดินทางกลับไปต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ บางกอกแอร์เวย์สจึงได้เปิดเส้นทางบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใช้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง อาทิ เชียงใหม่ – สมุย, เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ – ภูเก็ต, เชียงใหม่ – มัณฑะเลย์, เชียงใหม่ – ย่างกุ้ง และในปีนี้จึงได้ขยายเส้นทางออกไปอีก

โดยเลือกไปในกลุ่มประเทศ CLMV คือ ประเทศเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูง โดยใน 2 ปีที่ผ่านมา บางกอกแอร์เวย์สได้เปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ – ดานัง และล่าสุด กรุงเทพฯ – เกาะฬูโก๊วก ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มาปีนี้จึงเปิดบินเชียงใหม่เข้าไปยังเมืองฮานอย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของบางกอกแอร์เวย์ส และเชื่อมั่นว่าจะได้รับความนิยม เพราะฮานอยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อุทยธา รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายขาย กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้มีการสนับสนุนการลงทุนทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้เกิดโซนอุตสาหกรรมใหม่ๆ รอบๆ กรุงฮานอย รวมทั้งยังมีการขยายตัวของธุรกิจในการบริการ อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล สปา และการท่องเที่ยว ฮานอยถือเป็นตลาดใหญ่สำหรับสินค้าระดับบน ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้น และมองหาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสายการบินฯ

สำหรบกลุ่มลูกค้าในเส้นทางเชียงใหม่ – ฮานอย (เวียดนาม) จะเป็นชาวท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจที่อยู่ในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงนักธุรกิจจากฮานอยที่ต้องการเดินทางมาที่เชียงใหม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยคิดการเดินทางเป็นคนไทยในเชียงใหม่ 40 เปอร์เซ็นต์ เดินทางไปเที่ยว และชาวเวียดนามเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางทั้งไปและกลับระหว่างเชียงใหม่ – ฮานอย

นอกจากนั้นในช่วงหน้าหนาวที่เป็นช่วงไฮซีซน ก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจากทวีปอเมริกาและยุโรปเพิ่มขึ้นอีกด้วย และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและเฉลิมฉลองการเปิดเส้นทางบินใหม่ สายการบินฯ จึงมีโปรโมชั่น เส้นทางเชียงใหม่ – ฮานอย (เวียดนาม) ราคาไป – กลับ เริ่มต้นที่ 7,250 บาท (รวมภาษีทุกอย่าง) โดยเปิดให้สำรองที่นั่งได้แล้วตั้งแต่วันนี้ และสามารถเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมเป็นต้นไป

เส้นทางบินระหว่างเชียงใหม่ – ฮานอย (เวียดนาม) จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2561 โดยให้บริการวันละ 1 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแบบ ATR 72-500/600 ขนาด 70 ที่นั่ง ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเที่ยวบินขาไป PG995 ออกจากเชียงใหม่ เวลา 09.55 น. ถึงฮานอย เวลา 12.00 น. เที่ยวบินขากลับ PG996 ออกจากฮานอย เวลา 12.45 น. ถึงเชียงใหม่ 14.50 น.

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ศูนย์ให้บริการลูกค้า (Call Center) โทร. 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการครั้งละ 3 บาททั่วไทย (เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน) หรือสำนักงานออกบัตรโดยสารทั่วประเทศ และผู้โดยสารทุกท่านของบางกอกแอร์เวย์ส สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารที่ให้บริการอาหารว่าง เครื่องดื่มและอินเทอร์เน็ต ที่สนามบินที่เปิดให้บริการ และสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง ล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้ที่ www.bangkokair.com

อบต.ดอนแก้ว จัดงาน “วันถักทอสายใย ร้อยดวงใจคนพิการ สานสัมพันธ์ผู้สูงวัยตำบลดอนแก้ว ครั้งที่ 11”

อบต.ดอนแก้ว จัดงาน “วันถักทอสายใย ร้อยดวงใจคนพิการ สานสัมพันธ์ผู้สูงวัยตำบลดอนแก้ว ครั้งที่ 11” เพื่อเปิดโอกาสให้คนพิการและผู้สูงวัยได้แสดงความสามารถ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในชุมชน

ที่ลานกิจกรรมสำนักสงฆ์สันเหมืองประชาราม หมู่ที่ 7 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวรัตนาภรณ์ เข็มกลัด ท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานวันถักทอสายใย ร้อยดวงใจคนพิการ สานสัมพันธ์ผู้สูงวัยตำบลดอนแก้ว ครั้งที่ 11 ประจำปี 2561 โดยองค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้ว ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาสตำบลดอนแก้ว อาสาสมัครพัฒนาสังคมช่วยเหลือคนพิการ (อพมก.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่เปิดเวทีให้คนพิการและครอบครัวได้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน นำไปสู่การเกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนพิการและคนปกติอีกด้วย

ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันของผู้ด้อยโอกาส ประสบปัญหาทางสังคมในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการ ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ ไม่มีหลักประกันในการดำรงชีวิต และขาดโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ซึ่งการที่จะทำให้คนพิการในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน จำเป็นที่จะต้องสร้างพื้นที่ในการทำให้คนพิการได้ออกมาสู่สังคม ตลอดจน การสร้างคุณค่าให้กับคนพิการ และสร้างความตระหนักให้กับชุมชนมีทัศนคติที่ดีต่อตนพิการ

โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และกิจกรรมนันทนาการที่เหมาะกับคนพิการ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสที่ทำให้ทั้งคนในชุมชนและคนพิการได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

“บิ๊กฉัตร” ลุยตรวจอุโมงค์ 15,000 ล้าน มั่นใจเสร็จทันปี 64 สร้างความเชื่อมั่นว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเชียงใหม่-ลำพูนได้

“บิ๊กฉัตร” ลุยตรวจอุโมงค์ 15,000 ล้าน มั่นใจเสร็จทันปี 64 สร้างความเชื่อมั่นว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเชียงใหม่-ลำพูน พร้อมขยายลงเขื่อนภูมิพลในอนาคต

ช่วงเช้าวันที่ (22 ก.พ. 61) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางมาที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอุโมงค์เข้า-ออกหมายเลข 1,2 บ้านทับเดื่อ ต.อินทขิล อ.แม่แตง เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีการเจาะอุโมงค์ส่งน้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย โดยมีนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน และดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นผู้บรรยายสรุป

จากนั้นคณะได้เดินเข้าตรวจสอบการก่อสร้างภายในอุโมงค์ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยในการขุดเจาะ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปอีกครั้งในอุโมงค์

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังจากการตรวจอุโมงค์ว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ให้แล้วเสร็จตามแผนงานภายในปี 2564 ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว จะมีการขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำแบ่งเป็น 2 ช่วงด้วยกันคือ ช่วงที่ 1 การขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำท่วมอ่างเก็บน้ำแม่งัดฯ – อ่างเก็บน้ำแม่กวงฯ และอาคารประกอบระยะทาง 22.975 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 4,713 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้าร้อยละ 27

ช่วงที่ 2 เป็นการขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำช่วงลำน้ำแม่แตง – อ่างเก็บน้ำแม่งัดฯ และอาคารประกอบระยะทาง 25.624 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 647 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้าร้อยละ 10

สำหรับการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในการดำเนินโครงการฯ นั้น การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำทั้ง 2 ช่วงจะใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติรวมกันประมาณ 745 ไร่ รัฐมนตรี่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จะเหลือเฉพาะพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา จำนวน 229 ไร่ อยู่ระหว่างการเสนอ ครม. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

พลเอกฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ใช้งบประมาณ 15,000 ล้านบาท เริ่มทำตั้งแต่ปี 58 และวงเงินปีนี้ได้ใช้อย่างรัดกุม การออกแบบก่อสร้างสามารถลดต้นทุนการก่อสร้างได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และภาพรวมก่อสร้างขณะนี้แล้วเสร็จไป 17 เปอร์เซ็นต์แล้ว การก่อสร้างขณะนี้อาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบแผนงานที่ทำอยู่

รวมถึงการนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการปฏิบัติด้วยการทำอ่างพวง โดยนำน้ำจากลำน้ำแม่แตง ที่มีน้ำเยอะที่สุด จนทำให้เกิดน้ำท่วมตัวเมืองเชียงใหม่ ทำการผันน้ำมาไว้ที่เขื่อนแม่งัด เพื่อลดปริมาณน้ำในลำน้ำแม่แตง แล้วผันน้ำส่งต่อมาเก็บไว้ที่เขื่อนแม่กวง ซึ่งสามารถแก้ได้ทั้งปัญหาเรื่องน้ำท่วม และยังเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้เพียงพอต่อด้านอุปโภค บริโภค และการเกษตร สามารถขยายพื้นที่การเกษตรด้านท้ายน้ำเพิ่มได้ในอนาคต

ปัญหาภัยแล้งในปีนี้ในเขตชลประทานไม่น่าหวง เพราะมีน้ำอยู่ในเขื่อนเก็บน้ำ 35 เขื่อนใหญ่ รวม 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ห่วงที่สุดคือนอกเขตชลประทาน ซึ่งจะให้กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และท้องถิ่นต้องไปดูแล และหลายหน่วยงานไปดูแล พร้อมเพิ่มบ่อน้ำขนาดเล็ก โดยปีที่ผ่านมาได้เพิ่มบ่อน้ำไปแล้ว 170,000 บ่อทั่วประเทศ รวมถึงทำบ่อบาดาลแก้ปัญหาในพื้นที่ที่สามารถใช้น้ำผิวดินได้ สำนักน้ำก็จะเข้าไปบูรณาการในเรื่องนี้

การบริหารน้ำที่เป็นระบบในพื้นที่ภาคเหนือ ในอนาคตก็วางแผนที่จะส่งน้ำเข้าสู่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ผันน้ำไปได้ก็จะทำให้ภาคเหนือทั้งหมดบริการจัดการน้ำได้อย่างสมบูรณ์ ขณะนี้กำลังศึกษา ออกแบบ ทำประชาคมเรื่องการขุดทำอุโมงค์รวมระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ไว้เช่นกัน แต่ต้องใช้เวลา และหากทำเสร็จทางเขื่อนภูมิพลก็สามารถส่งน้ำเข้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยเหลือและบริหารจัดการน้ำเจ้าพระยาได้อีก ก็จะบริหารน้ำได้รวมทั้งประเทศ เรื่องแก้ปัญหาด้านน้ำท่วมและภัยแล้ง

“เปิดฟ้า..ตามหาดาว” สดร.เชิญชวนร่วมกิจกรรมส่งท้ายฤดูหนาวนี้

“เปิดฟ้า..ตามหาดาว” สดร.เชิญชวนร่วมกิจกรรมส่งท้ายฤดูหนาวนี้

นางสาวพิริยาภรณ์ สรรพศรี รักษาการหัวหน้าประชาสัมพันธ์สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เตรียมจัดกิจกรรม “เปิดฟ้า…ตามหาดาว” ครั้งที่ 6 ประจำปี 2561 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของหนาวนี้ และเปิดบ้านให้ประชาชนร่วมสัมผัสประสบการณ์ดาราศาสตร์ ในวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561นี้ โดยเริ่ม เวลา 16.00 – 21.00 น. ที่หอดูดาวแห่งใหม่ใกล้เมือง ภายในอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

โดยภายในงานจะมีกิจกรรมดาราศาสตร์มากมาย อาทิ แนะนำการดูดาวเบื้องต้น ดูวัตถุท้องฟ้าผ่านกล้องโทรทรรศน์หลากหลายชนิด ทั้งดวงจันทร์ เนบิวลา กาแล็กซี กระจุกดาว ฯลฯ การจัดแสดงนิทรรศการถ่ายภาพในห้วงอวกาศลึกสุดอัศจรรย์ฝีมือคนไทย และเป็นครั้งแรกที่เอาใจคนรักการถ่ายภาพ เปิดโอกาสให้เก็บภาพวัตถุท้องฟ้าในห้วงอวกาศลึก เพียงนำกล้องดิจิทัลของตนเองมาต่อกับกล้องโทรทรรศน์ภายในงาน

ฟัง Special Talk หัวข้อ “มหัศจรรย์เนบิวลา” โดยพี่ป๋องแป๋ง อาจวรงค์ จันทมาศ นักสื่อสารดาราศาสตร์และเจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และปิดท้ายด้วยการเก็บภาพประทับใจกับ “ดอกกุหลาบแห่งเอกภพ” ในบรรยากาศท้าลมหนาว วิวขุนเขา พร้อมเสียงเพลงอันไพเราะขับกล่อมตลอดคืน เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์ดาราศาสตร์กับกิจกรรมมากมาย ที่อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร ตามวันเวลาดังกล่าว ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมลุ้นรับปฏิทินดาราศาสตร์กว่า 200 ชุด และของที่ระลึกกลับบ้าน

กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาฯ เชียงใหม่จัดนิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพเชื่อมสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่มีมา 200 ปี

กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานนิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพ เชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ที่มียาวนานตลอด 200 ปี พร้อมนำจดหมายฉบับแรกที่ติดต่อกันระหว่างสองประเทศที่ไม่เคยนำมาแสดงที่ไหนมาก่อน นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

นางเจนนิเฟอร์ ฮาร์ไฮ กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดแถลงข่าวที่เชียงใหม่ ถึงการจัดนิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรไทย โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดงานนิทรรศการขึ้น ที่พิพิธภัณธ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อจัดแสดงของขวัญที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างสองมิตรประเทศในช่วงเวลาอันสำคัญตลอด 200 ปี

นิทรรศการดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นภายใต้ชื่อว่า Great and Good Friends จะนับเป็นงานสำคัญยิ่งในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบสองศตวรรษแห่งมิตรภาพระหว่างสองประเทศ นิทรรศการนี้ถือเป็นการจัดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 มีนาคม จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2561 ที่พิพิธภัณธ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในกรุงเทพฯ

“นิทรรศกาลของขวัญแห่งมิตรภาพนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ที่ยืนยาวและแน่นแฟ้นระหว่างประชาชนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้เมื่อครั้งได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2535 และดิฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสร่วมแบ่งปันข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งนี้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ เราจะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อนำเสนอนิทรรศกาลเคลื่อนที่ในรูปแบบเสมือนจริง ดังนั้น ประชาชนไทยทั่วประเทศจะได้มีโอกาสร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพ 200 ปีนี้ด้วยกัน”

สำหรับคำว่า Great and Good Friends ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่มีความสำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการค้า การศึกษา ด้านสาธารณสุข และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้ช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรภายใต้สนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคแห่งนี้ นิทรรศการนี้จะเป็นการแสดงของขวัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชทานแก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหลายท่าน ของขวัญเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่เคยนำมาจัดแสดงต่อสาธารณะชนมาก่อน และมีจำนวนมากที่จะนำมาแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ของขวัญเหล่านี้ช่วยเล่าเรื่องราวของสองประเทศที่อยู่กันคนละซีกโลก แต่เป็นมิตรกันได้บนพื้นฐานของความหวังดีและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

การจัดนิทรรศการนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดง การสนับสนุนจากสำนักพระราชวัง กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งเมอริเดียน อินเตอร์เนชันแนล เซ็นเตอร์ และอินเตอร์เนชันแนล คันเจอรัล โปรโมชันส์ นอกจากนั้น การจัดนิทรรศการยังได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างสถาบันด้านวัฒนธรรมชั้นนำของทั้งสองประเทศ

รวมถึงสถาบันสมิธโซเนียน องค์การบริหารจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา รวมถึงหอสมุดประธานาธิบดีที่อยู่ภายใต้กำกับ หอสมุดรัฐสภาสหรัฐอเมริกา สถาบันพระปกเกล้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรมศิลปากร และหอภาพยนต์ (องค์การมหาชน) ของประเทศไทย มีของขวัญเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ในบรรดา 79 ชิ้นในงานนิทรรศกาลนี้ที่เคยนำมาจัดแสดงต่อสาธารณชน พร้อมนำจดหมายฉบับแรกที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย

เรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นสองศตวรรษที่แล้ว เมื่อกัปตันชาวอเมริกันนำเรือเข้าเทียบท่าที่กรุงเทพมหานครและเริ่มต้นมิตรภาพครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ในครั้งนั้น สหรัฐอเมริกาเป็นเพียงสาธารณรัฐเกิดใหม่ที่มีประสบการณ์ด้านการเมืองนอกมหาสมุทรแอตแลนติกเพียงน้อยนิด ในขณะที่ราชวงศ์จักรีก็กำลังเรียนรู้ความเป็นไปของโลกใหม่ ซึ่งหนึ่งในเรื่องสำคัญก็คือความพยายามของยุโรปที่จะแสวงหาอาณานิคมเพิ่ม ดูเหมือนทั้งไทยและสหรัฐฯ

ในช่วงนั้นแทนที่จะเป็นพันธมิตรกันได้ยากเนื่องจากตั้งอยู่คนละซีกโลก กัปตันเรืออเมริกันเดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกา โดยถือจดหมายถึงประธานาธิบดีเจมส์ มอนโร ลงนามโดยเจ้าพระยาสุริยวงศ์มนตรี (ดิศ บุนนาค) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาคลังในครั้งนั้น จดหมายฉบับนั้นกล่าวถึงพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ที่จะสร้างสัมพันธ์ทางการค้าและพาณิชย์ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรสยาม จดหมายลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2361

นับเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพซึ่งนำพาสองประเทศที่ยิ่งใหญ่มาพบกันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก นับเป็นการวางรากฐานเพื่อการเป็นพันธมิตรที่สำคัญและยืนยาวและยังคงแข็งแกร่งอยู่ตราบจนทุกวันนี้ การเป็นพันธมิตรในครั้งนั้นได้นำพาไปสู่ความสัมพันธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งของทั้งสองประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.greatandgoodfriends.com และขอให้ช่วยกันติด แฮชแท็ค #greatandgoodfriend เพื่อแสดงความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ที่มีการจัดนิทรรศการขึ้นในครั้งนี้