จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมแสดงดนตรีสากล งาน Music of City “เชียงใหม่เมืองดนตรี” กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมแสดงดนตรีสากล งาน Music of City “เชียงใหม่เมืองดนตรี” สร้างวัฒนธรรมดนตรีเมืองเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว จัดขึ้นระหว่าง 15 – 18 พ.ย.นี้ ชมฟรีตลอดงาน

ที่ @ Nimman Convention Centre จังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสาวปราณปริยา พลเยี่ยม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นายบฤงคพ วรอุไร นายกสมาคมนักดนตรีนักแสดงเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้แทนจากศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมจัดงาน Music of City “เชียงใหม่เมืองดนตรี”

นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “เชียงเมืองดนตรี” เป็นโครงการที่วางโครงสร้างเมืองเชียงใหม่ ให้มีระบบบริหารจัดการศิลปวัฒนธรรมทางดนตรีตและการแสดงที่แข็งแกร่ง สร้างวัฒนธรรมดนตรีเมืองเชียงใหม่ให้ชัดเจน และสอดคล้องกับกระแสโลก เชื่อมโยงและดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของพลเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “Chiang Mai City of Music” พร้อมกับนิยามเมืองเชียงใหม่ว่า “เมืองแห่งดนตรีและศิลปะการแสดงล้านนา” หรือ “City of Lanna Music and Performing Arts”

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาศิลปะดนตรีและการแสดงของเมืองเชียงใหม่ทั้งในแบบจารีตผสมผสานแนวร่วมสมัย ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ส่งเสริมและพัฒนาให้เมืองเชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางดนตรีแห่งหนึ่งของโลก พร้อมมีส่วนในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่การท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักให้แก่เมืองเชียงใหม่ อีกทางก็จะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ของประชาชนในท้องถิ่นด้วย

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ เมื่อมีการจัดระบบการบริหารจัดการดนตรีและศิลปะการแสดงให้มีระบบที่ดี ดนตรีและการแสดงสามารถเป็น เครื่องมือในการยกคุณภาพชีวิตของพลเมืองเชียงใหม่ให้ดีขึ้น ให้คนเชียงใหม่มีความสุขมากยิ่งขึ้น และสอดรับอย่างดีกับการที่เชียงใหม่เป็น “นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง” โดยจะไปเสริมเพิ่มเติมในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรีและการท่องเที่ยว อันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในระดับสากลต่อไปในอนาคต

สำหรับการจัดงานครั้งนี้จะจัดขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน 2561 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ที่บริเวณด้านหน้า ศูนย์การค้า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมงานได้ฟรี

สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดขบวนต้อนรับโคอาล่ากลับสู่บ้านอย่างอบอุ่น หลังถูกส่งไปอยู่สวนสัตว์ดุสิต

 

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้ต้อนรับโคอาล่า 2 ตัว คือ ฟูลล่า(Fulla) เพศผู้ อายุ 16 ปีและตัวที่สอง คือ เวียงพิงค์ เพศเมีย อายุ 8 ปี ที่ได้มีการจัดการขนย้ายสัตว์ออกจากพื้นที่สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนา กลับสู่สวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมกับให้การต้อนรับที่อบอุ่นและจัดเตรียมส่วนจัดแสดงไว้อย่างดี ถูกต้องตามหลักการจัดการสวัสดิภาพสัตว์

สำหรับโคอาล่าที่อยู่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับสวนสัตว์ทารองก้า และสวนสัตว์เวสเทิร์น เพลน ประเทศออสเตรเลีย โดยได้นำโคอาล่าจำนวน 4 ตัว คือ ฟูลล่า ไบรอัน ซิมป์สัน และโคโค่ ให้คนไทยในวาระฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อปี พ.ศ 2549 ต่อมาทางสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้ส่งมอบให้กับสวนสัตว์ดุสิตไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 จำนวน 2 ตัวคือ ฟูลล่า(Fulla) เพศผู้ เกิดเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2545 ปัจจุบันอายุ 16 ปี และเวียงพิงค์ เพศเมีย เกิดเมื่อ 12 มิถุนายน 2553 ปัจจุบันอายุ 8 ปี

หลังจากนั้นทางสวนสัตว์ดุสิต ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ทางองค์การสวนสัตว์จึงได้มีการจัดการขนย้ายสัตว์ออกจากพื้นที่สวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ในสังกัดทั่วประเทศ และได้นำโคอาล่าทั้งสองตัว เดินทางกลับสู่สวนสัตว์เชียงใหม่ จึงได้มีพิธีต้อนรับโคอาล่าทั้งสองตัวกลับบ้านในวันนี้

เชียงใหม่ ชูท่องเที่ยวโอท๊อปนวัตวิถีบ้านสบวิน สร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศ พร้อมทั้งการเปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีรับฤดูกาลท่องเที่ยว

ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOPตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ นายมนัส สุริยะสิงห์ นายอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไกด์นำเที่ยว และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมงาน

นายมนัส สุริยะสิงห์ นายอำเภอแม่วาง เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาชุมชนได้จัดทำโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี โดยมีแนวคิดการพัฒนา OTOP รูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรม ให้มีการพัฒนาสินค้า OTOP และกิจการที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่การสร้างรายได้โดยการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีอยู่ในชุมชนให้กับนักท่องเที่ยว และสร้างสรรค์ทุนชุมชน ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม เสน่ห์และอัตลักษณ์ของชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน

การส่งเสริมช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์หมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว ภายใต้โครงการ OTOP นวัตวิถี ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลักในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศ กรมการพัฒนาชุมชนจึงได้ส่งเสริมให้มีการดำเนินงานออกแบบและผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวชุมชน พร้อมทั้งการเปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เพื่อเตรียมความพร้อมให้ชุมชนในการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นและความโอบอ้อมอารีของเจ้าบ้าน แสดงถึงอารยธรรมล้านนา ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาล้านนา

โดยมุ่งเน้นการสร้างวิถีอัตลักษณ์หัตถกรรมล้านนนาเชิงสร้างสรรค์ และการสร้างคุณค่าและมูลค่าจากทรัพยากรทางธรรมชาติสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยว โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP หรือผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอัตลักษณ์ให้โดดเด่น และยึดกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการสร้างกิจกรรมเสริมสร้างด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องถิ่นได้อย่างยืน

ด้านนายกิตติโชติ จันทะแพ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสบวิน เผยว่าบ้านสบวิน หมู่ที่ 9 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี เนื่องด้วยเป็นหมู่บ้านที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านท่องเที่ยวมากมาย เช่น รางวัลหมู่บ้าน OTOP Village Champion รางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์ 1 ใน 4 ของหมู่บ้านโฮมสเตย์ทั่วประเทศ เป็นต้น

อีกทั้งยังมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบของชาวล้านนาดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ แม่น้ำ ลำธาร พร้อมทั้งกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักท่องเที่ยว ดังคำขวัญประจำหมู่บ้านที่กล่าวไว้ว่า “กระบวนการต่อเรือ ไม่เบื่อนั่งช้าง ล่องแพแม่น้ำวาง ว่างเล่นเกมส์ไม้ นอนหลับสบายพักโฮมสเตย์”

บ้านสบวิน หมู่ที่ 9 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่มีศักยภาพและเหมาะสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีอย่างยิ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องถิ่นได้อย่างยืนต่อไป

นายอภิวัฒน์ ธีระวาสน์ พัฒนาการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ได้เร่งดำเนินการโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 42 หมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดรายได้แก่ชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง เชื่อมโยงเส้นทางในการท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง และภายในชุมชน ให้มีความโดดเด่น และมีความพร้อม บนอัตลักษณ์ของชุมชนท่องเที่ยว ตลอดจนพัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบการหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว ให้มีขีดความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์

สามารถนำมาต่อยอดในการบริหารจัดการชุมชนได้อย่างเหมาะสม พัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP ของแต่ละพื้นที่ให้สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว จะมีกระบวนการต่างๆ ทั้งการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ที่จะต้องมีการศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยวOTOP นวัตวิถี พัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนและไกด์ภายในชุมชนท่องเที่ยว ทั้งด้านการบริหารจัดการ ด้านภาษาอังกฤษ การจัดทำโฮมสเตย์ และศึกษาดูงานหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว

อาทิ การพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์หมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีจังหวัดเชียงใหม่ ,สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการจัดโปรแกรมท่องเที่ยว นอกจากนี้ต้องมีการออกแบบและเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวของหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีแต่ละท้องถิ่น และส่งเสริมการตลาดชุมชนท่องเที่ยว ด้วยการประชาสัมพันธ์ เส้นทางการท่องเที่ยวหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อีกด้วย

บางกอกแอร์เวย์สร่วมกับมูลนิธิสันติภาพชีวิตคิดเพื่อสันติภาพใต้ จัดแถลงข่าวกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนา มาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยนายพัศพงศ์ จิรวัฒนาศักดิ์ ผู้จัดการส่วนกิจกรรมการตลาด ฝ่ายการตลาด ร่วมกับมูลนิธิสันติภาพชีวิตคิดเพื่อสันติภาพใต้ โดย นางอนุตรา สวัสดิ์ศรี ประธานกรรมการมูลนิธิฯ จัดงานแถลงข่าว กิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนา มาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ”(Bangkok Airways Lanna Marathon 2018 presents Run Hero Run) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมีนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางผ่องพรรณ ศิริวัฒนาวงศา รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และนางสาวรัชวิน วงศ์วิริยะ นักแสดงชื่อดังให้เกียรติร่วมเป็นผู้แถลงข่าว ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล จังหวัดเชียงใหม่


รายการวิ่งการกุศล “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนา มาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” เป็นความร่วมมือกันระหว่างสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กับมูลนิธิสันติภาพชีวิตคิดเพื่อสันติภาพใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนเพื่อส่งมอบให้หน่วยงานนำไปจัดซื้อเสื้อเกราะกันกระสุนเพื่อนำไปมอบแก่ ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรายการวิ่งดังกล่าวจะจัดขึ้นในว้นที่ 11 พฤศจิกายน 2561 ณ บริเวณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่

นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “กิจกรรมเดิน-วิ่งเพื่อการกุศล “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนา มาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดในโซนภาคเหนือ โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญทางภาคเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามหลากหลายแห่ง และมีวัฒนธรรมในแบบล้านนาที่สืบทอดกันมายาวนาน รวมทั้งทางจังหวัดฯ มีความพร้อมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการเตรียมการเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย สำหรับรองรับนักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมการแข่งขัน จึงถือได้ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ และที่สำคัญยังเป็นกิจกรรมการวิ่งเพื่อการกุศล เพื่อการระดมทุนส่งต่อไปยังทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย”

นายพัศพงศ์ จิรวัฒนาศักดิ์ ผู้จัดการส่วนกิจกรรมการตลาด ฝ่ายการตลาด สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนา มาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นการแข่งขันวิ่งรายการที่ 7 ของบางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรี่ย์ 2018 (Bangkok Airways Boutique Series 2018) ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายในปีนี้ โดย 6 รายการที่ผ่านมาประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับอย่างดี มีนักวิ่งร่วมแข่งขันรวมแล้วกว่า 20,000 คน และคาดว่าในรายการวิ่งครั้งนี้จะมีนักวิ่งให้ความสนใจมาร่วมกว่า 10,000 คน โดยความพิเศษของรายการวิ่งครั้งนี้ คือเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับมูลนิธิสันติภาพชีวิตคิดเพื่อสันติภาพใต้ จัดกิจกรรมการวิ่งเพื่อการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยทั้งจากภาคเหนือและทั่วประเทศ ได้ส่งความช่วยเหลือและความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”
“กิจกรรมในครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเชียงใหม่และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความสนับสนุนในด้านต่างๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางซึ่งสามารถสร้างความรับรู้ไปยังกลุ่มนักวิ่งและนักท่องเที่ยวให้มาร่วมกิจกรรมนี้ได้มากยิ่งขึ้น และสำหรับเส้นทางวิ่ง เราได้บริษัท ทีละก้าว จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการจัดการแข่งขันวิ่งของประเทศไทยมาช่วยออกแบบเส้นทางวิ่งให้มีความน่าสนใจและท้าทายสำหรับนักวิ่ง พร้อมกับได้สัมผัสวัฒนธรรมล้านนาและชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของจังหวัดเชียงใหม่ไปตลอดระยะทาง”

รายการวิ่ง “บางกอกแอร์เวย์ส ลานนามาราธอน 2018 รัน ฮีโร่ รัน ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในครั้งนี้ ถือเป็นการแข่งขันวิ่งรายการที่ 7 ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของ “บางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรีย์ 2018 (Bangkok Airways Boutique Series 2018)” โดยรายการแข่งขันที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้ง 6 รายการ ได้แก่รายการวิ่ง “บางกอกแอร์เวย์ส อัลตร้า เทรล อันซีน เกาะช้าง” ที่เกาะช้าง จังหวัดตราด รายการวิ่ง “กระบี่ ฮาล์ฟมาราธอน”ที่จังหวัดกระบี่ รายการวิ่ง “สมุยฮาล์ฟมาราธอน” ที่จังหวัด สุราษฎ์ธานี รายการวิ่ง “ลำปางฮาล์ฟมาราธอน” ที่จังหวัดลำปาง รายการวิ่ง “ภูเก็ตฮาล์ฟมาราธอน” ที่จังหวัดภูเก็ต และรายการวิ่ง “เชียงรายมาราธอน” ที่จังหวัดเชียงราย

บัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ ยกผลงานเด่นหลักสูตรเด็ดขึ้นห้างโชว์นวัตกรรมบัณฑิตศึกษา

บัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ ยกผลงานเด่นหลักสูตรเด็ดขึ้นห้างโชว์นวัตกรรมบัณฑิตศึกษา

รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เม่งอำพัน คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดแสดงผลงานหลักสูตร และนวัตกรรมบัณฑิตศึกษา “Graduate School: Innovative Entrepreneurs Driving Thailand 4.0” ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2561 ณ ลานโปรโมชั่น 2 ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่

รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เม่งอำพัน คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดระบบการศึกษาตามหลักสากล ปัจจุบันหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษามีจำนวน 44 หลักสูตร แบ่งเป็นหลักสูตรระดับปริญญาเอก จำนวน 13 หลักสูตร และหลักสูตรระดับปริญญาโท 31 หลักสูตร โดยมีวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนการผลิตบัณฑิตเพื่อสร้างงานวิจัย นวัตกรรม และเป็นผู้ประกอบการด้านเกษตรในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทย มุ่งสู่ Thailand 4.0 โมเดลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม

โดยเริ่มเปิดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2528 ผลิตมหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตมาแล้วจำนวนหลายรุ่น โดยมีผลงานวิจัยและนวัตกรรมจำนวนมากที่มีผลกระทบต่อสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอันเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ บัณฑิตวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการ “จัดการแสดงผลงานหลักสูตร และนวัตกรรมบัณฑิตศึกษา” เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตรต่างๆ ในระดับบัณฑิตศึกษา

โดยมีผลงานวิจัยและนวัตกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกมาร่วมนำเสนอพร้อมให้คำแนะนำกับผู้สนใจ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และประชาสัมพันธ์งานเกษตรแม่โจ้ 85 ปี บัณฑิตวิทยาลัยหวังว่าการบูรณาการความรู้จากงานวิจัยของหลักสูตรต่างๆ มาสร้างเป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยสร้างอาชีพ และสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ให้กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน”

ภายในงานท่านจะได้พบกับผลงานนวัตกรรมเด่นจากหลักสูตร อาทิ นวัตกรรมด้านพืช เช่น Veg in the Box ผลิตภัณฑ์ผักสดที่ปลูกในบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี Plant Factory,ห้องรมแก๊ส SO2 กับผลลำไยสดด้วยระบบบังคับอากาศแนวตั้ง, พลาสมาเพื่อการเกษตรและการปรับปรุงพันธุ์, Gardico นวัตกรรมสารสกัดจากกระเทียมโทน, Andro นวัตกรรมสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร, สมุนไพรอัดเม็ดต่อสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพสำหรับมารดาให้นมบุตร, เครื่องดื่มสุขภาพจากสาหร่ายน้ำจืด, และน้ำส้มสายชูบัลซามิกจากเนื้อผลกาแฟ

นวัตกรรมด้านประมง/สัตว์ เช่น ผลิตภัณฑ์ผง Super plus ปลาลูกผสมบึกสยามแม่โจ้, ผลิตภัณฑ์จากปลาบึกสยาม, สารเสริมในอาหารสัตว์บริโภค, สเปรย์ยับยั้งแบคทีเรียผิวหนังสุนัข, นวัตกรรมด้านเวชสำอาง เช่น ผลิตภัณฑ์ Healthy & Handsome จากน้ำมันจระเข้, ผลิตภัณฑ์ความงามจากดาหลา, ดอกเก๊กฮวย และเนื้อผลกาแฟ นวัตกรรมด้านวิศวกรรม/ไอที เช่น กังหันแกนตั้งเพลาร่วมหมุนสวนทางกลับ, ระบบประตูอัจฉริยะ, Smart Flusher, Smart Car Park, Smart NPK และนวัตกรรมด้านอื่นๆ อีกมากมาย

แบกเป้เที่ยวใต้ทริปดีๆที่รอคนไทยไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

แบกเป้เที่ยวใต้ทริปดีๆที่รอคนไทยไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

แน่นอนหากพูดถึงทะเลทางภาคใต้ หลายคนคงต้องนึกถึงจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต แต่หารู้ไหมว่ายังมีจังหวัดเล็กๆอีกหลายจังหวัด ที่ทุกท่านสามารถท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขได้เช่นกัน มาเริ่มกันเลยตั้งแต่จังหวัดชุมพร นอกจากท้องทะเลที่สวยงามแล้ว ชุมพร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตดั่งเดิมไว้รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเรียนรู้ เช่นที่เกาะพิทักษ์ เกาะที่บรรยากาศเงียบสงบและคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่นี่นับเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นชุมชนที่มีความน่าสนใจ สวยงาม สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพ ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวปะมง

ส่วนใครที่ชื่นชอบตลาดนัดท้องถิ่นของต้องมาเยือน “ชุมชนหลาดใต้เคี่ยม ” ที่นี่มีการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านไว้ให้เลือกซื้อมากมาย ส่วนที่ “ชุมชนพะโต๊ะ” ชุมชนที่มีระบบนิเวศทางธรรมชาติที่สมบูรณ์เหมาะแก่การมาเดินป่าศึกษาธรรมชาติล่องแพ เพลิดเพลินไปกับการเดินชมสวนผลไม้นานาชนิดที่ “สวนลุงดำ” อย่าลืมแวะสักการะ “พระบรมธาตุสวี” พระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชุมพรมาอย่างยาวนาน “ศาลกรมหลวงชุมพร”สิ่งศักดิ์ที่ชาวชุมพรให้ความเคารพนับถือ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่เลยคือ การดำน้ำดูปะการังที่เกาะเตียบ เกาะที่มีน้ำใสราวกับกระจก

ปิดท้ายด้วยจุดชมวิว ” เขามัททรี ” จุดชมวิวทิวทัศน์ 360 องศา ที่สามารถมองเห็นชุมชนปากน้ำชุมพรและชาดหาดของทะเลชุมพร ได้ทั้งหมด รับรองว่าชุมพรจะไม่เป็นเพียงแค่เมืองทางผ่านอย่างแน่นอน

จังหวัดนครศรีธรรมราช ดินแดนสองธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในแบบวิถีชุมชนเหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบความสงบ รักธรรมชาติ บ้านแหลมโฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์ที่อยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติของทะเลอ่าวทองคำ มีกิจกรรมมากมายให้ได้เข้าไปเรียนรู้กัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านปู บ้านปลา ที่ชาวบ้านเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติจึงรวมกันทำบ้านปู บ้านปลา ขึ้นมาเพื่อปล่อยคืนสู่ธธรมชาติ และมีกิจกรรมล่องเรือปลูกป่าชายเลนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจและศึกษาธรรมชาติ

มีโคลนธรรมชาติที่มีประโยชน์แก่ผิวพรรณ รวมถึงวิธีการทำกะปิ เครื่องแกงสูตรดั้งเดิม ชุมชนบ้านปากน้ำปากพญา อีกหนึ่งชุมชนที่อยู่ติดกับป่าชายเลน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงจากชาวบ้าน แวะสักการะ “พระบรมสารีริกธาตุ” พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวนครศรีธรรมราชและอิ่มท้องไปกับเมนูอาหารปักษ์ใต้ ขนมจีนเจ้าดัง ขนมจีนเมืองคอน ขนมจีนเส้นสดที่ทำกันวันต่อวัน น้ำยาของที่นี่เข้มข้นจัดจ้านรับประทานคู่กับผักสด ดับเผ็ดด้วยมังคุดคัดของดีเมืองนครศรีธรรมราช น้ำยาของที่นี่เข้มข้นจัดจ้านรับประทานคู่กับผักสด ดับเผ็ดด้วยมังคุดคัดของดีเมืองนครศรีธรรมราช

จังหวัดพัทลุงหรือเมืองลุง แหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติและรักการถ่ายภาพ “ล่องแก่งลานข่อย (หนานมดแดง)”สถานท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี “ทะเลน้อย ” จุดเด่นของที่นี่คือ การล่องเรือชมทะเลบัวชมวิวทัศนียภาพ ไฮไลต์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ขึ้นชื่อลือชาอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ควายน้ำ” ท่องประวัติศาสตร์ที่วังเจ้าเมือง วังเก่าแก่และวังใหม่ของเมืองพัทลุง แวะสักการะพระบรมมหาธาตุบางแก้ว ปูชนียสถานที่ล้ำค่าเก่าแก่ “คลองปากประ”เป็นคลองที่สำคัญทางจังหวัดพัทลุง วิวทิวทัศน์ดินแดนยอยักษ์ ชมแสงแรกและวิถีชีวิตคลองปากประกลางพื้นที่ชุ่มน้ำที่สวยงามไม่รู้ลืม

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองที่ใครหลายๆ จะต้องนึกถึงการท่องเที่ยว เกาะพะงัน สมุย หมู่เกาะอ่างทอง แต่ยังมีการท่องเที่ยวชุมชนและวัฒนธรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย “ชุมชนบ้านน้ำผึ้ง” ชุมชนแห่งนี้มีกิจกรรม ศึกษาประวัติศาสตร์และเรียนรู้ทางธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ “ชุมชนท่าฉาง” อีกหนึ่งชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่นี่มีป่าชายเลน และฟาร์มหอยแครงที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมฟาร์มหอย แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และกิจกรรมปลูกป่า

” ชุมชนบางใบไม้ ” ชาวสุราษฎร์เรียกพื้นที่ย่านนี้ว่าคลองร้อยสาย ชุมชนแห่งนี้มีตลาดนัดสไตล์ท้องถิ่น ที่ชาวบ้านจะนำสินค้าในท้องที่มาจำหน่าย เดินช๊อปสินค้ากันหนำใจแล้ว ยังมีการบริการล่องเรือเที่ยวชมวิถีชีวิต แวะสักการะพระธาตุศรีสุราษฎร์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองสุราษฎร์ ปิดท้ายด้วยการเอาใจคนชอบเมนูขนมหวาน ต้องมาแวะรับประทานร้านขนมหวานป้ายา ที่ตัวขนมไม่หวานจนเกินไป ราคาย่อมเยาว์อร่อยถูกปากแน่นอน

เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เที่ยวกันเถอะครับเงินทองไม่รั่วไหลออกไปไหนหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ส่วนหนึ่งได้ย้อนกลับมาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยเราให้มีความกินดีอยู่ดี ที่สำคัญประเทศชาติได้ประโยชน์จากภาษีสามารถนำเงินมาหมุนเวียนลงทุนสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดจนสาธารณูปโภคให้กับประชาชนเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุดหน้าต่อไป

การท่องเที่ยวมาเลเซียชวนคนไทยท่องเที่ยวรัฐเประ ดินแดนแห่งขุนเขาและต้นตำรับกาแฟขาวที่ดีที่สุดของเอเชีย

ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และนายอับดุล ฮาริส ฮาดิ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพ ร่วมกับ นายตัน การ์ ฮิง ผู้บริหารระดับสูงของการท่องเที่ยวเประ และคุณซูไรดา บินติ เอ็มดี ทาอิป ประธานกรรมการบริหารการท่องเที่ยวเประ ร่วมเปิดงาน Perak Tourism Updates and Networking โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน หวังกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวชาวไทยสายครอบครัวให้ไปเที่ยวมาเลเซียในช่วงวันหยุดยาวต้อนรับเทศกาลปิดภาคเรียนที่จะถึงนี้


โดยทางด้านนายตัน การ์ ฮิง ผู้บริหารระดับสูงของการท่องเที่ยวเประ เผยว่าในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา รัฐเประได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศและช่วงเวลานี้ก็นับเป็นจังหวะที่ดีที่ทางรัฐจะกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าไปเยี่ยมเยือนรัฐเประมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยผ่านการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเห็นภาพว่ามาเลเซียและรัฐเประสามารถเป็นจุดหมายปลายทางให้กับนักท่องเที่ยวได้ในทุกช่วงเวลา

สำหรับรัฐเประ หรือที่มีชื่อเต็มว่า Perak Darul Ridzuan เป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน และประวัติศาสตร์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านแหล่งความรู้หลายรูปแบบ เช่น พิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นมากมาย เประมีธรรมชาติอันงดงามและมีป่าดิบชื้นเหมาะกับการพักผ่อนในวันหยุดของครอบครัว

 

 

โดยมีอิโปห์ (Ipoh) เป็นเมืองหลวง ซึ่งเมืองแห่งนี้ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางสถาปัตยกรรม และได้รับการโหวตโดย Lonely Planet ให้เป็นสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2560 และในปีพ. ศ. 2561 Lonely Planet ยังยกให้รัฐเประติดอันดับที่ 9 จาก 10 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและน่าเยี่ยมชมมากที่สุดในภูมิภาค นอกจากนั้น รัฐเประยังนับเป็นหนึ่งในเก้าสถานที่ที่ดีที่สุดของโลกสำหรับผู้เกษียณอายุ และยังเป็น 1 ใน 4 ของเอเชียที่สุดยอดด้านกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟขาว #whitecoffee ต้นตำรับของที่นี่ และต้นกำเนิดของแบรนด์ร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่าง #oldtownwhitecoffee

ว่ากันว่ากาแฟขาวที่นี่ดื่มแล้วนวลนุ่มราวขึ้นสวรรค์ คำกล่าวนี้ยืนยันโดยผู้บริหารระดับสูงของการท่องเที่ยวเประ ที่ขนทัพผู้ประกอบการกว่า 20 ชีวิตมาโปรโมทเชิญชวนคนไทยให้ไปเที่ยวชมเมืองมรดกโลก โดยจากสถิติคนท้องถิ่นมาเลเซียไปเที่ยวรัฐเประเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้เมืองแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวของรัฐเประสำหรับคนรักธรรมชาติ ได้แก่ Royal Belum ป่าดงดิบที่มีอายุประมาณ 130 ล้านปี เป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีอายุมากกว่าป่าคองโกและป่าแอมะซอน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และโบราณคดี รัฐเประมีหุบเขา Lenggong Valley ที่ได้รับคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ประกอบไปด้วยพื้นที่กลางแจ้งและบริเวณถ้ำที่ทอดยาวไปตามแนวแม่น้ำเประ ที่นี่ยังเป็นจุดที่ค้นพบซากกระดูกมนุษย์ชาวเประที่มีอายุกว่า 11,000 ปีซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี สวนสนุกสุดยักษ์ที่ซ่อนตัวกลางหุบเขาเหมืองดีบุกอย่าง Sunway Lost World of Tambun หรือ สวนสนุก Movie Animation Park Studios (MAPS) ที่มีตัวการ์ตูนจำลองจากภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย

นอกจากนี้อีกหนึ่งในเหตุผลที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเมืองเประเป็นเพราะอาหารท้องถิ่นที่ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย เช่น ปูทะเล ก๋วยเตี๋ยวกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวไก่ ไก่เค็มถั่วคั่ว และพืชตระกูลถั่ว รวมถึง Old Town White Coffee และพุดดิ้งเต้าหู้กับน้ำเชื่อมน้ำตาล เประจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกครอบครัวห้ามพลาด

สมาคมกล้วยไม้เชียงใหม่หัวใจแสนงามเสริมตลาดประชารัฐหน้าศาลากลางสานฝันอุทยานกล้วยไม้สร้างความสวยงาม

นายชัชวาลย์ เจริญทรัพย์ นายกสมาคมกล้วยไม้จ.เชียงใหม่ได้นำกล้วยไม้นานาพันธุ์1000กว่าต้นมามอบให้กับทางตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ ด้านหน้าศาลากลางจ.เชียงใหม่

เพื่อนำปลูกเสริมติดตามต้นไม้พุ่มไม้ภายในตลาด เพื่อให้เกิดความร่มรื่นสวยงาม สร้างบรรยากาศแห่งวัฒนธรรมของการจับจ่ายซื้อของท่ามกลางความร่มรื่นเป็นธรรมชาติ โดยมีนายธวัช ใสสม ตัวแทนของสนง.พัฒนาชุมชนจ.ชม. ตลาดรับมอบ

โดยการมอบกล้วยไม้ในครั้งนี้ถือเเป็นการปลูกกล้วยเพื่อแม่ในวันแม่แห่งชาติที่ชาวตลาดและทางส่วนราชการของจังหวัดได้ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่ากล้วยไม้ปลูกช่วงวันแม่ของปีนี้ นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวเป็นนโยบายของทางจังหวัดที่หวังไว้ว่าจะให้เป็นอุทยานกล้วยไม้ในอนาคตต่อไป

ขนส่งเชียงใหม่เปลี่ยนเส้นทางเดินรถเชียงใหม่-เชียงราย เนื่องจากถนนถูกตัดขาด

นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ได้เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ทางเบี่ยงในพื้นที่การก่อสร้าง ของโครงการก่อสร้างเส้นทาง ทล.118 ถนนเชียงใหม่-เชียงราย (บ้านปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด) ตั้งแต่ กม.42 – กม.50 ขาด จำนวน 5 แห่ง รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ขณะนี้ โครงการฯได้ปิดการใช้เส้นทางไว้ก่อน เพื่อรอให้น้ำลดและได้เตรียมเครื่องจักร รอการแก้ไขต่อไป

สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานกับบริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ซึ่งจัดการเดินรถเส้นทางเชียงใหม่ – เชียงราย ผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยจะเปลี่ยนไปเดินรถในเส้นทางเชียงใหม่ – ลำพูน – ลำปาง – พะเยา – เชียงราย ระยะทางประมาณ 350 กม. เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนที่จะเดินทางไปเชียงรายเป็นการชั่วคราว สอบถามเพิ่มเติม โทร 1584, 081-721-7999, 081-960-3874, 086-179-1645

ทีเส็บจัดงาน Thailand Domestic MICE Mart 2018 เปิดเวทีสร้างโอกาสธุรกิจให้ผู้ประกอบการไมซ์ครบวงจร

ทีเส็บจัดงาน Thailand Domestic MICE Mart 2018 เปิดเวทีสร้างโอกาสธุรกิจให้ผู้ประกอบการไมซ์ครบวงจร กระตุ้นการตลาด พัฒนาศักยภาพไมซ์สู่ภูมิภาค

ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ เชียงใหม่ นายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน Thailand Domestic MICE Mart 2018 โดยมี นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ , ดร.ไพรัช พิบูลย์รุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Chiang MICE) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนผู้ประกอบการร่วมงานในครั้งนี้จำนวนมาก

นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาดในประเทศ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นเวทีสำคัญทางการตลาดในการส่งเสริมโอกาสและพัฒนาศักยภาพไมซ์สู่ภูมิภาค ให้ผู้ประกอบการไมซ์ได้มีโอกาสนำเสนอสินค้า และบริการไมซ์ในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)-ทีเสบ จึงได้ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ มหาลัยวิทยาลัยเชียงใหม่ (Chiang MICE) จัดงาน Thailand Domestic MICE Mart หรือ TDMM2018 ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ งานสัมมนาเพื่อส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไมซ์ กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Trade Meet) และงานเลี้ยงรับรอง โดยมีจำนวนผู้ขายกว่า 50 หน่วยงาน และจำนวนผู้ซื้อกว่า 100 คน

นายสราญโรจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ไทยเป็นที่หนึ่งผู้นำในอาเซียนของอุตสหกรรมไมซ์ และเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคก้าวทันอุตสาหกรรมไมซ์และแนวโน้มของตลาด ในประเทศ ทีเส็บจะพัฒนางาน Thailand Domestic MICE Mart ในปีนี้ หรือ TDMM 2018 ให้มีรูปแบบใหม่ แตกต่างกว่าทุกครั้ง จากเดิมที่เป็นงานปิดและเป็นงาน B2B ให้มีลักษณะเป็นงาน B2C โดยจัดตั้งพื้นที่ใหม่เรียกว่า ไทยประชุมไทย รองรับงานแบบ B2C ของงาน TDMM 2018 และเข้าไปจัดตั้งไว้ภายในงานไทยเที่ยวไทยในเดือนกันยายนนี้

เพื่อนำเสนอแพ็กเกจการประชุมสัมมนาให้กับลูกค้าพร้อมๆ กับให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และสร้างโอกาสธุรกิจให้ผู้ประกอบการไมซ์ครบวงจร โดยในปีนี้จะเริ่มที่เชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร

ตลาดไมซ์ในประเทศในปี 2560 มีมูลค่ากว่าห้าหมื่นล้านบาท ทั้งงานแสดงสินค้า การประชุมองค์กรและสมาคมต่างๆ และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล แต่รายได้กว่าร้อยละ 80 ยังคงมาจากงานที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ปีนี้ทีเส็บจึงเปิดกลยุทธ์ดันธุรกิจไมซ์สู่ภูมิภาคเริ่มจาก ผลักดันงานเทรดโชว์ออกสู่เมืองไมซ์ ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น และภูเก็ต ขยายสู่การจัดประชุมในเมืองที่มีศักยภาพใกล้เคียง เช่น เชียงราย ระยอง อุดรธานี อุบลราชธานี กระบี่ และส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวหลังจบงาน ณ เมืองรองที่เข้าถึงจากเมืองไมซ์ได้สะดวก เช่น ลำปาง จันทบุรี หนองคาย ร้อยเอ็ด พังงา เป็นต้น

สำหรับการจัดงาน TDMM2018 ที่เชียงใหม่ในปีนี้ นายจิรุตถ์ ให้ข้อมูลว่า เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และแหล่ท่องเที่ยวชุมชน ทั้งยังมีความโดดเด่นทางวัฒนธรรมล้านนา ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี มีโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และมีค่ารักษาที่คุ้มค่ากว่าการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางการศึกษาทางภาคเหนือ

โดยมีสถานศึกษาชั้นนำจำนวนมาก มีศูนย์ประชุมที่รองรับการจัดกิจกรรมระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีสถานที่พักที่ได้มาตรฐานจำนวนมาก หลายระดับและมีการให้บริการที่ดี และที่สำคัญสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวกรวดเร็ว มีจำนวนสายการบินจำนวนมาก

“จังหวัดเชียงใหม่ในฐานะที่เป็นเมืองเป้าหมายให้เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมในการพัฒนา เพื่อเป็นกลไกและเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านต่างๆ ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมการจัดการประชุมของประเทศ เพิ่มรายได้เข้าประเทศ รวมทั้งเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการจัดประชุมของประเทศไทยให้ก้าวสู่จุดหมายปลายทางในระดับเอเชียต่อไป”