รองผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เปิดโครงการศูนย์ควบคุมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และร่วมกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ

รองผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เปิดโครงการศูนย์ควบคุมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และร่วมกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ

วันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการศูนย์ควบคุมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และร่วมกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ ประจำปี 2568 ตั้งแต่บริเวณป่าชุมชนเขตบ้านกอกหลวงรอยต่อระหว่างตำบลแม่นาจาง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึง ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายอำเภอแม่ลาน้อย หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและระดับอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่าย และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม

สืบเนื่องจากสถานการณ์การเกิดปัญหาไฟป่าและการเกิดหมอกควันรุนแรงขึ้นทุกปี ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ แต่ละหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ป่า โดยเฉพาะปัญหาไฟป่าและการเกิดหมอกควัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ดิน น้ำ สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ และเพื่อเป็นการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและการเกิดหมอกควันให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและการเกิดหมอกควันตามนโยบายรัฐบาล จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่าย และประชาชนในพื้นที่กำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวฯ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธารในชุมชน เพื่อป้องกันมิให้ไฟป่าเข้าพื้นที่ทำการเกษตรและป่าอนุรักษ์ของชุมชน เพื่อลดความเสียงหายอันเกิดจากอุบัติภัยอันเกิดจากธรรมชาติและเกิดจากมนุษย์ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดความรักและหวงแหนในพื้นที่ป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลปกป้องและรักษาป่าของประชาชนในพื้นที่

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ศพพ.แม่ฮ่องสอน จัดทำฝายชะลอน้ำ โครงการรักษ์น้ำฯ พื้นที่ลุ่มน้ำปาย

ศพพ.แม่ฮ่องสอน จัดทำฝายชะลอน้ำ โครงการรักษ์น้ำฯ พื้นที่ลุ่มน้ำปาย

วันที่ 14 มีนาคม 2568 นางจีรนันท์ เจียมเจริญ ผอ.ศพพ.จ.แม่ฮ่องสอน มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ดำเนินงานโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กิจกรรม ส่งเสริมพัฒนาฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำและจัดทำฝายชะลอน้ำ เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำจากธรรมชาติให้พื้นที่ของหมู่บ้าน มีน้ำใช้และให้ประโยชน์

กลุ่มเป้าหมาย พื้นลุ่มน้ำปาย ณ ต้นน้ำบ้านห้วยแก้วบน หมู่ที่ 7 ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ผู้เข้าร่วม จำนวน 34 คน ดำเนินการจัดทำฝายชะลอน้ำจำนวน 2 จุด เพื่อช่วยลดการชะลอความเร็วของน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำแล้ง ดักตะกอนหน้าดินที่ไหลลงมาจากต้นน้ำ สร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ และเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรครัวเรือน

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

โรงเรียนบ้านแม่สวรรค์น้อย เปิดกาดมั่ว คัวฮอม ฝึกทักษะการประกอบอาชีพพ่อค้าแม่ค้าตัวน้อย

โรงเรียนบ้านแม่สวรรค์น้อย เปิดกาดมั่ว คัวฮอม ฝึกทักษะการประกอบอาชีพพ่อค้าแม่ค้าตัวน้อย

วันที่ 14 มีนาคม 2568 โรงเรียนบ้านแม่สวรรค์น้อย บ้านแม่เหาะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นำโดย นายอนันต์ ประวัง ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยคณะครู บุคลากรทางการศึกษาได้จัดกิจกรรม กาดมั่ว คัวฮอม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้มีทักษะในการประกอบอาชีพ เป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวน้อย เปิดร้านให้แขกที่มาเยี่ยมชมได้ช้อปได้ชิม และ สามารถนำไปสร้างงาน เพิ่มรายได้แก่ตนเองระหว่างเรียน อีกทั้ง เพื่อให้เด็กนักเรียนรู้จักดำรงตน อยู่ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การรู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ถ้าเหลือก็แจกจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม อยู่อย่างพอเพียง ซึ่งในบริเวณกาดมั่ว คัวฮอม ก็จะมีสินค้าหลากหลายชนิดของเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 มีพืชผักสวดครัวของสหกรณ์โรงเรียนมาวางจำหน่าย ซึ่งมีพ่อแม่ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่หน่วยงานข้างเคียง เดินทางมาร่วมกิจกรรมชิม ช้อปซื้อของต่าง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก สนุกสนานเป็นอย่างมาก

Cr. สุกัลยา / แม่ฮ่องสอน

ทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส ลงพื้นที่บ้านรักไทย เก็บข้อมูลสถานพักแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ปรับปรุงฐานข้อมูล ป้องกันมิจฉาชีพ

ทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส ลงพื้นที่บ้านรักไทย เก็บข้อมูลสถานพักแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ปรับปรุงฐานข้อมูล เพื่อเผยแพร่ป้องกันการปลอมแปลงของมิจฉาชีพ

15 มี.ค. 68 ทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส นำโดย ว่าที่ร้อยตรีภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน พร้อมทีมงาน ททท. และ นายศุภโชค จองปินหย่า ผู้แทนสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทีมงาน และ พ.ต.ต.ณฐวัตร สุขสวัสดิ์ปรีชา สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน (สว.สทท.4 กก. 2 บก.ทท. 2) รวมทั้งนายภานุเดช ไชยสกูล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตลอดจนทีมที่ทำการปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน นำโดยนายวฤทธิ์ชาติ ปาณชู ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ลงพื้นที่บ้านรักไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการสัมภาษณ์จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสถานพักแรม ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก และบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ของบ้านรักไทย เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน สำหรับจัดทำเป็นข้อมูลการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ช่องทางการติดต่อจองที่พักสำหรับป้องกันมิจฉาชีพปลอมแปลงข้อมูลหลอกลวงนักท่องเที่ยใว โดยได้รับการประสานงานและอำนวยความสะดวกจากผู้นำชุมชน ได้แก่ นางสาวอาหริ่ง แซ่หว่าง ผู้ใหญ่บ้านรักไทย หมู่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมทั้งนายกฤตภาส ศรีกฤตภาสสกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการที่พักและร้านอาหารบ้านรักไทย โดยประสานงานเชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมาให้ข้อมูล ณ บริเวณร้านค่าเฟ่บนหลังคา ใกล้ศาลาพักผ่อนกลางหมู่บ้านรักไทย

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นการบูรณาการการดำเนินงานของทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส ในการบรรลุเป้าหมายการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของพื้นที่บ้านรักไทยให้เกิดความยั่งยืน มีความต่อเนื่องและสมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนบ้านรักไทย จึงมีความรักหวงแหนในอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของตน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวมีการวางแผนมาล่วงหน้าในการจัดทำแบบฟอร์มการสัมภาษณ์ที่ครอบคลุมข้อมูลให้มากที่สุด รวมทั้งเลขบัญชีและช่องทางการติดต่อที่ถูกต้อง รวมทั้งพิกัด GPS ตลอดจนสร้างเครือข่ายด้วยการสร้างไลน์กลุ่ม ซึ่งจะเป็นช่องทางการประสานกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ร่วมทั้งเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการขายต่อไปด้วย

โดยก่อนหน้าที่ทางทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส ได้มีการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยว รับฟังเสียงสะท้อนของลูกค้า และรับฟังเสียงสะท้อนของผู้มีส่วนได้เสียจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งพบว่าการท่องเที่ยวของจังหวัดมีการขยายตัว อย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งปี 2567 ที่ผ่านมามีผู้เยี่ยมเยือนประมาณ 1.4 ล้านคนครั้ง มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 70 % และมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดประมาณ 7.5 พันล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 60% และในปี 2568 มีการขยายตัวของสถานพักแรมเพิ่มขึ้นเป็น 6,485 ห้อง (เพิ่มขึ้น 195 ห้องจากปี 2567 คิดเป็น อัตราเพิ่มขึ้น 3.10%)

สำหรับบ้านรักไทยซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมชาติพันธุ์จีนยูนนาน ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ชาติพันธุ์หลักของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีความสวยงามโดดเด่น แวดล้อมด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ และสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบาย คุณภาพอากาศดี มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และมีการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2568 มีการเพิ่มขึ้นของสถานพักแรมเป็น 80 แห่ง มีจำนวนประมาณ 1,000 ห้อง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนห้องพัก 15.40% ของทั้งจังหวัด และคิดเป็นสัดส่วน 50.99% ของอำเภอเมือง จากกระแสการเดินทางท่องเที่ยวบ้านรักไทยที่ผ่านมา ทำให้มิจฉาชีพมีการปลอมแปลงข้อมูลของผู้ประกอบการไปหลอกลวงนักท่องเที่ยวหลายราย ซึ่งพบว่ามีการปลอมแปลงสร้างความเสียหายมากในช่วงปี 2565-2566 ส่วนในปี 2567 – 2568 มีผู้เสียหายลดลงมาก เนื่องจากทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัส และหน่วยงานด้านฝ่ายปกครองและความมั่นคง ได้มีการประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการตลอดจนมีการสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวให้มีการตรวจสอบและระมัดระวังก่อนการโอนเงินมัดจำหรือชำระค่าที่พัก ตลอดจนทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ส่งเสริมให้มีการจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการที่พักและร้านอาหารบ้านรักไทย” ขึ้น ทำให้มีการประสานงานเครือข่ายการท่องเที่ยวและสื่อสารไปยังลูกค้าได้ดีขึ้น

หลังจากนี้ ทางทีมแม่ฮ่องสอนท่องเที่ยวพลัสจะเร่งจัดปรับปรุงข้อมูลของสถานบริการพักแรม ร้านอาหาร ร้านบริการของที่ระลึก รวมทั้งบริการที่เกี่ยวข้อง สำหรับจัดทำเป็นฐานข้อมูลที่มี เป็นข้อมูลใหม่ สามารถช่วยป้องกันการปลอมแปลงของมิจฉาชีพได้ และจะเร่งประชาสัมพันธ์พร้อมทั้งสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพปลอมข้อมูลได้อีก

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่บ้านรักไทย ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งบ้านรักไทย เป็นชุมชนท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ในรูปแบบวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนาน ที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ท่ามกลางความสวยงามของบรรยากาศธรรมชาติขุนเขา และบึงน้ำขนาดใหญ่ มีสภาพภูมิอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน มีอาหารจีนยูนนานที่อร่อย พร้อมกิจกรรมแบบปิ้งย่าง หม่าล่า บ๋วย ชา กาแฟ ถั่ว งา มีชุดแบบชาวจีนให้เช่าในหลากหลายรูปแบบ มีกิจกรรมล่องเรือแบบเก๋งจีน นั่งรถรางชมบรรยากาศในชุมชน กิจกรรมเก็บใบชา โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลที่พักได้จากเพจบ้านรักไทย (แม่ฮ่องสอน) https://www.facebook.com/share/1FFtqoKAYY มีการทำพิกัด GPS จุดที่พักของแต่ละแห่งของบ้านรักไทยและ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสถานที่พักได้ เพื่อป้องกันเฟสปลอมของมิจฉาชีพ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค: ททท สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ 053612982 – 3 ในวันเวลาราชการ

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่เห็นด้วยกับการที่รถ ขนาดใหญ่ใช้ถนนสาย 1095

นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่เห็นด้วยกับการที่รถ ขนาดใหญ่ใช้ถนนสาย 1095 หลังเกิดเหตุรถเทรลเลอร์บรรทุกสินค้าติดขวางถนนที่ อ.ปางมะผ้า ส่งผลให้รถติดเป็นเวลานานเนื่องจากถนนคับแคบและเป็นโค้งรูปตัวเอส

จากกรณี ได้เกิดเหตุรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ติดโค้งกลางถนน ทางหลวงหมายเลข 1095บ้านท่าไคร้ ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า ตำรวจ สภ.ปางมะผ้า ปลัดอำเภอ อส.อ.ปางมะผ้าที่ 8 หมวดทางหลวงปางมะผ้า อบต.สบป่องและกู้ภัยพุทไธสวรรย์ จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมอำนวยความสะดวก ตอนแรกรถจักรยานยนต์ผ่านได้ รถยนต์ รถตู้ สลับกันขึ้นลง ส่วน รถ 6 ล้อ รถใหญ่ ยังผ่านไม่ได้ เจ้าของรถมาจากเชียงรายแจ้งว่าขนสินค้าจะไปส่งชายแดนด่านบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม ไม่เคยมาจึงได้กดดูข้อมูลจาก Google Map และเกิดเหตุดังกล่าว เบื้องต้นกำลังประสานหารถลาก คาดว่าใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถประสานหารถบรรทุกขนาดใหญ่มาชักลากออกจากจุดเกิดเหตุหลังรถติดหลายชั่วโมง และก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22.20 น. เกิดเหตุรถตู้คอนเทนเนอร์ ติดโค้งเลี้ยวไม่พ้น ไม่สามารถขึ้นดอยได้ทางหลวง 1095 ดอยกิ่วลม ฝั่ง อ.ปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน หมวดทางหลวงปางมะผ้า สภ.ปางมะผ้า ฝ่ายปกครอง กำลังเข้าไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือจนสามารถนำรถที่ติดกลางโค้งบนเขาออกมาได้อย่างปลอดภัย

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 นายภานุเดช ไชยสกูล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึง กรณีที่มีรถเทรลเลอร์ ติดเส้นทางโค้งของถนนสาย 1095 ไม่สามารถขับขึ้นเขาเองได้เนื่องจากต้องใช้การตีโค้งของถนนทั้งสองช่องจารจร และต้องอาศัยใช้รถสิบล้อใหญ่มาช่วยลากจูง ขึ้นนั้น ซึ่งทำให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้เส้นทางร่วม เมื่อเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น ผู้ใช้เส้นทางร่วมก็จะต้องรอ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง และเกิดอัตรายกับผู้ที่จะต้องเบี่ยงเส้นทางตามธรรมชาติ ซึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็จะเสียเวลามาขึ้นศาลหรือเจรจากัน เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 กับ ทางหลวงหมายเลข 108 เป็นเส้นทางที่สวยงามทางการท่องเที่ยว เราเรียกว่าเส้นทางสายมังกร ที่นักท่องเที่ยวชอบขับรถมาพิชิตโค้ง ซึ่งสาย 1095 มีโค้งถึง 2,224 โค้ง และสาย 108 มี 1,864 โค้ง เป็นเส้นทางที่สวยงามความเป็นธรรมชาติ มีทั้งรถ หรือ แลมโบกินี่ ชอบมาเป็นคาราวาน รถมอไซด์บิ๊กไบค์ และ รถนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ ชอบมาพิชิตโค้ง และ มารับใบประกาศเป็นผู้พิชิตโค้งที่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว 4,088 โค้ง และ 4,448 โค้ง สำหรับผู้ที่มาเส้นทางหมายเลข 1095 ไปและกลับ ซึ่งเมื่อมาเจอเหตุการณ์ ที่รถเทรลเลอร์ใหญ่ มาติด โค้งที่หักศอกและแคบ และเสียเวลา ทำให้โปรแกรมการเดินทางไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ซึ่งก็ต้องรับผิดชอบกันเองไม่มีใครออกมารับผิดชอบได้

ทุกวันนี้การที่ ทางหลวงแผ่นดินได้ทำการขยายไหล่ทางน่าจะทำให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ใช้เส้นทางได้ประหยัดเวลาและความปลอดภัย กลับตรงกันข้าม ต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเมื่อไปเจอรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ ต้องขับตามกันไปเป็นระยะเวลานาน และเกิดอันตรายเพิ่มขึ้นเมื่อต้องการที่จะขับแซงรถเทรลเลอร์ขึ้นไป ด้วยทุกระยะมีแต่ความโค้งของถนน จึงอยากจะให้ทางจังหวัด หรือ ทางหลวงแผ่นดินหรือแขวงการทาง ผู้ที่มีหน้าที่ รับผิดชอบ ออกมาทบทวน การใช้ถนนของรถ เทรลเลอร์ใหญ่ หรือ รถพ่วง กับถนนสาย 1095 หรือจะรอให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ก่อน ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2568 รวมแค่ 2 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกี่ครั้ง นักท่องเที่ยว ที่ใช้เส้นทาง คงต้องเข็ดขยาดในการเดินทาง ถึงเวลาที่ต้องทบทวนกันหรือยัง คงต้องไปเพิ่มใน Google Map เส้นทางสาย 1095 ไม่ใช่ถนนสำหรับรถเทเลอร์หรือรถพ่วงที่จะต้องวิ่งในเส้นทางดังกล่าว

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ล่องห่วงยางกิจกรรมยอดฮิตในช่วงฤดูร้อนที่ปาย

ล่องห่วงยางกิจกรรมยอดฮิตในช่วงฤดูร้อนที่ปาย

วันที่ 14 มี.ค.68 ทีมงานท่องเที่ยวพลัส โดย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน (ททท.แม่ฮ่องสอน) ตำรวจท่องเที่ยงแม่ฮ่องสอน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอปาย ลงพื้นที่ สังเกตุการณ์ของผู้ประกอบการล่องห่วงยางอำเภอปาย ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยว เป็นจำนวนมาก กว่า 350 คน ที่ร่วมกิจกรรมล่องห่วงยาง

ว่าที่ร้อยตรี ภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผอ.ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า กิจกรรมล่องห่วงยางแม่น้ำปายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม หากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจก็ขอเชิญมาล่องห่วงยางที่อำเภอปายได้ทุกวัน หากเป็นกิจกรรมล่องห่วงยางจำนวนมากอย่างที่เห็นก็จะเป็นการรวมกลุ่มทุกวันอังคาร และวันศุกร์ของทุกสัปดาห์สามารถมาล่องได้จนกว่าจะถึงช่วงที่เป็นฤดูน้ำหลาก ซึ่งถ้าหากแม่น้ำมีความรุนแรงหรือมีปริมาณน้ำมากเกินซึ่งจะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวเราก็จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดกิจกรรมเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ผอ.ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า การล่องห่วงยางแม่น้ำปาย ผู้ประกอบการที่จัดขึ้นจะต้องมีทีมสตาฟคอยดูแลนักท่องเที่ยวอย่างน้อยนักท่องเที่ยว 12 คน จะต้องมีสตาฟ 1 คน และมีทีมเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยที่คอยสแตนต์บายให้ความช่วยเหลือ รวมไปถึงมีการจดทะเบียนนำเที่ยว ซึ่งเป็นการคุ้มครองของการทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วย เวลาเกิดเหตุที่นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย

นายภานุเดช ไชยสกูล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า กิจกรรมการล่องห่วงยางแม่น้ำปาย ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถดึงคนเข้ามาเที่ยวอำเภอปาย ได้จำนวนมากในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะมีนักธุรกิจใหญ่ในถนนข้าวสาร กรุงเทพ ขายมาโดยตรง ทุกอาทิตย์ โดยแพลนมาลงที่ปายโดยผ่านตัวเชียงใหม่เข้ามาที่ปาย ช่วยทำให้การท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนคึกคักขึ้น จากการมาสังเกตการครั้งนี้ถือได้ว่าผู้ประกอบการได้ทำตามระเบียบข้อตกลง ตามมติในที่ประชุม เช่น ไม่ทิ้งเศษอาหาร ขวดน้ำ ขวดเครื่องดื่ม หรือกะป๋อง ลงแม่น้ำปายในระหว่างล่องห่วงยาง โดยคนคอยดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ เพิ่มความเข้มกับบุคคลต่างด้าว ปรับปรุงข้อมูลบุคคลในพื้นที่แม่ฮ่องสอน

ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบ.สตม.) เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ สตช.ไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มความเข้มกับบุคคลต่างด้าว ปรับปรุงข้อมูลบุคคล และ ประชาสัมพันธ์และตรวจสอบการแจ้งเข้าพักของบุคคลต่างด้าวอย่างเข้มงวด

วันที่ 14 มีนาคม 2568 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบ.สตม.) เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน ส่วนแยกปาย โดยมี พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับและได้มีการร่วมประชุม ณ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองส่วนแยกปาย โดยมี ผกก.สภ.ปาย , ผู้แทน ตร.ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบ.สตม.) ได้สั่งกำชับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และที่ประชุมว่า
1.ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบ บุคคลต่างด้าว และกลุ่มบุคคลต่างด้าว ที่เข้ามาและอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบตรวจคนเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอปาย ที่มักจะปรากฏประเด็นข้อร้องเรียนตามสื่อมวลชน เช่น ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และความวุ่นวายเป็นเหตุให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยให้วางมาตรการป้องกันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปัญหาในพื้นที่ลง
2.ให้จัดทำ และปรับปรุงข้อมูลท้องถิ่น ( บุคคล และสถานที่ )ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน ( Update ) โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติที่ควรเฝ้าติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น บุคคลต่างด้าว สัญชาติอิสราเอล , รัสเซีย เพื่อเป็นฐานข้อมูลของหน่วย สามารถใช้ประโยชน์ในการสืบสวนปราบปราม และติดตามตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบการแจ้งการรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยภายใน 24 ชั่วโมง ตาม มาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 กับสถานที่พักประเภทต่าง ๆ ในพื้นที่ให้ครบถ้วนโดยเร็ว หากพบว่ามีเจ้าของที่พักฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด และให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อให้มีสถิติการแจ้งที่พักในระบสารสนเทศฯ สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่จริงซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสืบสวนติดตามตัวบุคคลต่างด้าวได้อย่างรวดเร็ว
4.ให้สนับสนุนการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการตรวจสอบ สกัดกั้น ป้องกันปราบปราม และสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 , พ.ร.ก.การบริหารการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และ 2561 , ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ค้าประเวณี และยาเสพติด รวมทั้งความผิดอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
5. กรณีคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว หากเข้ามาแล้วพบว่ามีพฤติการณ์ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ หรือกระทำความผิดกฎหมาย ให้สืบสวนจับกุม และเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แล้วผลักดันส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
6. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม และกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ ตลอดจนเพื่อมิให้เกิดข้อบกพร่อง ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ สตม. และ ตร. และให้ร่วมใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สำเร็จ ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของหน่วย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู เตรียมจัดงาน “เเหล่แป่ว แอ่วปางหมู” ส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปางหมู

องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู เตรียมจัดงาน “เเหล่แป่ว แอ่วปางหมู” โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปางหมู ประจำปี พ.ศ. 2568

14 มีนาคม 2568 นายอุกฤษฏ์ แสงงาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู เตรียมจัดงาน เเหล่แป่ว แอ่วปางหมู ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปางหมู ประจำปี 2568 ณ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำปาย ( ตรงข้าม รร.ราชประชานุเคราะห์ 59 แม่ฮ่องสอน ) ในวันที่ 12 เมษายน 2568 เวลา 16.00-24.00 น.

สำหรับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปางหมู เเหล่แป่ว แอ่วปางหมู” ประจำปี 2568 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในตำบลปางหมู และรักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามของไทย ส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะ และสร้างความสุขโดยการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ภายในงานชมการประกวดประกอบอาหารประจำถิ่น ( ลาบไต , น้ำพริกคั่ว ) การประกวดการประกอบอาหารประจำชาติ ( ส้มตำลีลา ) การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น การประกวดเต้นบาสโลป ชมการแสดงวงดนตรีลูกทุ่ง วง Y.R.C. COMBO โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

PEA – เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ลงนามร่วมมือ (MOU) โครงการศึกษาและพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ(Smart City)

PEA – เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ลงนามร่วมมือ (MOU) โครงการศึกษาและพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ(Smart City)

13 มีนาคม 2568 เวลา 0900 น. นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และ นางสาวมัลลิกา จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน นามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการศึกษาและพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ(Smart City) ในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมี นายศุภกร แสงศรีธร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และ นายนิธิวรรธน์ โทวรรธนะ ปลัดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นพยาน ณ.ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสองสอน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย โครงการเมืองอัจฉริยะ(Smart City) ในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ระหว่าง PEA กับ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนในครั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เป็นองค์กรมุ่งมั่นในการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องครบวงจร และมีประสิทธิภาพ มั่นคง ปลอดภัย เชื่อถือได้ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่องค์กรไฟฟ้าอัจฉริยะพัฒนาองศ์กรอย่างต่อเนื่องด้วยความรับผิดขอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย Digital Grid &Green Energy โดยในปี 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีแผนงานในการดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในมิติด้านพลังงานอัจฉริยะ(Smart Energy) เพื่อศึกษารูปแบบแนวทางในการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ (5mart City) สร้างความคงทางด้านพลังงาน รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดย PEA มีพื้นที่การให้บริการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในส่วนภูมิภาค ครอบคลุมทั้ง 74 จังหวัด พร้อมสนับสนุนการเกิดขึ้นของเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ตามนโยบายของรัฐบาล

นางสาวมัลลิกา จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง PEA และ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมกันศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) )ในพื้นที่ของเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน อันจะมุ่งสู่การพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เป็นเมืองอัจฉริยะ โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ในมิติด้านพลังงานอัจฉริยะ หรือ Smart Energy เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังใช้พลังงานของเมือง หรือใช้พลังงานทางเลือกอันเป็นพลังงานสะอาด การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ( Smart Grid) เช่น การติดตั้ง Smart Meter การติดตั้งสถานีอัตประจุไฟฟ้า (EV Charger) และการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่น Solar Rooftop

Cr. ฉลอง หมั่นสกุล จ.แม่ฮ่องสอน

ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.จัดอากาศยานช่วยดับไฟ 2 จังหวัด เชียงใหม่ และจังหวัดแพร่

ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.จัดอากาศยานช่วยดับไฟ 2 จังหวัด ขณะที่ กรมฝนหลวงเร่งดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแพร่

วันที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ได้รับการร้องขอใช้อากาศยานในการดับไฟจากอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติศรีลานนาเนทาองจากช่วงเช้าเกิดจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 2 จุด บริเวณป่าบ้านออน หมู่ที่ 1 ตำบลปิงโค้งอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พิกัดที่ 47Q 512995E UTM 2156871N และ พิกัดที่ 47Q 511957E UTM 2161264N ซึ่งพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ โดยที่ผ่านมาทางอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมจุดความร้อนเพื่อเฝ้าระวังไฟป่าในบริเวณที่สามารถเข้าถึงได้ แต่เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันบางจุดเป็นหน้าผา และบางจุดมีปริมาณเชื้อเพลิงจำนวนมาก ยากในการเข้าควบคุมประชิดดับไฟป่า ซึ่งเป็นจุดความร้อนที่ยังควบคุมไม่ได้ ทางอุทยานฯจึงของใช้เฮลิคอปเตอร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าทิ้งน้ำดับไฟป่าทางภาคพื้นอากาศ จนกว่าจะสามารถควบคุมไฟได้

ส่วนทางด้าน อำเภอฮอด ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ MI-17 เข้าดับไฟในพื้นที่ป่าบ้านโฮ่ง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเกิดจุดความร้อน จำนวน 4 จุด ได้แก่จุดที่1 47QMV 77092 93798, จุดที่ 2 47QMV 76717 94312, จุดที่ 3 47QMV 76815 94735 และ จุดที่ 4 47 QMV 77395 95066 และ ทางอากาศยานจะเติมน้ำดับไฟที่ อ่างเก็บน้ำห้วยสะแพด หมู่ 9 ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และอ่างเก็บน้ำบ่อขยะบ้านตาล ตำบลบ้านตาล อำเภอฮอด

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ KA-32 (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ช่วงบ่ายวันนี้ เข้าดับไฟในพื้นที่เป้าหมาย บ้านแม่หาด หมู่ที่ 6 บ้านดอยโตย หมู่ที่ 10 ตำบลป่าพลู อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เนื่องจากเกิดจุดความร้อนในป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ที่สำคัญมีลักษณะเป็นเขาสูงชันและป่าลึกหลายจุด ซึ่งที่ผ่านมานายจรัล มณีจันสุข นายอำเภอบ้านโฮ่งได้จัดกำลังภาคพื้นจากฝ่ายปกครองและหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลพ.4 บ้านโฮ่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบเพื่อระงับเหตุ แต่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) จะใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยป่าซางอ่อน อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว

ในส่วนของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งแผนบินดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแพร่ (เพิ่มเติม)โดยเครื่องบิน CASA โดยสารฝนหลวงสูตร 3 จำนวน 1,000 กก. ความสูง 8,300 ฟุต บริเวณ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ส่วนปฏิบัติการบินที่ 5 โดยเครื่องบิน CASA ใช้น้ำปรับลดอุณหภูมิ จำนวน 1,000 กก. ความสูง 8,300 ฟุต บริเวณ อ.เถิน จ.ลำปาง และปฏิบัติการบินที่ 6 โดยเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 2 ลำ โดยสารฝนหลวงสูตร 3 จำนวน 1,400 กก. ความสูง 8,300 ฟุต บริเวณ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่อนสอน ส่วนปฏิบัติการบินที่ 7 โดยเครื่องบิน CN จำนวน 1 ลำ ใช้น้ำปรับลดอุณหภูมิ จำนวน 2,000 กก. ความสูง 8,300 ฟุต บริเวณ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน