พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากอินเดีย ถึงเชียงใหม่แล้ว

พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากอินเดีย อัญเชิญถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ก่อนนำไปประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นสิริมงคล ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 5-8 มีนาคม นี้

วันนี้ (4 มี.ค. 67) ที่ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ ร่วมกันต้อนรับขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย นำมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นสิริมงคล ที่ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคม 2567 นี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

โดยคณะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ได้เดินทางมาโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ มาถึงยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลาประมาณ 10.00 น. โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานฝ่ายฆราวาส และมี พระพรหมเสนาบดี ประธานฝ่ายสงฆ์ เป็นตัวแทนของพุทธศาสนิกชนให้การต้อนรับ พร้อมทั้งมีช่างฟ้อน 100 คน ร่วมกันรำถวาย จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ มาประดิษฐาน (พักคอย) บนโต๊ะหมู่บูชา ภายในห้องรับรองของท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 เพื่อประกอบพิธีสักการะและเจริญชัยมงคลคาถา จากนั้น ได้จัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ไปพักคอยไว้ยังห้องมั่นคง ภายในหอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เพื่อที่จะนำมาร่วมขบวนแห่ในช่วงเย็นวันนี้

โดยในเวลา 17.00 น. จังหวัดเชียงใหม่จะจัดริ้วขบวนอัญเชิญ โดยเป็นขบวนเครื่องสักการะล้านนา ขบวนช่างฟ้อนพื้นเมือง ขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี ขบวนรถบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ เคลื่อนขบวนจากบริเวณประตูช้างค้ำมายังหอคำหลวง และสุดท้ายจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขึ้นสู่มณฑปที่ประดิษฐานบนหอคำหลวง เพื่อให้ประชาชนได้สักการะ ในวันที่ 5-8 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น.

กกล.ผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 600,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.แม่อาย

กกล.ผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 600,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.20 กองกำลังผาเมือง โดย พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่และร่วมแถลงข่าว กรณี เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 0800 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 โดย กองร้อยทหารพรานที่ 3207 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ บ้านหล่ายอาย ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 5 – 8 คน สะพายกระเป๋าเป้สัมภาระดัดแปลงเดินมาตามเส้นทางในภูมิประเทศเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่บุคคลดังกล่าวได้ใช้ปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา และเกิดการปะทะประมาณ 10 นาที ผลการปฏิบัติฝ่ายเราปลอดภัย และได้ทำการวางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบกลุ่มขบวนการเสียชีวิต จำนวน 3 ศพ ตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ตราสัญลักษณ์ Y1 จำนวน 6 เป้ รวมทั้งสิ้น 600,000 เม็ด หน่วยจึงได้นำของกลางส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่อาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมกับตำรวจเชียงดาว จับหนุ่มพร้าวพร้อมยาบ้า 7,920,000 เม็ด ลักลอบขนยาส่งพื้นที่ภาคกลาง

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมกับตำรวจเชียงดาว จับหนุ่มพร้าวพร้อมยาบ้า 7,920,000 เม็ด ลักลอบขนยาส่งพื้นที่ภาคกลาง

วันนี้ (26 ก.พ.2567) เวลาประมาณ 08.40 น. เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 , พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 บก.ปส.3 , พ.ต.ท.วสุภัทร คำมี รอง ผกก.2 บก.ปส.3 , พ.ต.ท.ทรงพล อาวพิทักษ์ รอง ผกก.2 บก.ปส.3 นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นำโดย พ.ต.อ.เสกสรรค์ ขันคำนันต๊ะ ผกก.สภ.เชียงดาว , พ.ต.ท.นิกร สุจริตธรรม รอง ผกก.ป.สภ.เชียงดาว , พ.ต.ท.สมบัติ สุยะวา สวป.สภ.เชียงดาว ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายจิรพัทร์ อายุ 24 ปี ชาว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 46 กระสอบ หรือประมาณ 7,920,000 เม็ด รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ยฉ-5701 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจาก กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. ได้ทำการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ เข้าสู่พื้นที่ภาคกลางอำพรางมากับพืชผลเกษตร ซึ่งทำกันเป็นขบวนการโดยใช้ถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ยฉ-5701 เชียงใหม่ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง ต่อมา วันที่ 26 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 08.40 น. จึงได้ตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าวที่บริเวณตู้ยามปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลาง จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” ต่อไป

แอร์เอเชียจวนชาวเชียงใหม่บินตรงแอ่ววาร์ปทั่วไทยพร้อมลุ้นบินฟรีไปกลับ“เชียงใหม่-หัวหิน”รวม3รางวัล

พบกันที่ “LANDMARK ใหม่ล่าสุดของเชียงใหม่” ลานน้ำพุหน้าห้าง MAYA เชียงใหม่ ถึง 31 มี.ค.นี้

เชียงใหม่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 – แอร์เอเชียกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวต้นปี เปิดเเคมเปญสุดว้าว “จวนวาร์ปไปแอ่วกับแอร์เอเชีย” เนรมิตเเลนด์มาร์คใหม่สีสันสดใส ณ ลานน้ำพุหน้าห้าง MAYA Lifestyle Shopping Center ชวนถ่ายภาพหรือเล่น AR กับเเลนมาร์ค พร้อมเเชร์บน Social Media พร้อมชิงสิทธิ์บินฟรี แบบไป-กลับเส้นทาง “เชียงใหม่-หัวหิน” รวม 3 รางวัล* ร่วมสนุกกับกิจกรรมได้ตั้งเเต่วันนี้-31 มีนาคม 2567 นี้เท่านั้น

นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการสายการบินแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า เชียงใหม่เป็นฐานปฏิบัติการการบินของแอร์เอเชียที่เติบโตต่อเนื่อง เเละเป็นกลยุทธ์สำคัญในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งกับคนไทยเเละต่างชาติ โดยปัจจุบันเรามีฝูงบิน 5 ลำ ให้บริการเส้นทางจากเชียงใหม่ สู่ กรุงเทพ(ดอนเมือง) 13 เที่ยวบินต่อวัน กรุงเทพ(สุวรรณภูมิ) 5 เที่ยวบินต่อวัน กระบี่ สูงสุด  3  เที่ยวบินต่อวัน หาดใหญ่ 2 เที่ยวบินต่อวัน ภูเก็ต 3 เที่ยวบินต่อวัน ขอนแก่น 2 เที่ยวบินต่อวัน สุราษฎร์ธานี  1 เที่ยวบินต่อวัน หัวหิน สูงสุด 1 เที่ยวบินต่อวัน ดานัง สูงสุด 1 เที่ยวบินต่อวัน ฮานอย 1 เที่ยวบินต่อวัน ฮ่องกง 1 เที่ยวบินต่อวัน ไทเป 1 เที่ยวบินต่อวัน กัวลาลัมเปอร์ 1 เที่ยวบินต่อวัน

“แอร์เอเชียมีเส้นทางบินตรงจากเชียงใหม่ สู่ปลายทางทั้งในประเทศเเละต่างประเทศมากที่สุด ถึง 12 เส้นทาง ถือเป็นโอกาสที่คนเชียงใหม่เเละจังหวัดใกล้เคียงสามารถเดินทางได้โดยสะดวก ในราคาประหยัด ที่สำคัญมั่นใจได้กับความตรงต่อเวลา ที่แอร์เอเชียมีสถิติความตรงต่อเวลาสูงที่สุดในไทย จากการจัดอันดับของสถาบัน Cirium ในปี 2566 ที่ผ่านมา เชื่อมั่นได้ว่าเมื่อออกเดินทางจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และบริการที่ประทับใจเเน่นอน” นายสุรพันธ์กล่าว

ทั้งนี้แฟนๆแอร์เอเชีย สามารถร่วมสนุก กับแคมเปญ “จวนวาร์ปไปแอ่วกับแอร์เอเชีย” ได้ดังนี้

1. ถ่ายภาพหรือเล่น AR กับ “LANDMARK ใหม่ล่าสุดของเชียงใหม่” ณ ลานน้ำพุหน้า MAYA Lifestyle Shopping Center

2. แชร์บน Social Media ของท่าน พร้อมตั้งค่าสาธารณะ

3. ติด Hashtag #จวนวาร์ปไปแอ่วกับแอร์เอเชีย #เที่ยวเชียงใหม่ไปกับแอร์เอเชีย #ตะลอนทั่วไทยไปกับแอร์เอเชีย #FlyAirAsia

4. ภาพหรือวิดิโอที่ได้รับผ่านการคัดเลือกจากกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

*ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เส้นทางเชียงใหม่-หัวหิน จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 1 ที่นั่ง ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

กองกำลังผาเมืองยึดยาบ้า6ล้านเม็ดไอซ์29กิโลชายแดนเวียงแหง

กกล.ผาเมือง จับกุมขบวนการขนยาเสพติด ยึดยาบ้า 6,000,000 เม็ด และยาไอซ์ 29 กิโลกรัม ในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 16.00 น. กองกำลังผาเมือง โดย พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอกกิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พลตรีสมจริง กอรี รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพื้นที่ตรวจสอบของกลาง และร่วมแถลงข่าว กรณี เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 04.30 น. กองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้น การกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ตรวจพบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ บริเวณบ้านห้วยลึก ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จ.เชียงใหม่ ผลการปฏิบัติสามารถตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 6,000,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 29 กิโลกรัม หน่วยจึงได้นำของกลางส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเวียงแหง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

หมีควายกัดแขนหนุ่มนักท่องเที่ยวชาวสวิสอาสามูลนิธิสัตว์ป่าในอำเภอเชียงดาวขาดตั้งแต่ข้อศอกขณะให้อาหาร

หมีควายกัดแขนหนุ่มนักท่องเที่ยวชาวสวิสอาสามูลนิธิสัตว์ป่าในอำเภอเชียงดาวขาดตั้งแต่ข้อศอกขณะให้อาหาร

เมื่อบ่ายวันที่ 25 ม.ค.2567 ได้เกิดเหตุชายชาวต่างชาติถูกหมีที่เลี้ยงไว้ในกรงถูกหมีกัดแขน ขณะนำอาหารให้หมี เหตุเกิดที่บ้านพัก บ้านหนองเปา ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ผู้บาดเจ็บชื่อ Mr. Stefan Claudio Specogna อายุ 32 ปี หนุ่มนักท่องเที่ยวชาวสวิส และเป็นอาสาสมัครมูลนิธิสัตว์ป่าในอำเภอเชียงดาว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลพระธาตุปู่ก่ำ และเทศบาลตำบลเมืองงาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว ได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ก็พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีกรงเลี้ยงสัตว์ และมีหมีควายอยู่ภายในบ้านด้วย โดยผู้บาดเจ้บแขนขวาขาดตั้งแต่ข้อศอกลงมา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงดาว เพื่อทำการรักษาต่อไป

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า หมีควายตัวดังกล่าว ทางทางมูลนิธิสัตว์ป่าในอำเภอเชียงดาว ได้รับมาดูแลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหมีควายที่พลัดหลงเมื่อปี 2536 ช่วงแรกอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติผาแดง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายประการ ทำให้เวลาต่อมาทางมูลนิธิได้ขอรับมาดูแล และช่วงเกิดเหตุทางผู้บาดเจ็บได้เอาอาหารให้หมีควายตามปกติแต่ระหว่างที่ยื่นมือเข้าไปในกรงเพื่อให้อาหาร ก็ถูกหมีควายกัดเข้าที่แขนไม่ยอมปล่อย กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพมาช่วยเหลือ และนำแขนข้างที่ถูกกัดขาดดออกมาด้วย จากนั้นส่งไปที่โรงพยาบาลเชียงดาว และส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่

เครดิตภาพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาลตำบลเมืองงาย

ผอ.การท่องเที่ยวไต้หวัน ชื่นชอบมาตรการฟรีวีซ่ามากระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เชียงใหม่ – ไต้หวัน อาศัยเส้นทางบินตรง เปิดเมืองท่องเที่ยว

ผอ.การท่องเที่ยวไต้หวัน ชื่นชอบมาตรการฟรีวีซ่ามากระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เชียงใหม่ – ไต้หวัน อาศัยเส้นทางบินตรง เปิดเมืองท่องเที่ยว

วันที่ 23 ม.ค. 67 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่ นางสาวซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการท่องเที่ยวไต้หวัน กรุงเทพ ได้นำผู้ประกอบการทัวร์ โรงแรม ร้านอาหารจากประเทศไต้หวัน จำนวน 21 แห่ง มาเข้าร่วมออกบูธ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพเมืองพี่เมืองน้อง เชื่อมความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย และไต้หวัน ให้มากยิ่งขึ้น โดยอาศัยฟรีวีซ่า ที่ทำให้การท่องเที่ยวสะดวกมากขึ้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ

นางสาวซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการท่องเที่ยวไต้หวัน กรุงเทพ กล่าวว่า การเดินทางมาจัดงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้ ได้นำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากประเทศไต้หวัน จำนวน 221 ราย เดินทางมาพบประผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแนะนำแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเปิดตลาดด้านการท่องเที่ยวของประเทศไต้หวันเพิ่มขึ้น หลังจากในปี 2566 ตั้งแต่มกราคมถึงพฤจิกายน การท่องเที่ยวของไต้หวันเพิ่มขึ้นมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไป 340,000 คน คิดเป็นร้อยละ 95 หากเทียบจากในห้วงการเกดิแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 และมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจากไต้หวันเดินทางมาประเทศไทยกว่าร้อยละ 92 จากปัจจัยของไทยเปิดฟีวีซ่า ส่งผลให้ชาวไต้หวันคิดง่ายสะดวกพร้อมเดินทางได้ตลอดเวลา หากรัฐบาลทั้งสองประเทศเปิดฟรีวีซ่าต่อเนื่องคาดว่าในปี 2567 การท่องเที่ยวของไต้หวันจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเกิน 4 แสนราย เช่นกับชาวไต้หวันจะเดินทางมาประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามในส่วนการเดินทางมาครั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ เมืองเป้าหมายของชาวไต้หวัน ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว นอกจากกรุงเทพฯ จังหวัดเชียงใหม่มีสายการบินตรงถึง 4 สายการบิน จากการตรวจสอบพบว่าทุกเที่ยวบินจะเต็มทุกเที่ยว อย่างทีมผู้ประกอบการจะเดินทางมา หาซื้อตั๋วเครื่องบินยังได้ยาก เป็นทิศทางการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นได้นำผู้ประกอบการจากไต้หวัน มีความพร้อมรองรับ นักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่ออเปิดตลาดและขยายการท่องเที่ยวของไต้หวันในปี 2567

ไนท์ซาฟารีออกชี้แจงข่าวบิดเบือนสัตว์ตายเพียง4ตัวไม่ใช่13ตัว

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้แถลงชี้แจงการตายของสัตว์ในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หลังจากมีจำนวนตัวเลขสัตว์บิดเบือนจากความเป็นจริง ยืนยันไม่ได้ตายจำนวน 13 ตัว แต่ตายเพียง 4 ตัว เพราะหมดอายุขัย

เวลา 14.00 น.วันที่ 15 ม.ค. 67 นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพิงคนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานการแถลงข่าวชี้แจงการตายของสัตว์ในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หลังจากมีจำนวนตัวเลขสัตว์บิดเบือนจากความเป็นจริง โดยมี นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร และผู้อำนวยการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมด้วย น.สพ.สุเมธ กมลนรนาถ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสัตว์ , นายชาตรี คูหเทพารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการสัตว์ และ น.สพ.ตุลยวรรธ สุทธิแพทย์ หัวหน้างานอนุรักษ์และวิจัยเป็นผู้ร่วมแถลงข่าว ณ อาคารวารีกุญชร สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

 

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพิงคนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวการตายของสัตว์ในเชียงใหม่ในท์ซาฟารี สำนักงานพัฒนาพิงคนครได้ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้ สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นหน่วยงานที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ต้องมีการนำสัตว์เพื่อเข้ามาแสดง ซึ่งสัตว์ที่นำมาแสดงในช่วงแรกๆ ปัจจุบันสัตว์กลุ่มนี้อยู่ในวัยชรา โดยสำนักงานฯ ดูแลสัตว์ในวัยชราอย่างดี และอยู่จนสิ้นอายุขัยของสัตว์แต่ละประเภทนั้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกสวนสัตว์ต้องเจอและไม่ใช่การตายปริศนาแต่อย่างใด ทั้งนี้ สำนักงานได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุการตายของสัตว์เบื้องต้น และเมื่อทราบถึงสาเหตุก็ได้มีการรายงานให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครทราบ และการดำเนินงานของสำนักงานฯ ได้มีมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์และเลี้ยงสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ตามมาตรการ WAZA World Association of Zoo and Aquariums) และ SEAZA (South East Asian Zoo Association)

โดยจากการตรวจสอบการตายของสัตว์เดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีสัตว์ตายจำนวน 4 ตัว เป็นค้างห้าสี , หมาจิ้งจอก , หมาจิ้งจอกเฟนเน็คฟ็อกซ์ และแมวดาว ชนิดละ 1 ตัว มิได้มีจำนวนการตายถึง 13 ตัว ตามที่เป็นข่าว และการเสียชีวิตก็เนื่องจากเป็นไปตามอายุขัยของสัตว์ ซึ่งสำนักงานมีกระบวนการชันสูตรซาก โดยการผ่าชันสูตรซากสัตว์ทุกตัว มีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและอวัยวะส่งตรวจต่อไปยังห้องปฏิบัติการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และกรมปศุสัตว์ สำนักงานจะรายงานสัตว์เกิดสัตว์ตายต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประจำทุกเดือน ยกเว้นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทเสือโคร่งที่ต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมงซึ่งเป็นไปตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และเนื่องจากสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ในช่วงฤดูฝนมักพบสัตว์เลื้อยคลานประเภทงูจำนวนมาก และเมื่อทำการตรวจสอบจากจำนวนสัตว์ประจำวัน พบว่ามีลีเมอร์ สูญหาย เมื่อสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฎมีงูเหลือมขนาดใหญ่ที่เข้าไปในส่วนแสดง สำนักงานจึงได้เร่งดำเนินการจัดทำมาตรการในการป้องกัน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 และปัจจุบันไม่พบปัญหานี้

สำหรับการตรวจสุขภาพสัตว์ที่มีจำนวนกว่า 1,000 ตัว รวม 130 ชนิด ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นั้น ก็มีการทยอยตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าการตรวจสัตว์ป่าจะตรวจยากกว่าสุนัขและแมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยง การวางยาสลับ ขั้นตอนต่างๆ ที่จะจับและนำมาตรวจมีมากกว่า และต้องระวังอย่างมาก เพราะสัตว์บางตัวมีขนาดเล็กเร่งรีบไม่ได้จะเกิดอันตรายต่อชีวิตสัตว์ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกตรวจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสัตว์ที่อยู่ในการรักษาจากอาการเจ็บป่วยประมาณ 10 ตัว แต่ไม่ได้ป่วยร้ายแรง นอกจากนี้สถานที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นพื้นที่ธรรมชาติ 800 กว่าไร่ ในปี 64 ป็เคยมีงูเหลือมเข้ามากินลีเมอร์ไป 2 ตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจสอบแล้ว และก็มีการป้องกันตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นเหตุสุดวิสัย เพราะสภาพแวดล้อมเป็นพื้นที่ธรรมชาติ

ทั้งนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีความสำเร็จและความภาคภูมิใจในการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพเชียงใหม่ เลือกทำการวิจัยทางด้านการรีดน้ำเชื้อ การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ การทำน้ำเชื้อแช่แข็งและการผสมเทียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ทั่วโลก มีความปลอดภัยสูงต่อสัตว์และสามารถพัฒนา สายพันธุ์ให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลในธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินโครงการผสมเทียม (AI-Artificial Insemination) สัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์ที่เป็นโครงการต่อเนื่องในการวิจัยและนุรัษ์สายพันธุสัตว์ป่าหายากของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเพื่อช่วยอนุรักษ์พันธุ์

ทหารปะทะคาราวานลักลอบขนยาใกล้แนวชายแดนแม่อาย ยิงดับ 1 ศพ ยึดฝิ่นได้ 74.7 กก.

ทหารปะทะคาราวานลักลอบขนยาใกล้แนวชายแดนแม่อาย ยิงดับ 1 ศพ ยึดฝิ่นได้ 72 กก. ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) บรรจุในถุงพลาสติกสีม่วง จำนวน 35 เม็ด, อาวุธปืนลูกซองแบบปั๊มแอคชั่น 5 นัด จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนลูกซอง จำนวน 3 นัด และ ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก

วันที่ 12 มกราคม 2567 พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้กล่าวว่า กองกำลังขบวนการลักลอบขนยาฝิ่นเข้าประเทศไทย กลุ่มนี้มีพวกลาหู่จากประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบนำเข้าเพื่อต้องการนำส่งกลุ่มนายทุนในพื้นที่เพื่อจำหน่ายแจกจ่ายให้กับผู้ที่นิยมเสพฝิ่น ในพื้นที่และยังส่งต่อไปยังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขายกับกลุ่มเสพซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนชราที่ติดฝิ่น และยังมีความต้องการจำนวนมาก และยังมีรอลักลอบเข้าอีกจำนวนมาก ทางทหารพราน 3203 ได้นำกำลังออกลาดตระเวนและพบกับขบวนการ กำลังเดินลงเชิงเขาชัน เห็นทหารได้ยิงเปิดทางเพื่อจะหนี และทางทหารได้ยิงโต้ตอบเพื่อป้องกันตัวและสกัดกั้นการนำฝิ่นหลบหนี ยิงกันนานราว 3-5 นาที ซึ่งทางคนนำทางได้ใช้ปืนลูกซองยิงมาทางทหารก่อนจนหมด 5 นัด ก่อนถูกทหารวิสามัญจนเสียชีวิต ส่วนคนที่ตามมาได้สลัดเป้สัมภาระเพื่อเอาตัวรอดหนีออกนอกพื้นที่ไปได้

ขณะเดียวกัน ช่วงกลางดึกยังคงมีเสียงปืนฝ่ายตรงข้ามทาง ฝ่ายทหารพรานส่งกำลังเข้าร่วมเพื่อรักษาพื้นที่อีก 3 ชุดปฏิบัติการ จนกระทั่งท้องฟ้าสว่าง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าเคลียร์พื้นที่โดยรอบ ก็พบว่า พื้นที่ปะทะห่างจากแนวตะเข็บชายแดน 1.5 กิโลเมตร บริเวณช่องทางน้ำตก บ้านหล่ายอาย ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พบเป้ จำนวน 4 เป้ ภายในมีฝิ่น จำนวน 45 ก้อน น้ำหนักรวม 72 กิโลกรัม ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) บรรจุในถุงพลาสติกสีม่วง จำนวน 35 เม็ด, อาวุธปืนลูกซองแบบปั๊มแอคชั่น 5 นัด จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนลูกซอง จำนวน 3 นัด และ ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก และฝ่ายตรงข้ามถูกวิสามัญ 1 ราย

ทางด้าน พลตรี ประพัฒน์ นพสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้สั่งทุกหน่วย ทุกฝ่ายปฎิบัติการให้ลาดตระเวนแบบเข้มข้นเพราะยาเสพคิดยังจะเข้ามาในทุกช่องทาง โดยเฉพาะอำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง ที่มีตะเข็บติดชายแดน และขอประชาชนช่วยแจ้งข่าวให้กับเจ้าหร้าที่ด้วยเพื่อง่ายต่อการปราบปรามให้หมดโดยเร็วเพื่อให้เบาบางลง ก่อนยานรกพวกนี้จะเข้าถึงเยาวชนไทยเป็นอันตรายต่อประเทศ สำหรับยาเสพติดที่ยึดได้จากการปะทะครั้งนี้ ได้ส่งมอบให้กับทางตำรวจ สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อนุทินรองนายกรัฐมนตรีตรวจแนวชายแดนแม่อายป้องกันปัญหายาเสพติดยิงดับ2ศพยึดยาบ้า13เป้รวม2,060,000เม็ด

อนุทิน รองนายกรัฐมนตรี ตรวจแนวชายแดนแม่อาย ป้องกันปัญหายาเสพติด ยิงดับ 2 ศพ ยึดยาบ้า 13 เป้ รวม 2,060,000 เม็ด

วันที่ 21 ธันวาคม2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมรับฟังข้อมูลจาก ลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง และเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 32 หลังจากทราบว่ามีเหตุการณ์ปะทะกับขบวนการยาเสพติด สามารถยึดยาเสพติดได้ จำนวน 13 เป้ ของกลางยาบ้ารวม 2,060,000 เม็ด กลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ บริเวณบ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

ในห้วงที่ผ่านมาได้ปรากฎข่าวสารว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังประเทศไทยในพื้นที่ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลำเลียงไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ ดังนั้น พันเอก ไพรัช ศรีไชยวาล ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 จึงสั่งการให้ กองร้อยทหารพรานที่ 32 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณบ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 เวลา 04.50 น. ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 20 คน สะพายกระเป๋าเป้สัมภาระดัดแปลงเดินมาตามเส้นทางในภูมิประเทศ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ฝ่ายเรา จึงเกิดการปะทะกัน ประมาณ 5 นาที ผลการปะทะฝ่ายเราปลอดภัย หน่วยจึงได้ทำการตรวจสอบ พบกลุ่มขบวนการเสียชีวิต จำนวน 2 ศพ และกระสอบเป้จำนวน 13 เป้ จำนวน 2,060,000 เม็ด จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไป

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังรายงานผลการปฏิบัติ พร้อมเดินตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติงานตามแนวชายแดน ที่ใช้ปฏิบัติงานป้องกันด้านความมั่นคงของประเทศ สกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย รวมถึงการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง พร้อมมอบนโยบาย รวมถึงการระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ การสกัดกั้นปัญหายาเสพติดนั้น เป็นการบูรณาการร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อทำการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดสิ้น และช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว ที่เป็นช่วงท่องเที่ยว อาจจะมียาเสพติดทะลักเข้ามาตามแนวชายแดนทั่วประเทศ จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กวดขันมากขึ้น โดยการร่วมมือกันทุกฝ่าย และขอให้กำลังใจทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงาน และขอพี่น้องประชาชนช่วยส่งกำลังใจให้ทหาร ตำรวจ ปกครองชายแดน ที่เฝ้าดูแลรักษาความเรียบร้อยกับพวกเรา และขอปราบให้หมดอย่าให้ยาเสพติดเข้ามาทำลายคนไทยเยาวชนของเรา