เศรษฐกิจซบเซา หลังไวรัสโควิด-19ระบาด เชียงใหม่ ซู อควาเรียมประกาศลดราคาหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

หลังจากที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อ ตลอดจนผู้ป่วยในประเทศไทย ก็ได้ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทยซบเซา นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงกว่าร้อยละ 80 ถึงที่ผ่านมาทางด้านผู้ประกอบการต่างพากันลดราคา หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชางไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก ก็ได้มีการปรับตัวรับมือกับช่วงวิกฤตจากสถานการณ์การลดลงของนักท่องเที่ยว หลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ด้วยการปรับลดราคาบัตรเข้าชม เพื่อหวังกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยออกมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆเยาวชนได้เข้ามาศึกษา ชีวิตของสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ในช่วงปิดเทอมอีกด้วย

โดยทางด้าน นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการเชียงใหม่ ซู อควาเรียมจึงเห็นว่าการปรับลดราคาบัตรเข้าชมให้ถูกลง จะช่วยทำให้ความซบเซาของธุรกิจการท่องเที่ยวมีการกระเตื้องขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังมิได้ปล่อยปละเละเลยในเรื่องการทำความสะอาด และทำการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอลล์เป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและบ่าย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเข้าชมอควาเรียม ซึ่งหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน

ชาวบ้านรวมตัวทำพิธีสาบานตนเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ ในการงดเผาป่า

ที่บริเวณโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าตามพระราชดำริ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ได้มีกลุ่มชาวบ้านในละแวกดังกล่าว รวมตัวกันเพื่อทำพิธีสาบานตนเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ ในการงดเผาป่าตามมาตรการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน โดยมีพันเอก สุปกรณ์ เรือนสติ ผู้จัดการสำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าตามพระราชดำริ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม เป็นประธาน โดยในพิฑีได้มีการจุดจุดธูป ปฏิญานตนเป็นภาษาไทยและไทยใหญ่ต่อหน้าองค์พระพุทธรูป ในการจะไม่เผาป่าและบุกรุกป่า เพื่อช่วยบรรเทาในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน

อย่างไรก็ตามเป็นมาตรการเชิงรุก กุศโลบาย ให้ทุกคนในพื้นที่ กว่า 2,400 ไร่ ช่ยกันดูแลปกป้อง หลังจากที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาเกิดไฟป่ามาตลอดจนภายหลัง 2 ปีที่ผ่านมาได้กระทำจุดธูปสาบาน ก็ไม่ไม่เกิดไฟป่าเกิดขึ้น จึงได้ทำมาเป็นปีที่ 3 ซึ่งทุกคนจะต้องเฝ้า ดูแล ป้องกัน แจ้งข่าว ช่วยกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่

นอกจากนี้ได้ปิดทางเข้าทุกเส้นทางเพื่อป้องกันการเข้าไปลักลอบเผาป่า ซึ่งได้วางมาตรการต่อทุกคนภายในอ่างเก้บน้ำห้วยตึงเฒ่าตามพระราชดำริ ต้องมาลงชื่อ ใครไม่มาถือว่าไม่ให้ความร่วมมือและจะถูกเพ่งเล็ง ซึงก็ได้รับความร่วมมือทุกคนได้เดินทางมารวมในพิธีอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันพร้อมมีรางวัลให้กับผู้ชี้เบาะแสลักลอบมาเผาจำนวน 1 หมื่นบาท อีกด้วย

อบจ.เชียงใหม่ลุย สร้างแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ หวังสร้างรายได้ให้กับชุมชน

หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือโควิก 19 ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวยังประเทศไทย มีปริมาณลดลงกว่าร้อยละ 90 ทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายฝ่ายต่างมีการช่วยกันระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้มีการผุดไอเดีย ที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยว โดยการดึงสินค้าโอทอปชุมชนมาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนมีรายได้

โดยล่าสุด ที่บริเวณ บ้านชาวนาน้อย ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทางด้านนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเป็นประธานในการเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ Gumber&Flower Land ซึ่งภายในสวนได้มีการปรับตกแต่งไปด้วยดอกทานตะวัน ดอกคลีโอมี และดอกเวอร์บีน่า ซึ่งได้มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้ที่บริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มีการเชิญชวนประชาชนนำสินค้าภูมิปัญญาพื้นบ้านมาจำหน่ายส่งผลทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวเป้นไปอย่างคึกคัก

โดยทางด้านนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวว่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนำร่อง ในการนำพื้นที่ชุมชนนาดประมาณ 3 ไร่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการปลูกดอกไม้ สร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ให้นักท่องเที่ยวและประชาชน เดินทางมาเที่ยวชมความสวยงาม นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดโอกาสให้ชาวบ้าน ผู้ผลิตสินค้า OTOP สินค้าภูมิปัญญาพื้นบ้าน ได้นำสินค้ามาวางขาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน โดยหลังจากนี้จะได้มีการเชิญชวนท้องถิ่นทั้งสองร้อยกว่าแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างสวนดอกไม้ ผุดแหล่งสถานที่ท่องเท่ยวลักกษณะนี้ขึ้น

ซึ่งถ้าหากสามารถทำได้จริง ก็จะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าในขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ได้ส่งผลทำให้เราอยู่ในสภาวะที่ปิดประเทศตัวเองไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากขอเชิญชวนประชาชน หากได้มีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่ ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะนี้ได้ เพื่อเป็นการส่งเสริม สร้างรายได้ให้กับชุมชน ร่วมกันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

นายกอบจ.ลำพูน จัดใหญ่งาน”เสน่ห์ทุนทางวัฒนธรรมชุมชนลำพูน”

นายกอบจ.ลำพูน จัดใหญ่งาน”เสน่ห์ทุนทางวัฒนธรรมชุมชนลำพูน”

ณ สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน คุณนุสรา เตียงเกตุ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรมและผ้าทอ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน และภาคเอกชน ร่วมกันจัดงาน”เสน่ห์ทุนทางวัฒนธรรมชุมชนลำพูน ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2563 ณ สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย

ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกอบจ.ลำพูน กล่าวว่าจังหวัดลำพูนภาคเศรษฐกิจนั้นขึ้นกับอุตสาหกรรม และพืชเกษตร ซึ่งทุกอย่างก็มีโอกาสเกิดวิกฤตได้ แต่ทุนวัฒนธรรมชุมชนจะต้องเข้ามาทดแทน ซึ่งเราก็มีแนวคิดเปลี่ยนคุณค่าที่เราอนุรักษ์ไว้ มาเป็นวัฒนธรรมชุมชนให้เป็นทุน โดยทำเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ เป็นการท่องเที่่ยว เป็นการบริการ เพื่อทดแทนรายได้จากภาคอื่นๆ และหากรายได้จากภาคอื่นๆดี ก็เป็นการเสริมรายได้ให้กับทุกอาชีพในจังหวัดลำพูน

จังหวัดลำพูนมีทุนด้านวัฒนธรมม ภูมิปัญหาด้านผ้า มาตั้งแต่อดีต ทั้งด้านหัตถกรรม แกะ ก่อ ทอ ปั้น ได้อย่างครบครัน ทางอบจ.จึงมีแนวคิดรวบรวมของดีจากทุกพื้นที่ในจังหวัดลำพูน มารวมกันจัดงานเพื่อเผยแพร่ของดีของจังหวัดลำพูน ให้ประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้รู้กัน โดยจะมีการนำของดีด้านวัฒนธรรมชุมชน อาทิผ้าภูมิปัญหาไทย ผ้าจก ผ้ายก ผ้าไหมยกดอก การทำย่าม ผ้าย้อม ผ้าปัก ที่สวมงามมาจัดแสดง รวมถึงกิจกรรมด้านวัฒนธรรมอื่นๆมากมาย จึงอยากเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมชมความสวยงามได้ในงานดังกล่าว

หลายหน่วยงานในเชียงใหม่ร่วมกันพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ให้กลายเป็นเมืองเดินได้-เดินดี

ที่บริเวณ หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรมพิธีลงนามความร่วมมือพัฒนาย่านเดินได้-เดินดีเมืองเชียงใหม่ ตามโครงการ “เตียว หย๊อง เมือง เชียงใหม่” โดยมีนายสุนทร ยามศิริ รอง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานในการเปิดงาน ซึ่งได้มีการลงนามความร่วมมือร่วมกันระหว่างเทศบาลนครเชียงใหม่ กลุ่มใจบ้าน กลุ่มเชียงใหม่ เขียว สวย หอม เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เมืองเชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ในการ พัฒนาย่านเดินได้ย่านเดินดีเชียงใหม่ เปลี่ยนเมืองเชียงใหม่ สู่ เมืองเดินได้-เมืองเดินดี

โดยทางด้านนายสุนทร ยามศิริ รอง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาพื้นที่อย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือปัญหาด้านการจราจร และปัญหาการขนส่งมวลชน และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และการส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ผ่านมาผมว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการขยายตัวทางภาคการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว แต่ไม่มีการวางแผนรองรับการขนส่งมวลชนล่วงหน้า ส่งผลทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวหันมาใช้รถส่วนตัวกันมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาจราจรรวมไปถึงมลพิษและฝุ่นควัน

ดังนั้นหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกันจัดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อจะพัฒนาความสวยงามของเมืองเชียงใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เมืองเชียงใหม่ สนับสนุนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมในเขตเมืองเก่า ลดการใช้ปริมาณยานพาหนะ บริการขนส่งมวลชน พัฒนาให้เป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาความแออัดของเมือง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการออกแบบให้เขตพื้นที่เมืองเก่าเป็นพื้นที่นำร่อง ให้เอื้อเฟื้อต่อการเดินและปั่นจักรยาน รวมไปถึงการวางระบบและพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ที่จะสามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างเป็นระบบ โดยในวันนี้ได้มีการลงนามร่วมกันในการผลักดันโครงการนี้ นับเป็นการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ในอนาคต ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตต่อไป

กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น จัดงานฉลองวันชาติญี่ปุ่น และฉลองวาระครบ 60 พรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะอย่างยิ่งใหญ่

กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น จัดงานฉลองวันชาติญี่ปุ่น และฉลองวาระครบ 60 พรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะอย่างยิ่งใหญ่

ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงใหม่ นายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ เป็นประธานจัดงานฉลองวันชาติญี่ปุ่น ประจำปี 2563 และฉลองวาระครบ 60 พรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ โดยมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ซึ่งมีเจ้านายฝ่ายเหนือ กงสุลใหญ่ กงสุล และกงสุลกิตติมศักดิ์ต่างประเทศ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เดินทางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ผมมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันชาติญี่ปุ่น ประจำปี พ.ศ. 2563 ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสเฉลิมฉลองวาระที่สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะจะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ที่จะถึงนี้

นับตั้งแต่ประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2430 นั้น ตลอดระยะเวลา 130 กว่าปีที่ผ่านมา มิตรภาพและความร่วมมืออันดีระหว่างสองประเทศได้พัฒนาร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชไมตรีระดับพระราชวงศ์ที่ทรงเปรียบเสมือนต้นแบบของการกระชับสัมพันธไมตรี ความร่วมมือ การสนับสนุน และการแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น สัมพันธภาพอันอบอุ่นนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การเรียนรู้และการพัฒนาร่วมกันในหลายมิติ จึงเชื่อมั่นได้ว่าทั้งสองประเทศจะเดินไปสู่อนาคตที่งดงามได้

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการลงนามสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตรภาพ และพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

ในนามของจังหวัดเชียงใหม่ ผมขอขอบคุณชาวญี่ปุ่นทุกท่าน ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ องค์กรอิสระ และผู้พำนักระยะยาว ที่ได้เล็งเห็นถึงความน่าสนใจและความสวยงามของจังหวัดเชียงใหม่ และชื่นชอบในอัตลักษณ์ความเป็นล้านนาของเรา และผมเชื่อมั่นว่าชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนพร้อมที่จะให้การต้อนรับชาวญี่ปุ่นและผู้มาเยือนทุกท่านเสมือนเครือญาติ ด้วยหัวใจอันอบอุ่น เอื้อเฟื้อ และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในนามของจังหวัดเชียงใหม่ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ตลอดจนพระบารมีแห่งองค์พระบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน และเป็นมิ่งขวัญของปวงพสกนิกรตลอดไป และขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองมีความมั่นคงยั่งยืน

นายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่น และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 ของไทย ถือเป็นวาระมหามงคลที่สานความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในระดับราชวงศ์และระดับประชาชน

ดังจะเห็นได้จาก การพบปะกันของนาย ABE Shinzo นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ในงานประชุมผู้นำ G20 และ ASEAN เมื่อปีที่แล้ว และการมาเยือนไทยของนาย MOTEGI Toshimitsu รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของสองประเทศมากยิ่งขึ้น

รวมถึงการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนที่พัฒนาในหลากหลายด้าน เช่น ในปีที่แล้วมีชาวไทยมากกว่าล้านคนไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และมีชาวญี่ปุ่นมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนคนมาท่องเที่ยวประเทศไทย

ซึ่งในคืนนี้ ได้มีตัวแทนจากจังหวัด Fukuoka และ Okinawa มาออกบูธเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และตั้งแต่กรกฎาคมปีนี้ กีฬา Olympic จะจัดขึ้นที่ Tokyo ผมจึงหวังว่าจะมีชาวไทยไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันมากยิ่งขึ้น

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นในภาคเหนือ จะพบการแลกเปลี่ยนมากมายเช่นกัน ตั้งแต่ผมมารับตำแหน่งเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วผมได้ไปเยือนทั้งเก้าจังหวัด ในโอกาสนั้นผมได้เป็นตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการ KUSANONE ให้การสนับสนุน รถดับเพลิง รถกู้ภัย หอพักนักเรียน และอื่นฯ แก่ชุมชนระดับรากหญ้า ซึ่งผมหวังว่าการสนับสนุนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสังคมไทยต่อไป

ในด้านวัฒนธรรมและการศึกษา สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นฯ มีโอกาสได้ร่วมส่งรถกระทงที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นในเทศกาลลอยกระทง ภายใต้ความร่วมมือของเทศบาลนครเชียงใหม่ นอกจากนี้ ผมมีโอกาสได้ไปชมการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น และพบว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งในเชียงใหม่มีการแลกเปลี่ยนกับสถาบันศึกษาของญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ผมรู้สึกดีใจที่เยาวชนไทยจำนวนมากให้ความสนใจในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งในคืนนี้ นักศึกษาชาวไทยก็ได้มาช่วยสาธิตพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นด้วย ผมขอเชิญทุกท่าน เข้าร่วมชิมชาครับ

การแลกเปลี่ยนด้านศิลปะหัตถกรรม ก็มีตัวอย่างเช่น โครงการ KOYORI ที่มีการถ่ายทอดเทคนิคการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น เพื่อพัฒนามูลค่าของสินค้า OTOP ในภาคเหนือของไทย ดังที่จัดแสดงผลงานให้ทุกท่านได้ชมบริเวณหน้าห้อง reception

ด้านเศรษฐกิจ มีบริษัทญี่ปุ่นมากกว่า 30 บริษัทมาเปิดโรงงานผลิตในจังหวัดลำพูน บางโรงงานถือเป็นแหล่งผลิตสำคัญของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดการส่งออก การจ้างงาน การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีสู่คนไทย อีกทั้ง บริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ได้กิจกรรมด้านสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชน ภายใต้แนวคิด Corporate Social Responsibility (CRS)

อ้างถึงคำกล่าวของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับการสานความสัมพันธ์กับจังหวัดฮอกไกโด ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นเน้นบทบาทของท้องถิ่นมากขึ้น การแลกเปลี่ยนระดับท้องถิ่นทั้งภาครัฐและเอกชนจึงมีความสำคัญมาก ส่งผลให้ มีองค์กรหรือบริษัทระดับท้องถิ่นของญี่ปุ่นเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่กันมากขึ้น เพื่อประสานขอความร่วมมือ ซึ่งผมก็ขอความร่วมมือจากทุกท่านในการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ในภาคเหนือของไทย ต่อไป

ในโอกาสนี้ ผมขอกล่าวขอบพระคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ตลอดจนชาวไทยทุกท่านที่มีส่วนในการดูแลและช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่นนี้ ตลอดมา

ท้ายนี้ ผมขอเรียนเชิญทุกท่านดื่มถวายชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ขอทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์พระชนมพรรษายั่งยืนนาน อีกทั้ง ขอให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่นยั่งยืน สืบไป

บางกอกแอร์เวย์สจัดกิจกรรม “มินิ ทอล์ค การบริหารจัดการขยะ” ภายใต้ โครงการ “ถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ”

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยส่วนรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) นำโดยนางอาริญา ปราสาททองโอสถ กรรมการบริษัทฯ และประธานคณะทำงานส่วนรับผิดชอบต่อสังคม (ที่ 3 จากขวา) และนายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยารองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด (ที่ 2 จากขวา) จัดกิจกรรม “มินิ ทอล์ค เรื่องการบริหารจัดการขยะ” ภายใต้โครงการ “ถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ” ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เพื่อให้ความรู้แก่พนักงานเรื่องการคัดแยกขยะภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพโดยมี นางพิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมเป็นเกียรติในงาน นอกจากนี้ยังมีคู่รักรักษ์โลก ท็อป พิพัฒน์ (ที่ 1 จากซ้าย) และ นุ่น ศิรพันธ์ (ที่ 2 จากซ้าย) มาร่วมสนทนาแบ่งปันเคล็ดลับเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต

โครงการ “ถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ” โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เป็นโครงการที่เชิญบริษัทจดทะเบียนที่มีที่ทำการหรือมีโครงการอยู่ในแนวถนนวิภาวดีรังสิต มาร่วมกันบริหารจัดการขยะภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและลดขยะที่ไม่สามารถหมุนเวียนไปใช้หรือทำประโยชน์อย่างอื่นให้เหลือน้อยที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลัก 3R “Reduce Reuse Recycle” หรือ “ลดใช้ นำกลับมาใช้ซ้ำ และรีไซเคิล” เริ่มตั้งแต่ลดการใช้สิ่งที่จะเป็นขยะในอนาคต และเรียนรู้ในการจัดการขยะแต่ละประเภท ซึ่งเป็นจุดเริ่มของเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ที่จะสามารถสร้างความยั่งยืนในอนาคตได้ด้วยการร่วมมือกันในสังคมหรือเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัวภายในองค์กรเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถขยายผลไปยังองค์กรอื่นได้

สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ จัดงานประกวดสุนทรพจน์ภาษาญี่ปุ่นระดับอุดมศึกษาในเขตภาคเหนือ ครั้งที่ 15

สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขา ภาคเหนือได้จัดงานประกวดสุนทรพจน์ภาษาญี่ปุ่นระดับอุดมศึกษาในเขตภาคเหนือ ครั้งที่ 15 ขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ณ สำนักงานบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การประกวดสุนทรพจน์ในครั้งนี้ มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากบทสุนทรพจน์จำนวน 20 คน โดยมีการมอบรางวัลแก่ผู้เข้าประกวดการแข่งขันดังนี้ รางวัลชนะเลิศ จะได้เดินทางไปศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโซเฟียระยะ 1 ปี ได้แก่นางสาวปรวรรณ ชาแจ้ง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “ที่อยู่ของฉัน”

และรางวัลรองชนะเลิศ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น 2 ที่นั่งโดยบริษัทเจแปนแอร์ไลน์และบริษัทบางกอกแอร์เวย์สพร้อมเงินรางวัลสนับสนุนการเดินทาง 10,000 บาท จากหอการค้าญี่ปุ่นกรุงเทพฯ ได้แก่นางสาวกัญญาภัค เพ็งทอง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร รางวัลที่ 3-5 จากชมรมผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นในภาคเหนือ รางวัลคาลบี้ ทัศนศึกษา ณ บริษัทคาลบี้ กรุงเทพ พร้อมค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน รางวัลชมเชย สนับสนุนโดยนิธิส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาไทย-ญี่ปุ่น รางวัลความพยายามสนับสนุนโดยชมรมผู้พำนักระยะยาวชาวญี่ปุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ และรางวัลพิเศษสนับสนุนโดยมูลนิธิใจบริสุทธิ์

ทั้งนี้ได้มี นายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีรัช ปัญโญ ประธานสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาภาคเหนือ ศาสตราจารย์จุโระ โอทซึกะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยโซเฟีย นายคาซึยูกิ ฮิจิโมโต ผู้จัดการภาคพื้นอินโดจีนและเอเชียใต้เจแปนแอร์ไลน์สาขากรุงเทพฯ นายโยชิคัทซึ นาคะยะมะ ประธานชมรมผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นในภาคเหนือ นางสาวรุเนะ อะริมะ ประธานบริษัท คาลบี้ ธนวัฒน์และคณะกรรมการตัดสินเข้าร่วมงาน

บางกอกแอร์เวย์ส จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนที่สำเร็จหลักสูตรการฝึกงาน แผนกช่างอากาศยาน

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดย นางจันทร์ทิพย์ ทองกันยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักผู้อำนวยการใหญ่ เป็นประธานพิธี (ที่ 5 จากขวาแถวหลัง) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนที่สำเร็จหลักสูตรการฝึกงาน (แผนกช่างอากาศยาน) จากโครงการสานพลังประชารัฐ สำนักงานใหญ่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถนนวิภาวดีรังสิต

พิธีมอบประกาศนียบัตรในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความยินดีและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่นักศึกษาที่สำเร็จหลักสูตรการฝึกงาน (แผนกช่างอากาศยาน) โดยบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงคณะกรรมการประสานพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพวิชาชีพอาชีวศึกษา โดยบริษัทฯ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนแผนกวิชาช่างอากาศยาน วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 6 คน และวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 4 คน เมื่อเรียนจบหลักสูตร บริษัทฯ ได้มอบโอกาสให้นักเรียนทุนกลุ่มนี้เข้าฝึกงาน ณ โรงซ่อมอากาศยานของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สนามบินดอนเมือง เพื่อเป็นการฝึกทักษะที่ได้เรียนรู้ และมีโอกาสได้นำความรู้มาใช้ในการปฏิบัติงานจริง รวมถึงเรียนรู้ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนฝึกความอดทนและการใช้ความคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ระยะเวลาในการฝึกงาน ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2562 – 14 กุมภาพันธ์ 2563 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มอบโอกาสให้แก่นักศึกษาทุนกลุ่มดังกล่าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือกเพื่อเป็นพนักงานของบริษัทฯ อีกด้วย

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสนับสนุนรัฐบาลไทยในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด

รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มูลค่ารวมประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่องานด้านการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างสหรัฐฯ และไทยที่ดาเนินมาอย่างยาวนาน ในโอกาสดังกล่าว กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ฌอน โอนีลล์ ร่วมกับนายจอห์น กรินดีน หัวหน้าสานักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ ประจาเชียงใหม่ เป็นผู้มอบอุปกรณ์ให้กับกองบัญชาการตำรวจปรำบปรำมยำเสพติด รับมอบโดย พ.ต.ท.จิรพงษ์ คำมี รองผู้กำกับกำร 2 กองบังคับกำรตำรวจปรำบปรำมยำเสพติด 3

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สหรัฐฯ มอบให้ไทยได้แก่กล้องถ่ายรูปจานวน 30 ตัว เพื่อให้หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-สหรัฐฯ ได้ใช้งานเพื่อต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดในไทย ซึ่งหน่วยสืบสวนพิเศษ (SIU) สานักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ (DEA) ประจาเชียงใหม่นี้ เป็นหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ผ่านการคัดสรรและคัดกรอง ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจากกองบัญชาการตารวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยปราบปรามยาเสพติดตารวจภูธรภาค 5 ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษและเจ้าหน้าที่วิเคราะห์การข่าวของ DEA ทางานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ SIU ทั้งในฐานะเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้คาแนะนาด้านการสืบสวนสอบสวน จัดหาเงินทุนสนับสนุนการปฏิบัติการ แลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าว และให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคกับเจ้าหน้าที่ไทย ภารกิจของโครงการ SIU คือ การให้ความช่วยเหลือหน่วยบังคับใช้กฎหมายของไทยในการสืบสวนสอบสวนด้านการค้ายาเสพติดที่ซับซ้อน เพื่อจุดมุ่งหมายในการกาหนดเป้าหมาย ขัดขวาง และทาลายองค์กรลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ระหว่างประเทศ

 

“อาชญากรรมข้ามชาติส่งผลกระทบต่อพลเมืองของทุกประเทศ สหรัฐฯ ภูมิใจที่ได้สนับสนุนไทยในการหยุดผู้ลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย เพื่อที่เราจะได้ปกป้องครอบครัวของเราและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติทั้งในประเทศไทยและสหรัฐฯ” กงสุลใหญ่โอนีลล์กล่าว “ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายระหว่างสหรัฐฯ และไทยปกป้องครอบครัวและชุมชนของเราทั้งสองประเทศ”