รมว.กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ที่ชุมชนแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ต้นแบบโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ มอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน

วันนี้ (25 พ.ย.62) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน 10 หมู่บ้าน พร้อมมอบกล้าไม้ให้ผู้แทนหมู่บ้าน 12 หมู่บ้าน ที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน หรือ คทช.จากทั่วประเทศ และประชาชนในตำบลแม่ทา เข้าร่วม

ชุมชนบ้านแม่ทา ถือเป็นชุมชนต้นแบบตามนโยบาย “ไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า” ที่สามารถจัดการ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของชุมชนได้อย่างยั่งยืน เพราะภาคประชาชนได้เข้าร่วมศึกษาและกำหนดเขตพื้นที่ป่าชุมชนและที่ดินทำกินร่วมกับส่วนท้องถิ่น ลดการทำลายและรักษาทรัพยากรไว้ ทำให้ทุกวันนี้ชุมชนบ้านแม่ทา มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่มีความสมดุลและยั่งยืนในวิถีของชุมชนและธรรมชาติ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ ที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ดีโดยรวมของทั้งประเทศ ขณะเดียวกันเห็นถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่ามาอย่างไม่ถูกต้อง จึงได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดการจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ยากไร้ โดยไม่ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ แต่รับรองสิทธิ์ร่วมในการจัดที่ดินของชุมชน ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร และการรุกล้ำเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยอนุญาตให้อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง ในลักษณะแปลงรวม ซึ่งการดำเนินงานของ คทช. ช่วยให้ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหา ให้อยู่อาศัยทำกินได้อย่างถูกต้อง ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันชุมชนและหน่วยงานรัฐได้ร่วมกันดูแลรักษาและใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างยั่งยืนในลักษณะที่เกื้อกูลต่อการอนุรักษ์ เกิดความร่วมมือกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานรัฐในการฟื้นฟูสภาพป่า ส่งผลให้พื้นที่ป่าของประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

AIS เดินเครื่อง ผู้นำขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ภูมิภาค ผนึก ม.เชียงใหม่ เปิด AIS Playground


AIS เดินเครื่อง ผู้นำขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ภูมิภาค ผนึก ม.เชียงใหม่ เปิด AIS Playground ผลักดันดิจิทัลครีเอเตอร์สายพันธุ์เทคฯ แห่งแรกของภาคเหนือ

(25 พฤศจิกายน 2562) เอไอเอส ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ที่มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีสื่อสาร พร้อมสนับสนุนให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างสรรค์ พัฒนา และสร้างโอกาสใหม่ๆ จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในทุกๆ ด้าน

ล่าสุด ยกพลขึ้นเหนือ ขยายองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสู่ระดับภูมิภาค จับมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิด “AIS Playground @ CMU Learning Space” แหล่งรวมดิจิทัลครีเอเตอร์ แห่งแรกในภาคเหนือ ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเปิด AIS Playground แห่งแรกที่ AIS D.C. ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้นักศึกษา, นักพัฒนา Maker และสตาร์ทอัพในภาคเหนือ ที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้เข้ามาทดลองสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับเอไอเอส ไม่ว่าจะเป็น 5G, NB-IoT, VR, API ฯลฯ พร้อมทั้งมี Network Infrastructure โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้ง 5G, NEXT G, IoT, Fibre และ AIS Super WiFi ให้นักพัฒนาสามารถทดลอง ทดสอบบนเครือข่ายและสภาพแวดล้อมจริงได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีโซน Space for Work, Space for Consulting, Space for Creators และ Space for Innovators ไว้ให้บริการกับนักศึกษาและประชาชนที่สนใจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเอไอเอสจะเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือ และความเชี่ยวชาญของบุคลากร เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายงานขับเคลื่อนนวัตกรรม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเทคโนโลยี IoT และ 5G ที่เข้าจะเข้ามาพลิกโฉมสังคมไทย และยกระดับขีดความสามารถของทุกอุตสาหกรรมไปอีกขั้น ส่งผลให้มีความจำเป็นที่ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและศักยภาพของบุคลากรแบบองคาพยพ ทั้ง ภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน

วันนี้ เราจึงสานต่อความตั้งใจเปิด AIS Playground @ CMU Learning Space ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คอมมูนิตี้ด้านการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งแรกในภาคเหนือ เปิดโอกาสให้นักพัฒนา และสตาร์ทอัพ ที่สนใจสามารถนำผลิตภัณฑ์ของตน เข้ามาทดลองเชื่อมต่อระบบจำลอง API บนผลิตภัณฑ์ของตนเอง เพื่อทดสอบการทำงานได้เสมือนจริง รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ Network Infrastructure ได้แก่ 5G, NEXT G, 4G, IoT, Fibre และ AIS Super WiFi โดยเฉพาะเครือข่าย 5G บน LIVE Network เป็นที่แรกและที่เดียวในภาคเหนือ ที่ AIS Playground เท่านั้น


จากการที่เอไอเอสได้ขยายการทดสอบ 5G ครอบคลุมทั้ง 5 ภาคทั่วประเทศแล้ว ทำให้เรามีเทคโนโลยีเครือข่ายแห่งอนาคตที่แข็งแกร่ง พร้อมรองรับต่อการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เราจึงวางแผนที่จะเปิด AIS Playground เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาในภูมิภาคต่างๆ ได้เข้ามาร่วมศึกษาเทคโนโลยี 5G และอื่นๆ กับเรา นำไปสู่การสร้าง Innovation และ Collaboration ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องใน 5G Ecosystem ในอนาคต” นายอราคิน กล่าว

โดยใน AIS Playground @ CMU Learning Space นี้ ประกอบด้วย 4 พื้นที่ ดังนี้

  1. Space for Work: พื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง AIS Super Wifi
  2. Space for Consulting: พื้นที่ให้คำปรึกษาด้าน Technology, Design และ Business
  3. Space for Creators: พื้นที่เรียนรู้ พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านโครงข่าย NB-IoT และทดสอบระบบเชื่อมต่อ APIs บน AIS Digital Platform
  4. Space for Innovators: พื้นที่ทดสอบและสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และสัมผัสนวัตกรรมแห่งอนาคต AIS 5G

สำหรับ AIS Playground @ CMU Learning Space ตั้งอยู่ใกล้หอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการฟรี! ทุกจันทร์ – เสาร์ เปิด 08:00 – 23:00 น. และวันอาทิตย์ เปิด 08:00 – 18:00 น. โดยสามารถสมัครสมาชิกได้ฟรี ที่ AIS Playground @ CMU Learning Space ซึ่งสมาชิกจะสามารถใช้ Facilities ต่างๆ ได้ อาทิ VR, AIS NB-IOT Arduino Shield, 3D Printer และ Business Space, ชุดอุปกรณ์ Conference Call, โทรศัพท์มือถือ และ Tablet สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่อ APIs ของ AIS และอุปกรณ์อื่นๆ

ออมสินเชียงใหม่ จัดกิจกรรม GSB HAPPY MARKET ส่งเสริมการใช้จ่ายผ่าน QR Code

ธนาคารออมสินจัดกิจกรรม GSB HAPPY MARKET ส่งเสริมให้ลูกค้า และร้านค้าในตลาดสดแม่เหียะ ได้ร่วมก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด สร้างประสบการณ์ในการรับ-จ่ายค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code

วันที่ (24 พ.ย.62) ที่ตลาดสดแม่เหียะ นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรม GSB HAPPY MARKET ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้กลุ่มลูกค้า และร้านค้าในตลาดสดแม่เหียะ ได้ร่วมก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) สร้างประสบการณ์ในการรับ-จ่าย ค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code Payment หรือแอปพลิเคชั่น MyMo ของธนาคาร เพื่อเป็นการสร้าง Transaction เสมือนการทำบัญชีรายรับ และสามารถต่อยอดการใช้บริการสินเชื่อ QR รายวัน ของธนาคารออมสินได้

นายนที ศรีสุทธิ์ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเขตเชียงใหม่ 3 กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มุ่งเน้นการดูแลและให้บริการกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย จัดกิจกรรม GSB HAPPY MARKET ภายใต้แนวคิด นโยบาย 3 สร้างของธนาคารออมสิน ประกอบด้วย สร้างความรู้ สร้างอาชีพ โดยส่งเสริมผู้ประกอบการร้านค้า ในการยกระดับพัฒนาคุณภาพ สร้างรายได้ สุดท้ายคือ สร้างตลาด ด้วยการสร้างจุดแข็ง ของแต่ละพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าขายในพื้นที่ตลาด และสร้างประวัติทางการเงิน สร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า ได้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

สำหรับการจัดกิจกรรม GSB HAPPY MARKET ในวันนี้ มีการปรับแต่งภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมภายในตลาดให้สวยงามและเป็นไปตามอัตลักษณ์ของพื้นที่ พร้อมด้วยกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ มีการจัดกิจกรรมทางการตลาด อาทิ การแจกคูปองส่วนลดสำหรับลูกค้า เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าที่ชำระผ่าน QR Code Payment ของธนาคารออมสิน และสำหรับผู้ประกอบการในตลาด ที่เข้าร่วมกิจกรรมกับธนาคาร และมีรายการรับชำระผ่าน QR Code มากที่สุดในตลาดในแต่ละเดือน นอกจากนี้ ยังมีบูธให้บริการทางการเงิน ทั้งด้านเงินฝาก และสินเชื่อ อีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

คณะแพทยศาสตร์ มช. ระดมทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณโณ ปัจจุบันทรุดโทรม คาดว่าจะใช้เวลา 3 ปี ปรับปรุงเสร็จ

คณะแพทยศาสตร์ มช. ระดมทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณโณ ปัจจุบันทรุดโทรม คาดว่าจะใช้เวลา 3 ปี ปรับปรุงเสร็จ

ที่ห้องประชุมชั้น 15 อาคารสุจิณฺโณ ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย นายกสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และที่ปรึกษาคณะกรรมการกำหนดกลยุทธ์การหาทุน เพื่อพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.นายแพทย์ เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าแพทย์เชียงใหม่ ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ และรองประธานคณะกรรมการการกำหนดกลยุทธ์การหาทุน, นายสมชัย สมัยสุต นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และรองประธานคณะอนุกรรมการกำหนดกลยุทธ์การหาทุน ได้ร่วมกันแถลงข่าว “โครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วย “สุจิณฺโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่”คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยทางคณะแพทยศาสตร์ มช. เร่งระดมทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณโณ ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัยให้กับผู้รับบริการตลอดจนสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในการแถลงข่าวครั้งนี้ รศ.ดร.นายแพทย์ เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าแพทย์เชียงใหม่ ได้มอบเงินบริจาค 20 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงอาคาณสุจิณฺโณ ด้วย

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า “โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ได้ก่อตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2502 และเป็นโรงเรียนแพทย์ในส่วนภูมิภาคแห่งแรก ได้สนองความต้องการของสังคม

โดยผลิตบัณฑิตแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ มาแล้วกว่า 7,000 คน ให้บริการตรวจรักษาประชาชนทั่วไป ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากมาจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ด้วยระยะเวลาการใช้งานอย่างยาวนาน อาคารผู้ป่วย “สุจิณฺโณ” เป็นหนึ่งในอาคารที่รองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยมากว่า 40 ปี มีผู้ป่วยมาใช้บริการกว่า 1,000,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นอาคารสูง 15 ชั้น ใช้เป็นสถานที่ให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอาคารหลังนี้คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” ร่วมกับประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างให้เป็นอนุสรณ์สถานในมงคลสมัยที่หลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” มีอายุครบ 90 ปี ในปี พ.ศ. 2521 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่องค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารผู้ป่วย “สุจิณฺโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2528 โครงสร้างภายในอาคารรวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ มีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการปรับปรุงทั้งอาคาร อาทิ ห้องพักผู้ป่วยสามัญ ห้องละ 6 เตียง จำนวน 108 ห้อง ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จำนวน 81 ห้อง ห้องผ่าตัด จำนวน 20 ห้อง ห้องฉุกเฉิน (Emergency Room) ให้เป็นศูนย์ผู้ป่วย (Complete Emergency Center) เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจแบบ One Stop Service และห้องอื่นๆ ที่มีความจำเป็นในการบริการตรวจรักษาผู้ป่วย

รวมถึงระบบสนับสนุนทางการแพทย์ ระบบสาธารณูปโภค และห้องประชุม ห้องปฏิบัติการ ตลอดจนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การปรับปรุงอาคารดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงทั้งสิ้นกว่า 1,000 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 3 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดทำโครงการเพื่อดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยดังกล่าวให้มีมาตรฐานเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน

นอกจากนี้ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ประสานความร่วมมือ กับกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) ดำเนินการ ระบบ USSD ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ในระบบ AIS , DTAC , True , My by Cat และ TOT เพื่อการรับบริจาคของคณะแพทยศาสตร์ มช. โดยนำเงินรายได้สมทบทุนปรับปรุงอาคารผู้ป่วยสุจิณโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ 22 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันแรกที่เปิดรับบริจาคผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ดังกล่าว

ผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์จะบริจาคผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ กดรหัส *948*0060*100# โทรออก (บริจาคครั้งละ 100 บาท) หรือโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาคณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ ชื่อบัญชี โครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วย “สุจิณฺโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เลขที่บัญชี 468-0-85999-6 (ใบเสร็จสามารถลดหย่อนภาษีได้) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก โทร. 053-938400 และ 053-935672 งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มช.

เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ชวนเฉลิมฉลองในอาณาจักรคริสต์มาสสุดอลังการ The Kingdom of Happiness 2020

เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ชวนเฉลิมฉลองในอาณาจักรคริสต์มาสสุดอลังการ The Kingdom of Happiness 2020 เนรมิตรธีมพาร์คความสุขส่งท้ายปียิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จากคาแรคเตอร์สุดฮิพ โดย ฮาวิเย่ ศิลปินระดับโลก แลนด์มาร์กความสุขและเทศกาลของขวัญส่งท้ายปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองในอาณาจักรคริสต์มาสสุดอลังการ The Kingdom of Happiness 2020 โดยมี คุณอุมาทิพย์ ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลตำบลฟ้าฮ่าม , คุณปริษา ปานพรหม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ , คุณปิยะ มิตสิตะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกการตลาดสาขา บ.เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) คุณศิระ สันติตรานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ คุณสกาย วงศ์รวี นทีธร ดารา นักแสดง , ดร.สุวรรณา วังโสภณ Head of Kawai Academy , ดร.คาซูโอะ อิโนอูเอะ Music Director และ ศจ.ดร. เฮ็นรี่ เยียว ประธานสหกิจคริสเตียนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขนทั้งความสุขสนุกสนานสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับทุกคน พร้อมกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ต้อนรับทุกท่านเข้าสู่โลกของความสุขและรอยยิ้มเต็มรูปแบบทั่วประเทศครั้งแรกในประเทศไทย

• เฉลิมฉลองในอาณาจักรคริสต์มาสสุดอลังการ The Kingdom of Happiness 2020 เนรมิตรธีมพาร์คความสุขส่งท้ายปียิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จากคาแรคเตอร์สุดฮิพ โดย ฮาวิเย่ ศิลปินระดับโลก
• เนรมิตรความสุขเทศกาลส่งท้ายปีร่วมกันกับ Christmas Tree ต้นคริสต์มาสยักษ์ ตระการตากลางศูนย์การค้าฯ
• ถ่ายภาพแชะ แชร์ แอคติ้งไม่หยุดกับ Christmas Carpet พื้นพรมแดงสุดอลังการหนึ่งเดียวในภาคเหนือ รายล้อมด้วยมุมตกแต่ง Christmas Village ทั่วศูนย์การค้าฯ
• พบ ปะติมากรรม Christmas Balloon บอลลูนคาแรคเตอร์คริสต์มาสสุดน่ารัก The Happiness Tunnel อุโมงค์อาณาจักรแห่งความสุขที่คุณต้องห้ามพลาดมาเช็คอิน

นอกจากนี้ ภายในศูนย์การค้าฯ ได้มีการตกแต่งให้เป็นอาณาจักรคริสต์มาสสุดอลังการ The Kingdom of Happiness 2020 ส่งมอบความสุขเทศกาลส่งท้ายปีร่วมกันกับ Christmas Tree ต้นคริสต์มาสยักษ์ ตระการตากลางศูนย์การค้าฯ , ถ่ายภาพแชะ แชร์ แอคติ้งไม่หยุดกับ Christmas Carpet พื้นพรมแดงสุดอลังการหนึ่งเดียวในภาคเหนือ รายล้อมด้วยมุมตกแต่ง Christmas Village ทั่วศูนย์การค้าฯ ,พบ ปะติมากรรม Christmas Balloon บอลลูนคาแรคเตอร์คริสต์มาสสุดน่ารัก The Happiness Tunnel อุโมงค์อาณาจักรแห่งความสุขที่คุณต้องห้ามพลาดมาเช็คอิน

อาณาจักรแห่งความสุขรอคุณอยู่ที่นี่ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 62 – 6 ม.ค. 2563 (ไฟเปิด 18.00 น. จนถึงเวลาศูนย์การค้าฯ ปิด) ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่

เสียงชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่ว่าไง? กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า จะยึดข่วงประตูท่าแพ แลนด์มาร์คเชียงใหม่ใหม่เปิดเป็นตลาดนัดขายของวันอาทิตย์

เสียงชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่ว่าไง? กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า จะยึดข่วงประตูท่าแพ แลนด์มาร์คเชียงใหม่ใหม่เปิดเป็นตลาดนัดขายของวันอาทิตย์

จากกรณีกลุ่มผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า บางกลุ่มเรียกร้องขอให้ทางจังหวัดเชียงใหม่ เปิดพื้นที่บนลานท่าแพ เพื่อให้ได้ขายของ โดยขยายเพิ่มเติมออกมาจากถนนคนเดินวันอาทิตย์ มาอยู่บนลานท่าแพด้วย แต่ด้วยกระแสของชาวเชียงใหม่อีกฝ่ายหนึ่งได้ออกมาต่อต้าน เพราะถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของเมืองเชียงใหม่ และเป็นข่วงจัดกิจกรรมทางประเพณี วัฒนธรรม ไม่ควรนำมาขายของ

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงเรียกประชุมผู้ประกอบอาชีพค้าขาย ที่ต้องการขายสินค้าบริเวณลานข่วงประตูท่าแพ และซอยข้างร้านแม็คโดนัลล์ ไนท์บาซาร์ เพื่อพิจารณาการใช้พื้นที่ โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียยงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ ทำการศึกษาและสำรวจความคิดเห็นประชาชน เพื่อให้ได้เหตุและผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ยึดเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ก่อนจะนำข้อสรุปที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็น มาประเมินผลต่อไป

ด้าน นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปี 2557 ก็เคยมีพ่อค้าแม่ค้าไปขายของบนลานข่วงประตูท่าแพมาแล้ว จนกลายเป็นสลัม ที่ไม่เป็นลานกิจกรรม ไม่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเชียงใหม่ มีการขายสินค้าที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณีมากมาย ก็ได้พยายามนำกลับคืนมาแต่ก็ยาก สุดท้ายก็มีคำสั่ง คสช. เข้ามาดำเนินการจนสำเร็จ นำลานท่าแพกลับคืนมาได้ และทางสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ก็ได้รับมอบหมายจากจังหวัดเชียงใหม่ ให้ดูแลพื้นที่ และสงวนไว้เพื่อการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี จิตอาสาและงานราชพิธี

การจะอนุญาตให้พ่อค้า แม่ค้ามาขายสินค้าทุกสัปดาห์ โดยจะวางขายในวันอาทิตย์ เพื่อขยายพื้นที่ต่อจากถนนคนเดินที่มีอยู่ ให้มาอยู่บนลานท่าแพด้วย ซึ่งทางสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ คงไม่สามารถอนุญาตได้ แต่หากจะทำก็อยากให้เป็นเฉพาะงานอีเว้นท์ของช่วงเทศกาล ตั้งเช้าและเย็นเก็บเพียง 1 วัน นานๆ ครั้งได้ และสินค้า รวมถึงการแต่งกายของพ่อค้า แม่ค้า ก็ต้องแต่งกายชุดพื้นเมือง ชุดชนเผ่า สินค้าก็ต้องเป็นของพื้นเมือง หรือของชนเผ่า ที่เป็นประเพณี วัฒนธรรม เป็นอาหารแบบพื้นเมือง ไม่ใช่นำสินค้า เช่น ถุงเท้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อาหารแบบสตรีทฟู้ท เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่สินค้า หรืออาหารทางวัฒนธรรมมาขาย ซึ่งหากเป็นสินค้าเหล่านี้ไม่อนุญาตให้ขายได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม อาหารพื้นบ้านล้านนา มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ก็พอจะอนุญาตได้ และไม่ขัดกับข้อกฎหมาย

สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ก็มีข้อกฎหมายที่กำหนดชัดเจนอยู่ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร หากปล่อยให้ค้าขายตามใจชอบ ก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เห็นใจชาวบ้านที่ต้องการพื้นที่ค้าขาย ต้องการมีรายได้ แต่การค้าขายนั้นก็ อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องทำตามกฎระเบียบข้อกฎหมายด้วย

ความเป็นเมืองเชียงใหม่ แลนด์มาร์คกลางเมือง เป็นลานกิจกรรมที่สำคัญที่จัดงานให้คนเชียงใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทุกคนมีหน้าที่ต้องช่วยกันดูแล และประตูท่าแพแห่งนี้ยังเป็นประตูเดียว จาก 1 ใน 5 ประตู ที่ยังคงมีบานประตูเปิด-ปิด ได้ และยังมีสิ่งที่บางคนยังไม่ทราบว่า ประตูท่าแพนั้น เมื่อพระอาทิตย์ในตอนเช้าขึ้นจากทางฝั่งสะพานนวรัฐ แสงพระอาทิตย์จะลอดผ่านทางประตูท่าแพไปยังวัดพระสิงห์ พอดี หากทำอะไรไม่ดีไปก็จะเหมือนกับทำให้เชียงใหม่เสื่อมเสีย เพราะเป็นประตูชัยเปิดรับแสงวันใหม่ของเมืองเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ กำลังตัดสินใจว่าจะอนุญาติให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาวางแผงขายของบนลานข่วงประตูท่าแพในวันอาทิตย์หรือไม่ เนื่องจากมีกระแสต่อต้านจากชาวเชียงใหม่ ว่าไม่ควรอนุญาติลำพังถนนคนเดินวันอาทิตย์ก็เพียงพออยู่แล้ว ข่วงประตูท่าแพเป็นแลนด์มาร์ค ของจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวมาที่นี่ก็เพื่อเดินเล่นและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ควรปล่อยให้เป็นลานโล่งกว้างไว้อวดสายตานักท่องเที่ยวเมือนกับแลนด์มาร์อื่นทั่วโลก การให้พ่ค้าแม่ค้ามาขายเป็นภาพที่ไม่สวยงามและอาจจะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงมีเสียงคัดค้านโครงการดังกล่าวอย่างกว้างขวางในจังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้

ขณะเดียวกันก็มีเสียงสนับสนุนเช่นกัน เพราะเห็นว่าการเปิดลานท่าแพให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขายของได้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ได้

เชียงใหม่ หารือแนวทางแก้ไขปัญหาการก่อสร้างถนนปรับปรุงลานสาธารณะรินคำ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมภาคประชาชน หารือแนวทางแก้ไขปัญหาการก่อสร้างถนนปรับปรุงลานสาธารณะรินคำ (หน้าห้างสรรพสินค้าเมญ่า)

วันนี้ (20 พ.ย. 62) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (POC) อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการก่อสร้างถนนปรับปรุงลานสาธารณะรินคำ (หน้าห้างสรรพสินค้าเมญ่า) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชน ร่วมหารือในครั้งนี้

นายวิจารย์ ขุนเสถียร รองผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 1 ยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการจราจรให้เกิดความสะดวกและปลอดภัย ตามที่ได้มีการวางแผนไว้ โดยกรมทางหลวงยินดีที่จะทำให้เมืองสวยงามและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและชาวจังหวัดเชียงใหม่  แม้ว่าการดำเนินการของกรมทางหลวงในครั้งนี้ อาจไม่ถูกใจพี่น้องประชาชนทั้งหมด แต่มั่นใจว่าร้อยละ 80พอใจ และจะเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งทางกรมทางหลวงจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ยืนยันว่าจะสร้างเมืองเชียงใหม่ให้สวยงาม และยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมาย

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ข้อสรุปที่ได้จากการประชุมในวันนี้ คือต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย พื้นที่ที่เป็นของทางหลวงก็ควรที่จะอยู่ในการดูแลของทางหลวง ซึ่งก็มีแผนในการดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่มีประเด็นความไม่สบายใจของประชาชนในบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจะได้นำเสนอประเด็นความไม่สบายใจเหล่านี้ไปยังแขวงการทาง และผู้แทนของกรมทางหลวงได้รับไว้พิจารณาแล้ว

ขอบคุณภาพข่าว จากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

ผบช.ภ.5 นำทีมปลูกพืชผักสวนครัวกินเอง ลดค่าใช้จ่ายตำรวจ

ผบช.ภ.5 นำทีมปลูกพืชผักสวนครัวกินเอง ลดค่าใช้จ่ายตำรวจ

เช้าวันนี้ที่บ้านสวนภูรวี ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 นำข้าราชการตำรวจในสังกัด ออกปฏิบัติการตามโครงการ”บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” โดยใช้พื้นที่สวนและพื้นที่นาในบ้านพักส่วนตัว ปลูกข้าวและพืชผักสวนครัว โดยนำผลผลิตที่ได้ นำไปแจกจ่ายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวนำไปประกอบอาหารเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

โดยบรรดาข้าราชการได้ทำการปลูกข้าว รวมถึงพืชผักสวนครัว เช่นผักบุ้ง ผักกาดแม้ว ถั่วฝักยาว ถั่วฟู มะเขือเปราะ กระหล่ำปลี กระหล่ำดอก ผักปัง ผักเชียงดา ตะไครั ข่า กล้วย เสาวรส ผักคะน้า โหระพา ใบแมงรัก กระเจี๊ยบ มะละกอ เป็นต้น โดยนำผลผลิตที่ได้แจกจ่ายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวนำไปประกอบอาหาร

เพื่อลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลอดจนยังให้เป็นนโยบาย ส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อรับประทานเอง และลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ตลอดเพื่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสร้างเสริมความรักความอบอุ่นในครอบครัว

สมาคมกำนัน ผญบ. เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน Run for Anit Smog 2019 รณรงค์ ป้องกัน ปัญหาหมอกควันและไฟป่า

สมาคมกำนัน ผญบ. เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน Run for Anit Smog 2019 รณรงค์ ป้องกัน ปัญหาหมอกควันและไฟป่า

สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอน Run for Anit Smog 2019 ครั้งที่ 1 เพื่อรณรงค์ ป้องกัน ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 5.45 น .โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับนักกีฬาจากสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกองทุน รณรงค์ ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด เป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี แข็งแรง ต่อสู่กับ หมอกควัน พร้อมทั้งแสดงถึงเจตนารมณ์และความตั้งใจในการดำเนินงาน ในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหา หมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ P.M.25 ทุกพื้นที่ 25 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่

รัฐบาลญี่ปุ่น สนับสนุนการแพทย์ฉุกเฉิน มอบรถเพื่อส่งต่อผู้ป่วยในพื้นที่ทุรกันดาร ตำบลแม่กิ๊ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ จัดพิธีส่งมอบรถกู้ภัยขับเคลื่อนสี่ล้อภายใต้ “โครงการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการรับส่งผู้ป่วยเพื่อประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร ตำบลแม่กิ๊ จังหวัดแม่ฮ่องสอน” ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (หรือโครงการคุซะโนะเนะ) โดยมี นายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ เป็นผู้มอบ และนายอุดม ก่อนแสงวิจิตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊ เป็นผู้รับมอบ

สำหรับ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง อยู่ในเขตชายแดนที่ติดต่อกับประเทศพม่าซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงามในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ แต่ขณะเดียวกันพื้นที่ร้อยละ 95 เป็นภูเขาสูงชัน ทุรกันดาร และขาดแคลนระบบทางการแพทย์ อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลระดับอำเภอ และไม่มีรถกู้ภัยฉุกเฉินประจำตำบลแม่กิ๊ ประชาชนจึงประสบความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรืออาการป่วยที่ทวีความรุนแรง เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาขั้นพื้นฐานในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุนี้ รถกู้ภัยที่มีความพร้อมในการเข้าถึงพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอย่างมาก

จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ให้การสนับสนุนโครงการจัดซื้อรถกู้ภัยขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ 1 คันให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊เป็นมูลค่า 1,508,000 บาท เพื่อพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน รัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะสามารถพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่สูงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสามารถให้การรักษาเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ และส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลระดับอำเภอได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจัดการกับความมั่นคงของมนุษย์โดยผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (คุซะโนะเนะ) ต่อไป