ท่องเที่ยว » ม่อนแจ่มจะกลับมาแจ่มหรือไม่ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นสางปัญหาบุกรุกป่าให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน

ม่อนแจ่มจะกลับมาแจ่มหรือไม่ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นสางปัญหาบุกรุกป่าให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน

3 พฤศจิกายน 2020
526   0

Social Share

ที่กองอำนวยการส่วนหน้าสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) บริเวณจุดชมวิวดอยม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พันโท เทพจิต วีณะคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 พร้อมคณะ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม (ม่อนแจ่ม) เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ตรงส่วนของพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียง ตำบลโป่งแยง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการนำที่ดินไปใช้ประกอบธุรกิจที่พัก – รีสอร์ท ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอย

พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ประกอบการธุรกิจที่พักในพื้นที่ม่อนแจ่มร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกรณีถูกกรมป่าไม้ดำเนินคดีอาญาในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และประกาศให้ระงับการประกอบธุรกิจ อีกทั้งมีคำสั่งให้รื้อถอนสถานประกอบการนั้น ในวันนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมพบปะประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว โดยพบว่าป่าแม่ริมเป็นต้นน้ำลำธารจัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ มีขนาดพื้นที่กว่า 13,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่โครงการหลวงหนองหอยขอใช้ประมาณ 2,000 ไโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่ใช้ที่ดินทำเกษตรกรรมทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งมีราษฎรเข้าร่วมโครงการ 900 กว่าราย แต่ปัจจุบันได้มีการแปรสภาพกลายเป็นธุรกิจที่พัก – รีสอร์ท จำนวน 113 ราย โดยเป็นกลุ่มที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ จำนวน 82 ราย และถูกดำเนินคดีแล้ว 31 ราย เนื่องจากเข้าข่าย กระทำความผิดชัดเจน นำที่ดินไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอย รวมทั้งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม เปลี่ยนมือเจ้าของ หรือขายกิจการให้นายทุนต่างชาติ ทั้งนี้ ทั้งนี้ราษฎรที่ทำเกษตรกรรมในพื้นที่ตามเดิมและไม่มีการบุกรุกเพิ่มเติมจะไม่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในกรณีนี้

สำหรับการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินให้ดำเนินการภายใต้หลักการพิสูจน์ว่า คนอยู่ก่อนประกาศเขตป่าหรือไม่ หากเป็นกรณีคนอยู่ก่อนประกาศเขตป่า 2507 ก็ให้ดำเนินการโดยอาศัยประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 สามารถไปเดินเรื่องออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินทำกินต่อไปได้ ถ้ากรณีมีการประกาศเขตป่าก่อนให้ใช้หลักการแก้ปัญหาตามสภาพข้อเท็จจริง โดยจะอาศัยการอ่านภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศและแผนที่ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบร่องรอยการทำกินว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรมาประกอบการพิจารณาสิทธิในแต่ละแปลง นอกจากนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนแม่บทบริหารจัดการพื้นที่และการอยู่ร่วมกันของชุมชนเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลายซึ่งกันและกัน คงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ดังเดิม อาจมีการพัฒนาในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนหรือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไปด้วย

ด้านนายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานวิสาหกิจชุมชนม่อนแจ่ม เปิดเผยว่าในอดีตชาวบ้านอยู่ก่อนการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวน ชาวบ้านจึงน่าจะมีสิทธิในพื้นที่ และการประกอบกิจการท่องเที่ยว ก็เป็นเพราะทางโครงการหลวงมาส่งเสริม จึงมีการก่อสร้างดัดแปลงเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรขึ้น ซึ่งตอนนี้สภาพการท่องเที่ยวซบเซา เพราะปัญหาโควิด รวมถึงถูกภาครัฐบีบทุกทาง ซึ่งผู้ประกอบกิจการที่เหลือก็ยังคงเปิดกิจการเหมือนเดิมอยู่ อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวขึ้นมาท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม ส่วนะการต่อสู้ด้านกฏหมายเราก็จะเดินหน้าสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ม่อนแจ่มต่อไป