ข่าวเด่น » ปัญหานักท่องเที่ยวให้อาหารนกพิราบและการแพร่พันธุ์ข่วงประตูท่าแพ หวั่นเกิดโรคระบาด วอนช่วยกันหาทางออก

ปัญหานักท่องเที่ยวให้อาหารนกพิราบและการแพร่พันธุ์ข่วงประตูท่าแพ หวั่นเกิดโรคระบาด วอนช่วยกันหาทางออก

21 มกราคม 2018
983   0

Social Share

นกพิราบ เป็นเป็นนกในวงศ์นกพิราบและนกเขามีขนสีเทาอ่อน มีแถบสีดำสองแถบบนปีกแต่ละข้าง ในอดีต นกชนิดนี้เป็นนกที่มนุษย์คุ้นเคยเป็นอย่างดี ในสมัยโบราณจะใช้ในการสื่อสาร เนื่องจากเป็นนกที่มีประสาทสัมผัสเป็นอย่างดีในการที่จะหาทางกลับมาสู่ถิ่นฐานที่จากมา แม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม แต่ในปัจจุบันพบว่านกเหล่านี้มีการขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก จนส่งผลให้นเป็นที่รวมของเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ที่ติดต่อมาสู่มนุษย์ได้ อาทิ โรคสมองอักเสบจากเชื้อรา, ปอดอักเสบ, ท้องเสีย, เครียด หรือแม้กระทั่งหมัดจากตัวนก ซึ่งทำให้มนุษย์อย่างเราป่วยป่วยได้

ซึ่งในปัจจุบันที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้ประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะที่บริเวณลานข่วงประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ พบว่าได้มีนกพิราบจันวนหลายพันตัวได้อาศัยทำรังอยู่ที่บริเวณดังกล่าว เนื่องจากกนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่มักจะเแวะเวียนมาให้อาหารนกที่บริเวณดังกล่าว และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่บริเวณนี้ ส่งผลให้บริเวณนี้กลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของนกพิราบที่แพร่ขยายพันธุ์จนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดผลกระทบจากมูลและสิ่งปฏิกูลต่างๆ จากนกพิราบ ซึ่งทำให้เกิดความสกปรกและกลิ่นเหม็น รวมทั้งเป็นห่วงว่าจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่างๆ

โดยทางด้านนายทรงศักดิ์ ศรีอำพร ปศุสัตว์อำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีปัญหานกพิราบบริเวณประตูท่าแพนั้น ที่ผ่านมามีการลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บตัวอย่างมูลนก ขน และน้ำลายไปทำการตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก และทำการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ แม้ว่าเบื้องต้นจะไม่พบเชื้อไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม การจับหรือสัมผัสตัว ขน น้ำลาย และมูลของนกพิราบระหว่างการให้อาหารนั้นถือว่ามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคอื่นๆ ที่อาจทำให้ป่วยด้วยโรคท้องร่วงหรืออาหารเป็นพิษได้หากไม่ได้ทำความสะอาดล้างมือแล้วไปหยิบจับอาหารรับประทาน

นอกจากนี้ทางด้านนายณัฐฐ์ชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ยอมรับว่า ปัญหานกพิราบดังกล่าวเกิดจากการที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้อาหารนกอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ทำให้ฝูงนกพิราบปักหลักตั้งถิ่นฐานและขยายพันธุ์จำนวนมาก จนส่งผลกระทบทั้งความสะอาด กลิ่นเหม็น และหวั่นเกรงว่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคต่างๆ ซึ่งการดำเนินการนอกจากประสานงานทางสำนักงานปศุสัตว์เข้ามาสำรวจเก็บตัวอย่างไปตรวจหาว่ามีเชื้อโรคใดๆ หรือไม่ และฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อทำความสะอาดแล้ว ทางเทศบาลนครเชียงใหม่จะมีการจัดกำลังเทศกิจทำการตรวจตราห้ามขายอาหารนกให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

ซึ่งหากพบจะทำการดำเนินคดีและยึดของกลางทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการดำเนินการจับกุมกลุ่มผู้ พ่อค้า – แม่ค้า ที่ลักลอบจำหน่ายอาหารนกพิราบเพื่อส่งดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายสินค้าในที่และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 20 ประกอบกับมาตรา 54 นอกจากนี้ยังได้มีการติดป้ายขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันงดให้อาหารนกพิราบ โดยจากการดำเนินการต่างๆ หวังว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาลงได้ในที่สุด

ด้านนายพีระพล ไชยเทพ ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบนลานเอนกประสงค์ประตูท่าแพ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองเชียงใหม่ ได้มีกลุ่ม พ่อค้า- แม่ค้า ที่กระทำความผิด แอบลักลอบนำอาหารนกซึ่งเป็นเมล็ดข้าวโพดบด นำมาเร่ขายให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเที่ยวบริเวณดังกล่าว จนทำให้เกิดปัญหานกพิราบที่มีจำนวนมากและเพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่เทศกิจของเทศบาลนครเชียงใหม่จะเคยดำเนินการจัดระเบียบด้วยการจับนกเหล่านี้ไปปล่อยแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีจำนวนมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่เทศกิจ ก็ได้มีการทำการตักเตือนกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า เหล่านี้บ่อยครั้งว่าไม่ให้นำอาหารมาจำหน่าย อีกทั้งยังเคยลงโทษด้วยการจับปรับเพื่อไม่ให้มาขายอีก แต่ก็พบว่าหลังจากปล่อยตัวไป กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ก็ยังกลับมาขายอีก ซึ่งบางครั้งทางเจ้าหน้าที่เทศกิจได้ปฏิบัติตามหน้าที่แต่ก็กลับถูกมองและถูกต่อว่าจากกลุ่มคนเหล่านี้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ไม่ให้ทำมาหากิน ทั้งๆ ที่ผ่านมานั้นมีการร้องเรียนจากประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยว เนื่องจากนกพิราบเหล่านี้นั้นอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นพาหะนำโรคหลายชนิด

อีกทั้งบางครั้งกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า เหล่านี้ยังสร้างความรำคาญใจให้กับประชาชนและนนักท่องเที่ยวด้วย แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ แม้จะมีการจับกุมแล้วก็ตาม ซึ่งอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันหามาตรการและทางออกที่เด็ดขาดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป