บสย. เผยผลดำเนินงานปี 62 เติบโตทุกมิติ ปิดยอดค้ำ 90,628 ล้านบาท ปี 63 ตั้งเป้าแสนล้าน ช่วย SMEs คนตัวเล็ก “ตัวเบา ไร้แผล มีอนาคต”

บสย. สรุปผลดำเนินงาน ปี 2562 เติบโตทุกมิติ ทั้งยอดค้ำฯ รายได้ และ ผลกำไร สะท้อน Performance องค์กรแข็งแกร่งตอกย้ำบทบาท “นายประกันของรัฐ” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อ 90,628 ล้านบาท อนุมัติค้ำประกัน (LG) 91,489 ฉบับ ช่วยลูกค้าใหม่ 70,129 ราย เปิดแผนงาน ปี 2563 เดินหน้ามาตรการรัฐ ต่อเติม เสริมทุน สร้างโอกาส ทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ ยืดหนี้ SMEs คนตัวเล็ก ภายใต้แนวคิด “ตัวเบา ไร้แผล มีอนาคต” ดันยอดค้ำฯ 100,500 ล้านบาท

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผย ผลดำเนินงาน บสย. ในปี 2562 มีการเติบโตทุกมิติ ทั้งด้านยอดค้ำประกันสินเชื่อ รายได้ และผลกำไร สะท้อนความแข็งแกร่งภายในขององค์กร และการทำงานเชิงรุกมุ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ดังนี้

  1. ปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน 90,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับปี 2561 จำนวน 88,878 ล้านบาท เติบโตท่ามกลางสภาวะสินเชื่อ SMEs ที่หดตัว 2% โดยยอดค้ำประกันสินเชื่อ ปี 2562 มาจากการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS8 จำนวน 38,010 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS7 จำนวน 36,681 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Renew จำนวน 7,281 ล้านบาท และ โครงการ Micro3 จำนวน 5,609 ล้านบาท และอื่นๆ
    ยอดค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS8 ในเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งพบว่ายอดการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยในระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. 2562 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5,668 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ค่าเฉลี่ยเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2562 อยู่ที่ 11,378 ล้านบาท
  2. อนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) 91,489 ฉบับ เพิ่มขึ้น 13.1% เทียบกับปี 2561 จำนวน 80,917 ฉบับ นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา บสย. ยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยออกหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ (LG) จำนวน 14,465 ฉบับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.
  3. ช่วยลูกค้ารายใหม่ จำนวน 70,129 ราย เพิ่มขึ้น 27.6% เทียบจากปี 2561 จำนวน 54,969 ราย

ด้านผลประกอบการ บสย. ปี 2562 มีรายได้รวม 7,793.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.23% และมีกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 595 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากความสามารถในการบริหารกองทุน การบริหารเงินลงทุน และ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อจากการทำงานเชิงรุก ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ

กิจกรรมไฮไลท์แห่งปี 2562 ได้แก่ มหกรรมคลินิคหมอหนี้ และโครงการหมอหนี้ บสย. ซึ่งเป็นโครงการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านการเงิน ภายใต้แนวคิด เติมทุน เติมความรู้ เติมคุณภาพชีวิต ที่ดำเนินการระหว่างเดือน กันยายน-พฤศจิกายน 2562 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 4,000 ราย มีผู้เข้ารับคำปรึกษาผ่านคลินิกหมอหนี้ บสย. จำนวน 1,119 ราย และมีความต้องการสินเชื่อกว่า 3,000 ล้านบาท และสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้จำนวน 338 รายคิดเป็นวงเงินสินเชื่อ จำนวน 2,131 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอรับคำปรึกษาผ่านช่องทาง เฟสบุ๊ค เว็บไซต์ และ Line : @ doctor.tcg เป็นจำนวน 10,477 ราย

ผลสำเร็จของ บสย. ในปี 2562 ที่โดดเด่นด้านการติดตามหนี้ คือการปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการหนี้ แบบผ่อนคลาย ภายใต้กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจ เพื่อช่วยลูกหนี้ที่กำลังประสบปัญหาการชำระล่าช้า เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ การยืดหนี้ และพักชำระหนี้ แทนการฟ้อง โดยลดการจ่ายหนี้ก้อนแรกจากเดิม 10% เหลือเพียง 1% เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ขอรับการประนอมหนี้มากขึ้น โดย บสย. สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มนี้ ได้ถึง 4,029 ราย สูงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 856 ราย

สำหรับแผนงานและเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2563 บสย. ภายใต้แนวคิด “ตัวเบา ไร้แผล มีอนาคต” ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 100,500 ล้านบาท อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ (LG) จำนวน 112,921 ฉบับ และช่วยผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ 83,562 ราย ผ่านมาตรการรัฐ ต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย มุ่งส่งเสริมและสนับสนุน ช่วยผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการการปรับโครงสร้างหนี้ เติมโอกาสให้ SMEs ที่กำลังจะล้ม ให้ยืนได้ โดยการ ยืดหนี้ พักชำระหนี้ สร้างโอกาสทางการเงิน ช่วย SMEs คนตัวเล็ก ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างไทย ต่อเติม เสริมทุน วงเงิน 60,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี ค้ำประกันสูงสุด 10 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของนโยบายรัฐบาล ที่ได้ให้ความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ที่มีประวัติค้างชำระ แต่ยังมีความตั้งใจดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป

นอกจากนี้ บสย. ยังได้มีการขยายระยะเวลาการค้ำประกันสินเชื่อของ SMEs ที่อยู่ในโครงการ PGS5-7 ออกไปอีก 5 ปี ภายในกรอบวงเงิน 70,000 ล้านบาท โดยขณะนี้มีลูกค้า บสย. ที่อยู่ในระหว่างการรอการอนุมัติ ทั้ง 2 โครงการ จำนวน 5,014 ราย วงเงินรวม 12,539 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บสย. ให้การค้ำประกันสินเชื่อไปแล้วกว่า 856,053 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 426,198 ราย และก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 1,261,094 ล้านบาท

โดยในปีนี้ บสย. ยังเดินหน้าการขับเคลื่อนองค์กรยกระดับสู่องค์กรรัฐวิสาหกิจชั้นนำ ภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ สู่การทรานส์ฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ ชูบทบาทของการเป็นองค์กรแห่งการประสานความร่วมมือ การเชื่อมโยงเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้ทั้งระบบ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาองค์กร และผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่ออย่างไม่หยุดยั้ง ยึดมั่นในธรรมาภิบาล ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สนับสนุน สร้างโอกาส ทางการเงิน ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ

นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดสวนไม้ดอก รับมหกรรมงานไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ ครั้งที่ 44

เช้าวันนี้ ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดพิธีเปิด สวนไม้ดอกไม้ประกับ สวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยมีนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เป็นประธานในการเปิดงานดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ได้มีการจัดพิธีเปิดงาน ก็ได้มีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้าชมความสวยงามของไม้ดอกไม้ประดับที่ได้มีการจัดตกแต่งภายในสวนสาธารณะ โดยได้มีการนำดอกไม้หายากอาทิดอกทิวลิป รวมไปถึงดอกไม้อื่นๆมาจัดแสดง สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

โดยทางด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สวนสาธารณะหนองบวกหาด ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของเทศบาลนครเชียงใหม่ และเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง โดย ในระหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้รับมอบหมายให้ตกแต่งสวนสาธารณะ ให้มีความสวยงามเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและทั่วโลก ที่จะเดินทางมาเยือนเมืองเชียงใหม่ระหว่างการจัดมหกรรมงานไม้ดอกไม้ประดับครั้งที่ 44

ซึ่งในปีนี้เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ตกแต่งสวนสาธารณะหนองบวกหาดด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งจากในประเทศ และจากต่างประเทศที่หายาก จนเต็มพื้นที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ชมความสวยงาม ควบคู่กับการนำไม้ดอกไม้ประดับจากต่างถิ่น มาประดับตกแต่งในสวนเพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง โดยได้มีการจัดทำจุดไฮไลท์สำหรับถ่ายรูปบริเวณสวนหนองบวกหาด เพื่อจะได้บันทึกภาพความสวยงามของสวนสาธารณะแห่งนี้ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นโดยเฉพาะสินค้าเกษตรประเภทไม้ดอกไม้ประดับ และสินค้าจะวิสาหกิจชุมชนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายต่อไป

ทั้งนี้สำหรับงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 44 ประจำปี 2563 จะจัดขึ้นในระหว่างวันศุกร์ที่ 7 – วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 โดยได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมายอาทิ นิทรรศการแสดง การประกวดไม้ดอกไม้ประดับ การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ของจังหวัดเชียงใหม่ การประกวดนางงามบุปผชาติ/นางงามบุปผชาตินานาชาติ การแสดงนาฏศิลป์ และศิลปวัฒนธรรมล้านนา ของวิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ และการแสดงดนตรีในสวน (Orchestra) นอกจากนี้ที่เป็นไฮไลท์โดดเด่นของงาน คือการจัดประกวดขบวนแห่รถบุปผชาติ

โดยไฮไลท์ของงานจะเป็นพิธีเปิดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งจะมีการปล่อยขบวนแห่รถบุปผชาต ที่ได้มีการจัดประดับตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา มาเดินไปถนนสายต่างๆของเมืองเชียงใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับชมก่อนะเคลื่อนไปจอด ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด ซึ่งสร้างความประทับใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยว เพื่อมาชมความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

ตำรวจรวบตัวหนุ่มทำร้ายฟู๊ดแพนด้า รับทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เบื้องต้นยอมรับผิดตามกฎหมาย

จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำร้ายร่างกายพนักงานขับฟู๊ดแพนด้า เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันบนท้องถนน แม้พนักงานคนดังกล่าวจะยกมือไหว้เพื่อขอโทษแล้วก็ตาม จนกระทั่งได้มีพลเมืองดีเข้ามาห้ามปราม ก่อนที่ชายเสื้อลายที่ก่อเหตุจะขับรถไป ซึ่งหลังคลิปเหตุการณ์นี้ปรากฎเผยแพร่ออกไปแล้วนั้นทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านนายนพเก้า ไผทพิเชษฐ อายุ 23 ปี พนักงานขับฟู๊ดแพนด้าที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้เดินทางไปยัง สภ.ชางเผือก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีแล้ว

โดยล่าสุด พ.ต.อ.กิติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ พร้อมพวก ร่วมกันจับกุมตัว นายสิทธิพงษ์ อุตมติง อายุ 30 ปีชาวอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อเวสป้า สีเทา ทะเบียน 1 กอ 1236 เชียงใหม่ โดยทางผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเป้นชายในคลิปดังกล่าวจริง ซึ่งในวันเกิดเหตุตนกับคู่กรณีได้มีการขับขี่รถปาดหน้ากัน และได้มีการตะโกนท้าทายกันจริงและตนได้ถามคู่กรณีว่า ขับรถปาดหน้าทำไม และเมื่อตนขับรถมาถึงที่บริเวณหน้าแลนมาร์คเจ็ดยอด ถนนเจ็ดยอด – ช่างเคี่ยน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป้นที่เกิดเหตุตนได้ขับขี่รถแซงปาดหน้าขึ้นไป แล้วหยุดรถกลางถนนกระทันหัน จึงเกิดการเฉี่ยวชนกัน ด้วยความโมโหตนจึงได้จอดรถและลงไปทำร้ายผู้เสียหาย โดยหลังจากที่ได้มีพลเมืองดีเข้ามาห้าม ตนจึงได้รีบหลบหนีไปจนกระทั่งถูกตำรวจตามตัวมาดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการเจรจากัน โดย ทางฝั่งผู้เสียหายได้มีการยอมความและขอให้ทางคู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นเงินจำนวน 6,000 บาท รวมทั้งทางด้านกฎหมายได้มีการปรับเงิน 500 บาท ในข้อหาทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์

หนุ่มฟู๊ดแพนด้าโร่แจ้งความ หลังถูกหนุ่มหัวร้อน กระหน่ำทำร้ายร่างกาย เหตุเพราะขับรถเฉี่ยวกัน

จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำร้ายร่างกายพนักงานขับฟู๊ดแพนด้า เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันบนท้องถนน แม้พนักงานคนดังกล่าวจะยกมือไหว้เพื่อขอโทษแล้วก็ตาม จนกระทั่งได้มีพลเมืองดีเข้ามาห้ามปราม ก่อนที่ชายเสื้อลายที่ก่อเหตุจะขับรถไป ซึ่งหลังคลิปเหตุการณ์นี้ปรากฎเผยแพร่ออกไปแล้วนั้นทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

ล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามทางด้าน นายนพเก้า ไผทพิเชษฐ อายุ 23 ปี พนักงานขับฟู๊ดแพนด้าที่ถูกทำร้ายร่างกาย ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยผู้เสียหายได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถส่งอาหารและกำลังจะไปรับออเดอร์ของลูกค้าที่แถวย่านสันติธรรม โดยได้ขับตรงมาทางถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ซึ่งมีทางแยกเข้าไปเจ็ดยอด โดยตนได้ขับมาตามเส้นทางและไปเจอกับคู่กรณีได้ขับรถออกมา แล้วมาบอกตนว่าได้ขับรถปาดหน้า

แล้วได้ขับรถมาจอดด้านหน้าตน ทำให้ตนเบรคไม่ทันรถไปเฉี่ยวชนท้ายคู่กรณี จากนั้นคู่กรณีก็ได้ลงจากรถแล้วตรงเข้ามาชกต่อยตนเข้าที่ศีรษะหลายสิบครั้ง ซึ่งขณะนั้นตนใส่หมวกกันน็อคอยู่ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะทีคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว โดยหลังจากนั้นตนก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษคู่กรณีแล้ว ทั้งๆ ที่ตนก็ไม่ได้เป็นคนผิด แต่ชายคู่กรณีก็ยังโวยวายและคงทำร้ายร่างกายตน อีกทั้งได้มีการกระชากหต้ากากหมวกกันน็อคจนพังเสียหาย โดยหลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาห้ามปราบ และชายคู่กรณีก็ขับรถไป ขณะที่หลังเกิดเหตุตนก็ทำอะไรไม่ถูกและยังสับสนว่าชายคนดังกล่าวก่อเหตุเพราะอะไร ในวันนี้จึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณี

ขณะที่ทางด้าน วุฒิชัย ไผทพิเชษฐ อายุ 27 ปี พี่ชายของผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้น้องชายรู้สึกตกใจ และรู้สึกตื่นตระหนกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งปกติน้องชายก็เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว และมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ทำอะไรไม่ถูก นอกจากนี้หลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณีแต่อย่างใด แม้ว่าทางเพื่อนคนรู้จักของตนได้พยายามติดต่อไปหาชายคนดังกล่าวแล้วก็ตาม ซึ่งตนก็อยากให้ทางคู่กรณีออกมาขอโทษและรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ทำลงไป และชดใช้ค่าเสียหายกับทรัพย์สินที่ถูกกระทำ และอยากฝากถึงคู่กรณีด้วยว่า เวลาทำอะไรให้คิดก่อน และควรจะมีสติ และขอให้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เบื้องต้นได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อรวบรวมหลักฐาน และกำลังเร่งดำเนินการติดตามตัวชายคู่กรณีที่ก่อเหตุมาสอบสวนเช่นกัน เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

 

หลายหน่วยงานร่วมจัดกิจกรรมปั่น Inthanon Challenge อินทนนท์คนพันธุ์อึด ครั้งที่ 13 ระดมทุนมอบกรมอุทยานดูแล “ผู้พิทักษ์ป่า” เครือ รพ.รามคำแหงจัดหน่วยแพทย์ดูแล

หลายหน่วยงานร่วมจัดกิจกรรมปั่น Inthanon Challenge อินทนนท์คนพันธุ์อึด ครั้งที่ 13 ระดมทุนมอบกรมอุทยานดูแล “ผู้พิทักษ์ป่า” เครือ รพ.รามคำแหงจัดหน่วยแพทย์ดูแล

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 ม.ค.63 ที่ห้องคอนเว็นชั่น 2 โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ นายธฤต ชื่นอิ่ม กรรมการบริหารโรงพยาบาลรามคำแหง ทพ.สิระ ฮั่นตระกูล ผู้บริหารโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม และ นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้ร่วมกันแถลงเกี่ยวกับกรณีที่ 3 โรงพยาบาลได้ผนึกกำลังให้การสนับสนุนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชในการเป็นเจ้าภาพหลักร่วมจัดกิจกรรม “ปั่น 2 น่องท่องอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” ครั้งที่ 13 หรือกิจกรรม Inthanon Challenge อินทนนท์คนพันธุ์อึด ครั้งที่ 13

นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยว่า สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพจอมทอง สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทเอกชน ได้กำหนดจัดกิจกรรม Inthanon challege อินทนนท์ คนพันธุ์อึด ครั้งที่ 13 หรือปั่น 2 น่องท่องอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ในวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 โดยกิจกรรมการปั่นจักยานนั้นแบ่งเป็น 2 ระยะทาง ระยะแรกปั่นพิชิตยอดดอยอินทนนท์ ระยะทางประมาณ 48 ก.ม. เริ่มที่ ก.ม.0 ทางหลวง 1009 ถึง ยอดดอยอินทนนท์ และระยะสองปั่นท่องเที่ยวอินทนนท์ ระยะทางประมาณ 31 ก.ม. เริ่มที่ ก.ม.0 ทางหลวง1009 ถึง ที่ทำการอุทยานดอยอินทนนท์

ซึ่งรถจักรยานทุกประเภทที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ ปั่นร่วมกิจกรรมได้ และ สมัครร่วมกิจกรรมได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยผู้สมัครร่วมกิจกรรมจะได้รับเสื้อจักรยาน 1 ตัวป้ายหมายเลขผู้สมัคร พร้อม chip จับเวลา อาหารเช้า อาหารกลางวัน น้ำดื่ม ตลอดเส้นทาง สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมที่ปั่นจักรยาน ถึง จุด Finish ในแต่ละประเภท จะได้รับเหรียญผู้พิชิตอินทนนท์ พร้อมสถิติเวลาปั่นของตนเอง มีเกียรติบัตรนอกจากนี้ยังมีรางวัลเกียรติยศ สำหรับนักปั่นชาย ที่ทำสถิติเวลา น้อยที่ สุด 10 อันดับ จะได้รับถ้วย เกียรติยศ และ เสื้อจ้าวภูเขา และนักปั่นหญิง ที่ทำสถิติเวลาน้อยที่สุด 10 อันดับ จะได้รับถ้วยเกียรติยศ และ เสื้อจ้าวภูเขา

ซึ่งปีที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 8,000 คันค่าลงทะเบียนสมัครบุคคลสัญชาติไทยค่าสมัครทั่วไป รับเสื้อ (เบสิค) ค่าสมัคร 800 บาท พิเศษรับเสื้อ (เกรด-พรีเมียม) ค่าสมัคร 1,600 บาทชาวต่างชาติ (ไม่ใช่สัญชาติไทย)ค่าสมัครทั่วไป รับเสื้อ (เบสิค) ค่าสมัคร 1,200 บาทพิเศษรับเสื้อ (เกรด-พรีเมียม) ค่าสมัคร 2,000 บาท โดยรายได้ทั้งหมดจะนำมอบเข้ามูลนิธิผู้พิทักษ์ป่า

นายธฤต ชื่นอิ่ม กรรมการบริหารโรงพยาบาลรามคำแหง เปิดเผยว่าทางโรงพยาบาลพร้อมทีมโรงพยาบาลในเครือ พร้อมให้การสนับสนุนกรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้การจัดกิจกรรมการปั่นขึ้นดอยสูงสุดของประเทศ ด้วยมาตรฐานสากลในการรับมือดูแลด้านสุขภาวะของนักปั่นที่เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญครั้งใหญ่ประจำปีซึ่งได้รับความสนใจไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น หากแต่นักปั่นที่มีชื่อเสียง มีผลงานจากต่างประเทศก็ได้ให้ความสนใจเช่นกัน เครือ รพ.รามคำแหงจึงได้ให้การสนับสนุน 2 แนวทาง

 

อย่างแรกคือทั้ง 3 โรงพยาบาล จะรับหน้าที่จัดเตรียมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โดยมีคณะแพทย์และบุคคลากรการแพทย์พร้อมเวชภัณฑ์รวมทั้งรถพยาบาลซึ่งติดตั้งอุปกรณ์กู้ชีพฉุกเฉินที่พร้อมสำหรับรับมือดูแลสุขภาวะของบรรดานักปั่นและผู้เกี่ยวข้องในวันดังกล่าวตลอดทั้งวันรวม 2 จุด ๆ แรกจะมี รพ.รามคำแหงกับ รพ.เชียงใหม่ ราม คือที่ กม.32 บนเส้นทางสาย 1009 ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และหน่วยแพทย์อีกจุดสำหรับ รพ.ลานนาจะตั้งอยู่ที่บริเวณยอดดอยที่เส้นชัย

โดยปฏิบัติภารกิจสำหรับกิจกรรมแต่ละปีจะมีคณะแพทย์-พยาบาลและทีมงานจาก รพ.จอมทองรวมถึงหน่วยกู้ชีพกู้ภัยในเขตอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่เป็นหน่วยงานหลักที่จะช่วยกันดูแลให้การปฐมพยาบาลในกรณีมีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและยังต้องพร้อมสำหรับอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยซึ่งอาจเกิดขึ้นกะทันหันกับนักปั่นรายใดให้ต้องเผชิญกับอันตรายเช่นโรคหัวใจที่จำต้องอาศัยศักยภาพ-ความพร้อมด้านการแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างทันทีทันใดในเบื้องต้นรวมทั้งระหว่างการนำส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาอย่างเต็มรูปแบบโดยรวดเร็วเพื่อให้สามารถพ้นขีดอันตรายและปลอดภัยต่อไป

ซึ่งทางเราได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันและได้ร่วมจัดหาทุนสำหรับมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชนำไปดูแลบรรดาเจ้าหน้าที่-ลูกจ้างซึ่งปฏิบัติภารกิจในการพิทักษ์รักษาผืนป่าทั่วประเทศโดยต้องสละความสุขส่วนตัวและยอมเสี่ยงภัยสารพัดรูปแบบเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติให้ยืนยงอยู่ต่อไป เป็นเหตุให้ทั้ง 3 รพ.เครือรามคำแหงขอแสดงน้ำใจตอบแทนด้วยการมอบเงินจำนวน 600,000 บาทเป็นเบื้องต้นพร้อมกับจัดโครงการรณรงค์หาทุนโดยเชิญชวนประชาชนทั่วไปให้มีส่วนร่วมในการสมทบอีกทางหนึ่งซึ่งไม่ว่าจะได้รับการสมทบเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใดก็จะนำไปมอบให้กับมูลนิธิต่อไป

สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดตัวแคมเปญท่องเที่ยวประจำปี 2020 เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดย ร่วมกับ บริษัทบางกอกแทรเวลคลับ จำกัด (BTC) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญท่องเที่ยวประจำปี 2020 นำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์และแพ็กเกจบัตรโดยสารเครื่องบินพร้อมที่พักและรถรับ-ส่งสนามบิน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการความแตกต่างในการเดินทาง โดยมีนายจุลิน กอเจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายขาย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และนายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาดบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางสาวชลลดา ชีวรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอกแทรเวลคลับ จำกัด (BTC) ได้ร่วมกันแถลงข่าว

นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า“ ในปีนี้บริษัทฯ จะมีการทำตลาดเชิงรุกทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดในภูมิภาคอินโดจีน โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มซีแอลเอ็มวี (CLMV) คือ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตลาดที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีรวมทั้งมีอัตราการเดินทางที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยบริษัทฯ มีจุดแข็งจากการที่มีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) และกลุ่มประเทศเหล่านี้วันละกว่า 50 เที่ยวบิน สามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ จากปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำการตลาดเชิงรุกในกลุ่มประเทศเหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแพ็กเกจท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเหล่านี้มากขึ้น อาทิ แพ็กเกจ Beach Times ซึ่งเป็นแพ็กเกจที่ออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) ที่ต้องการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทย (สมุย ภูเก็ต กระบี่ ตราด) หรือมัลดีฟส์ แพ็กเกจ ASEAN Cross Country ที่ออกแบบมารองรับการเดินทางข้ามประเทศในภูมิภาคฯ โดยใช้สุวรรณภูมิเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) ในการออกแคมเปญ Fly and Meet เพื่อดึงนักเดินทางกลุ่มไมซ์ (MICE) จากกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) ให้เดินทางมายังจัดประชุมสัมมนาในประเทศไทย โดยในปีนี้ แคมเปญดังกล่าวยังคงมีความต่อเนื่องโดยใช้ชื่อว่า Fly Meet Shop”

“สำหรับตลาดในประเทศไทย บริษัทฯ ยังคงเน้นการทำการตลาดผ่านกิจกรรมเชิงกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports & Tourism Marketing) เพื่อสนับสนุนการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ รวมไปถึงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเส้นทางบินของสายการบินฯ โดยไฮไลท์ส่วนหนึ่งของกิจกรรมเชิงกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวในปีนี้ ได้แก่ กิจกรรมบางกอกแอร์เวย์สบูทีคซีรี่ย์ (Bangkok Airways Boutique Series 2020) รายการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนใน 6 เส้นทางบินของสายการบินฯ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลักและเมืองรองของประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว อาทิ โครงการ 60 เส้นทางความสุข และโครงการ Amazing Thailand Premium ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นต้น บริษัทฯ มองว่าการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดที่หลากหลาย จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจับมือกับบางกอกแทรเวลคลับ (BTC) ในการออกแคมเปญท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ทั้งในตลาดในประเทศไทยและตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี เพราะบางกอกแทรเวลคลับ (BTC) ถือเป็นบริษัทนำเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดโปรแกรมทัวร์และแพ็กเกจท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญทั้งในประเทศและภูมิภาคฯ” นายวรงค์ กล่าวเสริม

นายจุลิน กอเจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายขาย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า “ในปีนี้ สายการบินฯ จะเน้นการขายบัตรโดยสารผ่าน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1.การขายแบบช่องทางตรงผ่านตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ 2.การขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป 3.การขายผ่านสำนักงานขายบัตรโดยสาร (สำนักงานขายบัตรโดยสารในเมือง/สนามบิน และ Call Center) 4.การขายผ่านเว็บไซต์ของสายการบินฯ ที่ www.bangkokair.com เน้นโมบายแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ สายการบินฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการขายบัตรโดยสารผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยที่ผ่านมา สายการบินฯ ได้พัฒนาระบบการขายให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการขายแบบดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสทางการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายออนไลน์”

“สำหรับความร่วมมือกับบางกอกแทรเวลคลับ (BTC) ในการออกแคมเปญท่องเที่ยวปี 2020 ในครั้งนี้ เนื่องจากเราต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับบัตรโดยสารและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์ส โดยเราเล็งเห็นว่าบางกอกแทรเวลคลับ (BTC) นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญในจัดทัวร์แล้ว ยังมีความบูทีคในการออกแบบโปรแกรมนำเที่ยวและแพ็กเกจทัวร์อีกด้วย ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าว นอกจากจะเป็นการโปรโมทเส้นทางบินของสายการบินฯ ทั้งในประเทศและในภูมิภาคฯ แล้วยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมของทั้งบางกอกแอร์เวย์สและบางกอกแทรเวลคลับอีกด้วย โดยแคมเปญท่องเที่ยวดังกล่าวจะถูกนำเสนอใน 2 รูปแบบคือ โปรแกรมท่องเที่ยว Miracle Indochina ซึ่งเป็นทัวร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับกลุ่มลูกค้าแบบหมู่คณะเดินทางสู่เส้นทางแห่งอารยธรรม 11 เส้นทาง ทั้งในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอินโดจีน/เอเชีย ตลอดปี 2563 และแพ็กเกจท่องเที่ยว “Fly Boutique Stay Unique” ซึ่งเป็นแพ็กเกจบัตรโดยสารเครื่องบินพร้อมที่พักระดับ 4-5 ดาว (3 วัน 2 คืน) และรถรับ-ส่ง สนามบิน ในราคาพิเศษ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (F.I.T)” นายจุลิน กล่าวเสริม

นางสาวชลลดา ชีวรรถกร กรรมการผู้จัดการ บางกอกแทรเวลคลับ (BTC) กล่าวว่า “บริษัท บางกอก แทรเวล คลับ จำกัด (BTC) เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งจำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบินอื่นทั่วโลก และให้บริการด้านการจัดทัวร์ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เราเชี่ยวชาญในด้านการจัดแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มภายใต้คอนเซ็ปต์ “Your Travel Stylist”

“ความร่วมมือกับทางบางกอกแอร์เวย์สในการสรรค์สร้างแคมเปญท่องเที่ยวในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญกด้านการนำเที่ยวในภูมิภาคอินโดจีนของเรา โปรแกรมทัวร์ “Miracle Indochina – เปิดประตูกาลเวลา ร่วมค้นพบประวัติศาสตร์มุมใหม่” จะถูกนำเสนอใน 4 เรื่องราว ได้แก่ อาหาร สถานที่ กิจกรรม และวิทยากร อาจารย์ปู จิตกร บุษบา (นักเล่าประวัติศาสตร์กิตติมศักดิ์) ซึ่งเราจะนำผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน เดินทางไปค้นพบมุมใหม่ๆ ใน 11 เส้นทางสุดบูทีค ได้แก่ มัณฑะเลย์ (เมียนมาร์) ตามรอยตำนานโยเดียที่จากไป เดินทางเดือนกุมภาพันธ์ หลวงพระบาง (ลาว) ปริศนาต้นไม้แห่งชีวิต ความว่างอันเป็นอนันต์ เดินทางเดือน มีนาคม ภูเก็ต ตำนานเส้นทางจังซีลอน สู่ศิลปะชิโนโปตุกีส เดินทางเดือน เมษายน ย่างกุ้ง (เมียนมาร์) ตามรอยเจ้านางศุภยลัต ราชินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อลองพญา เดินทางเดือน พฤษภาคม ลำปาง อาณาจักรแห่งพระธาตุเจดีย์ เดินทางเดือน มิถุนายน เชียงราย ต้นทางพระแก้วมรกตจากล้านนาสู่สยาม เดินทางเดือน กรกฏาคม เชียงใหม่ บันทึกลับความรักแห่งล้านนา (พระราชชายาเจ้าดารารัศมี, มะเมียะ, พันธุรัต) เดินทางเดือน สิงหาคม สุโขทัย ตามรอยรัชกาลที่ 6 สู่เมืองพระร่วง เดินทางเดือน กันยายน เสียมราฐ (กัมพูชา) แกะรอยพระเจ้าชัยวรมัน ชะลอสวรรค์สู่พื้นพิภพ เดินทางเดือน ตุลาคม ดานัง-เว้-ฮอยอัน (เวียดนาม) ตามหาอาณาจักร “จาม” ที่สาบสูญ เดินทางเดือน พฤศจิกายน และมุมไบ (อินเดีย) ถอดรหัสพุทธศิลป์ ในดินแดนชมพูทวีป เดินทางเดือน ธันวาคม โดยราคาเริ่มต้นของโปรแกรม Miracle Indochina จะอยู่ที่ 28,900 บาทต่อท่าน สำหรับเส้นทางต่างประเทศ และราคาเริ่มต้นที่ 20,000 บาทต่อท่าน สำหรับเส้นทางภายในประเทศ”

“แพ็กเกจ “Fly Boutique Stay Unique – บินสบาย พักมีสไตล์” จะถูกนำเสนอใน 2 รูปแบบ คือ Fly Boutique Stay Unique ตอน ไปทะเลกันดีกว่า (สมุย ภูเก็ต กระบี่ ตราด) โดยแบ่งการขายและการเดินทางดังนี้ สมุย ระยะเวลาการขาย 1-29 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์–15 พฤษภาคม 2563 ภูเก็ต ระยะเวลาการขาย 1-30 เมษายน 2563 สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 15 เมษายน-15 กรกฎาคม 2563 กระบี่ ระยะเวลาการขาย 1-31 กรกฎาคม 2563 สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม-15 ตุลาคม 2563 ตราด ระยะเวลาการขาย 1-30 กันยายน2563 สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 15 กันยายน–15 ธันวาคม 2563 และ Fly Boutique Stay Unique ตอน ชั้นกับ (ภู)เขา..เรารักกัน (เชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย ลำปาง) โดยระยะเวลาการขาย 15 เมษายน-31 ตุลาคม 2563 สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม-15 ธันวาคม 2563”

“นอกจากนี้ สมาชิกฟลายเออร์โบนัสของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ สิทธิพิเศษที่ 1 ผู้เดินทางซึ่งเป็นสมาชิกฟลายเออร์โบนัสไม่ว่าจะเป็นระดับ Priority หรือ Premier จะได้รับส่วนลดในการซื้อแพ็กเกจ 3,000 บาท สิทธิพิเศษที่ 2 สามารถใช้คะแนนฟลายเออร์โบนัส 4,000 คะแนน แลกรับคูปองส่วนลดในการซื้อแพ็คเกจมูลค่า 500 บาท และสิทธิพิเศษที่ 3 รับคะแนนฟลายเออร์โบนัสเพิ่ม 500 คะแนน เมื่อร่วมเดินทางตามแพ็กเกจ” นางสาวชลลดา กล่าวเสริม

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อซื้อโปรแกรมท่องเที่ยว “Miracle IndoChina” หรือแพ็กเกจบัตรโดยสารเครื่องบินพร้อมห้องพัก “Fly Boutique – Stay Unique” ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าบางกอกแทรเวลครับ (BTC) หมายเลข 02-111-2299 หรือ Line Id: @bangkoktravelclub หรืออีเมลล์ info@bangkoktravelclub.co.th ระหว่างวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลาทำการ 8.00น.-18.00น.

เทศบาลเชิงดอย ชวนเที่ยวงาน”เชิงดอยดอกไม้บาน”

เทศบาลเชิงดอย ชวนเที่ยวงาน”เชิงดอยดอกไม้บาน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอรรถชา กัมปนาทแสนยากร นายอำเภอดอยสะเก็ด เป็นประธานการแถลงข่าวเที่ยวงานเชิงดอยดอกไม้บาน วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2563 ที่หนองบัวพระเจ้าหลวง ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยมีนายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีเทศบาลเชิงดอย ดร.นพดล มณีเฑียร ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีสหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา นางสาวทัศนีย์ ยะจา เจ้าของและผู้ก่อตั้งเชียงใหม่ศิลาดล “แซมมี่” ศิรภัสสร อัฒยากร Miss Tiffany’s Universe 2011 และแขกผู้มีเกียรติร่วมแถลงข่าว

นายชุติพนธ์ สารแปง นายกยกเทศมนตรีเทศบาลเชิงดอย กล่าวว่า กิจกรรมเชิงดอยดอกไม้บาน ครั้งที่ 1 เริ่มงานในวันที่ 14 กพ.2563 เวลา 16.00 น.หน้าที่ทำการเทศบาลตำบลเชิงดอยชมขบวนรถแห่บุปผาชาติทั้ง 10 หมู่บ้านและขบวนรถจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภายในงานจะมีการแสดงของพี่น้องชาวชนเผ่าชาติพันธ์และการแสดงของศิลปินล้านนา

ช่วงค่ำก็ชมการประกวดร้องเพลงพร้อมหางเครื่องซึ่งแต่ละหมู่บ้านร่วมเข้าประกวด ในวันที่ 15 กพ.2563 ชมการประกวดแข่งขัน เชิงดอยซุปเปอร์เชฟ ฟลาวเวอร์2020 การประกวดนางงามบุปผา นางฟ้าจำแลง2020 และเทพบุตรหนองบัวพระเจ้าหลวง2020 ในวันที่ 16 กพ.2563 ชมการประกวดรอบตัดสินและชมศิลปินล้านนาผู้สนใจเข้าร่วมประกวดประเภทต่างๆสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.053 104 900 เทศบาลตำบลเชิงดอย หรือ Facebook Fanpage เทศบาลตำบลเชิงดอย

เทศบาลเมืองต้นเปาจัดกิจกรรมเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 37

ที่บริเวณ บ้านบ่อสร้าง ม.3 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรมเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 37 , โครงการมหกรรมโคมบ้านหนองโค้งและหัตถกรรมสันกำแพงครั้งที่ 9 และ โครงการมหัศจรรย์ล้านนาเมืองกระดาษสาบ้านต้นเปา ครั้งที่ 16 ประจำปี 2563 โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

ซึ่งงานดังกล่าวทางเทศบาลเมืองต้นเปา ได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ตลอดจนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและส่งเสริมการประกอบอาชีพด้านการผลิตสินค้าหัตถกรรม เพื่อกระจายรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่น ตลอดจนประชาสัมพันธ์หมู่บ้านบ่อสร้าง เทศบาลเมืองต้นเปา และอำเภอสันกำแพงให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยภายในงานที่จัดขึ้นในวันนี้ ได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับภายในงานที่จัขึ้นในครั้งนี้ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การจัดขบวนแห่รถตกแต่งประดับร่ม การแสดงเรื่องราวต่างๆ การประกวดหัตถกรรมการวาดพัด วาดร่มของนักท่องเที่ยว การประกวดธิดาร่มบ่อสร้าง ขบวนแม่ญิงงามขี่รถถีบกางจ้อง กิจกรรมถนนคนเดิน สตรีทแฟร์ (Street Fair) การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หาดูได้ยาก ซึ่งในครั้งนี้ยังมีการจัดงานโครงการมหกรรมโคมบ้านหนองโค้งและหัตถกรรมสันกำแพงครั้งที่ 9 และ โครงการมหัศจรรย์ล้านนาเมืองกระดาษสาบ้านต้นเปา ครั้งที่ 16 ซึ่งถือเป็นงานเทศกาลท่องเที่ยวเมืองต้นเปาประจำปี 2563 ไปพร้อมกันทั้ง 3 งานในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ทาง นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการจัดงานเทศกาลร่มบ่อสร้างและหัตถกรรมสันกำแพง ครั้งที่ 37 , โครงการมหกรรมโคมบ้านหนองโค้งและหัตถกรรมสันกำแพงครั้งที่ 9 และ โครงการมหัศจรรย์ล้านนาเมืองกระดาษสาบ้านต้นเปา ครั้งที่ 16 ประจำปี 2563 ทางผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาวอำเภอสันกำแพง

ซึ่งการจัดงานดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวได้รับชมและร่วมกิจกรรมต่างๆ อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และส่งเสริมการประกอบอาชีพของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งทางคณะกรรมการจัดงานได้นำเสนอในรูปแบบของกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน โดยหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยดึงดูด และสนับสนุนการท่องเที่ยว ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งๆ ขึ้นไป

สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ จัดกิจกรรม “ โครงการโรงภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นสัญจรครั้งที่ 10 ”

15 มกราคม 2563 สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม “ โครงการโรงภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นสัญจรครั้งที่ 10 ” ในระหว่างวันที่ 13 – 15 มกราคม 2563 สำหรับนักเรียนโรงเรียนขยายโอกาส ณ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จำนวน 5 โรงเรียน ในพื้นที่ห่างไกลที่เด็กๆขาดโอกาสเดินทางไปโรงภาพยนต์ กิจกรรมในครั้งนี้ได้นำเสนอภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นที่สอดแทรกคติและข้อคิดสอนใจเรื่อง “รูดอล์ฟ เหมียวน้อยผจญเมือง” โดยได้รับอนุญาตจากเอ็ม พิคเจอร์ส กรุ๊ป ตลอดจนการบรรยายแนะนำประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดประมาณ 1,600 คน โดยมีวัตถุประสงค์ของกิจกรรมสันทนาการนี้เพื่อแนะนำให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น จนก่อให้เกิดความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

ทางคณะผู้จัดงานรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เนื่องจากนักเรียนให้ความสนใจชมภาพยนตร์อย่างตั้งอกตั้งใจและแสดงออกถึงอารมณ์ ทั้งส่งเสียงหัวเราะและแสดงความโศกเศร้าคล้อยตามเนื้อหาของภาพยนตร์ เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมนักเรียนได้กล่าวแสดงถึงความรู้สึกที่ดีและขอบคุณต่อการจัดกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย

โรงเรียนที่ได้ไปจัดกิจกรรม มีโรงเรียนบ้านปางต้นเดื่อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่, โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย, โรงเรียนบ้านป่าตึงพิทยานุกูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, โรงเรียนบ้านสองพี่น้อง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และโรงเรียนแม่หลวงอุปถมป์ไทยคีรี อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย

“สวนสัตว์เชียงใหม่” จัดเต็ม! มอบความสุขวันเด็ก ผ่านกล่องของขวัญยักษ์

“สวนสัตว์เชียงใหม่” เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรมให้เป็นดินแดนแห่งความสุขสำหรับเด็กๆ และเยาวชนได้มาสนุกสนาน เพลิดเพลินอย่างเต็มที่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11- 12 มกราคม 2563 ณ บริเวณ เวทีใหญ่ด้านหน้าส่วนจัดแสดงความสามารถสัตว์ ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยได้รับความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมวันเด็กของสวนสัตว์เชียงใหม่ วัตถุประสงค์ในการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทย มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญสนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชน

ตลอดจนให้เด็กและเยาวชนรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี ดังคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย“ ซึ่งในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ไฮไลค์สุดพิเศษที่สวนสัตว์เชียงใหม่จัดเตรียมไว้ต้อนรับเด็กๆ คือกล่องของขวัญยักษ์ ที่จัดไว้บริเวณสวนดอกไม้ยังก์การ์เด้น ซึ่งภายในกล่องขนาดใหญ่มีของขวัญมากมายเตรียมไว้แจกเด็กๆ ทุกคนด้วย อีกทั้งยังมีของรางวัล อาทิ รถจักรยาน เครื่องใช้ไฟฟ้า ตุ๊กตาขนาดใหญ่ และอื่นๆ อีกมากมาย กว่า 2,000 ชิ้น แจกให้เด็กๆ และเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมบนเวทีที่ทางสวนสัตว์เชียงใหม่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 11-12 มกราคม นี้ แถมยังแจกไอศกรีมฟรี!!! ให้กับเด็กๆ ตลอดงานอีกด้วย

11-12 มกราคม 2563 นี้ อย่าลืม!! มาสัมผัสความน่ารักของมาสคอตแดนซ์โชว์ให้เด็กๆ ได้ชมความน่ารักและถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด พลาดไม่ได้กับกิจกรรมเล่นเกมชิงรางวัลฟรี!! ณ เวทีใหญ่ด้านหน้าส่วนจัดแสดงความสามารถสัตว์ ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ 053 – 358116หรือ www.chiangmai.zoothailand.org ทุกวันเวลาราชการ