หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ร่วมกับ ชาวบ้านท่าตาฝั่ง ซ่อมแซมเส้นทางชำรุด จากน้ำป่าหลากเพื่อความปลอดภัยในการสัญจร

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ร่วมกับ ชาวบ้านท่าตาฝั่ง ซ่อมแซมเส้นทางชำรุด จากน้ำป่าหลากเพื่อความปลอดภัยในการสัญจร

วันที่ 3 กรกฏาคม 2568 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ร้อย.ทพ.3608 ฐานปฏิบัติการท่าตาฝั่ง ร่วมกับ นายสุวัต ษมาจิตโอบอ้อม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และ ชาวบ้านท่าตาฝั่งทั้งชายหญิง ช่วยกันปรับปรุงซ่อมแซมถนนที่ชำรุดจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางบ้านท่าตาฝั่ง-แม่สามแลบ โดยนำเก็บและบรรทุกหินแม่น้ำ และ ทราย บรรจุกระสอบเพื่อทำพะนังกั้นจุดข้าม คอสะพาน และ ถมดินทรายบนผิดถนน เพื่อเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัย ในการสัญจร แก่ราษฏรและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เดินทางให้เป็นไปด้วยความปลอดภัย

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน กำชับทุกภาคส่วน 3 – 6 ก.ค. 68 ทุกอำเภอพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม

ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เผย กำชับทุกภาคส่วน ทุกอำเภอพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม ในวันที่ 3 – 6 ก.ค. 2568

วันที่ 3 กรกฏาคม 2568 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึง การเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม ขณะเดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สะเรียง ว่า ในห้วงของสถานการณ์นี้ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยศูนย์บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน (กอ.ปภ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน) ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ระหว่างวันที่ 3–6 กรกฎาคม 2568 โดยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านเครือข่ายวิทยุสื่อสารของกระทรวงมหาดไทย ไปยังพื้นที่ทั้ง 7 อำเภออย่างต่อเนื่อง

โดยทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมติดตามสถานการณ์สภาพอากาศทุกอาทิตย์เพื่อเฝ้าระวังภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม พร้อม ซักซ้อมการช่วยเหลือราษฏรอย่างเร่งด่วนทันท่วงทีต่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้กำชับให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อสั่งการ เช่น จัดเตรียมเลื่อยยนต์และเครื่องจักรกลให้พร้อมใช้งาน จัดทำและติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนแบบง่ายในพื้นที่หมู่บ้าน รวมถึงให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และสามารถเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

จังหวัดแม่ฮ่องสอนขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านราษฏรให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมอำเภอแม่สะเรียง

ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านราษฏรให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมอำเภอแม่สะเรียง

วันที่ 2 กรกฏาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ บ้านเลขที่ 178/3 หมู่ที่ 5 อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและระดับอำเภอ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน แก่ นางสาวหน่อโกระพอ ดีแสงสะท้อน อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้ประสบปัญหาทางสังคม ประสบอุบัติเหตุต้นไม้ล้มทับขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน พร้อมกับบุตร 2 คน ส่งผลให้กระดูกคอร้าว มีก้อนเลือดที่หน้าท้อง ซึ่งผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรักษาตัว ทำให้ไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้ ขาดรายได้ และต้องเดินทางไปพบแพทย์ตามนัดที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ส่วนบุตรชาย 2 คน บาดเจ็บเล็กน้อย โดยปัจจุบันรักษาหายแล้ว อย่างไรก็ตามครอบครัวยังประสบความเดือดร้อนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาพยาบาล

ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบทุนการศึกษาเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน จำนวน 3,000 บาท มอบถุงยังชีพ และสิ่งของอุปโภค บริโภค ให้แก่นางสาวหน่อโกระพอ ดีแสงสะท้อน พร้อมครอบครัวเป็นผู้รับมอบ จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังได้สอบถามความเป็นอยู่ของครอบครัวเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานการดูแลช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบปัญหาทางสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

สภากาชาดไทย ร่วมกับ เหล่ากาชาดแม่ฮ่องสอน ปล่อยคาราวาน”อาสาป๊ะย่าม ส่งนิทานถึงมือน้อง” เสริมทักษะการพูดอ่านเขียนภาษาไทย

สภากาชาดไทย ร่วมกับ เหล่ากาชาดแม่ฮ่องสอน ปล่อยคาราวาน”อาสาป๊ะย่าม ส่งนิทานถึงมือน้อง” เสริมทักษะการพูดอ่านเขียนภาษาไทย

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่โรงเรียนแม่สะเรียงบริพัตรศึกษา อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร กรรมการสภากาชาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานทางวิชาการแก้ไขปัญหา การสอนเสริมภาษาไทยของสภากาชาดไทย ในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิด “โครงการอาสาป๊ะย่ามส่งนิทานถึงมือน้อง” ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย พร้อมด้วย นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด และคณะฯ โดยมี นางชฎานุช มีเพียร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อม นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง , นางพิทยา พานทอง นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ว่าที่ร้อยตรีวิทยา โปทาศรี นายอำเภอแม่ลาน้อย , นายจรูญ จินะกัณฑ์ ปลัดอาวุโสอำเภอสบเมย ดร.กัญญาพัชร พงษ์ดี รอง ผอ.สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ

โครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย เป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียน และเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ให้มีความรู้เพิ่มเติมจากการเรียนในห้องเรียน ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีโรงเรียนเป้าหมาย 34 โรงเรียน มีนักเรียนชั้น ป.1- ป.6 จำนวน 2,229 คน ในจำนวนนี้มีนักเรียนที่อ่านเขียนภาษาไทยไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน จำนวน 81 คน ซึ่งด้วยข้อจำกัดในเรื่องที่ตั้งของโรงเรียนที่มีความห่างไกลทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ตลอดจนโรงเรียนบางแห่งไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต สัญญาณ Wi-Fi ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอน ในปีการศึกษา 2568 จึงมีการต่อยอดขยายผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอนของเด็กนักเรียน โดยได้ดำเนินการจัดหนังสือนิทานสำหรับเด็กของโครงการหมุนเวียนในการนำไปใช้ประโยชน์ในกลุ่มโรงเรียนตลอดภาคการศึกษา

ภายในงานมีกิจกรรม การจัดนิทรรศการโครงการส่งเสริม และพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย ของโรงเรียนเป้าหมาย การสาธิตการทำผ้าพื้นเมืองหุ้มปกสมุดบันทึก การจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของนักเรียน การแสดงของเด็กชาติพันธุ์ วงดนตรีพื้นบ้านของนักเรียนในพื้นที่ และการจัดกิจกรรมปล่อยขบวนคาราวานของอาสาสมัครชาติพันธุ์

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

กษตรแม่ฮ่องสอน จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของกาแฟแม่ฮ่องสอน ของ “นายการุณ คำสวัสดิ์”

เกษตรแม่ฮ่องสอน จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของกาแฟแม่ฮ่องสอน ของ “นายการุณ คำสวัสดิ์” ตามโครงการ ส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานและบริการมูลค่าสูง

2 ก.ค. 68 นายพยุงศักดิ์ สิทธิลภ เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ลงพื้นที่จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของกาแฟแม่ฮ่องสอน ของนายการุณ คำสวัสดิ์ Young Smart Farmer จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามโครงการ ส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานและบริการมูลค่าสูง กิจกรรมหลัก ส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานและบริการมูลค่าสูง ณ บ้านหัวฮะ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สำหรับนายการุณ คำสวัสดิ์ Young Smart Farmer ปี 2560 อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 2 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าของผลิตภัณฑ์กาแฟ ที่มีคุณภาพ มีพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าอย่างครบวงจร ปัจจุบัน หันมาทำที่พัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศเงียบสงบของธรรมชาติ ชมทะเลหมอกยามเช้า และชมพระอาทิตย์อัสดงยามเย็นที่สวยงามไม่แพ้ที่ใด ในนามของ “ …ดอยแม่อูคอ ปากาญอ โฮมสเตย์ ..“ ซึ่งแต่ละปี ในช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงฤดูดอกบัวตองบานสะพรั่ง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาพัก ณ โฮมสเตย์แห่งนี้ ในราคาที่เป็นกันเอง

นายการุน คำสวัสดิ์ เกษตรกรตัวอย่าง ได้เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้น คือการนำต้นกาแฟมาปลูกในพื้นที่บ้านหัวแม่สุริน เพื่อเป็นพืชทดแทนฝิ่นและลดปัญหายาเสพติดบนพื้นที่สูง ต้นกาแฟได้เจริญเติบโตตามกาลเวลาและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างน่าพอใจ โดยในระยะแรกปลูกกาแฟและจำหน่ายในรูปของกาแฟกาแฟเชอรี่ แต่เนื่องด้วยปัญหาราคาผลผลิตกต่ำและถูกกดราคาจากพ่อค้า เกษตรกรจึงหันมาจำหน่ายกาแฟในรูปของกาแฟกะลา โดยได้ดำเนินการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ชื่อ วิสาหกิจชุมชนเกษตรเชิงท่องเที่ยวบ้านหัวฮะต่อมาในปี 2563 ได้รวมกลุ่มกันเพื่อเข้าร่วมโครงการส่งเสริมกาแฟรูปแบบแปลงใหญ่ ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมทั้งการผลิตและการแปรรูปกาแฟ เนื่องจากแนวโน้มความต้องการบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาคุณภาพของกาแฟให้คุณภาพรวมถึงพัฒนาศักยภาพของกลุ่มให้มีความเข้มแข็ง จึงได้จัดตั้งเป็นกลุ่มแปลงใหญ่กาแฟบ้านหัวแม่สุริน ปัจจุบันมีการบริหารจัดการโดยมีคณะกรรมการดำเนินงานแบ่งฝ่ายแบ่งหน้าที่รับผิดชอบการทำงานกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีการจัดตั้งคณะกรรมการกลุ่ม เพื่อทำงานเชื่อมโยงเครือข่ายซึ่งกันและกันสมาชิกปัจจุบันมีจำนวน 30 ราย พื้นที่จำนวน 1,888 ไร่ มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการบริหารจัดการร่วมกันตั้งแต่การผลิตจนถึงการแปรรูปและการตลาดร่วมกันจนถึงปัจจุบัน สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ปีละ 250,000 บาท

  • ผลผลิตที่ประสบความสำเร็จ อันดับที่ 10 กระบวนการแปรรูปโดยวิธีเปียก (Washed Process) ในการประกวดสุดยอดกาแฟไทยประจำปี 2024
  • ผลผลิตที่โดดเด่น คือ ผลิตภัณฑ์กาแฟ ที่มีคุณภาพ ที่ดูแลทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเพาะปลูก แปลงปลูก ลานตากเมล็ดกาแฟ โรงสีเม็ดเชอร์รี่ โรงคั่ว โรงบด บรรจุภัณฑ์
  • ด้านการตลาด เชื่อมโยงการตลาดกับ ตลาดภายในประเทศ และตลาดการแปรรูปผลผลิตกะลากาแฟสดโดยการเชื่อมโยงการตลาดกับ บริษัท อะโรม่ากรุ๊ป และเครือข่ายตลาดเกษตรกร
  • ผลผลิตที่ต้องการต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กาแฟคั่ว/กาแฟคั่วบด

ปัจจุบัน นายการุณ คำสวัสดิ์ ได้มีการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรม คือการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร ในกระบวนการผลิตกาแฟกะลา และสารกาแฟ โดยจะดำเนินการผลผลิตในกระบวนการที่ได้รับมาตรฐานสากล โดยจะมีทาง บริษัท อะโรม่า กรุ๊ปได้เข้ามาช่วยติดตามและควบคุมกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟของกลุ่ม เพื่อที่จะให้ได้รับมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้กับทางลูกค้า เนื่องจากได้มีการนำเอาเครื่องจักรกลและระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ และสามารถตรวจสอบได้ มีการจดบันทึกข้อมูลไว้อีกทั้งยังฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรกลที่ใช้ในการผลิตให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวมาเป็นอย่างดี ให้สมกับความที่ทางลูกค้าและผู้บริโภคได้ให้ความไว้วางใจในตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่จะนำส่งไปถึงยังมือผู้บริโภคได้อย่างมีรสชาติตามที่คาดหวังเอาไว้

ถือได้ว่า นายการุน คำสวัสดิ์ เป็นผู้ประกอบการเกษตร/ให้บริการทางการเกษตร ที่มีพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าอย่างครบวงจร โดยได้มีการทำการตลาดออนไลน์ ผ่านทางเพจ Facebook: ดอยแม่อูคอ ปากาญอ โฮมสเตย์ สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ในการปลูกกาแฟ หรือการผลิตกาแฟ หรือว่าต้องการสอบถามในเรื่องการจองห้องพัก สามารถติดต่อสอบถามได้ทางเพจ FacebooK หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 062-9830571

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ เกษตรกรตัวอย่าง ที่น้อมนำแนวพระราชดำริ ฯ พ่อหลวง ร.9 มาปฏิบัติ “ไร่กาแฟพอเพียง ตามรอยเท้าพ่อ สร้างรายได้ ไม่ทำลายป่า รักษาต้นน้ำ”

เยี่ยมชม ศูนย์เรียนรู้ แปลงต้นแบบพืชอินทรีย์ ของเกษตรกรตัวอย่าง ที่น้อมนำแนวพระราชดำริ ฯ พ่อหลวง ร.9 มาปฏิบัติ “ไร่กาแฟพอเพียง ตามรอยเท้าพ่อ สร้างรายได้ ไม่ทำลายป่า รักษาต้นน้ำ”

วันที่ 1 ก.ค. 68 ไปเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ กลุ่มเกษตรกรตำบลสบป่อง แปลงต้นแบบพืชอินทรีย์ ของเกษตรกรตัวอย่าง ที่ไร่พอเพียง ตั้งอยู่ เลขที่ 331 หมู่ที่ 1 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ติดถนนสาย 1095 ปางมะผ้า-ปาย อยู่ห่างจากตัวอำเภอไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร

ไร่แห่งนี้ เป็นของนายอินทร์สร ภาสวรโรจน์กุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เขต 2 อำเภอปางมะผ้า ซึ่งได้น้อมนำแนวพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติ บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว

นายอินทร์สร ภาสวรโรจน์กุล เป็นเกษตรกรที่ร่วมโครงการเสริมสร้างและพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทฤษฎีใหม่รูปแบบประยุกต์ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ได้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรอย่างสูงสุด โดยได้ลงมือทำเกษตรแบบผสมผสานด้วยตนเอง ทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ การดำเนินงานบนพื้นที่ดังกล่าว มีพื้นที่ส่วนหนึ่ง แบ่งเป็นอาคารศูนย์เรียนรู้ ไว้เพื่อรองรับผู้ที่มาศึกษาดูงาน ส่วนที่สอง เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผล และพืชผัก ส่วนที่สามเป็นปศุสัตว์ เลี้ยงหมูหลุม เป็ด ไก่ ห่าน และ ปลาดุก จัดให้มีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ

มีการปลูกพืชอายุสั้นที่ให้ผลผลิตไว ได้เก็บกินในครัวเรือนก่อน เหลือก็นำออกขายให้กับพ่อค้าในหมู่บ้าน นำไปขายต่อที่ตลาด พืชผักที่ปลูก ได้แก่พืชผักสวนครัว ขิง ข่า ตะไคร้ มะนาว กระเทียม สตอบอรี่ ส่วนไม้ยืนต้น ไม้ผลที่ปลูก ก็เช่น มะม่วง มะคาเดเมีย ต้นศุภโชค โกโก้ ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม มะละกอ เงาะ อะโวคาโด้ แก้วมังกร ฯลฯ

สำหรับพืชไร่ที่สำคัญและสร้างรายได้ให้กับไร่พอเพียง นั่นคือ กาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งปลูกไว้เป็นจำนวนมาก และให้ผลผลิตแล้ว ที่ไร่พอเพียงแห่งนี้ จึงเป็นไร่ที่ที่ปลูกกาแฟอินทรีย์ แบบรักษาป่า กาแฟอาราบิก้าที่ปลูกภายใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ปราศจากสารเคมีในทุกขั้นตอน ซึ่งการปลูกกาแฟใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นไม่จำเป็นต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ในทางตรงกันข้ามต้องปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มร่มเงาความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศแก่พื้นที่เพาะปลูก ทำให้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพสูง รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมมากกว่ากาแฟที่ปลูกกลางเเจ้ง เนื่องจากการเติบโตที่เป็นไปตามธรรมชาติทำให้เมล็ดกาแฟดูดซึมสารอาหารภายในดินได้ดี

ปัจจุบัน ได้มีการต่อยอดไปสู่การเปิดร้านกาแฟสด ให้กับบุตรสาว โดยใช้วัตถุดิบจากไร่มาจำหน่ายให้กับลูกค้า ที่ชื่นชอบกาแฟสด รสชาดเยี่ยมจากไร่พอเพียง ถือเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวภาสวรโรจน์กุล ได้เป็นอย่างดี

ไร่พอเพียงแห่งนี้ เน้นการทำเกษตรอินทรีย์ในครัวเรือน ปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก เหลือจึงแจกหรือจำหน่ายต่อไปเพื่อเดินตามรอยพระราชดำริ ในหลวง รัชกาลที่ 9 เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานทุกสิ่งทุกอย่าง ในพื้นที่ 17 ไร่ ได้อย่างลงตัว นับได้ว่าเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่สร้างประโยชน์ สร้างรายได้ พร้อมกับการรักษาป่าต้นน้ำ สะท้อนให้เห็นว่า “…คนและป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน…” และที่สำคัญ สร้างรายได้ดี และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่เดือดร้อน และมีความสุขบนพื้นฐานของความพอเพียง

สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ดูงาน ที่ไร่พอเพียง สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ สจ.อินทร์สร ภาสวรโรจน์กุล เจ้าของไร่พอเพียงได้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 094-7357110

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

วันแรก ต่างด้าวแม่ฮ่องสอน หลั่งไหลยื่นคำร้องแต่ละอำเภอจำนวนมาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งสิ้น 25,097 คน

วันแรก ต่างด้าวแม่ฮ่องสอน หลั่งไหลยื่นคำร้องแต่ละอำเภอจำนวนมาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งสิ้น 25,097 คน

วันที่ 30 มิ.ย.68 นายผะอบ บินสะอาด ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย ว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ที่ให้บริการรับคำร้องขอมีสถานะคนต่างด้าว ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยนายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้จัดเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ไว้เพียงพอและจัดระบบ ตั้งโต๊ะ ติดป้ายแต่ละจุด และมีเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอ มาคอยแนะนำอำนวยความสะดวกในการยื่นคำร้องแต่ละจุด ทำให้การทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยุ่งยาก รวดเร็ว

ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา มีต่างด้าวทยอยเดินทางมายื่นคำร้องขอมีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฏหมาย และมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และตามมติคณะรัฐมนตรี 29 ตุลาคม 2567 ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้ง 7 อำเภอ มีกลุ่มเป้าหมายการขอมีสัญชาติไทย (ตามมาตร 7ทวิ วรรค 2 ) เลข 7 บุตรเลข 6 และ เลข 0 มีใบเกิด และ พรบ.คนเข้าเมืองโดยชอบด้วกฏหมาย เลข 6 จัดกลุ่ม และ 0-89 กลุ่ม 1-4 รวมทั้งสิ้น จำนวน 25,097 คน แยกเป็น อ.เมือง 11,056 คน อ.ขุนยวม 392 คน อ.ปาย 5,524 คน อ.แม่สะเรียง 2,590 คน อ.แม่ลาน้อย 172 คน อ.สบเมย 1,912 คน และ อ.ปางมะผ้า 3,451 คน วันแรกของการเปิดให้มายื่นคำร้อง แต่ละอำเภอมีต่างด้าวมายืนคำร้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งอำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกไว้แต่ละจุด สามารถรับยืนคำร้องได้ประมาณวันละ 100-200 คน

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

อบต.แม่สามแลบ สร้างความสุข สร้างทางเลือกในอาชีพ การทำยาหม่องแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ดูแล

อบต.แม่สามแลบ สร้างความสุข สร้างทางเลือกในอาชีพ การทำยาหม่องแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ดูแล

วันที่ 1 กรกฏาคม 2568 ที่หมู่ 5 บ้านบุญเลอ ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี เอนก ไพรสูงส่ง นักพัฒนาชุมชน พร้อม เจ้าหน้าที่ส่วนงานพัฒนาชุมชน ร่วมกับ สมาชิก อบต. ผู้นำชุมชนและชาวบ้านบ้านบุญเลอ ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ (ผู้ดูแลผู้พิการผู้สูงอายุ) และผู้ด้อยโอกาส กว่า 30 คน เข้าร่วมอบรมการจัดทำยาหม่องสมุนไพร ประจำปี 2568 โดยมี นางสาวพรจิต เกิดก่อสกุล จากศูนย์การเรียนรู้ระดับอำเภอสบเมย(สกร. สบเมย) เป็นวิทยากรในการสร้างกระบวนการเรียนรู้การทำยาหม่องสมุนไพร เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้สูงอายุและผู้พิการ (ผู้ดูแลผู้พิการผู้สูงอายุ) และผู้ด้อยโอกาส เสริมสร้างความสุขในการอยู่ร่วมกันและมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน และให้เกิดความสามัคดี เพื่อสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย จับคนร้ายฆ่านายจ้าง อ.แม่แจ่ม ได้แล้ว 1 ราย

ฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย จับคนร้ายฆ่านายจ้าง อ.แม่แจ่ม ได้แล้ว 1 ราย

วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. อำเภอสบเมย ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ สภ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยก่อคดีฆาตกรรมนายจ้าง นายบุญช่วย ลาภโสมนัส อายุ 57 ปี บ้านแม่สะต๊อบใต้ ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดว่าเป็นผู้หนีภัยการสู้รบพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ละอูนที่ลักลอบหนีออกนอกพื้นที่พักพิงฯไปประกอบอาชีพรับจ้างทำไร่/ทำสวน คือ นาย ซอ เซ พอ อายุ 21 ปี และนาย จอ กะลาเล ในส่วนของมูลเหตุจูงใจในการกระทำยังไม่ทราบสาเหตุ

ต่อมานายคำผัน โมกไธสง นายอำเภอสบเมย ได้มอบหมายให้ นายธนวัฒน์ คงศิริ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ติดตาม/ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ได้เมื่อเวลา 12.10 น. ของวันดังกล่าวโดยสามารถคุมตัวนาย ซอ เซ พอ (มีสถานะเป็นผู้หนีภัยการสู้รบ หรือ ผภร.) ได้ 1 ราย หลบซ่อนอยู่ในที่พักภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ละอูน โดยการบูรณาการร่วมกันของฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสบเมย และเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 3602 นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

สภ.แม่สะเรียง เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ หาหลักฐาน กระสุนปริศนา ยิงชายตัดหญ้าหลังบ้านได้รับบาดเจ็บ

สภ.แม่สะเรียง เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ หาหลักฐาน กระสุนปริศนา ยิงชายตัดหญ้าหลังบ้านได้รับบาดเจ็บ

ช่วงเย็นของวันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ วศินพงศ์ธนัช ผกก.สภ.แม่สะเรียง พ.ต.ท.อลงกรณ์ พรหมตา รอง ผกก.สส.สภ.แม่สะเรียง พ.ต.ท.จักษ์พัฒน์ ดอกจันทร์ รอง ผกก.ป.สภ.แม่สะเรียง ได้มอบหมายให้  พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ถาทวี สวป.สภ.แม่สะเรียง  ร.ต.อ.ราเชนทร์ บรรณศักดิ์ รองฯ สว.ป้องกันปราบปรามพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรแม่สะเรียง  ชุดสืบสวน  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นายจตุพล ยะจอม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงแม่สะเรียง และ เจ้าหน้าที่ อส. เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง ของบ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 5 ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หลัง เจ้าของบ้านถูกยิง ขณะทำการตัดหญ้าหลังบ้าน โดยเหตุเกิดขึ้น ในช่วงของ วันที่ 27 มิ.ย. 2568 เวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งได้รับบาดเจ็บและเจ้าตัวได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บพยานหลักฐานและบันทึกภาพที่เกิดเหตุเพื่อสืบสวนติดตามหาผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ต่อ

ทราบชื่อเจ้าของบ้านที่ได้รับบาดเจ็บคือ นายไฑ ปุณณพุฒิพงศ์ อายุ 58 ปี โดยยังสามารถให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ว่า ขณะที่ตนเอง กำลังตัดหญ้าอยู่ที่บริเวณหลังบ้าน ห่างจากแนวรั้วบ้านประมาณ 30 เมตร ซึ่งแนวรั้วบ้านมีต้นหญ้าและต้นไม้ขึ้นเป็นพุ่มต่ำๆ  เวลาต่อมา ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และ ตนเองรู้สึกเจ็บที่บริเวณชายโครงด้านซ้าย จึงปลดเครื่องตัดหญ้าลง ก็พบว่ามีบาดแผลถูกยิง จึงได้รีบขับรถไปโรงพยาบาลแม่สะเรียง ซึ่งจากการตรวจของแพทย์ พบรอยกระสุนปืนเข้าที่บริเวณสีข้างด้านซ้าย และ จากการดูภาพถ่ายรังสีเอกซ์ในเบื้องต้น พบหัวกระสุนปืนในช่องท้องของนายไฑฯ   ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว   พร้อมกันนี้ทาง สภ.แม่สะเรียง ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจ ออกตรวจตราเฝ้าสังเกตการณ์ดูแลความปลอดภัยผู้ได้รับบาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง เนื่องจากยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน