ข่าวเด่น » เชียงราย ทัวร์ช้างทรุดรายได้หาย 80% บ้านรวมมิตรผวา สารหนูซึมบ่อน้ำ

เชียงราย ทัวร์ช้างทรุดรายได้หาย 80% บ้านรวมมิตรผวา สารหนูซึมบ่อน้ำ

22 พฤษภาคม 2025
29   0

Social Share

เชียงราย ทัวร์ช้างทรุดรายได้หาย 80% บ้านรวมมิตรผวา สารหนูซึมบ่อน้ำ

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชนเรื่องการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก พร้อมแจกจ่ายแนวทางปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยง โดยเน้นห้ามสัมผัสน้ำโดยตรงและห้ามจับปลามาบริโภค

นายสีทน คำแปง ชาวบ้านบ้านรวมมิตร และผู้จัดการปางช้างบ้านรวมมิตร กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 80% เนื่องจากไม่สามารถจัดกิจกรรมนั่งช้างลุยแม่น้ำกกได้เหมือนเดิม เพราะกังวลเรื่องสารหนู ส่งผลให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองเป็นจำนวนมาก กิจกรรมล่องแพในแม่น้ำกกก็ต้องยุติไปหมด ตั้งแต่มีข่าวการปนเปื้อน ตอนนี้เหลือช้าง 9 เชือก รายได้ไม่เพียงพอค่าใช้จ่าย

ทางปางช้างห้ามไม่ให้ช้างลงเล่นน้ำ และหันมาใช้น้ำจากประปาภูเขาแทน ส่งผลให้ต้องจำกัดปริมาณการดื่มน้ำของช้าง จากเดิมวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 12-15 คำ (ประมาณ 8-10 ลิตรต่อคำ) เหลือเพียงครั้งละ 5-6 คำ โดยต้องให้ช้างต่อคิวกันดื่มน้ำจากบ่อพัก ทั้งนี้ ได้ดำเนินการต่อท่อประปาระยะทาง 4 กิโลเมตรเพื่อให้ช้างได้เข้าถึงน้ำสะอาดมากขึ้น

“นอกจากนี้ เขายังเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ควาญช้างได้นำช้างไปอาบน้ำในแม่น้ำกก หลังจากนั้น 2-3 วัน พบว่าช้างมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล ส่วนควาญช้างเองก็มีอาการติดเชื้อบริเวณหัวเข่า ปัจจุบันทั้งช้างและควาญยังมีแผลตกสะเก็ดอยู่ ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านรวมมิตรและบ้านผาเสริฐ ต่างวิตกกังวลว่าสารหนูในแม่น้ำกกอาจซึมเข้าสู่บ่อน้ำตื้นที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบคุณภาพน้ำ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน”นายสีทนกล่าว

ด้านชาวบ้านในพื้นที่บ้านป่าอ้อแม่ยาว หมู่ 5 ตำบลแม่ยาว ซึ่งเคยใช้แม่น้ำกกในการหาปลา เลี้ยงชีพและขายตามหมู่บ้านต่าง ๆ ต่างหยุดกิจกรรมทั้งหมดมานานกว่า 2 เดือน

นางจินดา อิ่นคำ ชาวบ้านป่าอ้อแม่ยาว เปิดเผยว่า เดิมทีตนหาปลาในแม่น้ำกกเป็นอาชีพหลัก แต่หลังมีข่าวเรื่องสารหนู ทำให้ไม่สามารถจับปลาได้อีกต่อไป เพราะกังวลเรื่องสารพิษตกค้าง ทั้งยังไม่สามารถขายปลาได้ เพราะไม่มีคนกล้าซื้อตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน หารายได้เลี้ยงครอบครัว เพราะกลัวอันตรายจากสารหนู และไม่มีใครซื้อปลาแล้ว

ด้านร้านค้าและแผงขายอาหารริมแม่น้ำกก ซึ่งเคยตั้งไว้รองรับนักท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อน ต่างได้รับผลกระทบเต็มที่ บางรายลงทุนตกแต่งร้านไปกว่าหนึ่งแสนบาท แต่ต้องหยุดกิจการเพราะไร้นักท่องเที่ยว

ปัจจุบันแม่น้ำกกตลอดเส้นทางยังคงมีความขุ่น แตกต่างจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ๆ ซึ่งน้ำจะใสและเหมาะกับกิจกรรมทางน้ำ ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก และแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนอย่างเร่งด่วน เพื่อคืนความมั่นใจให้กับประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์