“รมว.นฤมล” เปิดสัมมนา “Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568”

เชียงใหม่ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานสัมมนาโครงการขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 68 ของกรมส่งเสริมการเกษตร “Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568”

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมทองกวาว (ชั้น2) สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานสัมมนาโครงการขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีนายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวรายงาน โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 ถึง 6 เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลใน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 286 คนเข้าร่วมในการสัมนาในครั้งนี้

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า งาน Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ในปัจจุบันปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรเป็นอีก หนึ่งปัญหาสะสมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และก๊าซเรือนกระจก ส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและเศรษฐกิจของประชาชนอย่างมาก การแก้ไขปัญหานี้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของชุมชนในพื้นที่ รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดให้มีการ แก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รัฐบาลจึงสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหาการเผาที่ต้นเหตุในลักษณะพื้นที่-หน้าที่ การมีส่วนร่วม (Area-Function-Participation)

กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ กำหนดจัด งาน Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อชี้แจงให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในห้องประชุม แห่งนี้ ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 ถึง 6 เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลใน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 286 คน รวมถึงผู้ที่ รับชมผ่าน Facebook live ของกรมส่งเสริมการเกษตรทั่วประเทศได้รับรู้ เข้าใจถึงแนว ทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง และลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรผ่านกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมการเกษตรที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ตั้งเป้าหมายเป็น 2 เท่าจากปี 2567 ที่ทำได้กว่า 14,000 ตันคาร์บอนเทียบเท่า เป็นการเตรียมแผนปฏิบัติงาน เตรียม ความพร้อมในการรับมือช่วงวิกฤตหมอกควันปี 2568 ในพื้นที่เป้าหมาย

ในการนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสัมมนาในครั้งนี้จะทำให้ เกิดการเตรียมความพร้อมในการรับมือช่วงวิกฤตหมอกควันปี 2568 เตรียมแผนปฏิบัติ งาน และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้รับรู้ เข้าใจถึงการส่งเสริมการเกษตรที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการปฏิบัติงานตามแนวทางการ ขับเคลื่อนมาตรการรับมือ สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ต่อไปใน อนาคต

ทางด้านศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อน นโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร เพื่อให้พี่น้องเกษตรกร สถาบันเกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดี มีสุข มีอากาศที่สะอาดหายใจ โดยการส่งเสริมการทำการเกษตรที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม ทดแทนการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ตาม 9 นโยบายสำคัญ ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ในการจัดการทรัพยากรทางการเกษตร ได้แก่ ทำการเกษตรที่ใส่ใจ สิ่งแวดล้อมด้วย BCG โดยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับ นโยบาย/มาตรการการค้าด้านสิ่งแวดล้อมโลก เช่น EUDR, CBAM และ Carbon Credit โดยทำการเกษตรที่ลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม การลดการเผาซังข้าว/ตอซัง การเกษตรที่ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการแก้ปัญหา PM 2.5 การนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปใช้ ในการผลิตพลังงาน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการต่างๆ ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ เช่น การเตรียม ความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การประชาสัมพันธ์เชิงรุก นำไปปฏิบัติในพื้นที่เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และสร้างความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร อย่างยั่งยืน

โดยในวันนี้ได้เห็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร ภายใต้ การดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการสัมมนาวันนี้ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จะนำความรู้ และความเชี่ยวชาญแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกหลานของเราต่อไป

ภายหลังจากนั้นในงานสัมนาได้มีการชี้แจงแนวทางนโยบายการขับเคลื่อนการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ ตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และการบรรยายพิเศษ เรื่อง การทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ ผู้อำนวยกองส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร และผู้แทน GIZ

กองกำลังผาเมือง สกัดจับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 2,600,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอเชียงดาว

กองกำลังผาเมือง สกัดจับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 2,600,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอเชียงดาว

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.20 น. กองกำลังผาเมือง โดย พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอก มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งชี้แจงให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ

กรณี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 23.00 นาฬิกา กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณ บริเวณ เส้นทางบ่อขยะ บ้านอรุโณทัย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัด เชียงใหม่ ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเดินเท้าประมาณ 10 – 15 คน ตามเส้นทางในภูมิประเทศ ลักษณะแบกกระสอบขนาดใหญ่ ชุดปฏิบัติการจึงแจ้งเตือนให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา และเกิดการปะทะ ประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย กลุ่มขบวนการได้ทิ้งสิ่งของ และอาศัยความมืด และความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ ต่อมา เมื่อเวลา 0600 ชุดปฏิบัติการจึงวางกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ และตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบกระสอบปุ๋ยดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง จำนวน ประมาณ 13 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เป้ละประมาณ 200,000 เม็ด รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600,000 เม็ด

ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางส่ง สถานีตำรวจภูธรนาหวาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผบช.ภ.5 ปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมในเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ 2567

ผบช.ภ.5 ปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงยี่เป็ง สั่งคุมเข้มปล่อยโคม ประทัดยักษ์ เพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ยืนยันเชียงใหม่มีความปลอดภัยสูงสุดในประเทศ

วันที่ 6 พ.ย. 2567 เวลา 18.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2567 ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมี นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พ.ต.อ.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล ผกก.พิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่กู้ชีพ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ในพิธีปล่อยแถวครั้งนี้ รวม 630 นาย และมีขบวนรถจักรยานยนต์ รถยนต์สายตรวจ รถกู้ชีพ และรถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 41 ขบวน เข้าร่วม

ในวันที่ 15 พ.ย. 67 เป็นวันลอยกระทง หรือวิถีทางล้านนาเรียกว่า “ประเพณียี่เป็ง” ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งตามประเพณีไทย จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากออกมาลอยกระทง ลอยประทีปโคมไฟตามแม่น้ำลำคลอง หรือสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการจราจร รวมทั้งปัญหาความเดือดร้อนรำคาญ อันตรายที่เกิดจากการเล่นโคมลอย โคมไฟ พลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง ตลอดรวมถึงอาจมีกลุ่มิจฉาชีพที่แอบแฝงเข้าไปประทุษร้ายต่อทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในสถานที่จัดงานต่างๆ

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ การรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้บูรณาการสนธิกำลังทุกภาคส่วน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 630 นาย เพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด อบายมุข ความผิดอันเกิดจากการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง การปล่อยโคมลอย โคมไฟ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 กล่าวว่า ยี่เป็งปีนี้ มาพร้อมกับความหนาว หลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ประภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะทางรัฐบาล และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีการเตรียมพื้นที่เมืองเชียงใหม่ต้อนรับ และเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้นกว่าทุกปี และจังหวัดเชียงใหม่มีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว ขณะนี้มีความพร้อมในภาคธุรกิจ เอกชน ก็รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ประกอบกับงานเทศกาลยี่เป็ง ที่มีความสวยงาม ซึ่งตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในเรื่องความปลอดภัยที่จะมาอยู่ในเชียงใหม่ การจราจรที่สะดวก การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ในเชียงใหม่มีเหตุต่างๆ ก็จับได้หมด เมื่อก่อนไม่สามารถเดินตามซอกซอยช่วงกลางดึกได้ แต่จังหวัดเชียงใหม่มีความปลอดภัย เพราะมีทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง อบจ.เชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเฉพาะมีกล้องวงจรปิดที่มีเป็นจำนวนมาก ทุกคดีที่เกิดขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็จับกุมได้ทั้งหมด ช่วงเทศกาลยี่เป็งก็มีการจัดกำลังเสริม ป้องกันเหตุ เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบออกไปตรวจสอบตามจุดต่างๆ พี่น้องประชาชนไม่ต้องห่วง ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจังหวัดเชียงใหม่อากาศดีมาก ก็อยากให้มาเที่ยวเพราะจังหวัดเชียงใหม่มีความปลอดภัยสูงสุดของประเทศแล้ว เมื่อเทียบกับที่อื่น แทบจะไม่มีคดีเกิดเหตุ หากมีก็จับกุมได้ อย่างเช่นคดีชิงทรัพย์ร้านทอง เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 67 หลังเกิดเหตุภายใน 5 ชั่วโมงก็จับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว

มาตรการคุมเข้มเรื่องการปล่อยโคมลอย โคมไฟ ก็ได้มีการพูดคุยกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ทางจังหวัดก็ทำแคมเปญแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบ โดยเฉพาะคนจีนที่เขามาเที่ยว ก่อนหน้านี้ก็มีแคมเปญเรื่องมาปล่อยโคมได้ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก แต่หากเขากำลังปล่อยโคมและเข้าไปจับเขาเลยก็จะเกิดปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวขึ้น ก็ต้องใช้แคมเปญของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ว่าปัจจุบันการท่องเที่ยวไม่ได้เหมือนในสมัยก่อนที่เคยได้รับฟังมาว่าปล่อยโคมได้ แต่ปัจจุบันปล่อยโคมไม่ได้ ก็ต้องให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ให้เขาทราบก่อน มีการตักเตือนและค่อยจับกุม ส่วนเรื่องประทัดยักษ์ ในช่วง 20 ปีที่แล้วก็เคยประสบเหตุการณ์โดยตรง พบเจอประทัดยักษ์ระเบิด มีคนหัวขาดไปครึ่งหนึ่ง และแขนขาด ซึ่งประทัดยักษ์มีความอันตรายและสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ก็ได้กำชับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ให้ออกตรวจร้านจำหน่ายพลุ ประทัด เมื่อพบสิ่งใดที่ผิดกฎหมายก็ให้ดำเนินการจับกุมทันที และบริเวณการจัดงานก็ต้องมีการตรวจสอบด้วยเช่นกัน

ตชด.33 ปะทะแก๊งเดือด แก๊งงค้ายาพื้นที่แม่แตง เจ้าหน้าที่บาดเจ็บหนึ่งนาย คนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปได้

 

เมื่อเวลา 04.10 น. วันที่ 9 ก.ค. 67 พ.ต.อ.สราวุธ จันมะโน ผกก สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ ตชด.ยิงปะทะแก๊งค้ายาเสพติดมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดบริเวณ ถนนสาธารณะบ้านกึ้ดช้าง ต.กึ้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นถนนทางลงดอยเป็นป่าทึบพบร่าง  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 ยศ  ส.ต.อ. ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ จีงรีบนำตัวส่งรพ.แม่แตง ให้แพทย์ทำการรักษาเป็นการด่วน บริเวณถนนยังพบยาบ้า จำนวน  94,000 เม็ดเฮโรอีน บรรจุในขวดสปอนเซอร์ จำนวนหนึ่ง รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ พร้อมกำลังพลรวม 11 นาย ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติด บนถนนสาธารณะ บ้านกื้ดช้าง ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ต่อมาเวลาประมาณ 04.00 น.ได้มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟขับมาถึงจุดตรวจจุดสกัด มีคนร้ายจำนวน 2 คน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 1 นายส่วนคนร้ายอาศัย ความมืดและความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้เข้าทำการควบคุมพื้นที่ และตามล่าตัวสองคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

เชียงใหม่ สืบสานประเพณี “เลี้ยงดง บวงสรวงปู่แสะ-ย่าแสะ” สร้างพลังศรัทธา สู่การรักษาผืนป่าที่ยั่งยืน

เชียงใหม่ สืบสานประเพณี “เลี้ยงดง บวงสรวงปู่แสะ-ย่าแสะ” สร้างพลังศรัทธา สู่การรักษาผืนป่าที่ยั่งยืน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. 2567 ที่บริเวณสำนักงานอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ที่ 4 (แม่เหียะ) ใกล้กับวัดพระธาตุดอยคำ บ้านแม่เหียะ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้มีการจัด”ประเพณีเลี้ยงดง บวงสรวงปู่แสะ-ย่าแสะ ประจำปี 2567″ ซึ่งเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลามากกว่า 100 ปี โดยภายในงานได้มีการนำของมาบวงสรวงศาลรูปปั้นปู่แสะ-ย่าแสะ บริเวณทางขึ้นพระธาตุดอยคำ มีการรำบวงสรวงดวงวิญญาณปู่แสะ-ย่าแสะ จากนั้นได้มีการเดินขบวนอัญเชิญพระบฏ ซึ่งเป็นรูปวาดของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปางห้ามญาติ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี จากศาลปู่แสะย่าแสะไปยังบริเวณที่ใช้ทำพิธีเลี้ยงดง ก่อนจะนำมาผูกห้อยต้นไม้บริเวณที่มีการเลี้ยงดง

หลังจากนั้นจะได้มีการประกอบพิธีเข้าทรงและพิธีกรรมเลี้ยงดง โดยจะเป็นการนำเอาควายดำตัวผู้ ที่มีลักษณะเขายาวเท่าหู นำมาเชือดเพื่อเป็นเครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงปู่แสะ-ย่าแสะ โดยจะมีผู้เฒ่าผู้แก่เชิญวิญญาณผีปู่แสะ-ย่าแสะ และเหล่าบรรดาลูกๆ อีก 32 ตน มาเข้าร่างทรง เพื่อให้มารับสิ่งของเครื่องเซ่นอาหารคาวหวาน ที่เตรียมไว้ในพิธี โดยร่างทรงจะกินเนื้อควายและเลือดแบบสด ๆ ซึ่งในปีนี้มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

สำหรับพิธีเลี้ยงดงไหว้ปู่แสะ-ย่าแสะ ซึ่งเป็นพิธีกรรมของภาคเหนือ โดยสืบทอดกันมากว่า 100 ปี เป็นประเพณีโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน 9 เหนือ เป็นประจำทุกปี เป็นการเซ่นไหว้บวงสรวงดวงวิญญาณผีในป่าที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตกาล ด้วยความเชื่อว่าจะก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข รวมทั้งเป็นกุศโลบายให้ประชาชนอนุรักษ์ผืนป่าให้อยู่คู่กับเชียงใหม่ โดยสืบเนื่องจากความเชื่อที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนของบรรพบุรุษของชาวลัวะ ในการถวายเครื่องเซ่นบูชาแก่ยักษ์ปู่แสะ-ย่าแสะ ที่เชื่อว่าเป็นผู้ปกปักรักษาดอยสุเทพ-ปุย และดอยคำ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

วิศวกรรมคอมพิวเตอร์มทร.ล้านนา เจ๋ง ประสบความสำเร็จสร้าง 7 ชุดการศึกษา อุปกรณ์สี่อการสอน พร้อมส่งเสริมพัฒนาการแก่ผู้บกพร่องทางการมองเห็นให้โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ

วิศวกรรมคอมพิวเตอร์มทร.ล้านนา เจ๋ง ประสบความสำเร็จสร้าง 7 ชุดการศึกษา อุปกรณ์สี่อการสอน พร้อมส่งเสริมพัฒนาการแก่ผู้บกพร่องทางการมองเห็นให้โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ

วันที่ 1 มิ.ย. 67 ผศ.ดร.ฐิติพร พันธุ์ท่าช้าง ผู้ช่วยอธิการบดีด้านวิชาการ กิจกรรมนักศึกษา ด้านวิจัยและบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นประธานส่งมอบอุปกรณ์สื่อการสอนของวิชาโครงงาน 7 ชุด แก่โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ เชียงใหม่ โดยมีนางมธุฤดี ชัยชนะ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นตัวแทนรับมอบ

อาจารย์ยุพดี หัตถสิน อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการกล่าวว่า “อุปกรณ์สื่อการสอนทั้ง 7 ชุด เป็นผลงานของนักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชาโครงงาน ได้เล็งเห็นว่าสื่อการเรียนการสอนสำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็นยังขาดแคลนและมีราคาสูง การจัดทำโครงงานในครั้งนี้ จึงเป็นการให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะการปฏิบัติและบูรณาการเรียนสอน รวมถึงเป็นการฝึกให้นักศึกษามีจิตสาธารณะ มีความเข้าอกเข้าใจและเห็นใจผู้อื่น โดยเฉพาะผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส ซึ่งในปีนี้ได้ส่งมอบอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน 7 ชุด ได้แก่ 1. พัฒนาสื่อการเรียนการสอนระบบสุริยะจักรวาล ระดับมัธยมต้น สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น โดยนายสุรเชษฐ์ เขียวคำสุข เป็นการจำลองระบบสุริยะจักรวาน และมีปุ่มกดเสียงในการอธิบายถึงลักษณะของระบบสุริยะจักรวานให้กับผู้พิการทางสายตาได้เข้าใจว่าที่ได้สัมผัสนั้นเป็นเรียกว่าอะไร และมีลักษณะอย่างไรบ้าง

ชุดที่ 2. สื่อการเรียนรู้เรื่องสัตว์และสภาพแวดล้อม 3 มิติ เวอร์ชั่น ที่ 1 สำหรับนักเรียนผู้บกพร่องการมองเห็นระดับประถมต้น โดยนายศาสตราวิท พิชัยหนัก และนายหัสดิน นำทรัพย์อนันต์ และชุดที่ 3. พัฒนาสื่อการเรียนรู้เรื่องสัตว์และสภาพแวดล้อม 3 มิติ เวอร์ชั่นที่ 2 สำหรับนักเรียนผู้บกพร่องทางการเห็นระดับประถมต้น โดย นายบุญทีวี หน่อแก้ว และนายปรินทร ปิงยศ เป็นการนำตุ๊กตาสัตว์ออกมาจัดวางตามจุดต่างๆ พร้อมมีอักษรเบล และมีปุ่มกดอธิบายลักษณะของสัตว์ นิสัย พฤติกรรมของสัตว์ ถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสัตว์นั้นๆ

ชุดที่ 4. พัฒนาสื่อการเรียนสอนท้องฟ้าจำลอง สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็นระดับประถมต้น โดยนายพงษ์ศักดิ์ โชติ เป็นลักษณะของตัวถาดมีลักษณะครึ่งวงกลม ภายจะมีเส้นที่ถูกกำหนดไว้เป็นรูปของดาวราศีต่างๆ พร้อมด้วยคำอธิบายที่เป็นอักษรเบลติดไว้ด้านข้าง ซึ่งทางกลุ่มผู้พิการทางสายตา ก็จะได้สัมผัสลักษณะของดาวราศีว่า บนท้องฟ้าจำลองที่พูดถึงราศีต่างๆ จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร จะได้เข้าใจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ชุดที่ 5. ลูกโลกที่มีภูมิศาสตร์แบบ 3 มิติ เวอร์ชั่น 3 โดย นายอาภากร เสงี่ยมโคกกรวด และ นายนที อักษร เป็นลักษณะของลูกโลกที่ได้มีการทำสภาพภูมิศาสตร์ให้มีลักษณะนูนขึ้น เมื่อสัมผัสก็จะได้ทราบว่าจุดตรงนั้น มีลักษณะเป็นอย่างไร ทั้งต้นไม้ น้ำ รวมถึงอื่นๆ นอกจากนี้ก็จะมีปุ่มกดเพื่ออธิบายเป็นเสียงออกมา เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ยิ่งขึ้น และง่ายต่อการศึกษาสภาพแวดล้อมของโลกด้วย

ชุดที่ 6. สื่อการเรียนรู้แผนที่ภูมิประเทศไทยแบบ 3 มิติ สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเห็นเวอร์ชั่น 2 โดยนายปรัชญา เมืองมาน้อย และนายสุทธิพงษ์ ใจบาล ชุดการศึกษานี้สำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้พิการทางสายตาได้เข้าใจว่าลักษณะภูมิประเทศในประเทศไทยเป็นอย่างไร มีการแบ่งลักษณะภูมิประเทศไว้แบบไหน และมีปุ่มกดเพื่ออธิบายเสียงไว้ให้อธิบายอย่างชัดเจน ซึ่งทางกลุ่มผู้พิการทางสายตาก็จะได้ทราบถึงรายละเอียดต่างๆ ของประเทศได้มากขึ้น และรู้ว่าแต่ละจังหวัดของประเทศนั้นอยู่ส่วนไหน ลักษณะเป็นอย่างไรด้วย และชุดที่ 7. พัฒนาสื่อการสอนอักษรเบรลล์ภาษาไทยขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการเห็น ระดับประถมต้น โดยนางสาวกุลธิดา ศรีสวัสดิ์ ชุดการศึกษานี้ถือว่ามีประโยชน์สำหรับผู้พิการทางสายตาที่ยังเป็นเด็กเล็กอย่างมาก เพื่อให้เข้าใจว่าอักษรแต่ละตัวคืออะไร จะทำการอ่านหนังสือและการสื่อสารเป็นอักษรเบลได้อย่างไร เมื่อมีการสัมผัสก็จะมีเสียงบอกว่าอักษรเบลที่กำลังสัมผัสนั้น เป็นตัวเลขหรือตัวหนังสือ แล้วเป็นลักษณะแบบไหน หากจะเขียนอักษรเบลจะต้องเขียนอย่างไร ทั้งการสัมผัสและเสียงที่ออกมาก็จะทำให้ผู้ที่เริ่มศึกษาอักษรเบลได้เข้าใจได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ยูโอบี ประเทศไทยเปิดตัวการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15  มุ่งส่งเสริมศิลปินไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

ยูโอบี ประเทศไทยเปิดตัวการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15  มุ่งส่งเสริมศิลปินไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

 ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ขอเชิญชวนศิลปินไทยมืออาชีพและศิลปินใหม่หรือสมัครเล่นเข้าร่วมแสดงความสามารถทางศิลปะในการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15 ประจำปี 2567  ซึ่งเป็นหนึ่งในการประกวดที่ทรงเกียรติที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นเวทีการประกวดศิลปะระดับภูมิภาคเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยจัดขึ้นประจำทุกปี  สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของธนาคารยูโอบีในการมุ่งมั่นยกระดับศิลปินไทยสู่เวทีศิลปะระดับภูมิภาค โครงการศิลปะอันทรงเกียรตินี้ไม่เพียงสร้างศิลปินรุ่นใหม่ที่มากความสามารถเท่านั้น แต่ยังมุ่งส่งเสริมให้ศิลปินใช้พลังสร้างสรรค์เป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังเพื่อสะท้อนปัญหาทางสังคมในประเด็นต่างๆ อีกด้วย

นางสาวธรรัตน โอฬารหาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะที่ธนาคารยูโอบีเป็นผู้นำด้านการสนับสนุนวงการศิลปะในภูมิภาคเอเชีย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความเป็นเลิศทางศิลปะทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะทำให้ผู้คนในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาคสามารถเข้าถึงศิลปะได้ง่ายขึ้น สำหรับการประกวดจิตรกรรมยูโอบี เป็นการประกวดศิลปะระดับภูมิภาคเพียงเวทีเดียวในประเทศไทย และนับเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้จัดแสดงผลงานในระดับภูมิภาค ช่วยให้ศิลปินได้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่า”

เพื่อให้เห็นภาพประสบการณ์จากศิลปินที่เคยประสบความสำเร็จในการประกวดนี้ นายสุกิจ ชูศรี  ศิลปินรุ่นพี่ ผู้ชนะเลิศการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประเทศไทย ครั้งที่ 8 ปี 2560 และรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ประจำปี 2560 การประกวดจิตรกรรมยูโอบี แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการประกวดที่ได้ส่งเสริมให้เขาก้าวหน้าบนเส้นทางอาชีพศิลปิน ว่า “การประกวดจิตรกรรมยูโอบีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อเส้นทางการเป็นศิลปินของผม แม้การประกวดสิ้นสุดลงแล้ว ยูโอบียังคงเปิดโอกาสให้ผมได้จัดแสดงผลงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสจัดแสดงผลงานในงาน Art Central ที่ฮ่องกงร่วมกับยูโอบี ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะนักสะสมผลงานศิลปะ แกลเลอรี และสร้างเครือข่ายศิลปินในระดับนานาชาติ”

อีกหนึ่งศิลปินที่ประสบความสำเร็จ นางสาวปรัชญา เจริญสุข  ศิลปินรางวัลชนะเลิศ การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประเทศไทย ครั้งที่ 14 ปี 2566 และรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ปี 2566 กล่าวว่า “การได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ในปีที่ผ่านมา นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเป็นศิลปินของดิฉัน ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่เพียงแค่ในวงการศิลปะ แต่ยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในวงการศิลปะอีกด้วย”

นางสาวปรัชญา แบ่งปันเคล็ดลับความสำเร็จไว้ว่า “ในการส่งผลงานเข้าประกวด ศิลปินควรนำเสนอประเด็นที่ตนเองสนใจอย่างแท้จริง และนอกเหนือจากความสวยงาม ผลงานศิลปะที่ส่งเข้าประกวดควรที่จะสามารถสื่อความหมายไปยังผู้ชมได้ ด้วยการสะท้อนถึงประเด็นสำคัญระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม หรือแม้กระทั่งความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ศิลปินยังสามารถหยิบยกประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อสื่อสารประเด็นในเชิงบวกและสร้างแรงบันดาลใจมาถ่ายทอดเป็นผลงานศิลปะที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้เช่นกัน”

การออกแบบสัญลักษณ์การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ในปีนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานชนะเลิศการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2566

สัญลักษณ์การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประจำปี 2567 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ปี 2566 ชื่อ “ปากน้ำชุมพร” ซึ่งเป็นผลงานของนางสาวปรัชญา เจริญสุข ที่สื่อถึงปัญหาไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำธรรมชาติ นับเป็นภัยคุกคามใกล้ตัว โดยการออกแบบสัญลักษณ์แสดงความรุนแรงของคลื่นที่ซัดภัยอันตรายขนาดเล็กเข้ามา

เปิดรับสมัครผลงานส่งเข้าการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15

การประกวดจิตรกรรมยูโอบี นับเป็นหนึ่งในการประกวดศิลปะที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ผ่านมาได้รับผลงานเข้าร่วมประกวดจากศิลปินมืออาชีพและศิลปินสมัครเล่นจำนวนมากกว่า 1,000 คนทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15 ในประเทศไทยกำลังเปิดรับผลงานจากศิลปินมืออาชีพและศิลปินสมัครเล่นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินชาวไทยหรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย โดยสามารถส่งผลงานทางออนไลน์ ได้ที่ www.uob.co.th/poy การประกวดไม่มีข้อจำกัดด้านหัวข้อและอายุ สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

พิธีประกาศและมอบรางวัลการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 15 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ผู้ชนะเลิศการประกวดระดับประเทศจากทั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม จะมีโอกาสเข้าชิงรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ที่มีรางวัลมูลค่า 13,000 เหรียญสิงคโปร์ นอกเหนือจากรางวัลชนะเลิศระดับประเทศที่ได้รับจากแต่ละประเทศ และยังมีโอกาสได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการศิลปินในพำนัก ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารยูโอบี  โดยพิธีมอบรางวัลและการประกาศผลผู้ชนะเลิศการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ระดับภูมิภาค ประจำปี 2567 จะจัดขึ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ณ ประเทศสิงคโปร์

“ยูโอบี อาร์ต โรดโชว์” กระตุ้นให้ศิลปินตระหนักถึงพลังสร้างสรรค์ของศิลปะที่มีต่อสังคมมากขึ้น

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จะจัดกิจกรรม “ยูโอบี อาร์ต โรดโชว์” ไปตามมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยด้านศิลปะทั่วประเทศ นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเฟ้นหาศิลปินไทยรุ่นใหม่ นอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มที่มอบโอกาสให้ศิลปินหน้าใหม่ได้เรียนรู้จากผู้ชนะเลิศการประกวดในอดีตและผู้เชี่ยวชาญในวงการศิลปะแล้ว กิจกรรมนี้ยังจะมุ่งสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้ศิลปินใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในทางที่ดีขึ้น

“ศิลปะมีพลังพิเศษในการกระตุ้นผู้คนทั้งทางอารมณ์และความคิด ดังนั้น จึงเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางที่ดี ธนาคารหวังว่าโครงการนำศิลปะสู่ชุมชนของเราจะสามารถช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงคุณค่าของศิลปะในการรณรงค์เพื่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งจะจุดประกายให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สำคัญ และสร้างแรงบันดาลใจให้นำไปสู่การลงมือทำ” นางสาวธรรัตน โอฬารหาญกิจ กล่าวสรุป

เริ่มจำหน่ายแล้ว เข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ จับมือบิ๊กซี เปิดจำหน่าย 1 มิ.ย. เป็นต้นไป

เริ่มจำหน่ายแล้ว เข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ จับมือบิ๊กซี เปิดจำหน่าย 1 มิ.ย. เป็นต้นไป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 บิ๊กซีเอ็กซ็ตร้า ต.หนองป่าครั่ง​ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในงานครั้งนี้

การจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันนี้ เนื่อง​​ด้วยในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรัฐบาลไทย โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้จัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนเป็นที่ระลึก รวมทั้งใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคล และในการนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จำหน่ายเข็มอันทรงคุณค่านี้ให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งทางกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ได้ให้การสนับสนุนเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อส่งมอบรายได้ทั้งหมดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำรายได้ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย โดยได้วางจำหน่ายเข็มที่ระลึกนี้ในบิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ​ ในราคาเข็มละ 300 บาท เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ทางด้านนายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธี “เปิดการจําหน่ายเข็มที่ ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ในวันนี้ การที่บิ๊กซี ได้รับความไว้วางใจจากสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนจําหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ได้เป็นผู้แทนจําหน่ายที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ในจังหวัดของเราอีกด้วย โดยทางพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงจะได้มีโอกาสใน การจัดซื้อเป็นที่ระลึก และใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

หลังจากประกอบพิธีเปิดเสร็จสิ้น นายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 กล่าวว่า การจัดจำหน่ายเข็ม ที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ให้แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บิ๊กซี 5 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายแห่งเดียวที่ประชาชนทั่วไปสามารถมาจัดซื้อเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ไปติดประดับเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยกัน บิ๊กซีเราพร้อมแล้วที่จะเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ถึงมือประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอภิลักขิตสมัยพิเศษด้วยการประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ อันเป็นสวัสดิมงคลยิ่ง

รมช.เกษตรฯ เปิดอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้

รมช.เกษตรฯ เปิดอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้

วันนี้ (25 พ.ค. 67) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้มีการรื้อถอนและก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคาร 4 ชั้น เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง เพียงพอต่อการขยายตัวของเมืองแม่โจ้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 2,800 ไร่ โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายณัชฐเดช มุลาลี นานอำเภอสันทราย นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ ส่วนราชการ ประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ภายในงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมอุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีการแสดงฟ้อนเล็บของกลุ่มสตรีแม่บ้านเทศบาลเมืองแม่โจ้ กว่า 200 คน มาร่วมฟ้อนโชว์ความงดงาม อ่อนช้อย ให้กับผู้ร่วมงานได้รับชม

กรมชลประทาน​ ประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ ช่วยเหลือราษฎร 6 หมู่บ้านพื้นที่เชียงดาว แก้ภัยแล้ง

กรมชลประทาน​ ประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เตรียมใช้พื้นที่ 203 ไร่เขตป่าโซน C ในเขตป่าสงวน สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ ช่วยเหลือราษฎร 6 หมู่บ้านพื้นที่เชียงดาว แก้ภัยแล้ง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง 2 อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว เป็นประธานเปิดการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวรายงาน โดยมีนายทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง, นายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม กรมชลประธาน พร้อมด้วย ดร.ชญาทัต เนียมแสวง ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน, พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนพร้อมด้วยชาวบ้าน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าร่วมการปัจฉิมนิเทศ

นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื่องจากราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการในคราวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการหลวงและทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านห้วยลึก ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แต่กรมชลประทาน ได้ชะลอโครงการไว้ เนื่องจากจุดที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง​เดือนพฤษภาคม 2561 กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้จัดทำรายงานการศึกษาโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริเวณที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตบ้านปางโม่ หมู่ที่ 8 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง แต่เนื่องจากบริเวณจุดที่ตั้งหัวงานอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว บริเวณป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) ประมาณ 203 ไร่ จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการของหน่วยงานรัฐที่ต้องเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (13 กันยายน 2537) เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อนำเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อรายงาน และเสนอต่อหน่วยงานอนุญาตเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างตามขั้นตอนต่อไป สำนักบริหารโครงการ จึงเห็นควรให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการ ตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่กำหนด

ในการนี้กรมชลประทานจึงได้จัดให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ตามแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไขและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งในกระบวนการศึกษานี้ กรมชลประทานให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนไปแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 การจัดประชุมปฐมนิเทศ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และครั้งที่ 2 การจัดประชุมกลุ่มย่อย เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

ในครั้งนี้ กรมชลประทานสรุปผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า สามารถเก็บกักน้ำได้ 2.57 ล้านลูกบาศก์เมตร มีค่าลงทุนโครงการรวมทั้งสิ้น 182.189 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ 4,227 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าผลประโยชน์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 152,000 บาทต่อครัวเรือน โดยผลประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่ 4,128 ไร่ ประกอบด้วย หมู่ที่ 2 บ้านปางเฟือง หมู่ที่ 8 บ้านปางโม่ หมู่ที่ 3 บ้านแม่ป๋าม หมู่ที่ 12 บ้านแม่มะกู้ หมู่ที่ 16 บ้านห้วยน้ำริน และหมู่ที่ 5 บ้านไตรสภาวคาม รวมทั้งสิ้น 1,646 ครัวเรือน ในเขตพื้นที่ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินด้านการเกษตรจากปัจจุบันร้อยละ 116.79 เป็น ร้อยละ 122.39 ซึ่งมีมูลค่าผลประโยชน์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 152,035 บาทต่อครัวเรือน หรือเพิ่มขึ้น 8,565 บาทต่อครัวเรือนต่อไร่ และการสร้างอ่างเก็บน้ำ จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของชุมชนในท้องถิ่นและจังหวัด เป็นการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนและชุมชนโดยรอบได้อีกด้วย

นอกจากนี้วันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับโครงการ และให้บรรลุเป้าหมายของการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกรมชลประทานและคณะผู้ศึกษาพร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป

นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวเปิดงานว่า ตามที่ผู้แทนกรมชลประทานได้รายงานวัตถุประสงค์ของการประชุมปัจฉิมนิเทศในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ขอให้ผลการดำเนินงานของโครงการฯ เพื่อให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่มากที่สุด

นายอำเภอเชียงดาว กล่าวอีกว่า “อ.เชียงดาวเป็นแหล่งต้นน้ำปิง และแม่น้ำสายอื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งขาดน้ำในการเพาะปลูก ซึ่งโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หากเกิดขึ้นได้จะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำในการเพาะปลูก เพราะว่า​ในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา เกษตรกรขาดแหล่งน้ำจึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ และได้มีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยการเผาเศษวัสดุวัชพืชทำให้เกิดไฟลามเข้าไปในพื้นที่ป่า หากมีอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ จะช่วยผันน้ำให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ก็จะช่วยลดปัญหาการเกิดไฟป่าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามวันนี้ได้ปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ได้มีตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมขอให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ การที่อาจจะต้องเสียพื้นที่ป่าบางส่วน แต่ได้แหล่งน้ำเพิ่มขึ้นก็ขอให้เวทีนี้เป็นเวทีตกผลึก และขอให้เดินหน้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี” นายอำเภอเชียงดาว กล่าว

จากนั้นในที่ประชุมทางกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอสเค แมเนจเมนท์ แอนด์ แพลนนิง จำกัด , บริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไทยคอนซัลแตนท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้สรุปโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ได้การเปิดเวทีการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำโดยนายพิศาล ตั้งตระกูล ผู้จัดการโครงการ/ผู้เชี่ยวชาญด้านวางโครงการ และนายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดโครงการโดยละเอียด ให้แก่หน่วยงาน​ภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ เข้าประชุมปัจฉิมนิเทศ ได้รับทราบพร้อมให้ร่วมกันตอบแบบสอบถามและเสนอแนะอีกด้วย