เชียงใหม่ เปิดประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย หมวด “ขล” พร้อมเปิดตัวรถแท็กซี่รุ่นใหม่เรียกผ่านแอพพลิเคชั่นได้

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขึ้นเหนือเปิดประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย หมวด “ขล” มอบเป็นของขวัญให้ชาวเชียงใหม่ในวันวาเลนไทน์และช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมเปิดตัวรถแท็กซี่รุ่นใหม่เรียกผ่านแอพพลิเคชั่นได้

นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้เป็นประธานเปิดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย ครั้งที่ 21 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน และมีผู้เข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งการประมูลครั้งนี้เป็นหมวดอักษร “ขล” จำนวน 301 เลขหมาย จัดขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 10 – 11 ก.พ. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากทำพิธีเปิดเสร็จแล้ว ก็ได้มอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย

สำหรับผลการประมูลครั้งนี้ผู้ที่ประมูลแผ่นป้ายที่ถือเป็นสุดยอดตัวเลข คือหมายเลข 9999 ไปครองคือ นายจิระพงศ์ กุลพฤทธานนท์ อายุ 52 ปี ประธานที่ปรึกษา ร้านจิปาถะ ซึ่งได้ประมูลไปในราคา 740,000 บาท และยังได้ประมูลอีก 3 ป้ายไปครองคือ หมายเลข 1111 ในราคา 330,000 บาท หมายเลข 2222 ในราคา 110,000 บาท และหมายเลข 9988 ในราคา 80,000 บาทด้วย

นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การประมูลรั้งนี้แม้ว่า หมายเลขทะเบียน 9999 จะเป็นหมายเลขสูงที่สุดในจำนวนเป้าหมายของการประมูลและครั้งนี้ก็มีผู้ประมูลไปไม่ถึง 1 ล้านบาทนั้น ซึ่งตรงจุดนี้ทางกรมการขนส่งไม่ได้บังคับว่าจะต้องประมูลได้ในราคาเท่าไหร่ หลักเท่าไหร่ จะถึงล้านหรือไม่ถึงล้านก็ได้ เพราะถือเป็นการร่วมกันทำบุญ นำเงินเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

โดยเงินที่ได้ก็นำไปใช้ในการรณรงค์ด้านความปลอดภัย การอบรมให้ความรู้กับเยาวชน จัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และจัดซื้ออุปกรณ์มอบให้กับผู้พิการที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น จึงไม่ห่วงว่าจะประมูลได้ในราคาสูงหรือไม่ เพราะจังหวัดเชียงใหม่ก็ถือว่าเปิดประมูลหลายครั้งแล้ว และมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ที่เปิดประมูล

นอกจากนี้ยังถือเป็นการประมูลก่อนห้วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเทศกาลตรุษจีนด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมประมูล สามารถนำแผ่นป้ายทะเบียนรถเลขสวยไปเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ และเทศกาลตรุษจีนได้ด้วยแต่ดูจากบรรยากาศในวันนี้ เพียงแค่ช่วงเช้าก็มีการสู้การประมูลกันอย่างดุเดือด ยอดของการประมูลเมื่อครั้งที่ 20 ที่ผ่านมาได้ 14,857,000 บาท ซึ่งจากช่วงเช้าของการประมูลก็ได้ไป 4 ล้านกว่าบาทแล้ว คาดว่าในวันนี้ทั้งวันจะได้ถึง 7 ล้านบาท และยังเหลือแผ่นป้ายประมูลอีกในวันที่ 11 ก.พ. 61 ก็คาดว่าน่าจะได้ใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา และช่วงวันที่ 30 มิ.ย. – ก.ค. 61 ก็จะมีการเปิดประมูลครั้งที่ 22 และเป็นครั้งที่ 2 ประจำปี 61 ด้วย

นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดที่มีครั้งของการจัดประมูลมากที่สุด ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 21 แล้ว ในหมวดอักษร “ขล” มีความหมายว่า “ขับรถเลขสวย ร่ำรวยโชคลาภ” และเงินรายได้ทั้งหมดจากการประมูลโดยไม่หักค่าใช้จ่ายเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนำมาใช้ในด้านการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย

หลังจากทำพิธีเปิดการประมูลเสร็จแล้ว ก็ได้ร่วมกันลงมาเปิดตัวรถแท็กซี่ที่ติดตั้งด้วยระบบแอพพลิเคชั่นแบบทันสมัย “Taxi OK” โดย นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อให้เกิดการพัฒนารูปแบบการให้บริการแท็กซี่มิติใหม่อย่างเป็นรูปธรรม กรมการขนส่งทางบกได้เดินหน้าโครงการ “Taxi OK มิติใหม่แท็กซี่ไทย” ซึ่งถือเป็นการยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ไทยทั้งระบบเป็นครั้งแรก ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับ ดูแล และควบคุมความปลอดภัยจากภาครัฐ เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็ว

เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ขับรถแท็กซี่ ทั้งนี้ Taxi OK “แตกต่าง” จากแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบัน เนื่องจากพัฒนาขึ้นโดยมุ่งไปยังสิ่งที่ผู้โดยสารต้องการอย่างแท้จริง เช่น การใช้เทคโนโลยี GPS Tracking ที่มีระบบยืนยันตัวตนผู้ขับรถ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกความปลอดภัย กล้องบันทึกภาพในรถแบบ Snap Shot ปุ่มฉุกเฉิน SOS จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยตลอดการเดินทาง และมีความแตกต่างชัดเจนด้วยแอพพลิเคชั่น Taxi OK

สำหรับเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ได้สะดวกรวดเร็วผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของผู้โดยสาร ซึ่งจะเข้ามาแก้ไขความไม่สะดวกสบายด้านบริการแท็กซี่ที่มีอยู่ในปัจจุบันจากปัญหาต่างๆ เช่น ผู้ขับรถเลือกรับผู้โดยสาร ปฏิเสธการให้บริการทั้งที่ยังเปิดไฟสถานะว่าง ความเที่ยงตรงของมาตรค่าโดยสาร หรือการคิดค่าโดยสารเกินจริงจากอัตราที่ปรากฏบนมาตรค่าโดยสาร เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้ผู้ขับรถแท็กซี่ เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น

การท่องเที่ยวมาเลเซียโปรโมทแคมเปญยักษ์ใหญ่ ‘Visit Malaysia Year 2020’ หวังดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก 36 ล้านคน

การท่องเที่ยวมาเลเซียโปรโมทแคมเปญยักษ์ใหญ่ ‘Visit Malaysia Year 2020’ ในงาน Malaysia Appreciation Night หวังดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก 36 ล้านคน

การท่องเที่ยวมาเลเซียตอกย้ำแคมเปญท่องเที่ยวระดับชาติ ‘Visit Malaysia Year 2020’ ในงาน Malaysia Appreciation Night ณ โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร โดยมีดาโต๊ะ ไซนอล อาบิดิน โอมาร์ รองประธานกรรมการการท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นประธานในงาน โดยมีการอ้างถึงการเปิดตัวแคมเปญยักษ์ใหญ่นี้ในงาน ASEAN Tourism Forum 2018 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในงาน ATF 2018 ได้มีการเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของ Visit Malaysia Year 2020 ซึ่งเป็นภาพหลากสีของพืชและสัตว์สัญลักษณ์ล้ำค่าของประเทศมาเลเซีย

ดาโต๊ะ ไซนอล อาบิดิน โอมาร์ กล่าวว่า “ในอีกสองปีข้างหน้า นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซียเพราะเป็นการเข้าสู่แคมเปญ Visit Malaysia Year 2020 อย่างเป็นทางการ จากแคมเปญดังกล่าวคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 36 ล้านคนเดินทางมายังประเทศมาเลเซีย สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1.68 พันล้านริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 1.36 หมื่นล้านบาท)”

‘Visit Malaysia Year 2020” แคมเปญการท่องเที่ยวระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนและรับรองจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในปี 2560 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการกำหนดแผนปฏิรูปการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซียให้สำเร็จภายในปี 2563

แคมเปญยักษ์ใหญ่นี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่จะรวมกลุ่มผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน แต่เป็นการดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสกับการต้อนรับที่อบอุ่น รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายของประเทศมาเลเซีย

แคมเปญนี้สอดคล้องกับโครงการ “Travel.Enjoy.Respect” ขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา มีการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวกลายเป็นหนึ่งแรงผลักดันสำหรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกสู่อนาคตที่ดีขึ้น

ในปี 2563 คาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียและสร้างรายได้มากกว่า 1.68 พันล้านริงกิตมาเลเซียให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประเทศมาเลเซีย แคมเปญนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนของประเทศมาเลเซียเนื่องจากภาครัฐมีแผนต่อเนื่องเตรียมประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกและการประชุมสุดยอดผู้นำรัฐบาลเครือจักรภพในปี 2563

ในงาน Malaysia Appreciation Night แขกผู้มีเกียรติได้ชมการแสดงจากคณะ ‘Istana Budaya’ ซึ่งเป็นคณะนักแสดงศิลปวัฒนธรรมระดับประเทศของมาเลเซีย รวมถึงมีการแสดงสดจาก Annabelle Vo Pei Pei นักร้องสาวชาวมาเลเซีย และนอกจากนี้ ดาโต๊ะ ไซนอล อาบิดิน โอมาร์ รองประธานกรรมการการท่องเที่ยวมาเลเซีย ได้มอบรางวัลให้กับตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวและสื่อต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมมาเลเซียในฐานะจุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

 

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเลเซียหรือการท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับการของกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมประเทศมาเลเซีย การท่องเที่ยวมาเลเซียมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ประเทศมาเลเซียในทุกระดับ

การท่องเที่ยวมาเลเซียได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดนับแต่การก่อตั้งและขึ้นมาเป็นอีกหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในระดับระหว่างประเทศ ในปี 2559 มาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยว 26.8 ล้านคนคิดเป็นรายได้ 82.1 พันล้านริงกิต ทำให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมทำเงินให้กับประเทศใหญ่เป็นลำดับที่ 2 และยังถือเป็นลำดับที่ 6 ของรายได้มวลรวมประชาชาติ

โรงพยาบาลลานนา สนับสนุนชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อไว้ใช้ดูแลนักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บ

โรงพยาบาลลานนา สนับสนุนชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อไว้ใช้ดูแลนักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บ

นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา สนับสนุนมอบชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น และชุดยาสามัญประจำบ้าน ให้กับตำรวจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ โดยมี พ.ต.ต.พิษณุ เตรียมดี สว.ส.ทท.1 กก.4 บก.ทท. (เชียงใหม่) เป็นผู้รับมอบ

ในช่วงต้นปีนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักอีกเมืองหนึ่ง ที่มักมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล เข้ามาสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นของเมืองเชียงใหม่ หนึ่งในภาระกิจหลักของตำรวจท่องเที่ยวคือ ดูแลเรื่องความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งคนไทย และต่างชาติ

ปัญหาที่มักพบบ่อยๆ ของนักท่องเที่ยว ก็คือเรื่องของการเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากมีใครให้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง ทางโรงพยาบาลลานนา ในฐานะองค์กรที่ให้บริการด้านสุขภาพคู่เมืองเชียงใหม่ จึงได้สนับสนุนชุดยาปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบพกพา เพื่อให้ตำรวจท่องเที่ยวติดรถสายตรวจไว้ใช้กับนักท่องเที่ยว ในกรณีพบเจอเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะได้ทำการดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ทันท่วงที และตู้ยาสามัญประจำสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ เชิงดอยสุเทพ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการอยู่เสมอ

ธ.ก.ส.ทุ่มงบ 50 ล้านบาทให้เกษตรกรผู้มีบัตรรายได้น้อยในแม่แจ่ม หวังลดพื้นที่ปลูกข้าวโพด บุกรุกป่า แก้ปัญหาหมอกควัน

ธ.ก.ส.ภาคเหนือ จับมือร่วมกับหลายหน่วยงาน นำงบ 50 ล้านบาท ส่งเสริมเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยแม่แจ่ม หวังลดพื้นที่ปลูกข้าวโพด ให้หันมาปลูกพืชผัก ผลไม้แบบเกษตรอินทรีย์แทน ลดปัญหาหมอกควัน ลดปัญหาบุกรุกป่า ฟื้นฟูสภาพดินและน้ำในพื้นที่ไปพร้อมกัน

ที่ห้องประชุม ธ.ก.ส.ภาคเหนือ อ.เมืองเชียงใหม่ นายภานิต ภัทรสาริน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายศรายุทธ ยิ้มยวน ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยการขับเคลื่อนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนเชิงพื้นที่ เพื่อสร้างพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารและปกป้องพื้นที่ป่าต้นน้ำ ระหว่างบริษัท เชียงใหม่วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด มูลนิธินวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ไทย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF-Thailand) มทร.ล้านนา และ ธ.ก.ส.

นายภานิต ภัทรสาริน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า อำเภอแม่แจ่ม เป็นแหล่งปลูกข้าวโพดแหล่งใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ที่ผ่านมามีทั้งปัญหาด้านการใช้สารเคมี ทำให้ดินเสื่อมสภาพ เมื่อมีน้ำไหลผ่านมาก็เอาสารเคมีลงแม่น้ำปิง หลังเก็บเกี่ยวก็จะเผาทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน มีการบุกรุกป่าทำไร่ข้าวโพด ปัญหานี้พบมานานมาก จึงนำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้

เพื่อเข้าไปดำเนินการศึกษาปัญหาเหล่านี้ และเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนให้มีการยกเลิกการปลูกข้าวโพดและหันมาปลูกพืชผัก ผลไม้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ รวมถึงนำพื้นที่ดินที่ถูกบุกรุกกลับคืนมา และให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันปลูกป่าคืนกลับไป รวมถึงจะได้รับการพักชำระหนี้ทั้งหมด 7 ปี โดยให้ประชาชนหันมาปลูกพืช ผัก ผลไม้ เลี้ยงสัตว์ ซึ่งทางบริษัท เชียงใหม่วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ได้เข้าไปพบกับชาวบ้าน และจะรับซื้อผลผลิตทั้งหมดจากผู้เข้าร่วมโครงการ

โดยทาง ธ.ก.ส.จะเป็นผู้สนับสนุนเงินกองทุนในการกู้ยืมให้กับเกษตรกร ซึ่งวางกรอบวงเงินไว้ประมาณ 50 ล้านบาท ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ก็เข้าไปสนับสนุนองค์ความรู้กับเกษตรกร เข้าไปพัฒนาแหล่งน้ำและความเป็นอยู่ให้ด้วย พร้อมเน้นย้ำให้เกษตรกรปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อฟื้นฟูสภาพดิน และแหล่งต้นน้ำ

สัมฤธทิ์ผลหรือไม่จับตาดูเชียงใหม่เข้มสั่งงดเผา 51 วัน แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพิษคลุมเมือง

ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ถือเเป็นปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นเป็นประจำในทุกปี โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำาของมนุษย์ที่ได้ทำการเผาป่าเพื่อหาของป่า รวมทั้งการเผาไร่เพื่อกำาจัดวัชพืช จนทำให้เกิด ผงฝุ่นและควันไฟกระจายไปในอากาศ ไม่สามารถลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ ประกอบกับความกดอากาศสูง ทำให้หมอกควันแผ่ปกคลุมทั่วเมือง จนทำให้เกิดมลพิษในอากาศมากขึ้น หลายเป็นปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อต่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางรัฐบาลจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหา และได้มีการยกระดับปัญหาให้เป็นความสำคัญระดับภูมิภาคของประเทศไทย โดยมอบให้ 10 จังหวัดภาค เหนือเป็นเขตการควบคุมป้องกันปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยในปีนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนมาตรการในการควบคุมมิให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือ PM10 เกินค่ามาตรฐาน

โดยล่าสุดทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยได้กำหนดเป็น 3 ขั้นตอน โดย ขั้นตอนที่ 1 จะเป็นขั้นตอนเชิงป้องกัน ซึ่งจะเป็นการประวสานงานไปยังหน้วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมบุคลากร เครื่องมือ งบประมาณ ทำการชิงเผาและทำแนวกันไฟในพื้นที่ป่า

จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือช่วงของการรับมือ ซึ่งจะเป็นช่่วงที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศเป็นช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดอย่างเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 20 เมษายน 2561 เพื่อเป็นการควบคุมมิให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือ PM10 เกินค่ามาตรฐานซึ่งหากมีการฝ่าฝืน ทางเจ้าหน้าที่ยจะมีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งหลังจากวันที่ 20 เมษายน 2561หากผู้ใดจะทำการเผา จะต้องขออนุญาตจากนายอำเภอก่อนดำเนินการทุกครั้งเพื่อควบคุมการเผาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่

ต่อมาในส่วนของขั้นตอนที่ 3 จะเป็นขั้นตอนในการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันโดยจะได้มีการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยร่วมกันรณรงค์ให้ความรู้แก่เยาวชน ประชาชน และแสวงหาองค์กรภาคประชาชนนักธุรกิจ มาร่วมกันดำเนินการตามโครงการพระราชดำริฯ ทุกประเภทที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่เหนือเขื่อนอ่างเก็บน้ำทุกแห่ง เพื่อให้เกิดพื้นป่าที่เป็นประโยชน์อย่างหลากหลาย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยื่นต่อไป

คณะทันตแพทยศาสตร์ มช.เปิดกิจกรรม “วันครอบครัวยิ้มสวย เสียงใส ครั้งที่ 7” อบรมความรู้ป้องกันภาวะปากแหว่งเพดานโหว่

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดกิจกรรม “วันครอบครัวยิ้มสวย เสียงใส ครั้งที่ 7” โดยฝึกอบรมให้ความรู้การป้องกันภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ และความพิการแต่กำเนิดด้วยโฟเลตอย่างถูกต้อง

 

ที่ ห้องประชุมสุธาสิโนบล คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมฝึกอบรมโครงการรณรงค์ป้องกันภาวะปากแหว่งเพดานโหว่และความพิการแต่กำเนิดด้วยโฟเลต จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2561 ภายใต้กิจกรรม “วันครอบครัวยิ้มสวย เสียงใส ครั้งที่ 7” โดยศูนย์รักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ จัดประชุมฝึกอบรมขึ้น

เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยโฟเลตอย่างถูกต้อง รวมถึง สามารถสื่อองค์ความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดไปสู่วัยสตรีเจริญพันธุ์ในอำเภอเป้าหมายหลัก 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฝาง อำเภอจอมทอง อำเภอแม่ออน และอำเภอแม่แจ่ม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ ดร.สิทธิชัย วนจันทรรักษ์ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์อัตราการเกิดทารกพิการแต่กำเนิดร้อยละ 3-4 มากถึงประมาณ 30,000 คนต่อปีของประเทศไทย โดยเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ 1.สิ่งแวดล้อมในครรภ์ เช่น แม่ดื่มเหล้า ติดยาเสพติด สูบบุหรี่ เป็นต้น

2.ความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญ กรณีที่มีความพิการทางพันธุกรรมที่ไม่แสดงออกให้เห็นในพ่อแม่ แต่ “ซ่อน” อยู่ภายในยีนของพ่อแม่ องค์การอนามัยโลกให้การรับรองว่า ความพิการแต่กำเนิดสามารถป้องกันได้โดยการรับประทานโฟเลตหรือกรดโฟลิก ขณะที่ ผลการวิจัยหากได้รับวิตามินบี 9 เป็นประจำทุกวัน วันละ 400 ไมโครกรัม ยังจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิดได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการมอบเกียรติบัตรแก่มูลนิธิเชียงใหม่สามัคคีการกุศล รวมถึง การประชุมปฏิบัติการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ เรื่องการวางแผนก่อนตั้งครรภ์ด้วยโฟเลต, รู้จริงเรื่องโฟเลต, มหัศจรรย์ 1,000 วันแรกของชีวิต , นโยบายและแนวทางการดำเนินงานอนามัยแม่และเด็กจังหวัดเชียงใหม่ , ก้าวต่อไปในการขับเคลื่อนของมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกของชีวิต , และโฟเลตกับคุณภาพชีวิตของคนไทย เป็นต้น

สคบ.ตรวจแห่งปลูกดอกไม้ เพื่อหาสารฟอร์มาลินก่อนถึงเทศกาลวาเลนไทน์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเลือกซื้อดอกกุหลาบ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบแหล่งเพาะปลูกดอกไม้ เพื่อหาสารฟอร์มาลินที่อาจปนเปื้อนกับดอกไม้ เนื่องจากในช่วงเทศกาลแห่งความรักหรือวาเลนไทน์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยจากการเลือกซื้อดอกกุหลาบในช่วงเทศกาล

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่ สคบ. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมตรวจสอบแหล่งเพาะปลูกดอกไม้ หมู่บ้านบวกเต๋ย ตำบลโปงแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบหาสารฟอร์มาลินที่อาจปนเปื้อนมากับดอกไม้ ตั้งแต่กระบวนการผลิต เก็บรักษา จนถึงการขนส่งไปยังแหล่งจำหน่าย และรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความเป็นอันตรายหรือความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากสารฟอร์มาลินที่พบในดอกไม้

รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าและให้บริการอย่างเป็นธรรมไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และได้รับความปลอดภัยจากการซื้อสินค้าหรือบริการในช่วงเทศกาล

ในช่วงเทศกาลแห่งความรักหรือวาเลนไทน์ ซึ่งผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อของขวัญต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าดอกไม้สด เพื่อมอบให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งผู้จำหน่ายดอกไม้สดจะสั่งซื้อดอกกุหลาบจากแหล่งเพาะปลูกในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย เข้ามาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยเป็นเขตร้อนชื้น การเพาะปลูกดอกกุหลาบจึงต้องอาศัยแหล่งเพาะปลูกที่มีลักษณะดินละสภาพอากาศที่เหมาะสม

รวมถึงกระบวนการคัดแยก การเก็บรักษา ตลอดจนการขนส่งดอก อาจมีผู้ประกอบการนำดอกไม้ไปแช่สารฟอร์มาลิน โดยไม่คำนึงถึงความอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค สคบ.จึงได้เตรียมมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคตั้งแต่ต้นน้ำให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยจากการเลือกซื้อดอกไม้ ประกอบกับร้านดอกไม้มักอาศัยช่วงเทศกาลปรับราคาดอกไม้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า โดยบางร้านไม่มีการติดป้ายแสดงราคาหรือแสดงราคาที่ไม่ชัดเจน เช่น ขนาดตัวอักษรเล็ก ติดราคาไม่ตรงกับตัวสินค้า ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม สคบ. ได้เน้นย้ำขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบธุรกิจให้มีความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคเป็นสำคัญและต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด

เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าจระเข้ในน้ำปิง หลังมีชาวบ้านพบเห็นมาติดตาข่ายดักปลา

จากกรณีที่ได้มีการประกาศเตือนให้เตือนประชาชนที่อาศัยใกล้น้ำปิง ให้ระมัดระวังเนื่องจากมีกลุ่มชาวบ้านได้พบเห็นจระเข้ ขนาดยาวประมาณ 2 เมตร ติดอยู่บริเวณอุปกรณ์หาปลาของชาวบ้าน ในแม่น้ำปิง บริเวณเขตรอบต่อบ้านท่าปู่แดงและบ้านท่าสองแคว ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จนทำให้ชาวบ้านแตกตื่นและกล่วว่าจะเกิดอันตราย ทางผู้สทาอข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่

โดยจากการสอบถามทางด้าน นายเมืองคำ ชะเงา อายุ 55 ปี ได้เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้พายเรือไปเก็บตาข่ายดักปลาที่ตนได้วางดักไว้กลางลำน้ำปิง ซึ่งระหว่างที่กำลังเก็บตาข่ายดักปลาก็พบว่า าตาข่ายมีน้ำหนักมาก อนแรกตนก็นึกว่ามีปลาขนาดใหญ่มาติด จึงได้ออกแรงกระตุก ก็พบว่าได้มีสัตว์ลักษณะคล้ายจระเข้ กระโดดขึ้นจากน้ำ ก่อนจะว่ายน้ำหนี โดยลากตาขายของตนไปจนขาด เมื่อตนเห็นดังนั้นจึงได้ตกใจและรีบพายเรือเข้าฝั่ง ก่อนที่จะแจ้งให้กับทางผู้ใหญ่บ้านได้รับทราบ

ทั้งนี้ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดชุดปฎิบัติการร์คอยตรวจตราหาร่องรอย เบาะแส จากนั้นจะได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าหากพบว่าเป็นจะรเข้จริงก็จะได้มีการหาวิธีการในการจับกุมเพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำอันตรายกับชาวบ้าน และปลาในกระชังที่ชาวบ้านได้เลี้ยงเอาไว้

บางกอกแอร์เวย์สเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) ให้บริการทุกวัน เริ่ม 25 มีนาคมนี้

บางกอกแอร์เวย์สเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) ให้บริการทุกวัน เริ่ม 25 มีนาคมนี้

5 กุมภาพันธ์ 2561 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สายการบินฯ ที่ให้บริการเต็มรูปแบบภายใต้สโลแกน Asia’s Boutique Airline (ความประทับใจแห่งเอเชีย) เตรียมเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ ระหว่างเชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) โดยจะให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแบบ ATR 72-500/600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดยเที่ยวบินขาไป PG995 ออกจากเชียงใหม่ เวลา 09.55 น. ถึงฮานอย เวลา 12.00 น. เที่ยวบินขากลับ PG996 ออกจากฮานอย เวลา 12.45 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 14.50 น. เริ่มวันที่ 25 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป

ผู้โดยสารที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ www.bangkokair.com หรือ Call Center โทร. 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง ครั้งละ 3 บาท ทั่วไทย (เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน)

ขบวนนักปั่นจิตอาสาปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ เข้าเส้นชัยที่เชียงใหม่แล้ว

ขบวนนักปั่นจิตอาสา “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ” เข้าเส้นชัยที่เชียงใหม่แล้ว เศรษฐีนีใจบุญมอบที่ดินและบ้านกว่า 200 ล้านให้ศูนย์คนพิการได้ใช้ประโยชน์ด้วย

ช่วงเช้าวันนี้ (5 ก.พ. 61) นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นพยานในการขบวนนักปั่นจักรยานของคนพิการทางสายตากับนักปั่นจิตอาสาจังหวัดเชียงใหม่ ตามโครงการ “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No one left behind” ที่บริเวณหน้าหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการจัดรูปขบวนเพื่อปล่อยตัวขบวนนักปั่น จำนวนทั้งสิ้น 140 คน และมีหน่วยงานด้านการจราจรและการพยาบาล ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนและอำนวยความสะดวกให้กับทีมนักปั่นจักรยานตลอดเส้นทาง

หลังจากปล่อยตัวออกจากจุดสตาร์ทก็ได้มุ่งหน้าไปยังบ้านของ นางดวงกมล พานิชกุล ที่บ้านชลิสา เศรษฐีนีเจ้าของธุรกิจรายหนึ่ง เพื่อรับมอบสิทธิที่ดินเก็บกิน เป็นพื้นที่ทั้งหมด 33 ไร่ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ที่ได้มอบที่ดินแห่งนี้ให้กับมูลนิธิฯ ไว้ใช้ประโยชน์ในด้านศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนด้วย หลังจากที่ทำพิธีรับมอบเสร็จก็ได้ร่วมกันหว่านเมล็ดปอเทืองลงในแปลงนาภายในพื้นที่ด้วย ก่อนที่ทางคณะจะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

สำหรับ โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกันฯ นั้น ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอด 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต ปั่นจักรยานสามัคคี “คนตาดีช่วยคนตาบอด” 9 วัน 9 จังหวัด เป็นระยะทางรวมทั้งสิ้น 867 กิโลเมตร เพื่อระดมทุน สนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว เพื่อให้เป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการอย่างยั่งยืน ถือเป็นการสานต่องานที่ “พ่อ” ทำด้วยการเปลี่ยน “ภาระ” ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง “พลัง” ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม

 

ในขณะนี้ยอดเงินที่ได้จำนวน 26 ล้านกว่าบาท ซึ่งยอดที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 67 ล้านบาท ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการหากสร้างสำเร็จ จะช่วยให้คนพิการที่อยู่ด้านหลังอยู่ในสังคมได้ดีขึ้น ให้คนพิการทำงานเพื่อสังคมและอยู่กับสังคมได้เหมือนกับคนทั่วไป ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมและความเคลื่อนไหวของ โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ได้ทาง Facebook : มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ (Facebook.com/Universalfoundation) หรือ www.wiriya.org และร่วมส่งแรงใจสนับสนุนนักปั่นผู้พิการทางสายตาด้วยการติดแฮชแท็คที่กำหนด #ปั่นไปไม่ทิ้งกัน #NoOneLeftBehind ซึ่งผู้ที่มีจิตศรัทธาก็สามารถร่วมบริจาคได้ตลอด