ตำรวจหนุ่มขับรถจักรยานหลับใน เสียหลักชนต้นไม้ ดับคาที่


เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 31 ต.ค. 62ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยารยนต์เสียหลักตกลงไปในร่องน้ำข้างทาง เหตุเกิดบริเวณถนนสายเชียงใหม่ – ลำปาง ก่อนถึงโรงพยาบาลกรุงเทพ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ. เชียงใหม่ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงก็พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอร์เบลด สีดำ หมายเลขทะเบียน งรพ 327 เชียงใหม่ ล้มอยู่ ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบศพผุ็เสียชีวิต คือ ส.ต.ท.ธนวัฒน์ มิกขุนทด อายุ 31 ปี อยู่บ้านแลขที่ 288/9 หมู่ที่ 12 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง และได้มาช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุม ตำรวจภาค 5

ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหลับใน หรืออาจจะมีโรคประจำตัวจนเป็นสาเหตุทำให้หมดสิตเฉียบพลัน ในขณะขับรถจึงทำให้รถเสียหลักลงข้างทางก่อนที่จะพุ่งไปชนกับต้นไม้จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งไปยังผแนกนิติเวทย์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะได้ติดต่อญาติให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

พ่อเลี้ยงถอยรถพลาดไปชนรถจักรยานล้มใส่รถตู้ของลูก เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง พ่อเลี้ยงพลาดใช้มีดแทงลูกเลี้ยงดับ

พ่อเลี้ยงถอยรถพลาดไปชนรถจักรยานล้มใส่รถตู้ของลูก เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง พ่อเลี้ยงพลาดใช้มีดแทงลูกเลี้ยงดับ

เมื่อเวลา 00.10 น.วันที่ 28 ต.ค. 62 ร.ต.อ.จำรัส เจริญยิ่ง รอง สว.(สอบสวน) สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพ่อเลี้ยงใช้มีดแทงลูกเลี้ยงได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลพร้าว และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ภายหลังได้รับแจ้งจึงได้รีบรุดไปตรวจสอบและร่วมชันสูตรพลิกศพร่วมกับแพทย์ ซึ่งพบศพผู้เสียชีวิตคือ นายศุภกฤษ์ ปราชญ์มณฑล อายุ 42 ปี ถูกแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย ส่วนคนก่อเหตุเป็นพ่อเลี้ยง ชื่อนายประกอบ คุณยศยิ่ง เป็นพ่อเลี้ยงของคนตาย ยืนรอมอบตัวอยู่

จากการสอบสวนทราบว่า หตุเกิดที่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 3 ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ก่อนเกิดเหตุ นายประกอบได้กลับมาจากการทำงาน ได้ดื่มเหล้ามาเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกลับเมา พอมาถึงบ้านก็จะนำรถออกไปข้างนอก ขณะที่กำลังจะเอารถออก ก็ไปชนถูกรถจักรยานล้ม แล้วพลาดไปโดนรถตู้ของนายศุภกฤษ์ ลูกชายจนเป็นรอย ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน สุดท้ายด้วยความโมโห นายประกอบ ได้พลาดใช้อาวุธมีดแทงลูกชายบาดเจ็บ หลังก่อเหตุได้รีบนำส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทัน ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว จึงรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ในตอนเช้าก็ได้นำตัวนายประกอบ ไปทำแผนรับคำสารภาพก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พร้าว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณภาพจากตำรวจ สภ.พร้าว

ฆ่าโหดเศรษฐีนียัดตู้เย็น พื้นที่จอมทอง ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายฆ่าโหดรายนี้มาดำเนินคดี

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 ต.ค. 62 พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผกก.สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุฆ่าโหดยัดตู้เย็น ในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 90/3 บ้านหลวง หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในซอยหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง ต่อมาได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ แพทย์ รพ.จอมทอง และกู้ภัย ในจุดเกิดเหตุมีประชาชนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ให้ประชาชนออกไปก่อนเพื่อความสะดวกในการตรวจที่เกิดเหตุ

ตรวจสอบเบื้องต้นพบตู้เย็นวางอยู่กับพื้นภายในห้องครัวที่ถูกต่อเติม เมื่อเปิดดูภายในก็พบศพผู้เสียชีวิต และมีปูนโรยทับไว้บนศพ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพออกมา เพื่อชันสูตร เบื้องต้นสภาพศพเน่าเปื่อย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ตายน่าจะเป็นนางสาว วรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี ชาวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยพี่ชายได้มาตามหาหลังจากติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. แต่มาถึงก็พบว่าประตูบ้านถูกล็อคและมีกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจากตัวบ้าน จึงให้ช่างกุญแจมาเปิด ก็เห็นตู้เย็นวางอยู่บนพื้นมีคราบเลือด คราบน้ำเหลืองไหลออกมา ก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบจนพบศพ ทั้งนี้ต้องรอตรวจศพเพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคลอีกครั้งว่า ใช่ น.ส.วรรณี ที่หายไปหรือไม่ หากใช่ก็จะได้มอบศพให้ญาติ แต่หากไม่ใช่ก็จะได้ตามหาว่าผู้ตายเป็นใคร แต่ในด้านคดีขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการติดตามคนร้ายที่ฆ่าโหดในครั้งนี้มาดำเนินคดีต่อไป

ผู้ใหญ่บ้านป่าแดด เห็นพระเมาอยู่หน้าวัด หวั่นกระทบความศรัทธา เรียกตำรวจนำส่งเจ้าอาวาสวัดเกาะกลางดำเนินคดีวินัยสงฆ์

ผู้ใหญ่บ้านป่าแดด เห็นพระเมาอยู่หน้าวัด หวั่นกระทบความศรัทธา เรียกตำรวจนำส่งเจ้าอาวาสวัดเกาะกลางดำเนินคดีวินัยสงฆ์

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 26 ต.ค. 62 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากนายคุณาวุฒิ อุปถัมภ์ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่าพบพระมีพฤติกรรมคล้ายกับคนอยู่ในอาการเมาสุรา อยู่บริเวณหน้าวัดป่าแดด ขอให้มาร่วมตรวจสอบด้วย ภายหลังได้รับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้เข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบนายคุณาวุฒิ ผู้แจ้ง และพระสงฆ์ 1 รูป พร้อมกับชาวบ้านยืนอยู่บริเวณดังกล่าว

สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าชื่อพระประสิทธิ์ (นามสมมติ) อายุ 61 ปี อยู่ตำบลสันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ขณะพูดคุยก็ได้กลิ่นสุราออกมาเป็นระยะ โดยนายคุณาวุฒิ ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่า พระรูปนี้ได้ขึ้นรถรับจ้างมาลงที่หน้าวัดป่าแดด ตนอยู่บริเวณดังกล่าวเห็นพระเดินลงจากรถ แล้วมีอาการแปลกๆ เดินเซไปเซมา จึงรีบเข้าไปช่วย แต่พอตนได้กลิ่นเหล้า ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือน ทำให้พระรูปนี้ไม่พอใจ ตนกลัวว่าปล่อยไว้จะกระทบต่อความศรัทธาของชาวบ้านและพระพุทธศาสนา จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ มาดำเนินการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำส่งเจ้าหน้าที่อาวาสวัดเกาะกลาง ตำบลป่าแดด ให้ดำเนินการทางวินัยสงฆ์ต่อไป

ขอบคุณภาพจากนายคุณาวุฒิ อุปถัมภ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 ต.ป่าแดด

ตำรวจเชียงดาว จับหนุ่มเมายาอาละวาด ทำชาวบ้านหวาดกลัว รีบแจ้งตำรวจมารวบตัวได้ทัน

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 26 ต.ค. 62 พ.ต.ต.นคร อุ่นตาน สวป.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.บรรจบ อุตรศรี รอง สวป.ฯ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายนพดล (เถาวัลย์ อายุ 35 ปี อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 8 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า)

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งชาวบ้านว่า มีชายเหมือนคนเมายาเสพติด คลุ้มคลั่ง เดินไปมาบนถนน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้าย โดยชายดังกล่าวนั้นสวมแต่กางเกงไม่สวมเสื้อ ภายหลังได้รับแจ้ง จึงไปตรวจสอบ ก็พบเห็นชายดังกล่าวเดินอยู่บนถนน ก็ได้เข้าไปสอบถาม จนทราบชื่อว่านายนพดล และยอมรับสารภาพว่า ได้เสพยาเสพติดมาก่อนจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจปัสสาวะที่ รพ.เชียงดาว และนำผลตรวจยาเสพติดมาเป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงดาว ดำเนินคดีต่อไป

ขอบคุณภาพจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว

แผ่นดินไหว 3.3 ดอยสะเก็ด ยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อเขื่อนแม่กวง

เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 ต.ค. 62 สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ตรวจพบแผ่นดินไหวใกล้รอยเลื่อนแม่ทา ความแรง 3.3 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายในพื้นที่

ด้าน นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้ตรวจสอบสภาพเขื่อนแม่กวงแล้ว ไม่พบรอยแตก รอยรั่ว ไม่มีการทรุดตัวของเขื่อน ไม่มีน้ำไหลซึมท้ายเขื่อน และไม่ปรากฎความเสียหายและผลกระทบต่อตัวเขื่อนแต่อย่างใด ยืนยันว่าเขื่อนยังปลอดภัย ประชาชนอย่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รมว.คมนาคม สั่งเร่งโครงการเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ให้แล้วเสร็จตามแผน เพราะล่าช้ากว่าแผนเยอะ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 26 ต.ค. 62 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานในสังกัด และมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง, นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท, นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยสำนักงานงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กรมทางหลวง แขวงการทางเชียงใหม่ กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

ภายหลังการรับฟังนโยบายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว ก็ได้สั่งการให้ทางกรมทางหลวง เร่งดำเนินการเส้นทางหลวง 118 เริ่มต้นที่ กม.0+000 ตัดทางหลวง 11 จ.เชียงใหม่ และทางหลวง 118 สิ้่นสุดที่ กม.158+4778 ตัดทางหลวง 1 จ.เชียงราย ระยะทางในการดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางทั้งหมดรวม 98.682 กิโลเมตร ซึ่งในภาพรวมปัจจุบันการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนประมาณ 151.988 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุของการล่าช้านั้นเกิดมาจากทางบริษัทฯ ที่ก่อสร้างบางแห่งขาดสภาพคล่องทางการเงิน บางจุดอยู่ระหว่างการล้อมย้ายต้นไม้ที่ติดขัดการก่อสร้างในเขตอุทยานแห่งชาติขุนแจ จ.เชียงราย ซึ่งการก่อสร้างถนนเส้นทางนี้ ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ จึงได้สั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวงกำชับและดูแลเรื่องสัญญาการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน หากบริษัทไหนที่ทำล่าช้าและเกินกว่าแผน เมื่อมีค่าปรับก็ต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริง

รมว.คมนาคม มาเชียงใหม่ หารือสร้างสนามบินแห่งที่ 2 เกิดได้ถ้าคนเชียงใหม่ร่วมมือกัน (คลิป)

เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 25 ต.ค. 62 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยมีนายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ และผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่

ในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งมีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารร้อยละ 4.55 หรือประมาณ 11.33 ล้านคน โดยผู้โดยสารภายในประเทศลดลงร้อยละ 1 ขณะที่ผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.01 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561 ปัจจุบันมีเส้นทางบินภายในประเทศ 12 เส้นทาง และเส้นทางบินระหว่างประเทศ 28 เส้นทาง ทั้งนี้ผู้โดยสารชาวต่างชาติ 3 อันดับแรกได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวจีนมีอัตราส่วนถึงร้อยละ 43.99 จากจำนวนผู้โดยสารชาวต่างชาติทั้งหมด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมทั้งการสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และ ทอท.ได้ศึกษาและมีความเห็นในเรื่องพื้นที่ที่เหมาะสมสอดคล้องกัน คือบริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพหลักในการทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ขณะเดียวกันได้มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ประชาชนและผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดี รวมทั้งกำกับดูแลราคาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายในท่าอากาศยานให้เหมาะสม หรือมีทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารผู้ใช้บริการ

นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุทธยา ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่ที่มีการสำรวจมีทั้งหมด 5 พื้นที่คือ อำเภอแม่ริม, ดอยหล่อ, สันป่าตอง, สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน แต่พื้นที่ที่พิจารณาอยู่มี 2 พื้นที่คือ อำเภอสันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยมีการพิจารณาทั้งหมด 7 ข้อ คือ

1.สิ่งกีดขวางทางอากาศ, 2.สิ่งพลุกพล่านของโครงการ, 3.การขยายตัวในอนาคต, 4.เงินลงทุน, 5.ผลกระทบสิ่งแวดล้อม, 6.การเชื่อมต่อกับระบบคมนาคมอื่นๆ และ 7.ขีดความสามารถของทางวิ่งเที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็นอย่างไร ซึ่ง 7 หัวข้อที่เป็นการพิจารณา ก็มีผลพิจารณาใกล้เคียง ซึ่งรอยต่อระหว่างบ้านธิ จ.ลำพูน และ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ น่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะที่สุด สำหรับพื้นที่ใช้งานประมาณ 7,000 ไร่ ได้เพียงแค่ 1 รันเวย์ แต่หากจะให้เหมาะสมต้องประมาณ 11,000 ไร่ ถึงจะได้ 2 รันเวย์ ซึ่งเป็นผลการศึกษา ในปัจจุบันจะอยู่ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะเป็นคนพินิจหรือกำหนดว่า พื้นที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด ก่อนจะนำเสนอต่อรัฐบาลว่า สมควรจะเวนคืนเมื่อไหร่ อย่างไร ทางรัฐบาลคงต้องออกกฎหมายเวนคืน ส่วนทาง ทอท.ได้เสนอตัวว่ามีความพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในโอเปอร์เรเตอร์ที่จะเข้าไปบริหารจัดการสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 แต่เราไม่มีข้อกฎหมาย หรืองบประมาณในการเวนคืน และตอนนี้มีการแพลนไว้กว้างว่าพื้นที่ไหนเหมาะสม ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าพื้นที่ไหนอย่างไร

อุตสาหกรรมภาคที่ 1 จับมืออุทยานวิทย์ฯ มช. เปิดตัวโครงการ “FACTS” เสริมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 จับมืออุทยานวิทย์ฯ มช. เปิดตัวโครงการ “FACTS” เสริมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 ตุลาคม 2562 นางสาวสุธีรา ตะริโย ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดตัวโครงการ Food and Agri Chiangmai Tech Startup” (FACTS) กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือสู่การสร้างธุรกิจแบบยั่งยืน ภายใต้โครงการเสริมสร้างนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะในอุตสาหกรรมอาหาร (Northern Thailand Food Valley to Smart Industry 4.0)” ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีจังหวัดเชียงใหม่ ปีงบประมาณ 2562

เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา ผู้ประกอบการนวัตกรรมเริ่มต้น (Startup) และผู้สนใจในกลุ่มห่วงโซ่อาหารและการเกษตร (Food supply chain) ในจังหวัดเชียงใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจอาหารและการเกษตรด้วยนวัตกรรมได้จุดประกายฝันต่อยอดความคิดการเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมเริ่มต้นด้านอาหารและเกษตรอัจฉริยะให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และประเทศชาติอย่างยั่งยืนตลอด ห่วงโซ่คุณค่า ที่โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจำนวนมาก

ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในฐานะผู้จัดงานว่า งานเปิดตัวโครงการฯ ดังกล่าว ทางด้านอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมมือกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดขึ้น ซึ่งมีผู้สนใจในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 120 คน ภายในงานจัดให้มีการเสวนาให้ความรู้อัพเดทเทรนด์ธุรกิจอาหารที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยในยุค Digital Disruption ภายใต้หัวข้อ “Disruptive lifestyle by food story – Food and lifestyle in Thailand” และการเสวนาสร้างธุรกิจ (Panel discussion) “Smart Farm Technology เกษตรอัจฉริยะสู่ชุมชน” จากผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิในแวดวงเทคโนโลยี อาหาร และการเกษตร

เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายความฝัน และพร้อมสนับสนุนผู้ที่มีแนวคิดอยากเป็นสตาร์ทอัพโดยสามารถสมัครร่วมโครงการฯ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการดำเนินธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม รวมทั้งเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการฝึกอบรม ให้คำปรึกษาแนะนำ ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ อย่างครอบคลุม โดยผู้ร่วมโครงการจะได้รับสิทธิ์ร่วมบ่มเพาะธุรกิจกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับคำปรึกษาพัฒนาแนวคิดธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว สามารถเข้าใช้พื้นที่สร้างสรรค์ไอเดียทางธุรกิจ

สำหรับผู้สนใจสมัครร่วมโครงการ Food and Agri Chiangmai Tech Startup (FACTS) สามารถลงทะเบียนสมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2562 โดยติดตามอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขการสมัครได้ที่ Facebook Fanpage อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือพิมพ์ CMUSTeP สอบถาม โทร. 091-764-1717

กกล.ผาเมือง สกัดขบวนการค้ายาพื้นที่แม่จัน ยึดยาบ้าได้ 9 เป้ ยา 850,000 เม็ด

เมื่อเวลา 21.50 น.วันที่ 24 ต.ค. 62 กองกำลังผาเมือง โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ร่วมกับกองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 และสถานีตำรวจภูธรแม่จัน ทำการตั้งจุดสกัด บริเวณ บ้านสันธาตุ หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

จนกระทั่งได้ตรวจการณ์พบรถยนต์ไม่ทราบชนิดขับมาตามเส้นทางจาก บ้านด้าย หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านด้าย อำเภอแม่สายฯ และได้ทำการกลับรถก่อนถึงจุดสกัด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการไล่ติดตามแต่ไม่สามารถติดตามจับกุมได้ จากการตรวจสอบสองข้างทาง บริเวณบ้านสันธาตุ หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จันฯ ตรวจพบเป้สะพาย จำนวน 9 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 850,000 เม็ด ตกอยู่บริเวณข้างทาง จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณภาพจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31