สภ.ท่าตาฝั่ง ปกครองแม่สะเรียง ทหารพราน 36 ยังเฝ้าระวัง ดูแล สร้างความมั่นใจความปลอดภัยให้ราษฏรบ้านแม่กองคา ขณะที่ผู้ต้องหายังไร้เงา

สภ.ท่าตาฝั่ง ปกครองแม่สะเรียง ทหารพราน 36 ยังเฝ้าระวัง ดูแล สร้างความมั่นใจความปลอดภัยให้ราษฏรบ้านแม่กองคา ขณะที่ผู้ต้องหายังไร้เงา

วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 พ.ต.ท.ปพัสศ์พงศ์ แก้วรากมุก สว.สภ.ท่าตาฝั่ง เปิดเผยว่า ทาง สถานตำรวจภูธรท่าตาฝั่ง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่ง ลงพื้นที่ออกตรวจรักษาความปลอดภัยต่อเนื่อง ร่วมกับ ทางปกครองอำเภอแม่สะเรียง และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ที่ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าประจำในบ้านแม่กองคา เพื่อให้ความมั่นใจและเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน บ้านแม่กองคา ม.10 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญและชาวบ้านยังมีความหวาดระแวงในการกลับไปใช้ชีวิตในหมู่บ้าน บางครอบครัวยังคงอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง

ในส่วนการเฝ้าติดตามผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมแผนเฝ้าระวัง เฝ้าติดตามสถานการณ์ทั้งการตั้งรับ และ ด้านการข่าวในแต่ละพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ทหารพราน 36 ตำรวจสบเมย ปกครอง จับต่างด้าวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา 9 คน ยึดมอไซด์ 5 คัน โทรศัพท์ 8 เครื่อง

ทหารพราน 36 ตำรวจสบเมย ปกครอง จับต่างด้าวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา 9 คน ยึดมอไซด์ 5 คัน โทรศัพท์ 8 เครื่อง ขณะผ่านจุดตรวจห้วยกองก๊าด

วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ( ฉก.ทพ.36) โดย ร้อย.ทพ.3605 ร่วมกับ สภ.สบเมย และ ฝ่ายปกครอง อ.สบเมย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง บริเวณจุดตรวจ .บ.ห้วยกองก๊าด ม.1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ขณะตั้งจุดตรวจพบบุคคลขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงได้ขอตรวจค้น โดยเหตุเกิดขึ้น เมื่อเวลา 1300 น.ของวันที่ 6 พ.ค. 68

จากการตรวจค้นบุคคลดังกล่าวเป็นชายต่างด้าวชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา จึงได้จับกุมควบคุมตัวได้ทั้งหมด จำนวน 9 ราย ได้แก่ นาย ชิมู ไม่มีชื่อสกุล อายุ 37 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย โพเหง่ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 19 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย เชอวา ไม่มีชื่อสกุล อายุ 27 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย เหง่เนทู อายุ 22 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นายโพนุ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 20 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย พาดา ไม่มีชื่อสกุล อายุ 19 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย ละยู ไม่มีชื่อสกุล อายุ 39 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย ต๊ะชิโพ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 29 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา นาย พาแหง่ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 18 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา พร้อม ของกลางรถจักรยานยนต์ จำนวน 5 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟไอ 110 สี ดำแดง หมายเลขทะเบียน 1 กก 2811 แม่ฮ่องสอน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟไอ 110 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ขคร 998 ลำพูน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟไอ 110 สีดำเเดง หมายเลขทะเบียน จยย 982 เชียงใหม่ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟไอ 110 สีดำเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟไอ 110 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และโทรศัพท์มือถือ พร้อมซิมการ์ด จำนวน 8 เครื่อง

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สบเมย สืบสวน สอบสวน ขยายผล ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

“นักเรียนปลอดภัย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด” พร้อมแสดงพลังสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด

“นักเรียนปลอดภัย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด” พร้อมแสดงพลังความร่วมมือเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด

7 พ.ค. 68 ที่ ห้องประชุมสิงหนาทเมวดี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 1 อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย ศึกษาธิการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 1 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมพิธีเปิดความร่วมมือและปฏิบัติการตรวจร่วม “นักเรียนปลอดภัย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด” ผ่านระบบออนไลน์ โดยรับสัญญาณจากการถ่ายทอดสดจาก OBEC Channel ณ บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถ่ายทอดสดไป 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ มี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอก อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมแสดงพลังความร่วมมือเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด ซึ่งภายในพิธีเปิดประกอบด้วย การปล่อยขบวนความร่วมมือและปฏิบัติการร่วม “นักเรียนปลอดภัย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด” การประชุมเสวนาวิชาการและการมอบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา” โดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พบปะและให้กำลังใจแก่นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานภาคสนามสถาบันพระบรมราชชนก

ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พบปะและให้กำลังใจแก่นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานภาคสนามสถาบันพระบรมราชชนก

7 พ.ค. 68 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เยี่ยมพบปะและให้กำลังใจแก่นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานภาคสนามสถาบันพระบรมราชชนก โครงการเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการสุขภาวะชุมชน ด้วยการจัดการศึกษาแบบสหวิชาชีพตามแนวคิด สบช. โมเดล เพื่อการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ ปี 2568 โดยมีนายอำเภอขุนยวม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้บริหารสถาบันพระบรมราชชนก สาธารณสุขอำเภอขุนยวมผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองปอนและพื้นที่ใกล้เคียง อาจารย์ และนักศึกษาสถาบันพระบรมราชชนก

ทั้งนี้ สถาบันพระบรมราชชนก ได้นำคณะผู้บริหาร อาจารย์และนักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ ดำเนินงานโครงการ การเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการสุขภาวะชุมชน ด้วยการจัดการศึกษาแบบ สหวิชาชีพตามแนวคิด สบช. โมเดล เพื่อการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ ปี 2568 ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 10 พฤษภาคม 2568 ณ โรงพยาบาลบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 37 แห่ง ประกอบด้วย อำเภอเมือง จำนวน 8 แห่ง (น้ำกัด ป่าลาน นาปลาจาด ในสอย ห้วยหมาก-ลาง หนองขาวกลาง กุงไม้สัก รักไทย) อำเภอปาย จำนวน 6 แห่ง (โป่งสา แพมบก แม่อี้ แม่ปิง ม่วงสร้อย แม่ของ) อำเภอปางมะผ้า จำนวน 2 แห่ง (แม่ละนา นาปู่ป้อม) อำเภอขุนยวม จำนวน 4 แห่ง (ปางตอง หัวปอน เมืองปอน แม่แจ๊ะ) อำเภอแม่ลาน้อย จำนวน 4 แห่ง (แม่ปาง ละอูบ แม่โถ แม่ลาหลวง) อำเภอแม่สะเรียง จำนวน 7 แห่ง (โพซอ สบหาร แม่เหาะ ป่าแป้ ช่างหม้อ แม่ริดป่าแก่ แม่ต๊อบเหนือ) และอำเภอสบเมย จำนวน 6 แห่ง (กองก๋อย ผาผ่า แม่สามแลบ เลโต๊ะ อุ้มโล๊ะ นาปู่ป้อม) จากนั้น รพ.สต.แหล่งฝึกของแต่ละอำเภอ นำเสนอผลงานให้ ผู้บริหารระดับอำเภอรับฟัง โดยคัดเลือกผลงาน อำเภอละ 1 เรื่อง เพื่อเป็นตัวแทนนำเสนอผลงาน ณ อาคารเอนกประสงค์ บุญชู ตรีทอง โรงเรียนห้องสอนศึกษาฯ ในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

แทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมพบปะผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน

นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ (United Nations High Commissioner for Refugee : UNHCR) ประจำประเทศไทย และคณะในการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมเข้าเยี่ยมพบปะผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อหารือช่วยเหลือผู้ลี้ภัย

7 พ.ค.68 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้ให้การต้อนรับ นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The United Nations High Commissioner for Refugees: UNHCR) ประจำประเทศไทย นายคัตสิโนริ โคอิเกะ หัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ สำนักงานภาคสนามจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะ ที่เข้าพบเยี่ยมคารวะ เพื่อหารือข้อปัญหาการช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ณ ห้องอุดมชาวนิเทศ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ได้รับการสนับสนุนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกิจกรรมในการดูแลผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบจากรัฐบาลไทย และจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาโดยตลอด โดยมี ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

ในการนี้ ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชการดำเนินงานในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ลามาหลวง บ้านแม่ละอูน อำเภอสบเมยและบ้านในสอย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในช่วงระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2568

ทั้งนี้ ในการร่วมหารือข้อราชการกับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหัวหน้าส่วนราชการ นอกจากมีการแนะนำสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ สำนักงานภาคสนามจังหวัดแม่ฮ่องสอน (UNHCR) และภารกิจที่ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทยและคณะ ยังได้หารือแนวทางการช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบในอนาคต กว่า 55,746 คน หลังจากสหรัฐอเมริกา ยุติการให้ความช่วยเหลือชุดใหม่ หยุดสนับสนุนงบประมาณโครงการด้านการดูแลสุขภาพและการคุ้มครองในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านองค์กร International Rescue Committee (IRC) เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อทบทวนนโยบายต่างประเทศ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบฯ โดยปัจจุบันสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ได้ให้การคุ้มครอง ช่วยเหลือ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

เบื้องต้นในการหารือข้อราชการตลอดจนการรับฟังปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้มีการติดตามในด้านการดูแลผู้อพยพในพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อาทิ ด้านความต้องการขั้นพื้นฐาน ด้านสิทธิมนุษยชน ความต้องการในด้านการเกษตรเพื่อสร้างอาหาร สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงฯ

ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทยยังได้ชื่มชมรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาการพิจารณาพิสูจน์สัญชาติที่ลดระยะเวลาการดำเนินงานจาก 100 วัน เป็น 5 วัน ขณะเดียวกันยังมีข้อห่วงใยในการตัดงบประมาณของสหรัฐฯ ในการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบฯ ที่จะเกิดปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะการรักษาพยาบาล การดำรงชีพ พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ได้ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา และขอให้ทางจังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการจ้างแรงงานผู้อพยพ

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังคงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบฯ อย่างต่อเนื่องทั้ง 4 พื้นที่ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีการยุติการให้ความช่วยเหลือด้านงบประมาณโครงการด้านการดูแลสุขภาพและการคุ้มครองในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย และตามแนวทางของรัฐบาลและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจังหวัดยังคงรอมาตรการที่ชัดเจนจากส่วนกลางในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อไป

สำหรับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – เมียนมา นับตั้งแต่ปี 2527 ได้มีการสู้รบระหว่างรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้หลบหนีภัยการสู้รบเดินทางเข้ามาในเขตประเทศไทยตามสภาวการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ผู้อพยพหนีภัยดังกล่าวอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบริเวณชายแดนไทย – เมียนมา ตามหลักมนุษยธรรม

ปัจจุบันจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม และอำเภอสบเมย ประกอบด้วย พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบฯ บ้านในสอย อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 6,663 คน พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบฯ บ้านแม่สุริน อำเภอขุนยวม อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านห้วยฟาน มีผู้อพยพหนีภัยการสู้รบอาศัย จำนวน 1,846 คน พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบฯ บ้านแม่ลามาหลวง อำเภอสบเมย มีผู้อพยพหนีภัยการสู้รบ จำนวน 9,108 คน และ พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบฯ บ้านแม่ละอูน อำเภอสบเมย โดยผู้อพยพอยู่ที่หมู่บ้านแม่ตอละ ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบสบเมย มีผู้อพยพหนีภัยการสู้รบฯ อาศัยอยู่ จำนวน 8,074 คน รวมมีผู้หนีภัยจากการสู้รบ ทั้ง 4 แห่ง จำนวน 25,746 คน (ข้อมูล ณ 25 เม.ย. 2568)

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ขยายผลศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอน สืบสาน รักษา ต่อยอด งานศิลปาชีพ ยกระดับผ้าทอลายพระราชทานแม่ลาน้อย

ขยายผลศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอน สืบสาน รักษา ต่อยอด งานศิลปาชีพ ยกระดับผ้าทอลายพระราชทานแม่ลาน้อย

7 พ.ค. 68 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการขยายผลศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอนกิจกรรมหลัก สืบสาน รักษา ต่อยอด งานศิลปาชีพแม่ฮ่องสอนกิจกรรมย่อยที่ 4 ขยายผลและยกระดับผ้าทอลายพระราชทาน ซึ่งจัดในระหว่างวันที่ 5-7พฤษภาคม 2568 โดยมี นายสุภาพ บุญสว่าง ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชนและเจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน คณะทำงานของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย สมาชิกศูนย์ศิลปาชีพ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และประชาชนที่สนใจใน 7 อำเภอ จำนวน 80 คน ณ วิวนารีสอร์ท ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยดำเนินการ 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2568 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 40 คน ซึ่งจัดโครงการฯ ณ พิชชาพรเฮ้าส์ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ผ่านมา และรุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2568 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย จำนวน 40 คน ซึ่งจัดโครงการฯ ณ วิวนารีสอร์ท ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตในยามวิกฤต ยกระดับ พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน และเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ผ้าลายขอ ลายผ้าพระราชทาน และผลิตภัณฑ์ของศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ศปป.3 กอ.รมน. ตรวจพื้นที่เสี่ยงแม่ฮ่องสอน ป้องกันภัยก่อการร้าย

ศปป.3 กอ.รมน. ตรวจพื้นที่เสี่ยงแม่ฮ่องสอน ป้องกันภัยก่อการร้าย

วันที่ 6-7 พฤษภาคม 2568 พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.3 กอ.รมน.)พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจและประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน วัดพระธาตุดอยกองมู ถนนคนเดิน และจุดท่องเที่ยวสำคัญในอำเภอปาย อาทิ โบสถ์ชาวยิว Chabad House ถนนคนเดิน และกิจกรรมล่องห่วงยางแม่น้ำปาย

ภายหลังเข้ารับฟังบรรยายสรุปจาก พันเอก ภูมิรัชต์ ดุษฏี รอง ผอ.รมน.จ.แม่ฮ่องสอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชาศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน พลโท ชนินทร์ ฯ พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจติดตามประเมินผลความเสี่ยงด้านความันคงท่าอากาศยานจังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและดูแลความปลอดภัยทุกจุด สร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารและสถานที่เป็นอย่างดี

จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังพื้นที่อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงการล่องห่วงยางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ท่าน้ำล่องห่วงยางตำบลเวียงเหนือ ไม่พบสิ่งที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงแต่อย่างใด โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทำกิจกรรมการออกกำลังกายตามปกติก่อนที่จะล่องห่วงยาง จากนั้นคณะพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ภายในโบสถ์ยิว หรือชาบัด โดยมีเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลชาบัดนำดูสถานที่ประกอบศาสนกิจภายในซึ่งเป็นห้องพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งพื้นที่ที่กำลังก่อสร้างเป็นห้องอาบน้ำชำระร่างกายก่อนจะเข้าห้องพิธีกรรมทางศาสนา

สำหรับสถิติการแจ้งที่พักตามมาตรา 38 ของบุคคลสัญชาติอิสราเอง(ยิว) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นช่วงโลซีซั่น ในเดือน ก.พ.68 จำนวน 4,448 คน เดือนมีนาคม จำนวน 894 คน และในเดือนเมษายน จำนวน 1,747 คน

พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.3 กอ.รมน.)การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อประเมินช่องโหว่ด้านความมั่นคง ตรวจสอบความพร้อมของหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งในด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัย การใช้แรงงานต่างด้าว การรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอิสราเอลซึ่งมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเฝ้าระวังป้องกันเหตุอันอาจจะประทบต่อความมั่นคง รวมทั้งมารับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริง สิ่งที่สำคัญเราต้องสร้างความเชื่อมันให้กับประชาชนว่ารัฐได้มีมาตรการและความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมที่จะดำเนินการโดยรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินโดยยึดหลักการทำงานเชิงรุกและบูรณาการทุกภาคส่วน


พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผอ.ศปป.3 กอ.รมน. กล่าวต่อไปว่า หลังจากได้ประชุมรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานในพื้นที่และเดินทางมาดูพื้นที่จริงไม่ว่าจะเป็นการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ ถนนคนเดิน ล่องห่วงยางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงโบถส์ยิวในพื้นที่อำเภอปาย มีความมั่นคงและปลอดภัย ยืนยันได้ว่าทั้งประชาชนชาวไทยและนักท่อเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.ปาย มีความปลอดภัยไม่ต้องกังวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดูแลอย่างดี เรื่องที่จะกระทบต่อความมั่นคง คงไม่มี ทั้งนี้ ศปป.3 กอ.รมน. ได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานจัดหางาน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องปราม และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ

ศปป.3 กอ.รมน. ยืนยันเดินหน้าสร้างความมั่นคงเชิงรุกในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ควบคู่กับการเคารพสิทธิมนุษยชนและการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับสากล

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

เกษตรกรในพื้นที่ตำบลนาปู่ป้อม วอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ ราคากระเทียมตกต่ำบางรายเครียดต้องเผาทิ้ง

เกษตรกรในพื้นที่ตำบลนาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน วอนหน่วยงานรัฐเข้าไปดูแลและช่วยเหลือหลังราคากระเทียมตกต่ำ จนบางรายถึงกับเครียดเผากระเทียมทิ้งไป

วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 นายพฤหัส สุนทรสิทธิศักดิ์ ผญบ.บ้านโท้งหลวง หมู่ 9 ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคากระเทียมในพื้นที่ ตำบลนาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า ฯ ตกต่ำอย่างหนัก โดยมีราคารับซื้ออยู่ที่ กก.ละ 30 บาท รวมไปถึงไม่มีพ่อค้ากระเทียมเข้ามารับซื้อเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้เกษตรกรในพื้นที่ ตำบลนาปู่ป้อม ฯ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และอยากให้มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียมในพื้นที่ ต.นาปู่ป้อม ฯ บ้างเพื่อที่เกษตรกรจะได้มีเงินไปชำระหนี้ ธกส.และรวมไปถึงใกล้เปิดเทอมของโรงเรียนที่พ่อแม่ของเด็กนักเรียนต้องการเงินเพื่อซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรของตนที่จะเข้าโรงเรียนในเร็วๆ นี้

นางสาว ยุพดี ไพรพัฒนาจิต อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 5 บ้านปุงยาม ต.นาปู่ป้อมก็ยืนยันว่า ช่วงนี้กระเทียมราคาตกต่ำอย่างหนัก และไม่มีคนมาซื้อกระเทียมในหมู่บ้านเลย ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งนี้ เกษตรกรในพื้นที่ตำบลนาปู่ป้อม ส่วนใหญ่ปลูกกระเทียมเพื่อจำหน่ายให้กับพ่อค้า และในทุกปีที่ผ่านมามีพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียม แต่สำหรับปีนี้ ไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียมแต่อย่างใด ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนไปทั่วทั้งตำบลนาปู่ป้อม จึงวิงวอนให้หน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรด้วย

สำหรับปัญหาเรื่องราคากระเทียมตกต่ำดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มพ่อค้าคนกลาง ที่ไม่ยอมมาซื้อกระเทียมในห้วงต้นฤดู เนื่องจากน้ำหนักกระเทียมสดมีน้ำหนักมากและทำให้การประเมินราคาเมื่อเป็นกระเทียมแห้ง ไม่แน่นอนและอาจจะส่งผลให้มีการขาดทุนได้ รวมไปถึงการรวมตัวของกลุ่มพ่อค้าคนกลาง ที่อั้นไว้ ไม่ยอมเข้ามารับซื้อ และเมื่อเข้ามาจะได้กดราคากระเทียมกับเกษตรกรผู้จำหน่าย เนื่องจากเกษตรกรต้องการเงินสดไปใช้หนี้สินที่หยิบยืมมาจากแหล่งเงินทุนอื่นจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ และยิ่งเป็นช่วงใกล้เปิดเทอมของแต่ละโรงเรียนที่ เกษตรกรต้องใช้เงินซื้อชุดนักเรียน สมุดดินสอและหนังสือเรียนสำหรับเด็ก ทำให้เมื่อถูกกดราคาก็จำเป็นต้องขาย ถึงแม้ว่าจะขาดทุนบ้างเล็กน้อยหรือได้กำไรไม่มาก ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเกษตรกรในพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาอย่างต่อเนื่องนานหลายสิบปีโดยไม่ได้มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมต่อเกษตรกรแต่อย่างใด

โดยในพื้นที่ตำบลนาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน พบว่า มีการเผากระเทียมจำนวนมาก บริเวณป่าข้างทางติดหมู่บ้าน โท้งหลวง บ้าน ปุงยาม ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนต่อการกระทำดังกล่าวของเกษตรกรในพื้นที่

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

อำเภอแม่ลาน้อย บ้านแม่ละมองใต้ 67 ครอบครัว ได้เฮ มีไฟฟ้าใช้

อำเภอแม่ลาน้อย บ้านแม่ละมองใต้ 67 ครอบครัว ได้เฮ มีไฟฟ้าใช้

วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ณ บ้านแม่ละมองใต้ หมู่ที่ 11 ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่าที่ร้อยตรีวิทยา โปทาศรี นายอำเภอแม่ลาน้อย เข้าร่วมพิธีเปิดแผนงานนำร่องขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยพลังงานทดแทน

ทั้งนี้จากการสำรวจและวางแผนการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ห่างไกลจำนวน 67 ครัวเรือน ได้มีไฟฟ้าใช้ สร้างความดีใจและกำลังใจในการดำรงชีวิตประจำวัน และพี่น้องประชาชน ฝากขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง โดยอำเภอแม่ลาน้อยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของพี่น้องประชาชน เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ในการนี้ส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เชียงราย รวบขี้ยาลักสายไฟทางหลวง

เชียงราย รวบขี้ยาลักสายไฟทางหลวง

เวลา 11.30 น.วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน นำโเย พ.ต.ท.ภูริวัฒ รุจิรัฐภาส รองผกก.ป.สภ.แม่จัน พ.ต.ท.นิติการณ์ แก้วรากมุก สวป.สภ.แม่จัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ประจำด่านตรวจท่าข้าวเปลือก ได้ร่วมกันจับกุม นายตุลุ เชอหมื่อ อายุ 45 ปี ชาว ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมของกลาง 1.สายไฟชนิด cv2c x 35/มม. ยาวประมาณ 8 เมตร จำนวน 1 เส้น 2.สายไฟชนิด cv2c x 4 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตร จำนวน 1 เส้น 3. ชะแลง จำนวน 1 อัน 4.เลื่อยเหล็กจำนวน 1 ปื้น 5.จอบขุดดิน จำนวน 1 อัน ในข้อกล่าวหาว่า 1.ลักทรัพย์สิ่งของที่ใช้หรือครอบครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม 2.เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า) และ 3.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า)

ด้วยการจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจท่าข้าวเปลือก สภ.แม่จัน จว.เชียงราย ได้ตั้งด่านตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย บริเวณถนนเส้นบายพาสเชียงราย-เชียงแสน ได้มีชายขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เอส 100 สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาจาก อ.เชียงแสน มุ่งหน้าไปยังอ.เมืองเชียงราย เมื่อเห็นด่านตรวจ กลับรถและเร่งเครื่องเพื่อหลบหนีให้พ้นจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ออกติดตามจนทันแล้วจึงได้สั่งให้หยุดรถเพื่อขออนุญาตทำการตรวจค้น

โดยผลการตรวจค้นเบื่องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายและนายตุลุ ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าตนได้เสพยาบ้ามา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการตรวจหาสารเสพติดผลปรากฏว่าพบสารเสพติดในร่างกายของนายตุลุ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจค้นตัวนายตุลุฯไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่พบ
1.สายไฟชนิด cv2c x 35/มม. ยาวประมาณ 8 เมตร จำนวน 1 เส้น
2.สายไฟชนิด cv2c x 4 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตร จำนวน 1 เส้น
3. ชะแลง จำนวน 1 อัน
4.เลื่อยเหล็กจำนวน 1 ปื้น
5.จอบขุดดิบ จำนวน 1 อัน

อยู่ตรงเบาะท้ายของจักรยานยนต์ที่ขับขี่มา ซึ่งได้สงสัยว่านายตุลุ จะไปลักมาจึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ประจำแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายให้ทราบและเดินทางมาดูของกลางดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำแขวงทางหลวงชนบทได้เดินทางมาที่ด่านตรวจท่าข้าวเปลือกเพื่อมาตรวจสอบของกลางดังกล่าว เมื่อได้ตรวจสอบ ปรากฎว่าสายไฟดังกล่าวนั้นเป็นทรัพย์สินของทางหลวงชนบทจริง เนื่องจากสายไฟดังกล่าวเป็นสายไฟชนิดเดียวที่ทางหลวงชนบทใช้ เป็นสายไฟส่องสว่างโดยเฉพาะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบทฯได้เดินทางไปตรวจสอบสายไฟที่หายไป พบว่าสายไฟที่หายไปเป็นสายไฟข้างทางบริเวณถนนชร 1063 แยกทางหลวงหมายเลข 1 บริเวณ กม. 32 +500 บ้านทับกุมารทอง ม.8 ต.ท่าข้าวเปลือกอ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงได้รายงานให้ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบททราบ จากนั้นก็ได้รับมอบอำนาจจากแขวงทางหลวงชนบทให้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายตุลุ เซอหมื่อ ที่ได้ทำการ ลักขโมยสายไฟดังกล่าวให้ถึงที่สุด

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์