อุทยานแม่ตะไคร้ พร้อมชาวบ้านดอยสะเก็ด จับเก้งหนีจากกับดักพรานป่าหลุดป่ามาในชุมชน

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ต.ค.62 : เจ้าหน้าที่อุทยานแม่ตะไคร้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ว่าได้เกิดมีเก้งซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนวิ่งหนีเข้ามาภายในชุมชน และชาวบ้านได้ช่วยกันทำการจับไว้ได้ โดยพบว่าเก้งตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามกับสนามซ้อมยิงปืน 333 หลังจากที่รับแจ้งและเดินทางไปถึง ก็เห็นชาวบ้านจับเก้งดังกล่าวไว้แล้ว เป็นเก้งเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี บาดเจ็บบริเวณกีบเท้า เจ้าหน้าที่รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วรีบส่งต่อไปรักษาที่ห้วยฮ่องไคร้ ก่อนนำกลับคืนสู่ป่า

นายอุทัย พลหาญ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานในสนามยิงปืน 333 เล่าว่า ช่วงสายที่ผ่านมามีชาวบ้านได้พบเห็นเก้งตัวดังกล่าววิ่งออกมาจากป่าที่อยู่ในระแวกดังกล่าว จากนั้นได้วิ่งข้ามลำธารมา ซึ่งคาดว่ามันน่าจะตกใจจึงได้วิ่งเข้าไปหลบบริดชเวณหลังบ้านเลขที่ 5 ม.5 ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสนามยิงปืน 333 ที่ตนทำงานอยู่ จากนั้นชาวบ้านเห็นว่ามันเป็นสัตว์ป่าจึงได้รีบช่วยกันล้อมจับเพราะเกรงว่าปล่อยไว้อาจจะถูกพรานล่าสัตว์ยิง หรืออาจถูกรถชนตายได้ หลังจากได้ช่วยกันล้อมจับไว้ได้แล้วพบว่าที่บริเวณกีบขามีบาดแผลได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสเหตุนั้นยังไม่ทราบว่าไปเกิดจากอะไร หลังจากนั้นทางชาวบ้านได้แจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่อุทยานแม่ตะไคร่ให้เข้ามาตรวจสอบและรับไปดูแลต่อ ตนอยากให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไป ช่วยกันอนุรักษ์ และรักษาธรรมชาติด้วย เพราะไม่อยากเห็นสัตว์ป่าถูกทำร้ายบาดเจ็บอีก ส่วนเก้งที่ชาวบ้านช่วยไว้ได้นั้น หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาหายดีแล้วก็จะนำกลับไปปล่อนคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค ป๋อง ปงอ้อ

ร้านตัดผมในเชียงใหม่ แต่งตัวประหลาดจนคนตัดผมหลอน ต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 ต.ค. 62 ร้านตัดผมสุดแปลกพิศดาร ชื่อร้านสวีนนีย์ ท็อดด์ เลขที่ 33/3 ถนนราชวิถี ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ตกแต่งร้านต้อนรับฮาโลวีน ด้วยการแต่งกายเป็นโจ๊กเกอร์ และฮาร์ลี่ควีน มาตัดผมและคอยเสิร์ฟน้ำบริการให้ลูกค้า เปิดเพลงสุดหลอนช่วงที่ตัดผมไปด้วย ลูกค้าชาวต่างชาติชื่นชมและไปใช้บริการจำนวนมาก

นายต้นตระการ วิมาลา ผู้จัดการร้าน เปิดเผยว่า ทางร้านได้จัดกิจกรรมต้นรับวันฮาโลวีน ด้วยการตกแต่งบรรยากาศในร้านทั้งหมดแบบสยองขวัญ แล้วตนได้แต่งตัวเป็นโจ๊กเกอร์ พาแฟนสาวแต่งตัวเป็นฮาร์ลี่ควีน แห่งทีม Suicide Squad ตัวละครในภาพยนตร์ชื่อดัง โดยตนจะทำหน้าที่ตัดผม และให้แฟนสาวเสิร์ฟน้ำสีแดง แจกลูกอมให้กับลูกค้าในร้าน มีนักท่องเที่ยวสนใจมาใช้บริการจำนวนมาก และชื่นชอบจนขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วย

หนุ่มเพชรบุรี มีปืนในรถ ขับผ่านด่านแก่งปันเต๊า ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบ นำตัวไปดำเนินคดี

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 23 ต.ค. 62 พ.ต.ต.นคร อุ่นตาน สวป.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้า ด่านตรวจแก่งปันเต๊า พร้อมด้วย ร.ต.อ.บรรจบ อุตรศรี รอง สวป.ฯ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายอิทธิกร บุตรน้ำเพชร อายุ 53 ปี อยู่หมู่ที่ 2 ต.บางครก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน จำนวน 3 นัด

ทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจแก่งปันเต๊า ได้พบเห็นเห็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู ขับผ่านมา จึงได้เรียกตรวจค้นตามปกติ แต่ได้พบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนในรถ ซึ่งตัวผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นของตนเอง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ” ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดี

ขอบคุณภาพจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว

รมว.พลังงาน ลงพื้นที่รับฟังความเห็นชาวอำเภอแม่แจ่ม ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 23 ต.ค. 62 ที่โรงเรียนแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงพลังงาน พร้อมด้วย นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนชุมชน พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนในเขตพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม โดยมีนายอำเภอ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านอำเภอแม่แจ่ม เข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน

โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นแนวคิดของรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการสร้างต้นแบบของโรงไฟฟ้าชุมชน ที่ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม ทั้งการผลิตเอง ใช้เอง และเป็นเจ้าของเอง เพื่อให้คนในชุมชนมีไฟฟ้าใช้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้จากการผลิตไฟฟ้าจำหน่าย ภายใต้แนวคิด “พลังงานเพื่อทุกคน พลังงานเพื่อชุมชน เพื่อยกระดับเศรษกิจฐานราก” โดยวางแผนสร้างเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกลาง และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเผาไหม้ดีกว่าโรงเผาขยะทั่วไปถึง 10 เท่า ทำให้ปราศจากมลพิษและไม่ก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ เป็นการลงทุนร่วมกันของ 3 ส่วน คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และคนในชุมชน จากนนั้นจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วนำรายได้มาแบ่งตามอัตราส่วนที่ตกลงกัน

สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล จะใช้ซังข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต จึงได้เลือกพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่เป้าหมาย เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เพาะปลูกข้าวโพดเพื่อจำหน่าย แต่ละปีจะมีซังข้าวโพดหลงเหลือจากการเพาะปลูกกว่า 50,000 ตันต่อปี จึงมีแนวคิดที่จะรับซื้อซังข้าวโพดเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้า ในอัตราตันละ 500-700 บาท ทั้งนี้จะทำให้เกษตรกรสามารถนำเศษซังข้าวโพดที่เหลือจากการเพาะปลูก รวมถึงขยะมูลฝอยในชุมชน นำมาจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า ทำให้ชาวบ้านอำเภอแม่แจ่มมีไฟฟ้าใช้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ขณะเดียวกันยังมีรายได้จากการขายซังข้าวโพด ซึ่งหากดูจากปริมาณซังข้าวโพดที่มีแล้ว จะเพียงพอต่อการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนได้ 2-3 แห่ง คาดว่าจะใช้งบประมาณในการผลิตแห่งละประมาณ 120 ล้านบาท เบื้องต้นมีพื้นที่ 3 แห่ง เสนอเป็นจุดก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนแล้ว ประกอบด้วย ตำบลช่างเคิ่ง ตำบลแม่นาจอ และสหกรณ์การเกษตรแม่แจ่ม

โอกาสนี้ได้ลงพื้นที่บริเวณโรงเรียนบ้านบนนา ตำบลช่างเคิ่ง เพื่อสำรวจสถานที่ที่มีความเหมาะสมจะใช้เป็นพื้นที่ก่อตั้งโรงไฟฟ้า ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราชพัสดุ เป็นที่ตั้งเดิมของโรงเรียนบ้านบนนา มีพื้นที่กว่า 53 ไร่ ซึ่งจะใช้จุดนี้เป็นโรงงานรับซื้อซังข้าวโพดจากเกษตรกร พร้อมทั้งลงพื้นที่ดูการผลิตถ่านอัดก้อนจากซังข้าวโพดที่สหกรณ์การเกษตรแม่แจ่ม ศึกษากรรมวิธีในการแปรรูปซังข้าวโพดมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เพื่อจะใช้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ จากการสอบถามความเห็นของชาวบ้าน พบว่า ส่วนใหญ่อยากให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เนื่องจากชุมชนในเขตพื้นที่อำเภอแม่แจ่มมักประสบกับปัญหาไฟดับบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ ยังอยากให้มีสายส่งเข้าไปยังหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ขณะเดียวกัน ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ยังมีข้อกังวลถึงเรื่องผลกระทบภายหลังจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เช่น ผลกระทบจากมลพิษ และความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างรายได้ เนื่องจากมองว่า ควรจะหาทางใช้วัตถุดิบจากพืชอื่นๆ ที่หลากหลายในการผลิตไฟฟ้า มากกว่าที่จะใช้เฉพาะซังข้าวโพด เนื่องจากจะสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ครอบคลุมมากกว่าที่จะเป็นเพียงแค่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำประชาคมกับชาวบ้านอีกครั้ง หากมีการตกลงเซ็นต์สัญญาร่วมมือกันแล้ว จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชุนแห่งแรกได้ในอีก 10 เดือน

ขอบคุณภาพจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

ชลประทาน กดระเบิดอุโมงค์ส่งน้ำให้ทะลุถึงกันได้แล้ว เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งเชียงใหม่-ลำพูน (คลิป)

ผอ.สำนักก่อสร้างชลประทาน กดระเบิดอุโมงค์ส่งน้ำให้ทะลุถึงกันได้แล้ว เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เชียงใหม่ – ลำพูน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ต.ค. 62 ที่บริเวณหน้าอุโมงค์ส่งน้ำหน้าประตูระบายน้ำแม่ตะมาน ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายจิตะพล รอดพลอย ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 หรือ ผสญ.1 เป็นประธานกดตัวจุดระเบิดการก่อสร้างอุโมงค์แบบขุดเจาะระเบิด ช่วงที่ 1 ประตูระบายน้ำแม่ตะมานถึงอุโมงค์เข้า-ออกที่ 1 เพื่อเปิดให้อุโมงค์ที่ขุดเจาะทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นการก่อสร้างอุโมงค์ในช่วงแรกของสัญญาที่ 1 ของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา

นายจิตะพล รอดพลอย ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 กล่าวว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราเกิดจากความต้องการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการแก้ไขปัญหาด้านภัยแล้ง ภาพรวมของการก่อสร้างที่โครงการปัจจุบันนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปราว 40 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ถือเป็นความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในการที่อุโมงค์ทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่ ประตูระบายน้ำแม่ตะมานไปถึงอุโมงค์เข้า-ออกหมายเลข 1 (Adit.1) ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยการขุดเจาะแบบระเบิด หรือ Drilling & Blasting : D&B ความยาวอุโมงค์ในช่วงนี้ราว 3.5 กิโลเมตร ได้เชื่อมถึงกันแล้ว จึงได้ทำการกดระเบิดในช่วงสุดท้ายเพื่อให้อุโมงค์ทะลุ ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างอื่น หลังจากนี้ในการดำเนินการในส่วนของสัญญานี้จะมีการเร่งรัดการทำงานในขั้นตอนที่ต้องทำต่อๆ ไป

นายโกศล คงแดง ผู้จัดการโครงการฯ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้รับผิดชอบในส่วนสัญญาก่อสร้างช่วงที่ 1 หรือสัญญาที่ 1 ระยะทางก่อสร้างอุโมงค์ราว 13.6 กิโลเมตร โดยงานแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ใช้วิธีการขุดเจาะแบบระเบิด หรือ Drilling & Blasting : D&B และการขุดด้วยหัวเจาะ TBM ในวันนี้ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องขุดเจาะและระเบิด ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ในวันนี้ทั้ง 2 ฝั่งได้เจาะมาทะลุกัน โดยเจาะเข้าทางฝั่ง ประตูระบายน้ำแม่ตะมาน และเจาะจากทางฝั่งอุโมงค์เข้า-ออกหมายเลข 1 โดยระยะทางฝั่งประตูระบายน้ำ อยู่ที่ 1+763 และระยะทางฝั่งอุโมงค์เข้า-ออกหมายเลข 1 อยู่ที่ 1+765 ซึ่งเหลือระยะอยู่ที่ 2 เมตร อุโมงค์ก็จะทะลุหากัน ในวันนี้จึงได้มีการกดตัวจุดระเบิด เพื่อให้ทั้งสองเส้นทางทะลุหากันได้สำเร็จ

นายคงศักดิ์ วงศ์คำ วิศวกรผู้ควบคุมงาน คณะที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมางานขุดเจาะแบบระเบิดพบปัญหาใหญ่ 2 ครั้ง คือ การเจาะไปเจอสายน้ำในโพรงถ้ำที่มีปริมาณมากถึง 50,000 ลูกบาศก์เมตร ได้มีการเสริมเครื่องปั้มน้ำเพื่อสูบน้ำออกแล้วทำการแก้โขโดยใช้ซีเมนต์เก้าส์อุดรอยรั่วก็แก้ไขได้สำเร็จ อีกครั้งเป็นการเจอหินที่ไม่มีคุณภาพเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร ทำการแก้ไขตามที่แบบกำหนดไว้ก็สำเร็จด้วยดี จุดนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหินที่ไม่มีคุณภาพอาจร่วงและเป็นอันตรายต่อพนักงานที่เข้าไปทำงานได้ อีกปัญหาที่พบในช่วงการขุดเจาะโดยหัวเจาะ TBM ซึ่งพบโพรงถ้ำขนาดใหญ่ ก็ได้มีการแก้ไขและเป็นไปได้ด้วยดีเช่นกัน

 

ยอดดอยอินทนนท์ยังคึกคัก นักท่องเที่ยวพากันหนีร้อนไปสัมผัสอากาศหนาวยอดดอย (คลิป)

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 23 ต.ค. 62 บรรยากาศที่ยอดดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยข้อมูลว่า ในวันนี้นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางขึ้นมากันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณจุดชมวิว ทำให้บนถนนเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ได้เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวก และดูแลเรื่องการจราจร เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และได้เตือนให้ประชาชนขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง

ขณะเดียวกันที่บริเวณน้ำตกผาดอกเสี้ยว ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าไปเที่ยว และถ่ายภาพไม่แพ้จุดท่องเที่ยวอื่นๆ แม้ว่าอากาศในเมืองจะร้อน แต่ยอดดอยอินทนนท์กลับหนาวเย็น อุณหภูมิในวันนี้ที่ทำการอุทยานวัดได้ 10 องศาเซลเซียส ที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน วัดได้ 11 องศาเซลเซียส หากนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว และมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ ควรนำยารักษาโรคติดตัวมาด้วย เพราะอากาศบนยอดดอยหนาว และเบาบาง อาจจะทำให้โรคประจำตัวกำเริบได้

ขอบคุณภาพจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

จับสองหนุ่ม ลักลอบค้ายาเสพติด ได้ของกลางยาไอซ์ 161.28 กรัม และยาบ้า 200 เม็ด

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสารวัตรสืบสวนปราบปราม สภ.ช้างเผือก ได้ร่วมกันจับุมตัว นายวัน ไม่มีนามสกุล อายุ 21 ปี และนายตี๋ ไม่มีนามสกุล อายุ 22 ปี พร้อมของกลาง เป็นยาไอซ์ น้ำหนัก 161.28 กรัม และยาบ้าจำนวน 200 เม็ด โดยการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้มีการขยายผลการจับกุมผู้เสพยา จนทราบว่า นายต้นได้มีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาเสพติด จึงได้มีการติดต่อล่อซื้อ โดยมีการนัดส่งยาเสพติดกันบริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ย่าน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่

โดยเมื่อเถึงเวลานัดหมาย นายต้นและนายตี๋ ได้นำยาเสพติดมาส่งให้กับสายลับ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไปตรวจค้นภายในห้องพักก็พบของกลาง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าคาดเอว สีน้ำตาล วางไว้บนตู้เสื้อผ้า ภายในห้องพัก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวมายัง สภ.ช้างเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก

เจ้าหน้าที่ ตชด.33 บุกยึดยาบ้าจากกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด ได้ของกลางกว่า 1,000,000 เม็ด

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติด ได้ของกลางเป็น ยาบ้าจำนวนประมาณ 1,000,000 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางได้ที่บริเวณริมถนน เชียงใหม่ – ฝาง ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 59 – 60 บ้านแม่ทะลาย ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบมราบว่าได้มีขบวนการค้ายาบ้า อาศัยถนนสาย เชียงใหม่ – ฝาง ในการลักลอบลำเลียงบาเสพติด จึงได้ทำการซุ่มตรวจสอบก็พบกลุ่มคนต้องสงสัย สะพายกระเป๋าเดินลัดเลาะในป่า จึงได้แสดงตัวเพื่อขอครวจค้น กลุ่มคนดังกล่าวจึงได้ทิ้งกระเป๋าหลบหนีดังกล่าว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าของกลางทั้งหมดเป็นของกลุ่มว้าเหนือ ซึ่งลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อจะนำส่งต่อไปยังภาคใต้ แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจยึดไว้ได้

เกิดเหตุน่าเศร้า คนร้ายฆ่ายกครัว 3 ศพชิงทรัพย์พ่อแม่ลูก ในสวนลำไยพื้นที่เชียงดาว

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ต.ค. 62 พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตาย 3 ศพ ในกระท่อมไม่มีเลขที่ภายในสวนลำไย หมู่ที่ 4 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจ โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ แพทย์ รพ.เชียงดาว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และ ร.ต.อ.ฤกษ์ชัย สารจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เชียงดาว เข้าตรวจสอบ จุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ในบ้านพบศพสองผัวเมียนอนกอดกันอยู่ ทราบชื่อคือ นายจั๋นต๊ะ (ไม่มีนามสกุล) สัญชาติเมียนมาร์ อายุ 40 ปี และนางอ่อน นางใส สัญชาติเมียนมาร์ อายุ 55 ปี มีบาดแผลถูกอาวุธมีดฟันที่ใบหน้า ลำคอ และแขน ส่วนอีกห้องพบศพ นางคำ (ไม่มีนามสกุล) สัญชาติ เมียนมาร์ อายุ 28 ปี ลูกสาว ถูกฆ้อนทุบท้ายทอยจนเสียชีวิต

สอบสวนที่เกิดเหตุทราบว่า คนร้ายทั้งสามคนรับจ้างดูแลสวนลำไย เล้าไก่ มา 7 – 8 ปี นิสัยดี ไม่เคยทะเลากับใคร มีคนเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผู้ชายไปซื้อเหล้า กับเนื้อ เตรียมนำมาต้อนรับญาติที่จะมาหา แต่หายไปหลายวัน เจ้าของสวนลำไยสงสัยว่าลูกจ้างทั้งสามคนไม่มาทำงานจึงไปตาจนพบศพ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว หรืออีกเรื่องมาจากฆ่าชิงทรัพย์ เพราะผู้ตายมีทั้งเงินและทองเก็บไว้ แล้วทรัพย์สินหายไปหมด เตรียมเร่งติดตามคนร้ายที่คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 1 คน ที่มาก่อเหตุครั้งนี้นำตัวมาดำเนินคดี

สลดหนุ่มซิ่งรถจักรยานยนต์กลับบ้านพร้อมแฟน เสียหลักล้ม ดับ2ศพ

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 22 ต.ค. 62 พ.ต.ต.ศรัณย์ ศรีพักตร์ สารวัตรสวอบลสวน สภ.หางดง ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์แฉลบเอง เหตุเกิดบนถนนราชพฤกษ์ ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นคิวบิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 2กฆ 2811 เชียงใหม่ ล้มอยู่กลางถนน ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบศพนายอนุรักษ์ มีราจง อายุ 23 ปี อน้สียชีวิตอยู่ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือน.ส.ธัญญาศิริ ริยอง อายุ 21 ปี ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาล แต่สุดท้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวและได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

 

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการสืบสวนสอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อีกครั้ง ส่วนศพผู้เสียชีวิตทั้งสองนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยส่งร่างไปยัง ภาควิชานิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัด ก่อนที่จะได้ประสานญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป