บินลัดฟ้าเยี่ยมชมดูงานสนามบินดังนังประเทศเวียดนาม

นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำคณะผู้บริหารและพนักงาน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมสื่อมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านการประชาสัมพันธ์ และการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน กับท่าอากาศยานนานาชาติดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีผู้แทนจากการท่องเที่ยวเวียดนามและสื่อมวลชนดานัง ร่วมประชุมด้วย

ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศยานทั้งสองแห่ง อันจะนำมาซึ่งความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะการมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของเวียดนามและจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประตูที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสองประเทศ

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียเจริญเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ หลายเส้นทาง โดยเฉพาะเวียดนามมีเที่ยวบินตรงจากเชียงใหม่ไปเมืองหลักถึงสามเส้นทาง คือ เชียงใหม่-ฮานอย โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เชียงใหม่-โฮจิมินท์ โดยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ และเชียงใหม่-ดานัง โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย

สำหรับท่าอากาศยานนานาดานัง เป็นหนึ่งในท่าอากาศยาน ภายใต้การกำกับดูแลของ Airport Corporation of Vietnam (ACV) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบบริหารท่าอากาศยานจำนวนทั้งสิ้น 22 แห่งของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย ACV ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยาน (Sister Airport Agreement: SAA) กับ ทอท.เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558

ในปัจจุบัน ทอท.มีกลุ่มพันธมิตรท่าอากาศยานที่ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับ ทอท.ทั้งสิ้น 13 บริษัท/องค์กร ใน 10 ประเทศ โดยมีท่าอากาศยานระหว่างประเทศอยู่ภายใต้ SAA จำนวน 17 ท่าอากาศยาน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล (Exchange of Information) การดำเนินโครงการร่วมกัน (Joint Work Activities) การตลาดและการส่งเสริมการขายร่วมกัน (Joint Marketing and Promotion) รวมถึงการจัดให้มีการประชุมร่วมกันเป็นประจำ (Regular Meeting)

นอกจากนั้นคณะของเราได้เดินทางไปเมืองเว้ ซึ่งห่างจากเมืองดานังใช้เวลาเดินทางร่วม 2 ชั่วโมง ที่เมืองเว้ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก ลงเรือมังกรล่องแม่น้ำหอม ชมการแสดงดนตรีพื้นเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่น พักที่นี่ 1คืน เช้าไปชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดเทียนมู่ พระราชวังโบราณ แล้วเดินทางวกกลับมาพักที่เมืองดานังอีก 2 คืน ที่เมืองดานังแห่งนี้ยามค่ำคืนสวยงามน่าเที่ยวชมพลาดไม่ได้เลยคือสะพานมังกร ที่ประดับไฟสีสรรสวยงามมาก

ไฮไลท์ของที่นี่น่าจะหนีไม่พ้น บานาฮิลล์ ที่ตั้งอยู่ในเขต Hoa Ninh เมือง Hoa Vang จังหวัดดานัง ห่างจากตัวเมืองดานังไปประมาณ 38 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นบนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึงประมาณ 1,487 เมตร มีจุดท่องเที่ยวกระจายกันไปโดยรอบแต่ละพื้นที่บนยอดเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้น เพื่อเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่เนรมิตรขึ้นมาบนเขาสูง รวมทั้งสวนสนุกและเครื่องเล่นนานาชนิด พลาดไม่ได้เลยคือสะพานมือ Golden Bridge แลนด์มาร์ค สุดฮิตที่นักท่องเที่ยวแห่มาถ่ายรูป

ส่วนที่เมืองฮอยอัน(ฉันรักเธอ) ฮอยอัน หรือ โห่ยอาน เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 80,000 คน ในปี พ.ศ. 2542 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ที่นี่มีเรือกระโด้งให้นั่งเล่นชิวๆด้วย

มาแล้ว”เห็ดถอบ”ของดีภาคเหนือออกปีละครั้งชาวบ้านเฮเก็บขายได้ราคาสูง

 

ช่วงนี้หลายพื้นที่ของภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ได้เกิดฝนตก จนส่งผลทำให้เห็ดถอบ หรือเห็ดเผาะ ซึ่งเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในรอบปี หลังจากฝนตกน้ำฝนจะชะล้างหน้าดิน ทำให้เห็นดอกเห็ดเผาะได้ง่าย ชาวบ้านจึงได้พากันเข้าป่าเพื่อหาเห็ดถอบ หรือเห็ดเผาะมาจำหน่ายเพื่อหารายได้ โดยพบว่าในปีนี้ได้มีพ่อค้าแม่ค้า เริ่มนำเห็ดถอบมาวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไปตามตลาด ซึ่งราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ลิตรละประมาณ 150-300 บาท ตามขนาดและความสด ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจซื้อไปทำอาหารทั้งต้ม, ผัด หรือแกง เพื่อรับประทาน เนื่องจากเป็นของหายากและรสชาดอร่อยมาก

 

นางจันทร์ เป็งเรือง อายุ 57 ปี หนึ่งในแม่ค้าที่รับชื่อจากชาวบ้านและนำมาขายต่อเปิดเผยว่า ในช่วงนี้เห็ดถอบเป็นที่ต้องการของตลาดมาก เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูของเห็ดชนิดนี้ที่ออกมาตามธรรมชาติ และเห็ดชนิดนี้ทีไม่สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ และออกเพียงปีละครั้งเท่านั้น ประกอบกับเห็ดถอบที่ออกมาช่วงนี้ยังไม่แก่มาก เป็นที่นิยมนำไปปรุงอาหารรับประทาน

 

จึงส่งผลทำให้ราคาค่อนข้างสูง และพบว่าผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อเห็ดถอบไปทำอาหารน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอาจจะเกิดจากสาเหตุเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก เมื่อนานวันเข้าคาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะคาดว่าหลังจากนี้ราคาเห็ดถอบน่าจะค่อยๆลดลง เนื่องจากเห็ดถอบจะออกมามากในช่วงกลางฤดูกาลและมีมากขึ้นราคาก็จะลดลงตามปริมาณเห็ดที่ออกมามาก

 

ด้านนางสาวดวงใจ คงมาลา อายุ 43 ปี หนึ่งในลูกค้าที่เลือกซื้อเห็ดถอบ ได้เปิดเผยว่า ราคาขายเห็ดถอบในปีนี้สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ด้วยความชื่นชอบในรสชาติที่อร่อยและออกเพียงปีละครั้งเท่านั้น จึงต้องซื้อไปปรุงอาหารเมนูรับประทาน ซึ่งเมื่อซื้อไปแล้วจะรีบนำไปปรุงอาหารทันที เพราะหากเก็บไว้นานแล้วรสชาติเห็ดจะไม่อร่อยและไม่กรอบเหมือนตอนที่สดใหม่

 

สำหรับเห็ดถอบหรือเห็ดเผาะ เป็นเห็ดราที่อยู่ในจำพวกเชื้อราเอ็คโตไมโคไรซา มักออกดอกในช่วงต้นฤดูฝน หรือประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยจะขึ้นเองปีละครั้งตามธรรมชาติ ในป่าบนผืนดินที่ถูกไฟไหม้เมื่อโดนน้ำฝนที่ตกลงมาจะงอกขึ้นมา อย่างไรก็ดียังไม่มีวิธีหรือเทคโนโลยีที่สามารถเพาะเองได้ หรืออาจจะมีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงไม่ค่อยเห็นมีการเพาะเห็ดเผาะกันเป็นเรื่องเป็นราว และที่ผ่านมาหลายคนมองว่าเห็บถอบนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งจากการเผาป่า จนกลายเป็นปัญหาหมอกควันพิษเข้าปกคลุมหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบนรวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ด้วย

บางกอกแอร์เวย์สร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดแคมเปญ “บินวันธรรมดา ลุ้นฟินแบบไม่ธรรมดา”

บางกอกแอร์เวย์สร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดแคมเปญ “บินวันธรรมดา ลุ้นฟินแบบไม่ธรรมดา”

กรุงเทพฯ / 9พฤษภาคม 2562 – เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำโดย นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการตลาด ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ และนายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก เปิดตัวแคมเปญ “บางกอกแอร์เวย์ส ชวนบินวันธรรมดา ลุ้นฟินแบบไม่ธรรมดา”

มอบสิทธิ์ในการลุ้นรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบินแก่ผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์ส เมื่อซื้อบัตรโดยสารเส้นทางภายในประเทศระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2562  เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา (จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี) ณ สำนักงานใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส

แคมเปญ “บางกอกแอร์เวย์ส ชวนบินวันธรรมดา ลุ้นฟินแบบไม่ธรรมดา” จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดาให้มากขึ้น โดยผู้โดยสารของสายการบินฯ ที่ซื้อบัตรโดยสารเส้นทางภายในประเทศระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2562  เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา (จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี) จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล บัตรโดยสาร ไป-กลับ เส้นทางบินภายในประเทศจำนวน 50 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ-สมุย 10 รางวัล กรุงเทพฯ-เชียงราย 10 รางวัล  กรุงเทพฯ-ลำปาง 10 รางวัล กรุงเทพฯ-กระบี่ 10 รางวัล และ กรุงเทพฯ-ตราด 10 รางวัล

ผู้โดยสารที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ที่ www.bangkokair.com/weekdayspecial ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 2 สิงหาคม 2562  ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าวมีกำหนดจับรางวัลในวันที่ 8 สิงหาคม 2562 และจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลในวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ผ่านทางเว็บไซต์ที่ www.bangkokair.com/weekdayspecial และทางเฟสบุ๊คที่ www.facebook.com/flybangkokair

อธิการบดี มช. เดินทางเยือนญี่ปุ่น เยี่ยมศูนย์ดูแลผู้สูงวัยแบบครบวงจร เพื่อนำเทคนิคมาพัฒนาดูแลผู้สูงอายุในอนาคต

อธิการบดี มช. เดินทางเยือนญี่ปุ่น เยี่ยมศูนย์ดูแลผู้สูงวัยแบบครบวงจร เพื่อนำเทคนิคมาพัฒนาดูแลผู้สูงอายุในอนาคต

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าเยี่ยมชมบริษัท Friend Corporation ประเทศญี่ปุ่นโดยมี Mr. Keisuke Yamaguchi ประธานกรรมการบริหารและคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ให้การต้อนรับ โดยคณะของผู้บริหารมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ได้หารือความร่วมมือกับบริษัทฯ รวมถึงเยี่ยมชมศูนย์ดูแลผู้สูงวัยแบบครบวงจร

สำหรับ บริษัท Friend Corporation เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในศตวรรษที่ 21 โดยการให้การช่วยเหลือด้านการดำเนินชีวิตและมีการใช้เทคนิคเฉพาะด้านการแพทย์เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ

อดีต ผบ.ตร. ทำพิธีพุทธาภิเษกองค์ “พระนวพุทธมหาบารมี” วัดกู่ดินขาว อายุกว่า 800 ปี ในสวนสัตว์เชียงใหม่

อดีต ผบ.ตร. ทำพิธีพุทธาภิเษกองค์ “พระนวพุทธมหาบารมี” วางชิ้นส่วนพระอุระโบราณ ให้กับวัดกู่ดินขาว อายุกว่า 800 ปีในสวนสัตว์เชียงใหม่

ที่วัดกู่ดินขาว ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เป็นประธานพิธีพุทธาภิเษกองค์พระ “พระนวพุทธมหาบารมี” โดยมี พลตำรวจโทบุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานอนุกรรมาธิการการท่องเที่ยว นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

สำหรับวัดกู่ดินขาวแห่งนี้ ป็นหลักฐานการก่อสร้างวัดเพียงแห่งเดียวของเวียงเจ็ดลิน ที่เหลือหลักฐานที่ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุด ในเขตสวนสัตว์เชียงใหม่ กลุ่มโบราณสถานในบริเวณวัด ประกอบด้วย เจดีย์ประธาน วิหาร เจดีย์รายแปดเหลี่ยม และกำแพงแก้วเขตพุทธาวาส ก่อนการบูรณะมีสภาพที่ต้นไม้ขึ้นในส่วนต่างๆ ของโบราณสถานพังทลายทรุดโทรม สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ 6 เชียงใหม่ ทำการบูรณะเมื่อปี 2543

ต่อมาก็ได้มีการจัดสร้าง “พระนวพุทธมหาบารมี” ขึ้น แต่ยังขาดส่วนพระอุระโบราณ (ชิ้นส่วนของอก) ต่อมาทางด้าน พลต.อ.อ.พลตำรวจเอกพิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีพุทธาภิเษกองค์พระ “พระนวพุทธมหาบารมี” พร้อมด้วย พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะผู้มีจิตศรัทธา ได้จัดบูรณปฏิสังขรณ์พระอุระโบราณ (ชิ้นส่วนอก) ขึ้นและนำมาประกอบในองค์พระ พร้อมจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นในครั้งนี้

บางกอกแอร์เวย์ เปิดเส้นทางใหม่บินตรง เชียงใหม่-หลวงพระบาง

หลวงพระบางอยู่ทางภาคเหนือของประเทศลาว ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกันบริเวณนั้นเรียกว่า ปากคาน หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่เป็นราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรล้านช้าง สมัยแรกเริ่มสถาปนาอาณาจักรล้านช้าง เดิมเรียกว่า “เมืองซัว”ปีพ.ศ. 1300 ขุนลอปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซัว เป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น “เชียงทอง”

ต่อมาปี พ.ศ.1916 พระเจ้าฟ้างุ้ม เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเมืองพระนคร หรือเมืองเสียมราฐ และนำกองทัพนับพันกำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับคืน และสถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้นมาใหม่

และสถาปนาเมืองเชียงทองขึ้นเป็นราชธานีว่า กรุงศรีสัตนาคนหุตอุตตมราชธานี ต่อมาในรัชสมัยพระโพธิสารราชเจ้า พระองค์ได้ทรงอาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงมีชื่อเรียกว่า “หลวงพระบาง” นับแต่นั้นมา

หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในพ.ศ. 2538 โดยยูเนสโก ด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่ มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงามยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมืองหนึ่งจึงเป็นที่สนใจของบรรดานักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศการท่องเที่ยวแบบนี้

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำโดย นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ส่วนขาย จัดเที่ยวบินปฐมฤกษ์เปิดเส้นทางบินใหม่ “เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว)” โดยมี ดร.สุดาพอน คมทาวง รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง นายเวียระสัก วันนะจิด รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานหลวงพระบาง และมร.แอนดริว แจนสัน ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอวานี พลัส หลวงพระบาง ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหลวงพระบาง (สปป.ลาว)

การเปิดเส้นทางบินเชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายเครือข่ายเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์สให้ครอบคลุมประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) โดยใช้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบินทางภาคเหนือ สำหรับเมืองหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบด้านวัฒนธรรม ต้องการความเงียบสงบ วิถีชีวิตเรียบง่าย เลือกเดินทางมาพักผ่อน

ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม การเปิดเส้นทางบินระหว่างเชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังเมืองมรดกโลกแห่งนี้โดยไม่ต้องเดินทางกลับไปต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ

สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สายการบินฯ ที่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบภายใต้สโลแกน “เอเชีย บูทีค แอร์ไลน์ส” หรือ ความประทับใจแห่งเอเชีย เปิดให้บริการเส้นทางบินตรงระหว่าง เชียงใหม่ – หลวงพระบาง (สปป.ลาว) (ไป – กลับ) โดยให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ด้วยเครื่องบินแบบ เอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดยเที่ยวบินขาไป PG983 ออกจากเชียงใหม่ (สนามบินนานาชาติเชียงใหม่) เวลา 16.30 น. ถึงหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เวลา 17.45 น. เที่ยวบินขากลับ PG984 ออกจากหลวงพระบาง (สปป.ลาว) เวลา 18.30 น. ถึงเชียงใหม่ (สนามบินนานาชาติเชียงใหม่) เวลา 19.45 น.

ผู้โดยสารที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) โทร. 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการครั้งละ 3 บาททั่วไทย (เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน) หรือที่เว็บไซต์ www.bangkokair.com

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดศูนย์การศึกษาและแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ป่า “ยุวอาสานำเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” รุ่นที่ 4

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดย สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดพิธีเปิดโครงการพัฒนาศูนย์การศึกษาและแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ป่า กิจกรรม “ยุวอาสานำเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” รุ่นที่ 4 ประจำปี 2562 โดยมี นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และนางสาวรัตนา เรือนทราย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ กล่าวรายงาน ณ ห้องไกรสรราชสีห์ สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

รพ.ลานนาจัดพิธียกเสาเอก-โท ถือฤกษ์ดีก่อสร้างโรงพยาบาลลานนา 3

โรงพยาบาลลานนา จัดพิธียกเสาเอก – โท และพิธีทางศาสนา โรงพยาบาลลานนา 3 เพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นการก่อสร้างโรงพยาบาลลานนา 3

วัตถุประสงค์การก่อสร้างเพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยประกันสังคม ที่มีผู้ไว้วางใจเลือกโรงพยาบาลลานนา เป็นสถานพยาบาลหลักในสิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลของประกันสังคม มากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน โดยคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2564 นี้ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นได้อีกกว่าแสนคน

#โรงพยาบาลลานนา #โรงพยาบาลของครอบครัวเรา
เครดิตภาพ : จิราลักษณ์ จันทร์กระจาย หน.แผนกสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลลานนา

สดร. จัดชมจันทร์เต็มดวงคืนวันวสันตวิษุวัต

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดชม “ดวงจันทร์เต็มดวงคืนวันวสันตวิษุวัต” คืน 21 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา วันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้นทาง ทิศตะวันออกพอดีและตกทางทิศตะวันตกพอดี เรียก “วันวสันตวิษุวัต” นอกจากนี้ยังตรงกับช่วงดวงจันทร์ เต็มดวงมีระยะทางใกล้โลก ห่างประมาณ 360,761 กิโลเมตร จะสังเกตเห็นดวงจันทร์มีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย

จึงเชิญชวนประชาชนร่วมส่องดวงจันทร์เต็มดวงผ่านกล้องโทรทรรศน์หลากชนิดและวัตถุท้องฟ้าอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ โอไรออนเนบิวลา กระจุกดาวลูกไก่ ดาวอังคาร ณ 3 จุดสังเกตการณ์หลักที่หอดูดาว อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก

ภาพจาก งานประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งเสริมแรงงานนอกระบบ ให้เข้าถึงหลักการประกันสังคม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งเสริมแรงงานนอกระบบ ให้เข้าถึงหลักการประกันสังคม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

บริเวณที่ทำการกลุ่มณัฐรดาผ้าฝ้ายเดินเชือก อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการเตรียมความพร้อมแก่กำลังแรงงาน แนะแนวอาชีพผู้ที่ไม่อยู่ในระบบการจ้างงาน และส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้รับงานไปทำที่บ้าน และผู้ผ่านการฝึกอบรมกิจกรรมเพิ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ ให้การต้อนรับ

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานนอกระบบเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ หากไม่ได้รับโอกาสและไม่ได้รับการดูแลในเรื่องการประกอบอาชีพ สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย และการสร้างหลักประกันที่ดีทางสังคม ก็จะไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศได้ แรงงานนอกระบบจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้เป็นแรงงานที่มีทักษะ มีความรู้ มีสมรรถนะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อีกทั้งยังมีการต่อยอดความรู้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีีคุณภาพ มีความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของตลาดได้

 

ทั้งนี้ รมว.แรงงานฯ ได้มอบเงินกู้จากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้แก่กลุ่มพัฒนาสตรีล้านตอง ซึ่งได้รับอนุมัติให้กู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านของกรมการจัดหางาน จำนวน 150,000 บาท เพื่อขยายกิจการของกลุ่ม และเยี่ยมชมการแสดงผลิตภัณฑ์ และการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน และกลุ่มกิจกรรมเพิ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นกลุ่มต่อยอดจากกลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน โดยนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ และขยายผลไปยังบุคคลที่ว่างงานในหมู่บ้าน