สุดอึ้ง คนเชียงใหม่แห่อุดหนุนร้านส้มตำโยกนมเจ้กร หารายได้เพิ่มจากพิษเศรษฐกิจโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านส้มตำชื่อร้าน “ส้มตำโยกนม” ตั้งอยู่บริเวณริมถนนเส้นทางเชียงใหม่ – แม่ริม ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีประชาชนและกลุ่มวัยรุ่นไปอุดหนุนร้านนี้เป็นจำนวนมากจนเกิดเสียงร่ำลือว่าอร่อย ที่สำคัญแม่ค้าแม้จะเป็นสาวประเภทสอง แต่โชคลีลาการตำที่ไม่เหมือนใคร เพราะเวลาตำหน้าอกจะโยกตามไปด้วย จนชาวบ้านและกลุ่มวัยรุ่นตั้งให้ว่าเป็นร้านส้มตำโยกนม เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงก็พบว่า ร้านแห่งนี้ขายในช่วงเย็น และทราบว่า เจ้าของร้านคือนายณิชนันท์ ถากว้าง หรือเจ๊กร อายุ 38 ปี

 

นายณิชนันท์ เปิดเผยว่า ตนเป็นสาวประเภทสองและไม่ได้อายใครที่ตนเองเป็นแบบนี้ เพราะทำอาชีพสุจริต ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านขายดอกไม้ที่ตลาดวโรรส ในตัวเมืองเชียงใหม่ และจะเปิดขายส้มตำด้านหลังร้านไปด้วย แต่ในช่วงที่วิกฤตโควิดแพร่ระบาด ร้านที่ตลาดวโรรสต้องถูกสั่งปิดไปช่วงหนึ่งทำให้ขาดรายได้ และเมื่อเปิดมาพ่อค้าแม่ค้าก็ขายของได้น้อยลง เนื่องจากไม่มีลูกค้าและนักท่องเที่ยว ทำให้รายได้ลดลงทั้งรายได้หลักและรายได้เสริม

ต้องหาเลี้ยงดูครอบครัว จึงได้ตัดสินใจมาเช่าพื้นที่หน้าร้านสะดวกซื้อเปิดขายส้มตำในช่วงเย็น โดยเริ่มขายมาได้ประมาณ 1 เดือน ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 30 ครก มีส้มตำหลากหลาย ทั้ง ส้มตำไทย ตำปูปลาร้า ตำหมูยอ ตำแตง ตำหมูยอไข่เค็ม ตำกุ้งสด ตำหอยนางรม ตำทะเล ตำปูม้า ฯลฯ เริ่มต้นเมนูละ 40 บาทถึง 100 บาท ก็ทำให้พอมีรายได้เข้ามาเสริมบ้างในจุดที่หายไปและกระแสคนในพื้นที่ก็ชื่นชอบในรสชาติ ส่วนใครจะมองว่าเป็นการตำแล้วโชว์นม ตรงนี้ตรงคิดว่าไม่ได้แต่งตัวโป๊ เพียงแต่การแต่งตัวนั้นเป็นเหมือนสไตล์วัยรุ่นทั่วไป

รองผู้การฯ จเรตำรวจ ตรวจเยี่ยมและยกระดับโรงพักเชียงดาว กำชับด้านปราบอาชญากรรมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

พ.ต.อ.สุรชัย ศุภยศอมร รอง ผบก.กต.5 จต. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะตรวจราชการได้มาตรวจราชการเยี่ยมข้าราชการตำรวจ สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมี พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.เชียงดาว ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปข้อมูลเหตุการณ์ในพื้นที่อำเภอเชียงดาวให้รับทราบ ที่ห้องประชุม สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ในการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อรับฟังข้อมูลต่างๆ ของอำเภอเชียงดาว และมุ่งเน้นในการยกระดับสถานีตำรวจตามตัวชี้วัด 5 ด้าน พร้อมตรวจเครื่องแบบ และทรงผม ตรวจการฝึกท่าพระราชทาน และการฝึกยุทธวิธีตำรวจ ของ สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และมอบแนวทางการตรวจราชการให้กับข้าราชการตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และดำเนิกนารป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

วัดพระธาตุดอยสะเก็ด ร่วมมือ มช.และ ม.แม่โจ้ เปิดโครงการ “แสงอาทิตย์เพื่อแสงธรรม”สร้างวัดต้นแบบใช้โซล่าเซลล์ลดค่าไฟฟ้า

วัดพระธาตุดอยสะเก็ด ร่วมมือ มช.และ ม.แม่โจ้ เปิดโครงการ “แสงอาทิตย์เพื่อแสงธรรม”สร้างวัดต้นแบบใช้โซล่าเซลล์ลดค่าไฟฟ้าในวัดที่จ่ายสูงเดือนละ 80,000 บาท

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 6 ก.ย. 63 นายจิระชาติ ซื่อตระกูล นายอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พระราชโพธิวรคุณ ดร.เมธาจารย์ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พฤกษ์ อักกะรังสี สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ผศ.เสริมสุข บัวเจริญ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ร่วมกันแถลงข่าว “แสงอาทิตย์เพื่อแสงธรรม” สร้างระบบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า ลดค่าใช้จ่ายให้กับวัด ที่จ่ายสูงเดือนละ 80,000 บาท เป็นโมเดลให้กับวัดในพื้นที่เชียงใหม่ และทั่วประเทศ

พระราชโพธิวรคุณ ดร.เมธาจารย์ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด กล่าวว่า เนื่องด้วยวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง มีพื้นที่มากกว่า 200 ไร่ และมีอาคารที่ใช้ประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรม และโครงการต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก มีค่าใช้จ่ายไฟฟ้ามากกว่า 80,000 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมาทางวัดก็เป็นศูนย์รวมที่จัดกิจกรรมในด้านพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมของคณะสงฆ์ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดประชุมของหน่วยงานต่างๆ ที่มาใช้ห้องประชุมที่อยู่ภายในวัด จึงได้เกิดโครงการ “แสงอาทิตย์เพื่อแสงธรรม” และได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. และวิทยาลัยพลังงานทดแทน ม.แม่โจ้ ที่เข้ามาสนับสนุน และถือเป็นวัดแห่งแรกในภาคเหนือ เป็นโมเดลต้นแบบประหยัดพลังงาน เป็นแหล่งเรียนรู้ พลังงานทางเลือกแก่ประชาชนทั่วไป และวัดทั่วประเทศได้นำไปเป็นแบบอย่างในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาทให้ครอบคลุมทั้งวัด ซึ่งก็มีหน่วยงานภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือบ้าง แต่หากจะทำให้เสร็จทั้งหมดก็ต้องขอแรงคณะศรัทธาเข้ามาช่วยเหลือ ร่วมกันบริจาคคนละ 50 บาท ที่บัญชี “วพล.โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อแสงธรรม” ธนาคารออมสิน สาขาดอยสะเก็ด เลขที่บัญชี 020-30107-3993 หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 052-010595

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พฤกษ์ อักกะรังสี สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในปัจจุบันมีการใช้พลังงานทางเลือกหนึ่งในนั้นคือ พลังานแสงอาทิตย์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เรียกว่า “ระบบโซล่าเซลล์” เป็นพลังงานทดแทนช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและเป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการสูง แต่มีระยะเวลาถึงจุดคุ้มทุนภายใน 4 -5 ปี อายุการใช้งานโซล่าเซลล์อยู่ที่ 20 ปีขึ้นไป สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้มากกว่า 300,000 บาทต่อปี ในเฟสที่ 1 จำนวน 53 กิโลโวลต์

ผศ.เสริมสุข บัวเจริญ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ทางวิทยาลัยฯ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถือว่าเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทางอ้อม เพราะช่วยให้วัดได้ประหยัดพลังงานไฟฟ้า และนำไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ และเตรียมต่อยอดในการพัฒนาให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดต้นแบบด้านพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน เพื่อส่งผลไปถึงวัดอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงทั่วประเทศ และในภาคประชาชน เอกชน ที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถาม หรือมาศึกษาเรียนรู้การใช้พลังงานสะอาดที่วัดแห่งนี้ได้

จังหวัดเชียงใหม่ พบหญิงสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด เปิดแถลงยืนยัน ตรวจเบื้องต้นยืนยันไม่พบเชื้อ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 18 ส.ค. 63 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าสารเฉพาะกิจ จ.เชียงใหม่ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้า จังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด กรณีชาวมาเลเซียติดเชื้อโควิดหลังกลับจากไทย และการควบคุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อมาเชียงใหม่ ยืนยันว่าเข้ามาจริง เป็นหญิง อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาจังหวัดลพบุรี สัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่กรุงเทพมหานคร จากนั้น เดินทางมาถึงเชียงใหม่วันที่ 17 ส.ค. โดยมากับเพื่อนอีก 5 คน หญิงรายนี้และกลุ่มเพื่อนได้เช่ารถตู้ให้มารับที่สนามบิน จากนั้นเดินทางไปวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ก่อนเข้าที่พักที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม โดยหญิงรายนี้ได้มีการป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี หลังทราบข่าวได้เชิญหญิงคนนี้ตรวจหาเชื้อ ยืนยันผลเป็นลบ ขณะนี้ผู้สัมผัสรายนี้อยู่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์

rbt

ขอให้มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบป้องกันคัดกรองว่ายังมีความสม่ำเสมอ ทั้ง การตรวจติดตามตามแนวชายแดน การทำงานของเจ้าพนักงานโควิดประจำหมู่บ้าน แต่ที่สำคัญก็คือทุกคนจะต้องป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ล้างมือ เว่นระยะห่างทางสังคท และ ไม่เข้าไปในสถนที่ที่มีที่คนหนาแน่น ก็จะสามารถป้องกันตัวเองได้ สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องล็อคดาวน์หรือปิดโรงเรียน ขอให้ทุกคนสบายใจ

สำหรับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 43 คน ถูกชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน จับกุมที่อำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ และถูกตัวมาที่ ตม.เชียงใหม่ ทั้งหมดได้ตรวจคัดกรองครั้งแรก ผลทั้งหมดเป็นลบ แต่ทั้งหมดนี้จะต้องกักตัวกัจนครบ 14 วัน หลังจากนั้นดำเนินการตามกฎหมาย

นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ คาดว่าผู้ติดเชื้อน่าจะติดจากนอกประเทศ เพราะอยู่ในประเทศไทยนานแล้วแต่ไม่พบเชื้อและผู้สัมผัสก็ยังไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน

แพทย์ มช. ผ่าตัดผ่านกล้อง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 ก.ค. 63 ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผศ.นพ.อานนท์ โชติรสนิรมิต หัวหน้าหน่วยระบบตับทางเดินน้ำดี ดับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.นพ.สัณหวิชญ์ จันทร์รังสี อาจารย์ประจำหน่วยระบบตับ ทางเดินน้ำดี ตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ฯ และ อาจารย์ นายแพทย์วรกิตติ ลาภพิเศษพันธุ์ อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ ระบบตับทางเดินน้ำดีและตับอ่อน ในการแถลงข่าว นางสาวสาลินี ช่างเงิน ผู้บริจาคตับให้กับ นายบุญยืน มีมานะ อายุ 61 ปี พ่อที่รับบริจาค ร่วมกันแถลงข่าว ความสำเร็จของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต โดยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน ที่ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันการแพทย์ของประเทศไทยมีพัฒนาการก้าวไกลเทียบเท่านานาอารยประเทศ โดยเฉพาะการให้การรักษาผู้ป่วยโรคตับ การปลูกถ่ายตับถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายของการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะตับวาย ซึ่งการผ่าตัดปลูกถ่ายตับสามารถรักษาทั้งภาวะตับแข็งและมะเร็งตับไปในการผ่าตัดครั้งเดียวกัน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งตับที่ได้รับการปลูกถ่ายตับมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 80-90 และมีอัตราการกลับเป็นซ้ำต่ำเมื่อเทียบกับการรักษาวิธีอื่น ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวได้อีกครั้ง

“มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย การรักษามะเร็งตับที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือการผ่าตัดมะเร็งตับออก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยมะเร็งตับมักพบว่ามีภาวะตับแข็งร่วมด้วย ซึ่งสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และการดื่มสุรา เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่ไม่สามารถรับการรักษาโดยการผ่าตัดได้”

 

ขณะนี้การปลูกถ่ายตับสำหรับผู้ใหญ่มีด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่ 1.การปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้คือ ไม่ต้องเสี่ยงทำการผ่าตัดในผู้บริจาคที่มีชีวิต แต่ข้อเสียสำคัญของวิธีนี้คือ การรออวัยวะที่นานหลายเดือน หรือหลายปี เนื่องจากในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนมีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รออวัยวะ ทำให้บางครั้งไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทัน 2.การปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต เป็นการผ่าตัดตับกลีบขวาของผู้บริจาคที่เป็นญาติสายตรง สามีหรือภรรยาของผู้ป่วย โดยการผ่าตัดลักษณะนี้เป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนสูง แต่ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้คือ สามารถลดระยะเวลาการรออวัยวะให้สั้นลงเหลือประมาณ 3-4 สัปดาห์ อีกทั้งตับยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่า และมีระยะเวลาที่ขาดเลือดสั้นกว่าการปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยสมองตาย ซึ่งปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นเพียงสถาบันเดียวที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคมีชีวิตเพื่อรักษาโรคมะเร็งตับในผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดวิธีดังกล่าวมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 28 ราย

 

อาจารย์ นายแพทย์วรกิตติ ลาภพิเศษพันธุ์ อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ ระบบตับทางเดินน้ำดีและตับอ่อน กล่าวว่า การผ่าตัดผ่านการส่องกล้องมีข้อดีคือ ลดการปวดแผล ผู้บริจาคไม่มีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ที่ช่องท้อง รวมทั้งระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดเปิด (เฉลี่ย 5 วันเมื่อเทียบกับ 7-10 วันสำหรับผ่าตัดเปิด) ฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทำการผ่าตัดตับผู้บริจาคผ่านการส่องกล้อง และนำไปปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งตับ สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563

 

เชียงใหม่เร่งป้องกันไวรัสโควิดแพร่ระบาด เฝ้าจับตาดู 9 รายที่เป็นครอบครัวเสี่ยง แม้ผลตรวจจะเป็นลบ แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง

นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายแพทย์กิตติพันธ์ ฉลอม นายแพทย์ชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหแม่ และนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่บริเวณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ไม่มีดารตรวจพบการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวในจังหวัดเชียงใหม่เป้นเวลานานกว่า 2 เดือน โดยล่าสุดได้มีการเฝ้าจับตาดู 9 รายที่เป็นครอบครัวเสี่ยง ที่เดินทางไปพักโรงแรมเดียวกับทหารอียิปต์ แม้ผลตรวจจะเป็นลบ แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง


โดยทางด้านนายแพทย์กิตติพันธ์ ฉลอม นายแพทย์ชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ระยองนั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดก็พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิทยุการบินเชียงใหม่ ที่เดินทางไปกับครอบครัวที่ จ.ระยอง และได้พักในโรงแรมเดียวกันกับทหารอากาศจากประเทศอียิปต์ ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากการติดตามไทมไลน์ ก็พบว่า มีการเข้าพักที่โรงแรมเดียวกันจริง แต่ห้องพักอยู่คนละชั้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว พร้อมกับครอบครัว รวม 9 คน ก็มีการป้องกันอย่างดี ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลา เมื่อกลับมาก็มีการรายงานตัวกับทางผู้บังคับบัญชาและเข้ารับการตรวจในวันที่ 13 ก.ค. โดยผลสรุปการตรวจเชื้อไวรัสโควิด พบว่าทั้งหมด 9 ราย มีผลเป็นลบ แต่ทั้งนี้ก็ได้แนะนำให้มีการกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่การกลับเข้ามาถึงในพื้นที่ รวมถึงให้สังเกตุอาการอย่างต่อเนื่อง หากพบอาการผิดปกติก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที

ด้าน นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การเดินทางมาของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ระยอง หรือจังหวัดอื่นๆ การเดินทางมาไม่ต้องกักตัว แต่ทุกคนต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะ และต้องกรอกข้อมูลให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ใช้ในการติดตามเส้นทางการเดินทางได้หากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในกรณีของทหารที่พาครอบครัวไปที่ จ.ระยอง พร้อมกับครอบครัว รวม 9 คน ขณะนี้ยังเป็นเพียงผู้เฝ้าระวังเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ ซึ่งต้องมีการเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็อยากฝากแจ้งเตือนถึงพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เมื่อทุกคนปฏิบัติตามก็จะทำให้พื้นที่นั้นๆ เกิดความเสี่ยงที่น้อยลง

ทั้งนี้ทางด้าน นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ วางมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่พบว่ามีผู้ป่วยในพื้นที่ จ.ระยอง และจังหวัดเชียงใหม่ก็มีผู้ที่เดินทางไป และอยู่ในช่วงของการเฝ้าติดตามอาการ ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้วางมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยทางทีมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกับขอให้ประชาชนอย่างตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ แต่ควรตระหนักในเรื่องของมาตรการในการป้องกันอย่างเข้มงวด

กองกำลังผาเมือง จัดกำลังตรึงตลอดแนวชายแดน พร้อมตั้งจุดสกัดร่วม 3 ฝ่าย เข้มงวดในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

กองกำลังผาเมือง จัดกำลังตรึงตลอดแนวชายแดน พร้อมตั้งจุดสกัดร่วม 3 ฝ่าย เข้มงวดในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 จัดกำลังพลเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการลับลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยการจัดอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวนในช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติที่ล่อแหลม, การตรวจการด้วยระบบกล้องวงจรปิด (CCTV), การจัดกำลังลาดตระเวนเฝ้าตรวจ และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้น ร่วมกับ จนท.ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน

โดยในห้วง 4 วัน ที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจพบการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติในพื้นที่ อ.แม่สาย จว.เชียงราย เนื่องจากเกรงกลัวว่าจะถูกจับกุม จากเจ้าหน้าที่ ที่มีความเข้มงวดในการสกัดกั้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ อ.เชียงดาว อ.ฝาง. จ.เชียงใหม่

นักธุรกิจดัง “เอก วุฒิศักดิ์คลินิก” เผยเสียใจที่เห็นบริษัทล้มละลายขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล

นักธุรกิจดัง “เอก วุฒิศักดิ์คลินิก” เผยเสียใจที่เห็นบริษัทล้มละลายขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล แจงปัจจุบันไม่ได้บริหารนานแล้วเหลือหุ้นแค่ 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขอบคุณแฟนคลับเป็นห่วงตนไม่ได้ล้มละลาย มีธุรกิจ โรงแรม อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์ สงสารและเป็นกำลังใจให้ทุกคน

นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ 1 ใน 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท “วุฒิศักดิ์คลินิก” ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า มีคนโทรศัพท์หาตนเยอะมาก ถามว่า คุณเอก กำลังล้มละลายเหรอ เป็นเจ้าของหรือเปล่า ก็ขอบอกว่า ตนนั้นยังมีหุ้นอยู่ในคลินิกวุฒิศักดิ์ นิดหน่อย เมื่อก่อนหน้านั้นมีกลุ่มทุนหนึ่ง เข้าไปถือหุ้นใหญ่ และเข้าไปบริหาร และครั้งนั้นก็เอาเรากลับไปบริหารด้วย ก็ดีขึ้นมานิดหนึ่ง ในบริษัท ก็มีหุ้นส่วนใหญ่ หุ้นส่วนเล็ก และก็ให้ตนออก และทำการบริหารเอง ตนก็ออก จากการเป็นผู้บริหาร เสียใจและตกใจมากในตอนนั้น ตนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารวุฒิศักดิ์คลินิกแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ถือหุ้นเล็กๆ ในปัจจุบัน ตนไม่ได้ล้มละลาย อาจจะเข้าไปซื้อหุ้นเล็กน้อยไว้ก็อยู่หลายร้อยล้านอยู่ ก็ถือว่าเราได้ทำธุรกิจอย่างหนึ่งอยู่เหมือนกัน

นายณกรณ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่หลายคนตกใจและสนใจ เพราะคิดว่า วุฒิศักดิ์คลินิกตนเป็นเจ้าของ ทั้งที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้บริหารมานานหลายปีแล้ว แค่เคยเป็น 1 ในผู้ร่วมก่อตั้ง หลังจากที่ขายหุ้นวุฒิศักดิ์ ส่วนใหญ่ออกไปคงเหลือหุ้นเพียง 17 % เท่านั้น ปัจจุบันนี้ตนได้แยกออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งมีธุรกิจโรงแรม ชาลา นับเบอร์ 6 ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ , ธุรกิจขายเครื่องมือแพทย์ , ธุรกิจอาหารเสริมสุขภาพ และธุรกิจผลิตหน้ากากอนามัย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี

อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ให้กำลังใจ คิดดีกับเราตลอด เราก็มีธุรกิจอื่นอีกมากมาย “ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่มีข่าวเรื่อง วุฒิศักดิ์คลินิก ล้มละลาย เพราะเรานั้นเป็นผู้ก่อตั้งครั้งแรก ทำเติบโตได้มาตั้งนาน และสงสารน้องๆ ที่อยู่ที่วุฒิศักดิ์ ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของคนมากกว่า นายณกรณ์ กล่าวในที่สุด

พนักงานโรงแรมดังรวมตัวกันเอาเงินเดือนที่ถูกตัดเหลือเพียงน้อยนิด ลงขันกันทำน้ำพริกกากหมู ออกขายทางออนไลน์เพื่อให้เพียงพอกับความเป็นอยู่

ที่โรงแรมชาลานัมเบอร์ 6 ถ.พระปกเกล้า อ.เมืองเชียงใหม่ หน้าวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร หลังจากที่ทางโรงแรมโดย นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ได้ให้พนักงานที่ยังคงคงทำงานอยู่ในโรงแรมบางส่วน ได้ทำกับข้่าวอาหาร เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนบริเวณด้านหน้าโรงแรม ทุกวันแล้ว ต่อมาพนักงานประมาณ 10 กว่าคน ก็ได้มาช่วยกัน ปลอกหอมแดงกระเทียม และส่วนผสมในการทำน้ำพริกกากหมุ เพื่อทำน้ำพริกออกจำหน่าย โดยใช้บริเวณห้องครัวและบริเวณภัตตราคารของโรงแรมเพื่อเป็นแหล่งผลิตน้ำพริกดังกล่าว ใส่ขวดกระปุก เพื่อออกจำหน่ายทางออนไลน์ โดยใช้ชื่อน้ำพริกที่พนักงานร่วมกันผลิตดังกล่าวว่า “น้ำพริกแม่อุ๊ยชาลา” บรรจุในกระปุกแก้วปิดผนึกมีสติ๊กเกอร์ติดชื่อยี่ห้อ เบอร์โทรสั่ง อย่างดี มีมาตรฐาน ราคากระปุกละ 59 บาท ส่งบริการถึงที่ โดยมีพนักงานขับขี่จักรยาานยนต์ไปส่งให้ถึงมือถึงบ้านผู้สั่งทันที

นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ เจ้าของโรงแรมชาลานัมเบอร์ 6 ได้เปิดเผยว่า ช่วงนี้วิกฤตโควิด19 ทางโรงแรมก็ต้องปิดตัวเองไปก่อนชั่วคราว แต่เรายังคงมีพนักงานอยู่ประจำโรงแรมไว้บางส่วน เพื่อทำการเฝ้าโรงแรมและคอยปรับปรุงภายในโรงแรมบางส่วน รวมทั้งให้ทำอาหารแจกให้กับประชาชนทุกวัน ๆ ละ 300-400 กล่อง เพื่อช่วยประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในช่วงนี้ โดยทำการแจกบริเวณหน้าโรงแรมทุกวันช่วงเวลา 11.00 น โดยมี ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจ มาคอยจัดระเบียบทุกวัน และในช่วงที่พนักงานว่าง ทางผู้จัดการ และพนักงานที่เหลือ ได้มาขออนุญาต ตนเพื่อขอใช้พื้นที่ในการทำน้ำพริกกากหมุ ใส่กระปุกแก้ว โดยใช้ชื่อ “แม่อุ๊ยชาลา” ซึ่งโลโก้ หน้าแม่อุ๊ย นั้นพนักงานก็เอามาจาก “หล่องข้าว” ในโรงแรมที่มีรุปแม่อุีย ติดอยุ่ที่ ยุ้งข้าว ดังกล่าวมาเป็นโลโก้ เพื่อหารายได้ในการมาจุนเจือครอบครัว พนักงานที่ต้องหยุดงานและที่ยังทำงานบางส่วนที่ถูกปรับเงินเดือนลดลง ตนก็ได้อนุญาติ ให้ใช้พื้นที่บริเวณห้องครัวและบริเวณภัตตราคารของโรงแรม เพราะช่วงนี้โรงแรมหยุดชั่วคราว

ทางด้านพนักงานของโรงแรม ได้เปิดเผยว่า เมื่อทางเจ้าของได้อนุญาต ทางเราก็ได้เริ่มรวบรวมเงินกันซื้อวัสดุต่าง ๆ ทั้งกระเทียม หอมแดง มันหมุมาเจียวมาทอด พริกแห้งมาคั่วกัน และซื้อกระปุกแก้ว ที่มีการปิดผนึกอย่างดี สติ๊กเกอร์ยี่ห้อ ก็ทำการปริ้น กันเอง ทำกันโดยการขายทางออนไลน์ ของพนักงานแต่ละคน ทางเฟสบุ๊ค ของพนักงาน ซึ่งได้ผล มีการสั่งออร์เดอร์ เข้ามาจำนวนมาก ตอนแรกก็ทำเพียงวันละ 20 กระปุก ต่อมามีสั่งซื้อจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 60-80 กระปุก เลยทีเดียว ทางเรามีบริการส่งถึงที่โดยให้พนักงานของโรงแรมขับขี่จักรยานยนต์ไปส่งถึงที่ตามออร์เดอร์ เลยทีเดียว เราเริ่มจากเล็กแล้วไปหาใหญ่ หากชื่อติดตลาด และเติบโต ทางเราก้จะมอบชื่อแบนเนม น้ำพริกกากหมู ให้กับทางโรงแรมเป็นเจ้าของ ดำเนินการต่อ ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อยๆ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะมาเฉลี่ย ช่วยเหลือพนักงงานของโรงแรมที่ต้องว่างงานกันต่อไป ตอนนี้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือกัน ทางเจ้าของโรงแรมก็ใจดีอนุญาต

ทางด้านนายจักรพันธ์ ชัยโชคดี อดีตดารานักแสดงช่อง 3 (ห้องหุ่น) ได้เปิดเผยว่า ช่วงนี้วิกฤตโควิด 19 ผู้ประกอบการพนักงานต่าง ๆ ทั้งโรงแรม สถานบันเทิง ห้องอาหาร ร้านอาหาร และอีกหลายแห่งเดือดร้อนกันทั่วหน้า แต่ก็ต้องช่วยกันเพื่อชาติ ยอมอดทน และที่โรงแรมชาลานัมเบอร์ซิก ซึ่งเป็นโรงแรมของพี่ชายตน พนักงานของโรงแรม มีไอเดียที่ดี รวมตัวกันผลิตน้ำพริกกากหมู ใส่กระปุกแก้ว ออกจำหน่ายทางออนไลน์ เพือหารายงานได้เสริมช่วยเหลือพนักงานด้วยกันที่ต้องตกงาน ว่างงาน หรือที่ถูกลดเงินเดือน ในช่วงนี้ ตนก็เห็นดีงามด้วย หลาย ๆ ที่น่าจะเอาเป็นตัวอย่าง ขายผลิตอาหารอะไรก็ได้ออกมาจำหน่ายทางออนไน์ แถมมีบริการส่งถึงที่ด้วย น่าสนใจ เป้นการเริ่มต้นผลิตสินค้า อย่างหนึ่ง ไม่แน่หากสินค้าดังก่ล่าว เกิดฟลุ๊คติดขึ้นมา ก็รวยมหาศาลเลยทีเดียวก็ว่าได้ ก็เหมือนกับสินค้้าเครื่องดื่ม ที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย นำสิ่งใกล้ตัวมาผลิตมาทำเป้นแบนเนม จนติดตลาดและร่ำรวยกันไปก็หลายราย ต้องลอง ครับ ในช่วงนี้ ช่วงอยู่กันว่าง ๆ

ปางช้างแม่สา จัดงานวันช้างไทย มอบรางวัลครวญช้างยอดเยี่ยม มอบอาหารให้ช้าง จำนวน 78 เชือก ยึดถือหลักปรัญชาญาเศรษฐกิจพอเพียง และป้องกันการแพร่ระบาดโรค โควิท 19

ปางช้างแม่สา จัดงานวันช้างไทย มอบรางวัลครวญช้างยอดเยี่ยม มอบอาหารให้ช้าง จำนวน 78 เชือก ยึดถือหลักปรัญชาญาเศรษฐกิจพอเพียง และป้องกันการแพร่ระบาดโรค โควิท 19

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 11 มี.ค.63 ที่ปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวดเชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา จำกัด ได้จัดกิจกรรมงานมอบรางวัลควาญช้างยอดเยี่ยม เนื่องในวันช้างไทย ปี 2563 โดยมี ส่วนราชการ ประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมงานจำนวนมาก โดยภายในงานมีการมอบรางวัลให้กับควาญช้าง และจัดอาหาร ผลไม้ นาๆชนิด มาเลี้ยงช้างภายในปางจำนวน 78 เชือก

ทั้งนี้วันช้างไทย ริเริ่มจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงานองค์การภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐนตรี เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะทำให้ประชาชนคนไทย หันมาสนใจช้างไทย รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสนใจต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น คณะกรรมการฯจึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจรรณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา

แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่า วันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ ประจำชาต มีมติให้ช้างผือกเป็นสัญญาลักษณ์ของประเทศไทย นั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่รัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2541 เห็นชอบให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันช้างไทย

ซึ่งในวันที่ 13 มีนาคม ทุกปีปางช้างแม่สา จะจัดงานวันช้างไทยขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความสำคัญของวันช้างไทย ในปี 2563 นี้ ปางช้างแสา จึงได้จัดงานวันช้างไทยขึ้น แต่การจัดงานในครั้งนี้จะแตกต่างจากทุกปี ด้วย ดังนั้นนโยบายของผู้บริหารในปีนี้ จึงจัดงานวันช้างไทยในรูปแบบที่เรียบง่ายและเน้นให้ความสำคัญกับช้างและควาญช้างมากกว่า เพื่อตอบแทนการทำงานของควาญช้างและช้างโดยในปีนี้ทางผู้บริหารปางช้างแม่สา จึงได้ทำกิจกรรมตอบแทนการทำงานของช้างและควาญช้างโดยการจัดงานมอบรางวัลควาญช้างยอดเยี่ยมให้กับควาญช้าง

ซึ่งทางปางช้างไม่ได้งดจัด”งานวันช้างไทย” แต่ย้ายมาจัดในวันที่ 11 มีนาคม 2563 มีพิธีทางสงฆ์ ถวายเพลพระสงฆ์ 9 รูป จัดเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงานพร้อมแจกกล่องใส่อาหารทัพเปอร์แวร์แบบนำมาใช้ซ้ำ(Reuse) จำนวน 400 กล่องและช่วงบ่ายมอบเกียรติบัตรควาญช้าง และจัดเลี้ยงอาหารช้างจำนวน 78 เชือกงานจัดแบบไม่ฟุ่มเฟือยตามสภาพเศรษฐกิจโดยเน้นปรัญชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง อีกทั้งเพื่อป้องกันไวรัสโควิด19 ที่กำลังแพร่ระบาดอีกด้วย