ญาติโวยคดีแม่หลวงบาง ถูกบุกแทงดับคาบ้าน 5 เดือน ยังจับคนร้ายไม่ได้

ญาติโวยคดีแม่หลวงบาง ถูกบุกแทงดับคาบ้าน 5 เดือน ยังจับคนร้ายไม่ได้

ช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.62 ) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากต.หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และญาติ ได้ถือรูปของนางสมบุญ หรือแม่หลวงบาง อินสรรค์ อายุ 62 ปี เศรษฐีหนองตอง ที่ถูกคนร้ายบุกใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต ภายในบ้านพักเลขที่ 25/1 หมู่ 2 ต.หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยทุกคนพร้อมใจสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนภาพของนางสมบุญ พร้อมข้อความ”ไม่ลืมแม่หลวงบาง สมบุญ อินสรรค์” ส่วนด้านหลังสกรีนข้อความ” อย่าให้ฆาตกรมลอยนวล ” เข้ามาร้องเรียนขอตำรวจช่วยเร่งรัดคดีติดตามหาตัวคนร้าย

นายสุทัศน์ อินสรรค์ อายุ 50 ปี กล่าวว่านางสมบุญ นั้นเป็นพี่สาวของตนเอง เป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือคน แต่วันที่ 19 พ.ค.62 ได้มีคนร้ายบุกใช้อาวุธมีดแทงที่หน้าอกจำนวน 5 แผลจนเสียชีวิตคาที่ภายในบ้านพัก แต่เวลาผ่านมากว่า 5 เดือนคดีไม่คืบ คนร้ายยังลอยนวล เราจึงรวมตัวกันมาร้องเรียนขอตำรวจช่วยเร่งรัดคดี จับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฏหมายให้ได้โดยเร็ว

ชาวบ้านเหยื่อโรงงานอบลำไยระเบิด ปี 42 ร้องรัฐบาลและกงสุลไต้หวัน ล่าตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ

ชาวบ้านเหยื่อโรงงานอบลำไยระเบิด ปี 42 ร้องรัฐบาลและกงสุลไต้หวัน ล่าตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ

ช่วงบ่ายนี้(วันที่ 21 ตค.62) ที่ห้องประชุมใหญ่วิทยาลัยเทคโนโลยีพิงค์พระนคร อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ กลุ่มตัวแทนผู้ประสบภัยจากโรงงานอบลำใยระเบิด เมื่อปี 2542 จำนวนกว่า 100 คนมาร่วมประชุมรับฟัง และเรียกร้องเพื่อเร่งรัดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานเนื่องจากชาวบ้านยังไม่ได้รับการชดเชยใดๆ

นายดลทัต แก้วปะญญา ตัวแทนคณะกรรมการผู้ประสบภัยจากลุ่มผู้ประสพภัยจากโรงงานอบลำใยระเบิด เปิดเผยว่าวันนี้ได้รวมตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ทั้งญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต และกลุ่มที่บ้านเรือนเสียหาย และอื่นๆ โดยตอนนี้แม้เวลาจะผ่านมา 20 ปี กับอีก 1 เดือน ทางผู้ประสพภัยก็จะเดินหน้าเข้าร้องเรียนจากรัฐบาลไทย และรัฐบาลไตหวัน เพราะคดีนี้นายลีหงเตียน เจ้าของบริษัทตัวจริงหลบหนีในคดีอาญา ยังไม่รับโทษใดๆ ส่วนคดีแพ่งก็รับปากจะชดใช้ค่าเสียหาย แต่เวลาผ่านมา 20 ปีชาวบ้านยังไม่ได้รับเงินใดๆ

โดยคดีเกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย.42 ที่โรงงานลำไยอบแห้งของบริษัทหงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดเนื่องจากขนย้ายสารโพแทสเซียมคลอเรตเข้ามาเก็บไว้ในโรงงานทำให้เกิดการอัดและระเบิดขึ้น หลังเหตุระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 36 ราย บาดเจ็บ 71 ราย และบ้านเรือนเสียหายกว่า 600 หลังคาเรือน ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นมากกว่า 200 ล้านบาท ต่อมาได้มีการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา

โดยคดีอาญาศาลฏีกา ได้ตัดสินจำเลยที่ 1 คือ บริษัท หงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด และจำเลยที่ 2 ผู้จัดการ จำเลยที่ 3 ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซึ่งเป็นคนไทย และจำเลยที่ 4 นายลีหงเตียน เจ้าของตัวจริงชาวไต้หวันและจำเลยอื่นๆ โดยมีคำตัดสินออกมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2559 โดยจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาปรับจำนวน 60,000 บาท และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 คนละ 10 ปี

ซึ่งจำเลยที่ 4 คือนายลีหงเตียน ไม่ยอมมาฟังคำตัดสินของศาลและหลบหนีกลับประเทศ คดีแพ่ง ชาวบ้านและกลุ่มผู้เสียหายได้เรียกร้องค่าเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยทางบริษัทและนางลีหงเตียน ส่งตัวแทนมาเจรจาและขอประนีประนอมยอมความ โดยสรุปจะชดใช้เงินจำนวน 500 ล้านบาทภายใน 6 เดือนนับแต่เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งจนทุกวันนี้กลุ่มผู้เสียหายและชาบ้านยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียวจากเจ้าของโรงงาน

เจ้าหน้าที่กองกำลังผาเมือง บุกรวบนักลำเลียงยา พร้อมของกลางยาบ้า 10,000 เม็ด

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 21 ต.ค. 62 เจ้าหน้าที่กองกำลังผาเมืองได้ทำการสืบทราบว่า จะมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ บ.ร่องริว หมู่ 12 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการลงพื้นที่เพือ่สุ่มตรวจ โดยระหว่างออกตรวจนั้น ได้พบ นายวิวัฒน์ แซ่ว่าง อายุ 29 ปี ได้แสดงท่าทีมีพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้น รถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น วีคอส สีดำ หมายเลขทะเบียน บบ 8608 พะเยา ซึ่งเป็นของ นายวิวัฒน์

ก็พบของกลางยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก สีใส จำนวน 5 มัด รวมจำนวน 10,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 100 กรัม อยู่ที่พักเท้าด้านพลขับ หน่วยจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง สภ.เทิงฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ภาพจากเจ้าหน้าที่กองกำลังผาเมือง

มาแล้วสตรอว์เบอรี เริ่มต้นฤดูหนาว วางขายร้านแรกในเชียงใหม่ (คลิป)

ช่วงบ่ายที่ 21 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณแผงจำหน่ายสตรอว์เบอรี ริมถนนคันคลองชลประทาน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่มีร้านขายสตรอว์เบอรี และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอรี ที่ขายให้กับคนในเชียงใหม่และเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปซื้อสตรอว์เบอรี และของฝากกันจำนวนมาก

นางผ่องพรรณ ไชยเดช อายุ 64 ปี เจ้าของร้าน เล่าว่า ร้านแห่งนี้เป็นร้านของกลุ่มเกษตรกรแม่บ้านช่างเคี่ยน และขายมานานหลายสิบปีแล้ว สตรอว์เบอรีที่เห็นวางขายนี้ ก็มาจากยอดดอยสะเมิง ที่ตำบลบ่อแก้ว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ต้องเป็นดอยสูงเท่านั้น ส่วนในตำบลบ่อแก้ว บางคนก็พึ่งจะเริ่มปลูก บางคนปลูกแล้วแต่ยังไม่มีผลผลิต คิดว่าคงจะมีออกมาเยอะขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ตอนนี้ที่ร้านวางขายในราคาต่ำสุดกล่องละ 50 บาท ขนาดครึ่งกิโลกรัม และราคาสูงสุดกิโลกรัมละ 380 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของผลสตรอว์เบอรี และที่ร้านยังมีแยมสตรอว์เบอรี น้ำสตรอว์เบอรี สตรอว์เบอรีอบแห้ง สตรอว์เบอรีกวน และอีกหลายอย่าง มาแวะชิม และชมที่ร้านก่อนได้ ซึ่งร้านเปิดเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงค่ำ

กลุ่มเครือข่ายเกษตรฯ ในเชียงใหม่ ล่ารายชื่อยื่นหนังสือถึง นายกฯ ประยุทธ ขอให้ยกเลิก 3 สารเคมีอันตราย

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 ต.ค. 62 ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ ฉัตร์ดี ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรทางเลือกจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยกลุ่มเครือข่ายเกษตรทางเลือกจังหวัดเชียงใหม่ และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวนประมาณ 50 คน ได้มาตั้งโต๊ะเพื่อขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนยกเลิกใช้และหยุดขาย 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร พาราควอต, ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะนำรายชื่อและข้อมูลต่างๆ ยื่นผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีฯ รวมถึงคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาได้มี นางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ และนายศเนติ จิรภาสอังกูร ผู้อำนวยการกลุ่มศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มารับหนังสือแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และได้ยืนยันกลับกลุ่มผู้ชุมนุมหลังรับหนังสือว่า ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการยื่นหนังสือให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้ทันก่อนการประชุมพิจารณาที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 นี้

ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า การใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้ต่อเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร เพราะทุกปีมีคนป่วยจากการใช้ยาฆ่าหญ้า ประมาณ 14,000 คนต่อปี และตายมากกว่า 600 คนต่อปี ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเกษตรกรเอง เครือข่ายเกษตรทางเลือกจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินงานในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ทำการเกษตรวิถีธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมีในการผลิตรวมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรจากเคมีเป็นอินทรีย์ได้หากมีความรู้เรื่องการกำจัดศัตรูพืชและการเพิ่มผลผลิตโดยวิธีธรรมชาติ และมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตอย่างต่อเนื่อง และภายหลังจากที่ยื่นหนังสือแล้ว ก็จะมีการติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องว่ามีการดำเนินการไปในทิศทางใดบ้าง

การเดินทางมาวันนี้เพราะทราบว่า ในวันที่ 22 ตุลาคม ทางคณะกรรมการจำนวน 29 คน จะร่วมกันพิจารณาแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ทางกลุ่มเครือข่ายฯ จึงได้รวมตัวกันมาตั้งโต๊ะเพื่อขอให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมสนับสนุน และนำรายชื่อที่ได้มา พร้อมกับข้อมูลต่างๆ ส่งผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถึงท่านนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และกรรมการวัตถุอันตราย จำนวน 29 คน เพื่อขอให้ยกเลิกการใช้และการจำหน่ายภายในเดือนธันวาคม 2562 และให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้ง 29 คน ลงมติโดยเปิดเผย รวมถึงให้มีมาตรการเยียวยาเกษตรกร ที่ลงทะเบียนต้อง

ขณะเดียวกันก็อยากให้มีการเปิดโอกาสให้มีการวิจัยเพื่อหาสารทดแทนสารอันตรายทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้จุลินทรีย์แทน แต่ขณะนี้กลับพบว่า หากสถานที่ใดเปิดการทดลอง ก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ทำให้เกิดการผลกระทบ และไม่มีใครกล้าที่จะศึกษาวิจัยในเรื่องสารทดแทนนี้ ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่เปิดโอกาสในด้านการวิจัยด้วย เพื่อที่เกษตรกรจะได้มีทางเลือกหาสารอื่นมาใช้ทดแทนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตลาดน้ำสองพี่น้อง แลนด์มาร์กใหม่สร้างจุดขายอนุรักษ์ธรรมชาติห้ามใช้กล่องโฟมและถุงพลาสติก สายเขียวไม่ควรพลาดเที่ยวชม

ตลาดน้ำสองพี่น้อง แลนด์มาร์กใหม่สร้างจุดขายอนุรักษ์ธรรมชาติห้ามใช้กล่องโฟมและถุงพลาสติก สายเขียวไม่ควรพลาดเที่ยวชม

สายวันนี้ที่ตลาดน้ำหมียักษ์เขียวหรือ Green Grizzly” ที่บริเวณบึงบัวภายในร้านอาหารชาววัง ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามาท่องเที่ยวตลาดน้ำแห่งนี้


ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวนั้นจะได้สัมผัสกับธรรมชาติตลาดน้ำที่เป็นบึงบัว มีดอกบัวอยู่เต็มบึงและมีหมียักษ์เขียว สองตัว ถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวมาถึงแล้วต้องพากันไปถ่ายรูปนอกจากนี้แล้วภายในตลาดน้ำก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า ขายอาหารการกินอยู่ภายในเรือ และมีร้านกาแฟรวมไปทั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรับประทานอาหาร ในบรรยากาศที่สวยงาม

นอกจากนี้แล้วที่นี่มีกฎระเบียบห้ามใช้โฟมและพลาสติก แต่ใช้วัสดุจากธรรมชาติในการใส่อาหาร เช่น ใช้กระบอกไม้ไผ่ใส่กาแฟและน้ำดื่ม ใช้กาบหมาก ดัดแปลงเป็นที่ใส่น้ำสมุนไพร หลอดดูดน้ำจากไม้ จานจากชานอ้อย ช้อนส้อมผลิตจากวัสดุธรรมชาติ และมีการคัดแยกขยะ แบ่งเป็นขยะเปียก ขยะแห้ง และขยะรีไซเคิล เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้นั้น

หากนักท่องเที่ยวท่านใดจะเข้าไปชมหรือถ่ายรูปนั้นต้องเสียค่าบริการค่าบัตรผ่านประตูคนละ 20 บาท แต่สามารถนำมาลดเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่มได้ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ เวลา 9 นาฬิกา ไปจนถึง 18 นาฬิกาของทุกวัน ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1001 ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว เลยจากแยกลิขิตชีวัน มาเล็กน้อย ก่อนถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้

รวบสาวพม่า ลอบนำยาบ้าขายเม็ดละ 4 บาท

รวบสาวพม่า ลอบนำยาบ้าขายเม็ดละ 4 บาท

เช้าวันนี้พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.แม่อาย พร้อมชุดสืบสวนสภ.แม่อาย ทำการจับกุมตัวนางนาสี ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปีบ้านอยู่ เมืองสาด ประเทศเมียนมาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด เงินสด 400,000 บาทนำตัวดำเนินดคีข้อหา”มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

 

หลังจากที่นางนาสี ผู้ต้องหานำยาบ้ามาเร่ขายในราคาเม็ดละ 4 บาทหลังจากต้นทุนที่ออกจากโรงงานเม็ดละ 3 บาทเพื่อหาเงินไปใช้หนี้เครดิตที่ติดโรงงานผลิตยา แต่ก็หลงกลตำรวจนำยามาส่งขายให้ตำรวจก่อนโดนรวบบริเวณป่าท้ายหมู่บ้าน บ้านจะนะ หมู่ 12 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

 

ขอบคุณภาพจากสภ.แม่อาย

กองกำลังผาเมืองยึดยาได้ 12,000 เม็ด รถ จยย. 1 คัน ส่วนคนขนยาไหวตัวทันทิ้งรถและอาศัยความมืดหลบหนีไปได้

เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 20 ต.ค. 62 ร.ท.ศุภรัตน์ มีรอด ผบ.ร้อย.ม.2 ฉก.ม.2 ได้ทำการ จัดกำลังพล 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณถนนเส้นทางเรียบแนวชายแดน บ้านจะลอ ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ขณะปฏิบัติภารกิจพบชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านเส้นทางดังกล่าว ท่าทีมีพิรุธ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งรถจักรยานยนต์ อาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไป

จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุภายหลังพบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าดรีม สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และ มีกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลตกอยู่บริเวณใกล้กับตัวรถซึ่งภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1 มัดใหญ่สีน้ำตาล กับ 1 ห่อเล็ก (ประมาณ 12,000 เม็ด) หน่วยจึงได้นำของกลาง ส่ง สภ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณภาพจาก ประชาสัมพันธ์กองกำลังผาเมือง

เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสีหายหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ริกเตอร์ ที่อำเภอดอยสะเก็ด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

หลังจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ความลึก 6 กิโลเมตร โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่พื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลทำให่ในเช้าวันนี้ ทางด้านนายศุภมิตร กฤษณมิตร หัวหน้าฝ่ายจัดการความปลอดภัยเขื่อนและอาคารชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่สำรวจความแข็งแรงของเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยในเบื้องต้น พบว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

ด้านนายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ในเบื้องต้นทางด้าน ได้ลงสำรวจพื้นที่แล้ว ยังไม่พบความเสียหายในบ้านเรือนของประชาชนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง

จังหวัดเชียงใหม่ เตือนชาวบ้านตามแนวชายแดนแม่อาย ระวังซากหมูจากพม่าลอยตามน้ำ อาจนำโรคอหิวาต์หมูมาแพร่ระบาดได้

จังหวัดเชียงใหม่ เตือนชาวบ้านตามแนวชายแดนแม่อาย ระวังซากหมูจากพม่าลอยตามน้ำ อาจนำโรคอหิวาต์หมูมาแพร่ระบาดได้

ช่วงบ่าย วันที่ 19 ต.ค. 62 นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ เนื่องจากทางกรมปศุสัตว์ออกประกาศเตือนว่า ทางรัฐฉานของพม่า ได้มีหมูตายเยอะ อาจทิ้งลงน้ำไหลมาทางแม่น้ำกก บริเวณอำเภอแม่อาย ขอให้ทางจังหวัดกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยทหารตำรวจ และปกครอง ช่วยสอดส่องดูแลเรื่องนี้ หากพบซากหมูลอยน้ำมารีบแจ้ง เจ้าหน้าที่เพื่อเก็บฝังหรือเผาทำลายทันที แม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดในขณะนี้ แต่ก็ต้องมีการแจ้งเตือนก่อน

นายพงศ์พัฒน์ ขัตพันธุ์ ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานว่า โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เป็นโรคไวรัสที่ระบาดในสุกร แม้ว่าจะยังไม่เกิดในพื้นที่เชียงใหม่ แต่จังหวัดเชียงใหม่มีแนวเขตชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ต้องเฝ้าระวัง เมื่อเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่จะส่งผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจในฟาร์มหมู รวมถึงผู้เลี้ยงหมู และประชาชนที่บริโภคด้วย ซึ่งเชียงใหม่ มีฟาร์มขาดใหญ่มีฟาร์มทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ รวมกันกว่า 15,000 แห่ง หากหมูติดเชื้อก็ต้องฆ่าทิ้งทั้งหมดและต้องรีบนำไปฝังกลบทันที

นายพงศ์พัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของหมูที่ป่วยหลังจากหมูได้รับเชื้อเข้าไปจะพบว่า บางตัวตายเฉียบพลัน มีไข้สูง ผิวหันังแดง มีจุดเลือดออกหรือรอยช้ำโดยเฉพาะใบหู ท้อง และขาหลัง อัตราการป่วย 100 เปอร์เซ็นต์ อัตราการตาย 30 – 100 เปอร์เซ็นต์ในลูกสุกร อัตราตายสูง 80 – 100 เปอร์เซ็นต์ภายใน 14 วัน