สภ.บ้านดู่ จัดโครงการฝึกทบทวนพัฒนาทักษะการยิงปืนทางยุทธวิธี

สภ.บ้านดู่ จัดโครงการฝึกทบทวนพัฒนาทักษะการยิงปืนทางยุทธวิธี

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.00 – 16.00 น. สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ จัดโครงการฝึกทบทวนพัฒนาทักษะการยิงปืนทางยุทธวิธี ประจำปี 2568 (Combat Handguns) ณ สนามยิงปืนสุวิทย์ เม่นแย้ม ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก พ.ต.อ.ศันย์ชัย พานิชกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม ซึ่งจัดขึ้นภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร และ พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

การฝึกอบรมครั้งนี้ มอบหมายให้ พ.ต.ท.ชาตรี ชราชิด รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ และ พ.ต.ท.วีรวุฒิ พุ่มไพรจิตร สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ เป็นผู้ดำเนินการและควบคุมการปฏิบัติ

โดยได้รับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการ กต.ตร. สภ.บ้านดู่ และ สนามยิงปืนสุวิทย์ เม่นแย้ม เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างทักษะทางยุทธวิธีในการใช้อาวุธปืนให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.บ้านดู่ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

Skay doctor บินลัดฟ้ารับ ผู้ป่วยชาย วัย 50 ปี จาก รพ.สต.สล่าเชียงตอง ชายแดนเสาหิน เข้ารับการรักษา รพ.แม่สะเรียง

Skay doctor บินลัดฟ้ารับ ผู้ป่วยชาย วัย 50 ปี จาก รพ.สต.สล่าเชียงตอง ชายแดนเสาหิน เข้ารับการรักษา รพ.แม่สะเรียง

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ค่ายเทพสิงห์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 นายสิบพยาบาล พร้อมกำลังชุดบรรเทาสาธารณภัยอำนวยความสะดวกและให้การช่วยเหลือการส่งต่อผู้ป่วย Skay doctor ด้วยการลำเลียง ฮ.ท.145 บินรับผู้ป่วยชายวัย 50 ปี จากชายแดนนเสาหิน รพ.สต.สล่าเชียงตอง ต.สาเหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อนำส่งผู้ป่วยรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง ภายหลังในพื้นที่ ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนัก และ มีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงัก รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ชาวบ้านต้องพากันเดินเท้าหามคนป่วยใส่เปล จากบ้านแม่เหี๊ย ส่ง รพ.สต.สล่าเชียงตอง ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตอน 03.00 น โดยใช้เวลาเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถึงมือหมอเพื่อรักษาอาการเบื้องต้น

จากการประเมินผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ ของเจ้าหน้าที่ รพ.สต.สล่าเชียงตอง และ แพทย์โรงพยาบาลแม่สะเรียง คนไข้ชายวัย 50 ปี นายสมพงษ์ ธารายิ่งยาวนาน อายุ 50 ปี ที่อยู่ 18/15 ม.6 ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มาด้วยอาการปวดท้อง เคยมีประวัติเป็นไส้เลื่อน หลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งเจ็บแป๊บเดียวก็ดีขึ้นแต่รอบนี้เจ็บหนักอาการเจ็บปวดไม่ดีขึ้น คนไข้มีอาการปวดท้องน้อยมาก ไส้เลื่อนลงที่บริเวณลูกอัณฑะ มีอาเจียนมา 3 ครั้ง มีไข้ต่ำๆ ปวดแสบร้อน บริเวณใต้ลิ้นปี่ร่วมด้วย จึงได้มีการประสานส่งตัวผู้ป่วยด้วย Skay doctorเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เชียงใหม่ โซเชียลแห่แชร์ ชาวบ้านร่วมช่วยกันช่วย ม้าเทวดา ที่พลัดตกจากบนดอยหลังจากฝนตกหนักจนบาดเจ็บ

เชียงใหม่ โซเชียลแห่แชร์ ชาวบ้านร่วมช่วยกันช่วย ม้าเทวดา ที่พลัดตกจากบนดอยหลังจากฝนตกหนักจนบาดเจ็บ นำส่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวช่วยรักษา

วันที่ 13 พ.ค. 68 จากเฟสบุ๊คของผู้ใช้ชื่อ “ปรานต์ ผ่องแผ้ว” ได้แชร์คลิปของม้าเทวดา พร้อมข้อความว่า “#ม้าเทวดา ระหว่างทาง ชาวบ้านช่วยกันพาไปส่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว #ดอยหลวงเชียงดาว” โดยในคลิป เป็นภาพของม้าเทวดา ที่อยู่บริบนถนน โดยน้องอยู่ในอาการซึมเศร้า คล้ายจะบาดเจ็บ ทางกลุ่มชาวบ้านจึงได้ช่วยกันเอาเชือกคล้อง ก่อนจะพาส่งไปส่งศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวเพื่อให้ช่วยเหลือ ซึ่งคลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ออกไปไม่ต่ำกว่า 115 ครั้ง

จากการสอบถาม นายปรานต์ ผ่องแผ้ว เจ้าของเฟสบุ๊คที่โพสต์คลิป เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปทำธุระที่บ้านเมืองคอง อำเภอเชียงดาว ช่วงเวลาก่อนเที่ยง โดยก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก หลังจากที่ตนเดินทางไป ก็เห็นรถติดจึงได้ลงไปดูก็พบเห็น ม้าเทวดา ซึ่งยืนอยู่บนถนน ในสภาพซึมเศร้า อิดโรย และคล้ายกับจะบาดเจ็บ คาดว่าอาจจะพลัดตกลงมา จากบนดอย จึงทำให้น้องได้รับบาดเจ็บ เพราะก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทางกลุ่มชาวบ้านที่ไปพบเจอ รวมทั้งตนก็ได้ช่วยกันเข้าไปดูเพื่อจะให้การช่วยเหลือ โดยน้องไม่มีอาการดุร้าย และเชื่องเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาหาชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้วยตัวเอง เหมือนกับขอความช่วยเหลือ หลังจากที่นำเชือกไปคล้องแล้ว ก็พาขึ้นรถไปส่งที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อให้ทำการรักษา หลังจากนั้นตนก็เดินทางต่อเพื่อไปทำธุระก่อนจะโพสต์คลิปลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว กระทั่งได้รับความสนใจและถูกแชร์ต่อกันไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเส้นทางดังกล่าว ตนพึ่งเคยพบเห็นม้าเทวดา ในครั้งนี้ อาการของน้องล่าสุดทราบว่าปลอดภัยแล้ว

Cr. เฟสบุ๊คของ ปรานต์ ผ่องแผ้ว

แม่ฮ่องสอน ขับเคลื่อนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระเทียม กำหนดแนวทางขับเคลื่อน บริหารจัดการ การผลิต การแปรรูป และการตลาด ให้มีประสิทธิภาพสูง

แม่ฮ่องสอน ขับเคลื่อนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระเทียม กำหนดแนวทางขับเคลื่อน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระเทียมทั้งจังหวัด ครอบคลุมการบริหารจัดการ การผลิต การแปรรูป และการตลาด ให้มีประสิทธิภาพสูง

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งระบบ ครั้งที่ 2/2568 เพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระเทียมทั้งจังหวัด ครอบคลุมการบริหารจัดการ การผลิต การแปรรูป และการตลาด ให้มีประสิทธิภาพสูง ตลอดห่วงโซ่คุณค่าความสัมพันธ์กลไกตลาดกระเทียม โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมทั้งในรูปแบบออนไซต์และรูปแบบออนไลน์

โดยที่ประชุมได้ติดตามการรายงานสถานการณ์การผลิตกระเทียม ปีการผลิต 2567/2568 โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานสถานการณ์การผลิตกระเทียม ปี 2567/2568 ซึ่งมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 3,477 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก 14,305.15 ไร่ ผลผลิตรวม 44,310.8 ตันสด คิดเป็นกระเทียมแห้งประมาณ 14,770.27 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 3,097.57 กิโลกรัม/ไร่ เริ่มเพาะปลูกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 – มกราคม 2568 ออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2568 โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จสิ้นแล้ว การติดตามสถานการณ์การตลาดกระเทียม ปีการผลิต 2567/2568 โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานสถานการณ์การตลาดกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเกษตรกรได้มีการเก็บเกี่ยวกระเทียมสดตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนเมษายน 2568 ซึ่งปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 100 % โดยราคากระเทียมสดคละที่เกษตรกรจำหน่ายได้ ราคากิโลกรัมละ 12 – 18 บาท (ราคาเฉลี่ย 15 บาท/กก.) ส่วนราคากระเทียมแห้งคละ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ราคากิโลกรัมละ 30 – 72 บาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 3 – 5 บาท (กิโลกรัมละ 33 – 35 บาท) ส่วนสถานการณ์ราคากระเทียม ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนกระเทียมแห้งคละ กิโลกรัมละ 32 – 35 บาท

จากนั้นที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแนวทางการหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม โดยในเบื้องต้นสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เสนอแนวทางการกระจายกระเทียมจากผู้ผลิตไปสู่ตลาดปลายทางโดยตรง จำนวน 5 แนวทาง ดังนี้ 1.การเชื่อมโยงการจำหน่ายผลผลิตกระเทียมมัดปึ๋งจากผู้รวบรวมหรือเกษตรกรของจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปสู่ผู้ค้ารายใหญ่ในต่างจังหวัดผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความพร้อม 2.การเชื่อมโยงการจำหน่ายกระเทียมมัดแต่งแล้ว จากผู้รวบรวมหรือเกษตรกรของจังแม่ฮ่องสอนไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ในต่างจังหวัดผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความพร้อม 3.การเชื่อมโยงการจำหน่ายกระเทียมแกะกลีบเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง โดยสำนักงานพาณิชย์ได้ประสานกับผู้รับจ้างจัดงานแสดงสินค้าในงานแม่ฮ่องสอนม๋วนใจ ซึ่งจัดในระหว่างวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 โดยให้จัดหา Buyer เข้ามาเจรจารับซื้อกระเทียมจากเกษตรกรหรือผู้รวบรวมที่มีความพร้อมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน 4.สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาสถานที่ให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะนำกระเทียมไปจำหน่ายปลีกให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งในเบื้องต้น ศูนย์การค้า เจ.เจ.มอลล์ ยินดีให้สถานที่ในการจำหน่ายสินค้า หากผู้ประกอบการมีความประสงค์จะไปจำหน่ายในสถานที่ใด สำนักงานฯ จะดำเนินการประสานให้ต่อไป 5.เห็นควรมีหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าภายใน ขอให้ประสานกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้กระเทียมเป็นวัตถุดิบ เพิ่มปริมาณการใช้กระเทียมไทยเป็นวัตถุดิบหลักในการแปรรูปสินค้าเพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการใช้กระเทียมไทย อันจะส่งผลให้เกิดการรับซื้อกระเทียมเพิ่มมากขึ้น

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

เชียงราย รวบพ่อเลี้ยงเมายาเพี้ยน ฆ่าลูกเลี้ยงวัย2ขวบ เอาศพทิ้งน้ำ

เชียงราย รวบพ่อเลี้ยงเมายาเพี้ยน ฆ่าลูกเลี้ยงวัย2ขวบ เอาศพทิ้งน้ำ

วันที่ 13 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 10.00 น. พ.ต.อ.สงกรานต์ สันวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.ภาสกร สุขะ รอง ผกก.(สอบสวน) นำตัว นายชำนาญ แซ่ทั่ง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าลูกเลี้ยงซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 2 ขวบ โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่บ้านเลฃที่ 118 หมู่ 2 บ้านห้วยผึ้ง ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อไปชี้จุดและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นจุดที่นายชำนาญได้ลงมือทำร้ายเด็กจนเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10พค68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า ด.ญ.วนิดา แซ่ซา อายุ 2 ปี ได้หายไปจากบ้านเลฃที่ 118 หมู่ 2 บ้านห้วยผึ้ง ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนพบว่า นายชำนาญ แซ่ทั่ง พ่อเลี้ยง ของ ด.ญ.วนิดา และเป็นสามีใหม่ ของนางนามู แซ่เลาะ มารดาของ ด.ญ.วนิดา มีพิรุธน่าสงสัย เพราะหลบหนีออกจากบ้านไปขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเพื่อช่วยกันตามหาเด็กหญิงที่หายไป

เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจนพบตัวนายชำนาญ ในวันที่ 11 พ.ค.68 เวลาประมาณ 15.00 น. บนถนนสาธารณะในบ้านห้วยผึ้ง สอบสวนเบื้องต้นอ้างไม่รู้ไม่เห็นว่า ด.ญ.วนิดา หายออกจากบ้านได้อย่างไร แต่ขัดกับคำให้การของนางนามู ที่ให้การว่านายชำนาญฯ มีพฤติกรรมชอบทำร้ายเด็ก และได้อุ้มเด็กไปในช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 8พค68 ต่อเนื่องกลางดึกของวันที่ 9 พ.ค.68 ระหว่างสอบปากคำได้ตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายชำนาญ พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนและมอร์ฟีน จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีน) และควบคุมตัวนางนามูไปสอบสวนด้วย เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะรู้เห็นเป็นใจ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากสงสัยว่านายชำนาญน่าจะเป็นผู้ทำร้ายเด็ก จนกระทั่งวันที่ 12 พ.ค.68 เวลาประมาณ 16.00 น. นายชำนาญได้ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้อุ้ม ด.ญ.วนิดา จากห้องเก็บของ เข้าไปในบ้านเลขที่ 118 หมู่ 2 แล้วได้โยนเด็กลงพื้นจำนวน 5 ครั้งจนกระทั่งเด็กเสียชีวิต จากนั้นได้นำศพเด็กใส่กระสอบแล้วใช้รถจักรยานยนต์ขับออกจากบ้าน โดยวางศพเด็กไว้ตรงที่พักเท้าของรถจักรยานยนต์ ขับไปจอดบริเวณสะพานข้ามลำน้ำคำ เขตบ้านสามัคคีเก่า หมู่ 11 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วได้อุ้มศพเด็กไปทิ้งลงลำน้ำคำ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายชำนาญไปชี้จุดที่ทิ้งศพ แล้วช่วยกันตามหาร่างของเด็กจนพบร่างของ ด.ญ.วนิดา อยู่ในลำน้ำคำ ห่างจากจุดที่นายชำนาญฯ ทิ้งศพ ประมาณ 500 เมตร พนักงานสอบสวน และแพทย์ประจำโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง ได้ชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย และได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่น และปิดบังการตาย โดยการ ซ่อนเร้น ย้าย ทำลาย เพื่อปิดบัง การตาย เหตุที่ทำให้ตาย” เพิ่มเติมกับนายชำนาญ และได้ควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำสารภาพในวันนี้

นางนาตยา แซ่ซัว ผู้ช่วยผู้ใหญ่ ม.2 บ้านห้วยผึ้ง ต.แม่สลองใน เปิดเผยว่า พ่อเลี้ยงเด็กได้ไปแจ้งประชาสัมพันธ์หมู่บ้านให้ช่วยประกาศชาวยตามหาเด็ก จึงกระจายกำลังกันตามหา แต่เท่าที่รู้เด็กเจ็บขาอยู่ไม่น่าจะไปไหนได้เอง ต่อมาแม่เด็กขอแจ้งความลูกหาย ส่วนพ่อเลี้ยงหนีไปแม่สาย พี่สาวของชำนาญจึงเกลี้ยกล่อมให้มามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จนสุดท้ายถึงได้มารู้อีกทีว่าเด็กถูกทำร้าย และชำนาญเอาศพเด็กไปทิ้งลงแม่น้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร เท่าที่ทราบชำนาญจะมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด รู้สึกเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเด็ก ทั้งๆที่น้องน่าสงสารเป็นเด็กปากแหว่งเพดานโหว่

นายจะวะ แซ่ซา พ่อแท้ๆ ของเด็ก เล่าว่า มีคนมาบอกว่าน้องหายไป ก็เลยมาช่วยตามหา จนสุดท้ายจึงไปเจอศพเด็กอยู่ในลำน้ำคำ เห็นลูกเจอแบบนี้หดหู่มากทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่ถึงทำร้ายเด็กแบบนี้ ทำร้ายลูกทำร้ายเด็กแบบนี้ไม่น่ามีชีวิตอยู่ ถ้าเลี้ยงไม่ไหวก็บอกแล้วว่าให้เอามาให้ตนเลี้ยงแต่ก็ไม่ยอมเอามาให้ เท่าที่รู้ทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมยาเสพติด ที่เลิกกันก็เพราะว่าเตือนไม่ให้เสพยาแล้วไม่ฟัง แต่ไม่คิดว่าจะใจร้ายทำร้ายลูกได้ลงคอกันขนาดนี้ ทั้งๆที่เด็กน่าสงสารเพราะเป็นปากแหว่งเพดานโหว่ อยากให้คนก่อเหตุถูกลงโทษในสถานหนัก

ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุพ่อเลี้ยงและแม่เด็กเสพยากันมาก่อน แล้วจะเข้าในห้องนอน จึงเอาเด็กมาอยู่ด้านนอก แต่ว่าเด็กเกิดร้องให้เสียงดัง คาดว่านายชำนาญพ่อเลี้ยงน่าจะเกิดความรำคาญ จึงลงมือก่อเหตุทำร้ายเด็กอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งทางตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เพื่อดำเนินคดีในทุกฐานความผิดกับผู้ก่อเหตุตามกระบวนการของกฏหมายต่อไป

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

นายอำเภอสบเมย ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบสัญญาจ้างไม่ระบุทำทางเบี่ยง ผู้รับเหมาร่วมหารือพร้อมทำทางเบี่ยงให้มีความปลอดภัยแก่ราษฏร

นายอำเภอสบเมย ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบสัญญาจ้างไม่ระบุทำทางเบี่ยง ผู้รับเหมาร่วมหารือพร้อมทำทางเบี่ยงให้มีความปลอดภัยแก่ราษฏร

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.30 น. นายคำผัน โมกไธสง นายอำเภอสบเมย พร้อมด้วย นายจรูญ จินะกัณฑ์ ปลัดอาวุโส ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสะพานบ้านแม่ทะลุ หมู่ที่ 5 ตำบลสบเมย อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ ผู้รับเหมาฯ นายช่างควบคุมงาน ตามโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบทอันเนื่องมาจากเหตุภัยพิบัติ สาย มส.004 สะพานบ้านแม่ทะลุ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นของหน่วยงานสำนักงานทางหลวงชนบท ที่ 10 (เชียงใหม่) วงเงินก่อสร้าง 13,900,000 บาท (สิบสามล้านเก้าแสนบาทถ้วน)

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เนื่องจากในสัญญาจ้างไม่ได้มีสัญญาข้อตกลงทำทางเบี่ยงให้ชาวบ้านเพื่อสัญจรไปมาชั่วคราวเนื่องจากมีเส้นทางสำรองซึ่งสามารถเข้าออกได้ แต่จะต้องขับรถอ้อมซึ่งใช้ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ในเบื้องต้น ผู้รับเหมาได้ร่วมหาแนวทางในการแก้ไขกับชาวบ้านช่วยกันดำเนินการจัดทำทางเบี่ยงชั่วคราว แต่เนื่องจากได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้คันดินถูกน้ำกัดเซาะพังทลาย ซึ่งได้ดำเนินการจัดทำทางเบี่ยงขึ้นอีก 1 จุด เพื่อให้สามารถเดินสัญจรไปมาได้ โดยปัจจุบันสามารถสัญจรได้ชั่วคราว

ทั้งนี้ ทางอำเภอสบเมย ได้แจ้งให้ผู้รับเหมาทำคันดินเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรที่ปลอดภัย ซึ่งผู้รับเหมาแจ้งว่าจะรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้น ภายใน 4 วัน พร้อมกันนี้ให้ดำเนินการปรับปรุงทางขึ้นลงสะพานให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และให้ปรับปรุงให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

หามผู้ป่วยเดินเท้าเกือบ 5 ชม ส่ง รพ.สต.สล่าเชียงตอง ตี 3 หลัง เสาหินน้ำป่าหลากเส้นทางรถสัญจรไม่ได้

หามผู้ป่วยเดินเท้าเกือบ 5 ชม ส่ง รพ.สต.สล่าเชียงตอง ตี 3 หลัง เสาหินน้ำป่าหลากเส้นทางรถสัญจรไม่ได้

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ภายหลังในพื้นที่ ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนัก และ มีน้ำป่าไหลหลาก หลายลำห้วย ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงัก รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ชาวบ้านต้องพากันเดินเท้าหามคนป่วยใส่เปล จากบ้านแม่เหี๊ย ส่ง รพ.สต.สล่าเชียงตอง ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตอน 03.00 น โดยใช้เวลาเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถึงมือหมอเพื่อรักษาอาการเบื้องต้น โดย คนไข้มาด้วยอาการปวดท้อง เคยมีประวัติเป็นไส้เลื่อน หลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งเจ็บแป๊บเดียวก็ดีขึ้นแต่รอบนี้เจ็บหนักอาการเจ็บปวดไม่ดีขึ้น โดยทาง รพ.สต.ได้มีการประสานการรักษาผ่านระบบออนไลน์ กับทาง รพ.แม่สะเรียง ทราบชื่อผู้ป่วยคือ นายสมพงษ์ ธารายิ่งยาวนาน อายุ 50 ปี ที่อยู่ 18/15 ม.6 ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน คนไข้มีอาการปวดท้องน้อยมาก ไส้เลื่อนลงที่บริเวณลูกอัณฑะ มีอาเจียนมา 3 ครั้ง มีไข้ต่ำๆ ปวดแสบร้อน บริเวณใต้ลิ้นปี่ร่วมด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำส่งผู้ป่วยทางรถยนต์ได้ เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากเมื่อคืนที่ผ่านมา จึงทำการประสานการรักษาเบื้องต้นทางออนไลน์

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เดือดร้อนหนัก เปิดเทอมวันแรกทุลักทุเล ซ่อมคอสะพานวอนสร้างทางเบี่ยงที่ปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนและชาวบ้านแม่ทะลุ สบเมย

เดือดร้อนหนัก เปิดเทอมวันแรกทุลักทุเล ซ่อมคอสะพานวอนสร้างทางเบี่ยงที่ปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนและชาวบ้านแม่ทะลุ สบเมย

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ภาพการเปิดเทอมวันแรกของน้องๆ เด็กนักเรียน เป็นไปอย่างทะลักทุเล ทั้งไปและกลับจากโรงเรียน ต้องปีนขึ้นสะพานไม้ที่พาดกับตัวสะพานโดยมีผู้ปกครองคอยลุ้นดูความปลอดภัยของลูกๆ หลัง คอสะพานบ้านแม่ทะลุ ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ชำรุดและอยู่ระหว่างการซ่อมแซมของผู้รับเหมา โดยที่ไม่มีการทำเส้นทางเบี่ยงรองรับให้กับประชาชนแต่อย่างใด มีเพียงการประกาศแจ้งให้ทราบเมื่อวันที่ 30 เมษายน ว่าจะมีการรื้อสะพานและใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 เดือน ขอให้ชาวบ้านใช้เส้นทางอื่น ระบุ ปล.ขออภัยในความกะทันหัน เนื่องจากทางผู้นำก็พึ่งได้รับการแจ้งเหมือนกัน

กรณี มีการโพส ภาพปัญหาความเดือดร้อนการเดินทางของน้องๆ เด็กนักเรียน หลังเปิดเทอมวันแรก ลงโซเชียลเฟสบุคของผู้ปกครอง ที่เด็กๆ นักเรียนจากบ้านแม่ทะลุ ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ต้องเดินทางไปโรงเรียนทั้งในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย โดยมีรถนักเรียนมารอรับบริเวณบนสะพานแม่ทะลุ โดย ชาวบ้านและผู้ปกครองต้องช่วยกันสร้างบันไดไม้พาดขึ้นบนตัวสะพานซึ่งมีความสูงพอสมควร เพื่อให้น้องๆ เด็กนักเรียนปีนขึ้นลงเดินทางไปโรงเรียน รวมถึงประชาชนผู้ใช้เส้นทางที่ต้องเดินทางไปทำงานหรือไปสอน ก็ต้องใช้เส้นทางนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากคอสะพานชำรุดอยู่ระหว่างการซ่อมแซมของผู้รับเหมา ซึ่งชาวบ้านต้องการร้องขอให้มีการทำทางเบี่ยงที่ปลอดภัยให้กับชาวบ้าน ในการใช้เส้นทางสัญจร จึงขอวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในการใช้เส้นทางดังกล่าว แม้ว่า จะมีการประกาศให้ใช้เส้นทางอ้อม อื่น อาทิ เส้นทางอ้อมไปทางบ้านแม่คะตวน อ.สบเมย และ บ้านห้วยโผ อ.แม่สะเรียง แต่ ต้องอ้อมไกล ถึง 6 กิโลเมตร และ เส้นทางก็ไม่ปลอดภัยมีดินทรุดการเดินทางค่อนข้างลำบาก

สำหรับการซ่อมแซมสะพานดังกล่าว ทราบว่า เป็นโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบทอันเนื่องมาจากเหตุภัยพิบัติ ถนนสาย ทล004 สะพานแม่ทะลุ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยจะมีระยะเวลาสิ้นสุดโครงการในวันที่ 3 กรกฏาคม 2568 นี้ ล่าสุดทางฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ฟาร์มเลี้ยงโคทั่วไทย 1.4 ล้านครัวเรือนร้องรัฐ FTA ทำกระทบหนัก ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ตีตลาด เสนอยกระดับก่อนแย่กว่าเก่า

ฟาร์มเลี้ยงโคทั่วไทย 1.4 ล้านครัวเรือนร้องรัฐ FTA ทำกระทบหนัก ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ตีตลาด เสนอยกระดับก่อนแย่กว่าเก่า

วันที่ 13 พ.ค. 68 ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อใน จ.เชียงราย มีนายนเรศ รัศมีจันทร์ ผู้แทนกลุ่มฯ ได้พากันไปรวมกลุ่มเพื่อขอยื่นหนังสือต่อนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้ส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์,รมว.เกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน โดยนายนเรศและกลุ่มผู้เลี้ยงโคระบุว่าในปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปิดเสรีการค้าหรือ FTA รหว่างไทยกับประเทศคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ทำให้มีการนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในสู่ประเทศไทยในราคาต่ำ ส่งผลกระทบต่อราคาโคเนื้อในประเทศอย่างชัดเจน ทำให้เกษตรกรไทยประสบภาวะขาดทุนอย่งาตอเนื่องนำไปสู่การเลิกอาชีพในภาคเกษตรอย่างกว้างขวาง

ดังนั้นกลุ่มฯ จึงขอเสนอให้รัฐบาลปฏิรูประบบการผลิตและตลาดโคเนื้อของไทยภายใต้ชื่อ Thai Beef Model ที่เกิดจากการคิดค้ของภาคเกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเกษตรโดยมีเนื้อหาหลักๆ คือ ให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อกำกับ ดูแล และพัฒฯาอุตสาหรกรรมโคเนื้อไทย,พัฒนาระบบฐานข้อมูลโคเนื้อแห่งชาติ,ยกระดับฟาร์มและโรงเชือดเข้าสู่มาตรฐานสากล,สนับสนุนการผลิตเนื้อคุณภาพ,และสร้างความเข้มแข็งของระบบตลาดทั้งภายในและการส่งออก ซึ่งทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้รับเรื่องไว้พร้อมรับจะนำส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกำชับให้ติดตามความคืบหน้าให้กับเกษตรกรด้วย ทำให้กลุ่มฯ แยกย้ายกันกลับ

นายนเรศ กล่าวว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศไทยที่มีกว่า 1.4 ล้านครอบเรือนต้องประสบกับปัญหาอย่างหนัก จากการที่มีเนื้อจากต่างประเทศโดยเฉพาะออสเตรเลียซึ่งทำคุณภาพได้ดีและหลากหลายเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ดังนั้นในวันเดียวกันนี้กลุ่มฯ จากทั้ง 25 จังหวัดทั่วประเทศก็พากันไปยื่นข้อเสนอเดียวกันต่อแต่ละจังหวัดด้วยคือขอให้ใช้ Thai Beef Model เพราะมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลผลักดันในเรื่องนี้จะทำให้การเลี้ยงโคเนื้อทั่วประเทศฟื้นตัวได้ทั่วประเทศ หลังจากที่ในปัจจุบันเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อด้วยต้นทุนกิโลกรัมละ 80-90 บาท แต่ปรากฎว่าพ่อค้าไปรับซื้อกิโลกรัมละเพียง 70 บาท

นายนเรศ กล่าวอีกว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องราคาคือคุณภาพ เพราะสินค้าจากออสเตรเลียมีความหลากหลาย มีคุณภาพดี มีการเลี้ยงให้โคเนื้อน้ำหนักขึ้นวันละ 1.8-2 กิโลกรัม ขณะที่ของไทยในภาพรวมหากสามารถทำได้วันละ 1 กิโลกรัมก็ถือว่าดีมากแล้ว เป็นต้น สิ่งสำคัญอีกประการคือเกษตรกรไทยจะต้องได้รับการพัฒนาจนสามารถป้อนสินค้าไปสู่ตลาดได้อย่างเพียงพอและหลากหลายด้วยบรรจุภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ก็ต่อเนื่องมีการพัฒนาตามรูปแบบ Thai Beef Model ดังกล่าวนั่นเอง

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” จับกุมร้านนวดแฝงการค้าประเวณี

เชียงราย ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” จับกุมร้านนวดแฝงการค้าประเวณี

เวลา 23.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ภายใต้การอำนวยการของ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุพจน์ แสนมี ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พ.อ. ภาณุมาศ จีนานุรักษ์ รอง ผอ.รมน.จว.ชร และ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย นำเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายกับสถานประกอบการร้าน “นรเศรษฐ์ นวดเพื่อสุขภาพ” ตั้งอยู่ เลขที่ 1014/5 ถนนเจ็ดยอด ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย หลังจากสืบทราบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีและนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาให้บริการ

โดยการจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวเป็นลูกค้าเพื่อเก็บพฤติการณ์และพิสูจน์ความผิดของสถานประกอบการดังกล่าว เมื่อสายลับพิสูจน์ความผิดจนเป็นที่แน่ชัดแล้ว จึงได้ส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย โดยพบว่ามีการดัดแปลงจากอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 1 คูหา โดยชั้นที่ 1 ใช้เป็นสถานที่รับรองลูกค้าสำหรับนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และพูดคุยกับพนักงานนวด ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 มีการกั้นผนังเป็นห้องขนาดเล็กเพื่อใช้เป็นห้องสำหรับให้บริการนวด รวมทั้งหมด 7 ห้อง

จากการตรวจสอบพบพนักงานบริการหญิงของร้าน จำนวน 17 คน แบ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน (คนไร้สัญชาติ) 15 คน บุคคลสัญชาติไทย 1 คน และ บุคคลสัญชาติเมียนมา 1 คน และพบพนักงานบริการหญิงของร้านที่คาดว่าอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน โดยมี นางสาวนิสาฯ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน แสดงตนเป็นผู้จัดการของร้าน และนางสาวฟ้าใส (ขอสงวนนามสกุล) บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน (คนไร้สัญชาติ) แสดงตนเป็นผู้ดูแลร้าน

จากการสืบสวนตรวจสอบพฤติการณ์ของร้านพบว่าพนักงานบริการหญิงของร้านมีการแฝงขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าโดยคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ตั้งแต่ชั่วโมงละ 1,000 บาท ถึง 3,000 บาท ซึ่งค่าบริการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับอายุและรูปร่างหน้าตาของพนักงานหญิงที่ให้บริการ

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้จัดการร้านและผู้ดูแลร้านในเบื้องต้น (1) ร่วมเป็นผู้เป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตามตามมาตรา 9 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 (2) ร่วมเป็นผู้ดูแล หรือผู้จัดการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี ตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 (3) ร่วมเป็นนายจ้างที่มีการจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเป็นลูกจ้าง โดยไม่แจ้งการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่เด็กเข้าทำงาน ตามมาตรา 45 (1) ประกอบมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ทั้งนี้สำหรับพนักงานของร้านที่ค้าประเวณี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำการในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานสหวิชาชีพเพื่อทำการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ต่อไป

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์