ริชโค่ เชียงใหม่ โชว์นวัตกรรมเครื่องสแกนรถฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เครื่องแรกในประเทศไทย

ริชโค่ เชียงใหม่ โชว์นวัตกรรมเครื่องสแกนรถฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เครื่องแรกในประเทศไทย

บริษัท ริชโค่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 357/2 หมู่ที่ 1 ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรม SHOP TALK 5 : ZOOM IN 2018 SOFTAIL เพื่อโชว์สุดยอดนวัตกรรมการพรีเซ้นท์เครื่องยนต์ผ่านระบบ Interactive x-ray slider ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นำเครื่องมาใช้กับรถจักรยานยนต์ ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน โดยมี นายริชาร์ด คีธ วิลสัน CEO บริษัท ริชโค่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดแถลงข่าว พร้อมเล่าประวัติการเกิดขึ้นของรถจักรยานยนต์ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน และโชว์สุดยอดนวัตรกรรมให้ดูถึงความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในการพรีเซ้นต์รถของปี 2018 นี้

นายริชาร์ด คีธ วิลสัน CEO บริษัท ริชโค่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท ริชโค่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นผู้ประกอบกิจกรจำหน่ายและศูนย์บริการที่ได้รับกำรแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ของรถจักรยานยนต์ ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน แห่งเดียวในภาคเหนือ และมีการจัดกิจกรรมขึ้นในวันนี้ เพื่อนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมเครื่องยนต์ MILWAUKEE-EIGHT ที่บรรจุใน รถฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ตระกูล SOFTAIL มาโชว์ ผ่านเทคโนโลยี Interactive x-ray slider ที่จะเป็นสื่อประกอบการพีเซ้นท์ ให้ผู้ชมได้เห็นส่วนด้านในของรถเสมือนกับดูฟิล์มเอ็กซเรย์ ว่าตัวรถนั้นมีโครงสร้างเป็นอย่างไร

เมื่อสแกนไปตรงจุดไหนก็จะมีข้อมูลบอกว่า ชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถที่สำคัญมีอะไรบ้าง และมีความพิเศษอย่างไร ซึ่งเทคโนโลยีนี้ มีการใช้กันในต่างประเทศ ทั้งที่เวียดนาม อินโนเซีย และมาเลเซีย ส่วนประเทศไทยยังไม่มีบริษัทฯ รถที่ไหนนำมาใช้ ดังนั้น บริษัท ริชโค่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นผู้ประการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน นำเข้ามาจัดแสดงเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และถือเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย

ทั้งนี้ยังมีการจัดโชว์รถจักรยานยนต์ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน รุ่นพิเศษ ครบรอบ 115 ปีของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ที่ทำเป็นสีพิเศษ และคันที่จัดโชว์นี้เป็นคันที่ 110 ในจำนวน 1,900 คัน ทั่วโลก หาชมได้ยากมาก หากผู้ที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อยากจะชมอย่างใกล้ชิด ก็สามารถเข้าไปชมได้ ซึ่งจะมีพนักงานคอยให้การต้อนรับและให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่สนใจด้วย

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ลุยเดินหน้าติดตามมาตรการป้องกันหมอกควันไฟป่า “โหล่งขอดโมเดล”

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางไปยังศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์ไฟป่าและการขับเคลื่อนงานด้านมาตรการป้องกันหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ “โหล่งขอดโมเดล” ซึ่งถือเป็นตำบลนำร่องในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยพบว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เกิดจุด hotspot ทั้งหมด 7 จุด ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว 11 จุด

นอกจากนี้ยังได้มีการสนับสนุนให้ประชาชนน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต อาศัยหลักความพอประมาณในการดำรงชีวิต ไม่บุกรุกเขตป่าจึงทำให้ประชาชนในบ้านหลวงสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้แต่เดิมพื้นที่ตำบลโหล่งขอดเกิดปัญหาภัยแล้ง และเกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนทุกปี รวมทั้งยังพบมีผู้บุกรุกทำลายป่า และมีผู้ค้ายาเสพติดด้วย แต่เมื่อดำเนินการตามโครงการโหล่งขอดโมเดล โดยมีปลูกป่า บวชป่า สร้างฝายชะลอน้ำ เก็บตะกอน สร้างความชุมชื่นให้ผืนป่า ตลอดจน การทำแนวกันไฟในฤดูแล้ง

และยังสร้างศูนย์เรียนรู้ในวัด และช่วยปลูกจิตสำนึกให้คนในพื้นที่รักษาป่าไม้ โดยมีกติกาตำบลโหล่งขอดร่วมกัน มีบทลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและบุกรุกป่า พร้อมกันนั้นได้กันแนวเขตป่าเพื่อได้ผืนป่าคืนให้กับรัฐเพื่อปลูกป่าถาวรต่อไป ถือว่าประสบความสำเร็จแห่งแรกของไทย

 

เชียงใหม่ มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนรุ่นใหม่กว่า 250 รายสู่ไทยแลนด์ 4.0

เชียงใหม่มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนรุ่นใหม่กว่า 250 รายสู่ไทยแลนด์ 4.0

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ พบปะเกษตรกร ในโครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินงานตามโครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการหรือเกษตรกรรุ่นใหม่ที่จดทะเบียนกับทางกรมส่งเสริมการเกษตรไม่เกิน 3 ปี โดยจังหวัดเชียงใหม่ มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั้งหมด จำนวน 2,080 แห่ง บุคคลเป้าหมายที่ได้รับคัดเลือกเรับการอบรมครั้งนี้จำนวน 250 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 25 อำเภอ

มุ่งเน้นให้พัฒนาเกษตรกรรวมกลุ่มลักษณะวิสาหกิจชุมชนใช้กระบวนการกลุ่มพัฒนาสินค้าให้มีลักษณะเฉพาะภายใต้ระบบคุณภาพคุณภาพ จนกระทั่งสามารถสร้างงานสร้างรายได้ ให้กับคนในชุมชนพึ่งพาตนเองบนพื้นฐานความพอเพียงเป็นรากฐานความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่ไทยแลนด์4.0ต่อไป

เริ่มแล้วงาน OTOP ศรีวิชัย สู่สายใยคนเมืองเหนือ กระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว (มีคลิป)

เริ่มแล้วงาน OTOP ศรีวิชัย สู่สายใยคนเมืองเหนือ ส่งเสริมการเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว 14 – 16 มี.ค. 61 ที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่

นายวาทกานต์ ช่อแก้ว พัฒนาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดงาน “เสน่ห์แห่ง OTOP ศรีวิชัย สู่สายใยคนเมืองเหนือ” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น G โดยมี นางสาวยุพา เทียมกุล ประธานเครือข่าย OTOP ศรีวิชัย ผู้แทนของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กล่าวรายงาน และนายเจริญ สีวาโย หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าโอทอป ทั้งภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เข้าร่วมกิจกรรมและจำหน่ายสินค้าเป็นจำนวนมาก

โดยก่อนพิธีเปิดมีการแสดง “ทักษิณาตารี” และการแสดงโชว์ “มวยไชยา” ให้กับผู้เข้าร่วมงานได้ชมด้วย และหลังจากทำพิธีเปิดแล้วทางคณะผู้จัดงานก็ได้เดินชมบูธการจำหน่ายสินค้าต่างๆ

นางสาวยุพา เทียมกุล ประธานเครือข่าย OTOP ศรีวิชัย ผู้แทนของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กล่าวว่า การเปิดงาน Road Show OTOP ศรีวิชัย 2018 ครั้งนี้ เนื่องจากนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล และความสำคัญของการส่งเสริมสินค้าโอทอป กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จึงได้สนับสนุนงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประจำปี 2561 ให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ดำเนินงานกิจกรรมในครั้งนี้ ภายใต้โครงการส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์โอทอปของกลุ่มจังหวัดฯ ในแบรนด์ “OTOP ศรีวิชัย” รวมทั้ง เพื่อสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ศรีวิชัย ให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ธีมงานว่า “เสน่ห์แห่ง OTOP ศรีวิชัย สู่สายใยคนเมืองเหนือ” มีกลุ่มเป้าหมายผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานมาจาก 5 จังหวัด คือ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา โดยมีคูหาจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า รวม 50 คูหา กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 14 – 18 มีนาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น. รวม 5 วัน

นายวาทกานต์ ช่อแก้ว พัฒนาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ความเติบโตทางเศรษฐกิจมาจากเศรษฐกิจของชุมชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรายได้จากการจำหน่ายสินค้าโอทอป ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายสินค้าโอทอปไว้ถึง 2 แสนล้านบาท ผลปรากฏว่ามียอดรายได้จากการจำหน่ายสินค้าโอทอป ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้มาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า งานการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาสินค้าโอทอปมาถูกทางแล้ว

ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่สมดุล จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน พอๆ กับการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาค จะเห็นได้จากการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 เพิ่มเติม ไว้ถึง 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะเพื่อการพัฒนาสินค้าโอทอปและการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ ประมาณ 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี การผลิต การค้าขาย จำเป็นต้องมีการแข่งขันและหาส่วนแบ่งทางการตลาด ดังนั้น เครือข่ายโอทอปต้องเรียนรู้ และปรับตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการใช้นวัตกรรมและการเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายในตลาดของโลกยุคใหม่ด้วย

อบจ.เชียงใหม่ สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่อต้านยาเสพติด

อบจ.เชียงใหม่ สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่อต้านยาเสพติด

นายไพรัช ใหม่ชมพู รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รักษาการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา – กรีฑาต่อต้านยาเสพติด ของโรงเรียนในสังกัดอำเภอสารภี “สารภีเกมส์ ครั้งที่ 1″ประจำปีการศึกษา 2561 ในการจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ได้แบ่งการแข่งขันกีฬาออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ประเภทกีฬา อาทิเช่นการแข่งขันกีฬาฟุตบอล การแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ การแข่งขันกีฬาเปตอง และประเภทการแข่งขันกรีฑา โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา จำนวน 29 โรงเรียน

นายไพรัช ใหม่ชมพู กล่าวว่า อบจ.เชียงใหม่ ให้การสนับสนุนการแข่งขันกีฬานักเรียนในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นการตอบสนองตามนโยบายของชาติในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน หันมาเล่นกีฬาเพื่อการพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจให้สมบูรณ์ พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริมทักษะด้านกรีฑา ให้เด็กและเยาวชนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์การเข้าร่วมแข่งขัน อีกทั้งให้เด็กและเยาวชนรู้จักการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พัฒนาสุขภาพอนามัยตนเองด้วยการกีฬา ห่างไกลจากสิ่งเสพติดและอบายมุข ตลอดจนเป็นการส่งเสริมกระบวนการเรียนการสอนในวิชาพลศึกษาและสามารถบูรณาการกิจกรรมทางกีฬาทุกชนิดสู่วิถีแห่งการดำเนินชีวิตได้

ร้านตัดผมผุดไอเดียร์แกะลายผมเป็นรูปซุปเปอร์ฮีโร่ สร้างสีสันให้กับกลุ่มวัยรุ่นนช่วงปิดเทอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ร้านตัดผม “เหลาหัว” สาขาบ้านถวาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษเอาใจเด็กๆในช่วงปิดเทอม โดยได้มีการรับแกะลายผมเป็นรูปซุปเปอร์ฮีโร่จากภาพยนต์เรื่องต่างๆอาทิไอร่อนแม่น สไปเดอร์แมน และอีกหลากหลานฮีโร่ ให้เด็กๆได้นำไปอวดเพื่อนๆในช่วงปิดเทอม ซึ่งก็ได้มีเหล่าเยาวนและกลุ่มวัยรุ่นให้ความสนใจเดินทางมาแกะลายทรงผมกันเป้นจำนวนมาก

โดยทางด้านนายนพพร เชื้อประยูร อายุ 37 ปี หรือ “ช่างบุ๋ม” เจ้าของร้าน “เหลาหัว” ได้เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ ทางร้านจึงได้มีการจัดกิจกรรม โดยการแกะลายทรงผมให้เป็นรูปซุปเปอร์ฮีโร่จากหนังและการ์ตูนเรื่องต่างๆที่เด็กๆชื่นชอบ โดยคิดราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 200 บาทไปจนถึง 500 บาท ตามแต่ความยากง่ายของลวดลายและขนาด ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากเด็กๆและกลุ่มวัยรุ่นกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในการแกะลวดลายแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลานานประมาณ 30 นาทีไปจนถึง 2 ชั่วโมง จนส่งผลทำให้ต้องจองคิวกันล่วงหน้า โดยลวดลายยอดฮิตในขณะนี้ยังคงเป็นลายเสือดำ เพราะผู้ตัดยังคงต้องการที่จะสื่อความหมาย ในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเสือดำที่ถูกฆ่าตาย รวมทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่าให้คงอยู่ต่อไป

สวนสัตว์เชียงใหม่งาน “วันช้างไทย” ให้พังไชโย ช้างตัวแรกของไทยที่เกิดในสวนสัตว์

สวนสัตว์เชียงใหม่งาน “วันช้างไทย” ให้พังไชโย ช้างตัวแรกของไทยที่เกิดในสวนสัตว์ และยังเคยเป็นช้างสัญลักษณ์มาสคอตในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ปี 41 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยตามมติของคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติช้างที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเพื่อให้นักท่องเที่ยวร่วมกันอนุรักษ์และเห็นความสำคัญของช้างไทย

นายวุฒิชัย ม่วงมัน รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ เล็งเห็นความสำคัญของช้างไทย จึงได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรมนี้ขึ้นส่วนจัดแสดงช้างเอเชีย ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ เนื่องจากในวันที่ 13 มีนาคม ของทุกๆ ปี ถือว่าเป็นวันช้างไทย โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมมากมาย การนิทรรศการให้ความรู้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้น และปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ช้างไทย สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยที่อยู่คู่กับเมืองไทยมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้มีการจัดนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับช้างแก่นักท่องเที่ยวและนักศึกษา กิจกรรม การประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ กิจกรรมวาดภาพระบายสี การเขียนรณรงค์อนุรักษ์ช้างไทย พร้อมนำผลไม้ต่างๆ ให้แก่ช้างที่จัดแสดงอยู่ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ กิจกรรมการแสดงประกอบเสียงดนตรีของ พังไชโยและลุงสนั่น (ควาญช้างผู้ดูแลพังไชโย) และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับช้างพังไชโย ก็ได้เชิญพระสงฆ์มารดน้ำมนต์ให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษ “กดไลค์กดแชร์รูปภาพ” เพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากทางสวนสัตว์เชียงใหม่

สำหรับช้าง “พังไชโย” เคยใช้เป็นสัตว์นำโชค หรือมาสคอตในการจัดแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2541 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันอายุ 20 ปี เกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2541 จากพ่อช้างชื่อ พลายเอก และแม่ช้างชื่อ พังใหม่

ช้างเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโบราณ ช้างเป็นพระราชพาหนะเคียงคู่ พระบารมีพระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัย แต่ปัจจุบันคนไทยกลับเห็นคุณค่าและความสำคัญของช้างไทยลดน้อยลง ดังนั้น ทางสวนสัตว์เชียงใหม่จึงได้จัดนิทรรศการให้ความรู้และกิจกรรมต่างๆขึ้น เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงความสำคัญ และการดำรงอยู่ของช้างไทย รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทุกคนหันมาช่วยกันอนุรักษ์ช้างและเห็นคุณค่าของช้างไทยให้มากยิ่งขึ้น

บางกอกแอร์เวย์ส ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ สโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ สร้างเเบรนด์ระดับสากล

บางกอกแอร์เวย์ส ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ สโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ สร้างเเบรนด์ระดับสากล

สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยนาย พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยนายคาร์สเทน คราเม่อ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดของสโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรร่วมกัน ณ สนามซิกนัลอิดูนาพาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นการยกระดับความร่วมมือในการสร้างแบรนด์ของทั้งสองบริษัทฯในการขยายตลาดสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น

บางกอกแอร์เวย์ส ประกาศร่วมมือเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุโรป และมีฐานแฟนบอลทั้งในทวีปเอเชียและทั่วโลกสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้มีการร่วมทำโฆษณาและส่งเสริมแคมเปญพิเศษต่างๆทั้งในประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน ฮ่องกง อินเดีย และบังคลาเทศ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างการจดจำแบรนด์ให้กับสายการบินฯในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในโอกาสที่ปีนี้บริษัทฯ ครบรอบ 50 ปี การนำแบรนด์ก้าวเข้าสู่สากลโดยการจับมือกับสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่เราได้นำเเบรนด์บางกอกแอร์เวย์สเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับทีมฟุตบอลที่มีฐานแฟนบอลทั่วโลก

รวมทั้งชนะการแข่งขันในลีกเยอรมนีถึง 8 ปีซ้อน เราเชื่อว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบเอเชียบูทีคแอร์ไลน์หรือความประทับใจแห่งเอเชียของทางสายการบินฯ และทำให้สายการบินฯเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรปซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของเรา”

“นอกจากความร่วมมือในการสร้างแบรนด์ที่จะมีตลอดในปีพ.ศ. 2561-2563 ยังมีความพิเศษ คือ การมอบโอกาสในการฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนโดยสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ซึ่งการทำกิจกรรมเพื่อสังคมถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนธุรกิจของบางกอกแอร์เวย์สที่เราให้ความสำคัญและทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานส่วนรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้ดีมากยิ่งขึ้น” นายพุฒิพงศ์ กล่าวเสริม

นายคาร์สเทน คราเม่อ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดของสโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ กล่าวว่า “ทางสโมสรรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับสายการบินที่แข็งแกร่งและได้รับรางวัลต่อเนื่องมากมายอย่างบางกอกแอร์เวย์ส ทั้งสองบริษัทฯมีความตั้งใจที่จะนำเสนอความร่วมมือนี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์มากยิ่งขึ้น”

สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ร่วมกับสโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ได้อยู่ระหว่างการเจรจากับการกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยถึงความเป็นไปได้สำหรับโครงการพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนแห่งประเทศไทย ทั้งรุ่น U13, U15, U17 และ U19 โดยมีสายการบินบางกอกแอร์เวยส์เป็นผู้สนับสนุนหลัก

การลงนามในครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสที่จะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านการโฆษณาของสโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ที่มีหลากหลายช่องทาง โดยเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มคนเยอรมันและกลุ่มคนยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายในการเดินทาง

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สจะร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์เป็นระยะเวลา 2 ปี ในการร่วมทำโฆษณาและออกแคมเปญพิเศษทั้งในประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน ฮ่องกง อินเดีย และบังคลาเทศ โดยการใช้ภาพของนักฟุตบอลในสโมสร การสื่อสารผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย การเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เช่น การนำเสนอแบรนด์ของสโมสรภายในสนามบินของสายการบินฯทั้ง 3 แห่ง คือ สนามบินเกาะสมุย สนามบินตราด และสนามบินสุโขทัย

ตำรวจภาค 5 ตั้งค่าหัวกลุ่มขบวนการค้ายาลำเลียงยาเสพติด รายละ 5 หมื่น เชิญประชาชนแจ้งเบาะแส

สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภาค 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยาบ้ากำลังระบาดอย่างหนักเข้าในประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานก็ปฏิบัติการอย่างเต็มที่ และจับกุมยาเสพติดได้ครั้งละจำนวนมาก รวมทั้งได้ตัวผู้ต้องหาที่ลำเลียงด้วย ซึ่งก็มีผู้ต้องหาตัวการสำคัญหลบหนีการจับกุมอยู่ และทางตำรวจได้ทำเรื่องขออนุมัติหมายจับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดและเป็นบุคคลที่ทำการลำเลียงยาเสพติดรายสำคัญไว้ในตอนนี้ถึง 8 ราย แต่เราจับกุมได้ 1 รายเหลือ 7 ราย

โดยเป็นขบวนการลำเลียงที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งทางตำรวจได้รายชื่อ ที่อยู่ รูปพรรณสัญฐาน และได้นำขึ้นบัญชีไว้แล้ว และติดประกาศไปตามเว๊บไซด์ของทางราชการและสื่อ ไปทั่ว โดยได้ตั้งค่าหัวพวกขบวนการพวกนี้ไว้ หัวละ 50,000 บาท หากประชาชนท่านใด พบเห็นแจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจภาค 5 หรือตำรวจท้องที่ที่ท่านพบ ทางตำรวจภาค 5 มีรางวัลค่าหัวพวกนี้รายละ 50,000 บาทสำหรับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน นั้น เป็นขบวนการพวกนี้จะลำเลียงขนยาเสพติดทางบริษัทขนส่งมวลชน โดยเอาผลิตผลทางการเกษตรบังหน้าและซุกซ่อนมากลับกล่องพัสดุพืชผลทางการเกษตร ในการส่งยาเสพติด รองผบช.ภ.5 กล่าวในที่สุด

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ระดมฉีดน้ำลดภาวะหมอกควัน สร้างความชุ่มชื้นให้สถานที่ท่องเที่ยว

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ระดมฉีดน้ำลดภาวะหมอกควัน สร้างความชุ่มชื้นให้สถานที่ท่องเที่ยว

นางเนตรนภา สุทธิธรรมดำรง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดภาวะหมอกควันประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้เกิดฝุ่นละออง และเกิดการเสียดสีของเศษใบไม้ที่อาจทำให้เกิดการเผาไหม้ได้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้เพิ่มมาตรการสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี

โดยแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแสดงสัตว์และพื้นที่การให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งได้จัดทำสปริงเกิลฉีดน้ำในส่วนแสดงสัตว์ต่างๆ และจัดพื้นที่ส่วนแสดงให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พร้อมทั้งจัดรถฉีดน้ำในพื้นที่เส้นทางส่วนแสดงซาวันนาซาฟารีและเพรดเดเตอร์พราวน์ ซึ่งเป็นส่วนแสดงที่ให้บริการการนั่งรถชมสัตว์แก่นักท่องเที่ยวทุกวัน ก่อนเริ่มให้บริการ

นอกจากนี้ได้มีการกำจัดขยะโดยการใช้เตากำจัดขยะไร้มลพิษที่ได้รับการแนะนำจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2553 โดยเตากำจัดขยะไร้มลพิษมีระบบการกำจัดขยะที่ไม่ส่งกระทบกับสิ่งแวดล้อม มีระบบดักเก็บมลพิษโดยใช้ไอน้ำในการบำบัดของเสียที่ทำให้เกิดกลิ่นและก๊าซต่างๆ รวมทั้งมีระบบดักเก็บฝุ่นละอองให้ตกตะกอนเหลือเป็นอากาศ หรือไอน้ำ ก่อนปล่อยสู่บรรยากาศ ที่สำคัญลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะและไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้สนับสนุนการใช้เตากำจัดขยะไร้มลพิษ โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ เข้าศึกษาระบบการกำจัดขยะของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และนอกจากนี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังได้กำจัดขยะธรรมชาติ เช่น มูลสัตว์ เศษใบไม้ โดยการแปรรูปเป็นปุ๋ยชีวภาพ เพื่อมอบให้แก่ชุมชนและเกษตรกรในการนำไปใช้ประโยชน์อย่างปลอดภัย ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการ เพื่อเป็นการช่วยลดหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศ และเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่สัตว์ป่าและชุมชนอย่างยั่งยืน