โรงพยาบาลแม่สะเรียง ชวนประชาชน ปรับ “เปลี่ยนก่อนป่วย” ห่างไกลโรค กระตุ้นให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี

โรงพยาบาลแม่สะเรียง ชวนประชาชน ปรับ “เปลี่ยนก่อนป่วย” ห่างไกลโรค กระตุ้นให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ที่ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพฯ เทศบาลตำบลแม่สะเรียง นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ “เปลี่ยนก่อนป่วย” ห่างไกล NCDs โดยมี นายแพทย์บัณฑิต ดวงดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สะเรียง ว่าที่ร้อยตรีพูนศักดิ์ ดีมั่น นายกเทศมนตรีตำบลแม่สะเรียง คณะครูและนักเรียนโรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” โรงเรียนอนุบาลแม่สะเรียงบ้านโป่ง และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 100 คน

โรงพยาบาลแม่สะเรียง ได้จัดกิจกรรม “เปลี่ยนก่อนป่วย” ห่างไกล NCDs (Non-Communicable) หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือคือกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม่สามารถ ติดต่อกันได้ แต่เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่เสี่ยง เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดี การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการนอนไม่หลับ ซึ่งโรค NCDs มีหลายประเภท เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งโรค NCDs เป็นสาเหตุการตายที่สำคัญทั่วโลก และในประเทศไทย ก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม โรค NCDs สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

การจัดกิจกรรมฯ ดังกล่าว เพื่อสร้างความตะหนักรู้ และความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับโรค NCDs ให้ประชาชนทราบ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ภายในงานมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโรค NCDs การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา การประเมินสมรรถภาพทางกายภาพของผู้สูงอายุ โดยการใช้แบบประเมิน การสาธิตและฝึกปฏิบัติการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน การเต้นแอโรบิคแบบพื้นฐาน และการออกกำลังกายโดยการใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ชาวแม่สะเรียง ขอบคุณที่แจ้งเบาะแส สภ.แม่สะเรียง ดำเนินการออกใบสั่งการกระทำผิดกฎหมายจราจร พร้อมให้แก้ไขการบรรทุก

ชาวแม่สะเรียง ขอบคุณที่แจ้งเบาะแส สภ.แม่สะเรียง ดำเนินการออกใบสั่งการกระทำผิดกฎหมายจราจร พร้อมให้แก้ไขการบรรทุก

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ภายหลังได้มีการโพสข้อมูลทางสื่อโซเชียล(เฟสบุ๊ค) วันที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. โดยได้รับแจ้งจากประชาชนพลเมืองดีในพื้นที่ ว่ามีรถบรรทุก ไม่คลุมผ้าใบด้านหลัง และไม่มีฝาท้ายป้องกันสิ่งของตกหล่น ขับจากถนนตัดใหม่แม่สะเรียง ถึงถนนเส้นบ้านทุ่งพร้าว อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยการอำนวนการของ พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ วศินพงศ์ธนัช ผกก.สภ.แม่สะเรียง,พ.ต.ท.จักษ์พัฒน์ดอกจันทร์ รอง ผกก.ป.สภ.แม่สะเรียง,พ.ต.ต.บัญชา ชำนาญ สวป.สภ.แม่สะเรียง มอบหมายให้ จ.ส.ต.ปิยะณัฐ เกตุแก้ว ผบ.หมู่ (ป.) สภ.แม่สะเรียง ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่จราจร ได้ตรวจสอบตามข้อมูล และ ติดตามจนกระทั้ง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น. ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พบบุคคลผู้กระทำความผิดและดำเนินการออกใบสั่งและสั่งแก้ไขรถบรรทุกที่กระทำผิดกฎหมายจราจร จำนวน 1 ราย ออกใบสั่งแนบใบแจ้งสิทธิ์ เรียบร้อย

ทั้งนี้ ทางสถานีตำรวจภูธรแม่สะเรียงขอขอบคุณ ประชาชนพลเมืองดีในพื้นที่ ที่แจ้งเบาะแส ทำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้งานได้รวดเร็วขึ้น และนำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

เชียงราย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมเครือข่ายยาเสพติด“ตัดไฟแต่ต้นลม” ยึดทรัพย์ 97 ล้านบาท

เชียงราย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมเครือข่ายยาเสพติด“ตัดไฟแต่ต้นลม” ยึดทรัพย์ 97 ล้านบาท

เวลา 10.00 น.วันที่ 18 มิ.ย. 68 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ครั้งที่ 4 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย หลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ได้แก่ คอนโดมิเนียมในเขตเทศบาลนครเชียงราย และบ้านพักในหมู่บ้านปิยะพร อำเภอแม่สาย

ผลการปฏิบัติสามารถอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 15.1 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง ที่ดินเปล่า 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน นาฬิกาหรู 1 เรือน และเงินในบัญชีธนาคาร 625,000 บาท รวมถึงเตรียมออกหนังสือเชิญบุคคลที่มีเส้นทางการเงินต้องสงสัย 12 คน เข้าชี้แจงธุรกรรม รวมวงเงินกว่า 97 ล้านบาท

การปฏิบัติครั้งนี้ เป็นการสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2568 เจ้าหน้าที่จับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้ 8 คน พร้อมยาบ้ากว่า 3 ล้านเม็ดในพื้นที่กรุงเทพฯ สืบพบว่ากลุ่มดังกล่าวเชื่อมโยงกับนายธัชพล ตระกูลมั่งมีดี หรือ “เสี่ยม้าบิน” ผู้อยู่เบื้องหลังการลำเลียงยาเสพติดจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้าชายแดนไทย ผ่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งกระจายต่อเข้าไทยตอนในและประเทศที่สาม
ขณะนี้นายธัชพลยังคงพักอาศัยอยู่ในเมียนมา มีทรัพย์สินและกิจการใน จ.ท่าขี้เหล็ก และ จ.เชียงตุง รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วยร้านทอง, บริษัทรับเหมาก่อสร้าง, อินเทอร์เน็ต, โรงแรม, ผับ-คาราโอเกะ และธุรกิจขนส่ง

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ก.ค. 2568 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะ เดินทางไปพบผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา และเลขาธิการคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเมียนมา (CCDAC) เพื่อประสานติดตามยึดทรัพย์และจับกุมบุคคลตามหมายจับในฝั่งเมียนมา พร้อมยืนยันว่า ปัจจุบันกฎหมายการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดสามารถดำเนินการในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องรอคำพิพากษา เพราะเป็นกฎหมายสากล ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดสูญเสียอำนาจทางทุนและขบวนการจะอ่อนแรงลง

ด้าน นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวผลิตยาเสพติดหลายชนิด โดยยาบ้าส่วนใหญ่จำหน่ายในประเทศไทย ส่วนยาเสพติดชนิดอื่นใช้ไทยเป็นทางผ่านสู่ประเทศที่สาม การเร่งตัดเส้นทางการเงินและโครงข่ายผู้มีบทบาทสำคัญ จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของ ป.ป.ส.

ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางปี 2567 ถึงปัจจุบัน ป.ป.ส. ดำเนินปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ไปแล้ว 4 ครั้ง จับกุมบุคคลตามหมายจับรวม 8 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินรวมกว่า 262 ล้านบาท

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

ท่าอากาศยานเชียงใหม่จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการป้องกันอัคคีภัย เสริมสร้างทักษะความปลอดภัยแก่เยาวชนในพื้นที่อำเภอแม่ออน

ท่าอากาศยานเชียงใหม่จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการป้องกันอัคคีภัย เสริมสร้างทักษะความปลอดภัยแก่เยาวชนในพื้นที่อำเภอแม่ออน

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 นายสุรชัย สวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนดับเพลิงอาคาร ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำคณะพนักงานจิตอาสาจากฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย จัดกิจกรรมสาธิตและให้ความรู้ด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้น ณ โรงเรียนวัดเปาสามขา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจแก่คณะครูและนักเรียนเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัยเบื้องต้น การใช้อุปกรณ์ดับเพลิงอย่างถูกต้อง และแนวทางการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่น ๆ โดยมีการสาธิตการใช้ถังดับเพลิง การช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นในสถานการณ์ต่างๆ อย่างปลอดภัย การปลูกฝังความรู้และทักษะด้านความปลอดภัยตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลตนเองและผู้อื่นอย่างมีสติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะในสถานศึกษา ซึ่งมีนักเรียนและบุคลากรจำนวนมากอยู่รวมกัน ความรู้ด้านการดับเพลิงและการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ จึงถือเป็นทักษะพื้นฐานที่ควรได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในฐานะหน่วยงานด้านการบินที่มีภารกิจสำคัญด้านความปลอดภัยและการกู้ภัย มีความมุ่งมั่นในการเป็น “สนามบินแห่งการเรียนรู้ (Learning Airport)” ที่พร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ ประสบการณ์ และศักยภาพของบุคลากรให้แก่สังคม โดยเฉพาะเยาวชนในท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมจิตอาสาและโครงการเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ร่วมกับ ผู้ใหญ่ใจดี มอบสิ่งของจำเป็นแก่ศูนย์การศึกษาพิเศษฯ สานต่อความห่วงใยสู่เด็กพิเศษ

ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ร่วมกับ ผู้ใหญ่ใจดี มอบสิ่งของจำเป็นแก่ศูนย์การศึกษาพิเศษฯ สานต่อความห่วงใยสู่เด็กพิเศษ

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผกก.2 บก.ทท.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิษณุ เตรียมดี รอง ผกก.2 บก.ทท.2, พ.ต.ท.ธนวินท์ พวงมะลิ สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.2 และข้าราชการตำรวจในสังกัด ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ร่วมกิจกรรมจิตอาสา มอบอุปกรณ์การเรียน สิ่งของอุปโภค-บริโภค และของใช้จำเป็นให้กับนักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ“โครงการบริจาคสิ่งของ เพื่อน้อง”ประจำจังหวัดเชียงราย ณ ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี และตำรวจท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการศึกษาแก่เด็กพิเศษ โดยมีนางสาวนารีรัตน์ รีรักษ์ รองผู้อำนวยการ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมคณะครู เจ้าหน้าที่ และนักเรียน ร่วมให้การต้อนรับและรับมอบสิ่งของด้วยความอบอุ่น

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานรัฐกับชุมชน พร้อมแสดงถึงความห่วงใยและใส่ใจต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

เชียงราย ผวา จยย. ด่ากราดทุบกระจกรถนักเรียน ก่อนหลบหนี

เชียงราย ผวา จยย. ด่ากราดทุบกระจกรถนักเรียน ก่อนหลบหนี

เย็นวันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายฐิติพงศ์ ทรายคำ คนขับรถตู้รับส่งนักเรียน ถูกชายฉกรรจ์ไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อแขนสั้นสีเหลือง สวมหมวกกันน็อคสีขาว ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาโวยวายและลงมือทุบกระจกหน้ารถตู้จนแตกเสียหาย ก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

นายฐิติพงศ์ ทรายคำ คนขับรถตู้ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนกำลังขับรถตู้รับส่งนักเรียนจากตัวเมืองเชียงรายมายังแม่สาย และกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปส่งนักเรียนที่ถนนทางตรงไปบ้านผาแตก บริเวณแยกเบิร์ด ขณะนั้นคู่กรณีซึ่งได้ไฟเขียวมาจากทางเชียงแสน ได้บีบแตรไล่ตนมาโดยตลอด ตนเกิดความสงสัยว่าบีบแตรใส่ใคร จึงปล่อยให้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแซงไป จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ยกนิ้วกลางใส่ตน

เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยก ชรบ.บ้านผาแตก คู่กรณีได้จอดรถขวางทางตนไว้ และลงมาโวยวายเสียงดัง ก่อนจะตรงเข้ามาทุบกระจกรถของตนจนแตกเสียหายต่อหน้าผู้เห็นเหตุการณ์และนักเรียนที่อยู่ในรถ ตนเห็นแก่ความปลอดภัยของเด็กนักเรียน จึงพยายามเบี่ยงรถหนี แต่คู่กรณียังคงตามมาทุบกระจกอีกครั้ง ตนจึงบอกให้นักเรียนช่วยกันถ่ายภาพเหตุการณ์ไว้ และรีบขับรถไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่สายทันที

นายฐิติพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนและนักเรียนในรถตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองนักเรียนก็รู้สึกหวาดผวาไปด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวถือเป็นบุคคลอันตราย โดยในวันเกิดเหตุ ชายคนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายคนมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวชายคนนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เนื่องจากตอนนี้ยังตามหาตัวไม่พบ และรถจักรยานยนต์ที่ขับมาก็ไม่ติดป้ายทะเบียน ทำให้ยากต่อการติดตามตัว ตนจึงอยากขอความร่วมมือจากชาวแม่สาย หากมีเบาะแสใดๆ โปรดช่วยชี้เบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรปล่อยไว้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับนักเรียนในรถเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่เด็กบางคนไม่กล้าไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น ส่วนนายฐิติพงศ์เองก็ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการนำรถไปเปลี่ยนกระจกที่ถูกทุบจนแตกเสียหาย ภาพจากกล้องวงจรปิดและคลิปวิดีโอที่บันทึกโดยนักเรียนในรถได้ถูกนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีและสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ในครั้งนี้

ด้านพันตำรวจเอกเทคนิค จันสี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สาย ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามชายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากก่อเหตุระทึกขวัญทำให้ ประชาชนรู้สึกหวาดกลัว

Cr. ณัฐวัตร ลาพิงค์

สบอ.16 แม่สะเรียง ฝึก จนท.พิทักษ์ป่า ทบทวนระเบียบวินัยและการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ

สบอ.16 แม่สะเรียง ฝึก จนท.พิทักษ์ป่า ทบทวนระเบียบวินัยและการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ

วันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ อุทยานแห่งชาติสาละวิน ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง พร้อมด้วยนายสุทิน พรหมปลัด ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ฯ ร่วมกันเปิดพิธีโครงการฝึกทบทวนระเบียบวินัยและการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART PATROL) สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านพิทักษ์ป่า ระหว่างวันที่ 12 – 13 มิถุนายน 2568 โดยมีกิจกรรมหลักได้แก่ การฝึกปฏิบัติทบทวนระเบียบวินัย ระเบียบแถว โดยมีวิทยากร (ชุดครูฝึก) การกรมทหารพรานที่ 36 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมครั้งนี้ และมีการทบทวนการลาดตระเวน วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีระเบียบวินัย มีความอดทน มีการทำงานเป็นทีม และมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งเป็นการทบทวนการลาดตระเวนเชิงคุณภาพและสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับเจ้าหน้าที่ในสังกัดได้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติในสังกัด จำนวน 5 แห่ง เข้าร่วมทั้งสิ้น จำนวน 100 นาย

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ อ.ขุนยวม เพื่อให้บริการประชาชน

ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ อ.ขุนยวม เพื่อให้บริการประชาชน

วันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการ ” ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่นอกที่ตั้งสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ” และให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมขอรับใบขับขี่ โดยมี นางสาวดารารัตน์ ดาวเวียงกัน ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ

โครงการ ” ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่นอกที่ตั้ง สำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปีงบประมาณ 2568 ” นั้น มีวัตถุประสงค์ในการจัดขึ้น เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มช่องทางในการให้บริการจากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งด้านทะเบียน ด้านประกอบการขนส่ง การตรวจสภาพรถ โดยวิทยากรจากสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประสงค์ทำใบอนุญาตขับรถ สามารถอบรมหลักสูตรผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อมาอบรมที่สำนักงานขนส่ง ฯ ซึ่งการจัดอบรมครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากโรงเรียนขุนยวมวิทยา โดยมีผู้เข้าอบรมเพื่อขอรับใบขับขี่ เป็นประชาชนในพื้นที่ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 100 คน

โดยมีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายอำเภอขุนยวม ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สาขาแม่ฮ่องสอน ผู้อำนวยการโรงเรียนขุนยวมวิทยา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการดังกล่าว

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยแม่สะเรียง อบรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันภัย การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติต่างๆ ในโรงเรียน

สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยแม่สะเรียง อบรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันภัย การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติต่างๆ ในโรงเรียน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ โรงเรียนสังวาลย์วิทยา ต.แม่เหาะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยแม่สะเรียง นำทีมกู้ชีพ – กู้ภัยแม่สะเรียง ออกให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนสังวาลย์วิทยา ในกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้น อาทิ การอพยพหนีไฟ การซ้อมแผนเผชิญเหตุ โดยมีการจัดอบรมการบรรยายและสาธิตเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ และ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR การฝึกซ้อมสถานการณ์ในการเผชิญเหตุ ได้แก่ การติดอยู่ในรถ การขอความช่วยเหลือ และการหนีเอาตัวรอด การฝึกซ้อมการใช้ถังดับเพลิง การดับเพลิงตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เหตุแผ่นดินไหว การเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ทักษะในช่วยเหลือตัวเองและเพื่อนๆจากการเผชิญเหตุฉุกเฉินให้กับนักเรียนและคณะครูภายในโรงเรียน โดยมีเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึง มัธยมศึกษา เข้ารับการอบรมและเรียนรู้ภัยทุกรูปแบบในครั้งนี้

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ช่องทางห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังกองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี ยึดค่ายทหารเมียนมาตามแนวชายแดนไทยไว้ได้ทั้งหมด

การค้าชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะช่องทางห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม และ ช่องทางบ้านห้วยผึ้ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังกองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี สามารถยึดค่ายทหารเมียนมาที่อยู่ตามแนวชายแดนไทยไว้ได้ทั้งหมด

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี หรือ Karenni Army / KA เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่รัฐคาเรนนี/คะยา ปัจจุบันยังคงมีการสู้รบระหว่างกองกำลังผสมคาเรนนีประกอบด้วย KA , KNDF , KNPLF , KNSO , PDF และ PNLA กลุ่มพันธมิตรปาโอ กับทหารเมียนมาในพื้นที่เมืองปาย หรือเมืองโมเบีย ซึ่งอยู่ในรัฐฉานรอยต่อกับรัฐคาเรนนี /คะยา โดยจุดที่มีการสู้รบดังกล่าว เป็นเส้นทางที่ทหารเมียนมาจะส่งกำลังเสริมเข้ามาในเมืองลอยก่อว์ เมืองหลวงของรัฐคาเรนนี/คะยา โดยพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีการสู้รบอย่างหนัก ปัจจุบัน มีทหารเมียนมาหลงเหลือในรัฐคาเรนนี ไม่มากนัก ใน 3 พื้นที่คือ เมืองลอยก่อว์ , เมืองบอลาแคะ และเมืองผาซอง ส่วนพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย ทหารเมียนมาที่ตั้งฐานปฏิบัติการทางทหาร ได้ถูกกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนีกวาดล้างจนไม่มีทหารเมียนมาประจำการตามแนวชายแดนที่ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน แต่อย่างใด ซึ่งการที่ทางกองทัพคาเรนนีสามารถกวาดล้างทหารเมียนมาได้สำเร็จ ส่งผลให้การค้าระหว่างประชาชนไทยและประชาชนชาวคาเรนนี ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากไม่ต้องถูกกักตรวจสินค้าและเรียกเก็บภาษีใต้ดินอีกต่อไป

ทางด้านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานภาวะการค้าชายแดน ประจำเดือนเมษายน 2568 ว่า มูลค่าการค้าชายแดนไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดือนเมษายน 2568 มีมูลค่าการค้าชายแดนรวมทั้งสิ้น 192.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (MOM) 39.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.93 (เดือนมีนาคม 2568 มูลค่าการค้าชายแดน 152.97 ล้านบาท) และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YOY) มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้น 153.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 395.47 (เดือนเมษายน 2567 มูลค่าการค้าชายแดน 38.88 ล้านบาท)

มูลค่าการส่งออก รวมทั้งสิ้น 185.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (MOM) 35.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.57 (เดือนมีนาคม 2568 มูลค่าการส่งออก 150.26 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YOY) มูลค่าการส่งออก เพิ่มขึ้น 149.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 409.94 (เดือนเมษายน 2567 มูลค่าการส่งออก 36.41 ล้านบาท) สินค้าส่งออกที่สำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ รถยนต์รถบรรทุกปรับสภาพเพื่อส่งออก เครื่องอุปโภค-บริโภค น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รถยนต์เก่าใช้แล้ว และรถแทร็กเตอร์

มูลค่าการนำเข้า รวมทั้งสิ้น 6.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (MOM) 4.28 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 158.52 (เดือนมีนาคม 2568 มูลค่าการนำเข้า 2.70 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YOY) มูลค่าการนำเข้าลดลง 4.51 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 182.59 (เดือนเมษายน 2567 มูลค่าการนำเข้า 2.47 ล้านบาท) สินค้านำเข้าที่สำคัญ คือ แร่พลวง และสินค้าอุปโภค-บริโภค

ดุลการค้า เกินดุลมูลค่า 178.69 ล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้น (MOM) 31.13 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.10 (เดือนมีนาคม 2568 ดุลการค้าเกินดุล 147.56 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YOY) ดุลการค้าเกินดลุ 144.75 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 426.49 (เดือนเมษายน 2567 ดุลการค้าเกินดุล 33.94 ล้านบาท)

สำหรับช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นช่องทางการค้าระหว่างชาวคาเรนนีกับชาวไทย พบว่ามีการส่งออกสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นขณะที่มีทหารเมียนมาประจำการอยู่ตามแนวชายแดนยอดการนำเข้าและส่งออกจะต่ำกว่าปัจจุบัน ในส่วนของช่องทางบ้านห้วยผึ้ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ยอดส่งออกสินค้าก็เพิ่มมาขึ้นเช่นกัน สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ปรับสภาพส่งออกไปเมียนมา จากเดิมผู้ประกอบการส่งออกไปเมียนมาโดยผ่านช่องทางด่านการค้าถาวร อ.แม่สอด จ.ตาก แต่ภายหลังมีการปิดด่านทำให้ผู้ประกอบการย้ายเส้นทางส่งสินค้ามาผ่านในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน แทน แต่อย่างไรก็ตามสินค้าจำพวกรถปรับสภาพส่งออก เป็นสินค้าผ่านแดน ที่เป็นการค้าระหว่างนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นกับชาวเมียนมา ไม่ได้ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในพื้นที่แต่อย่างใด

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน