เชียงใหม่ เตรียมจัดงาน “ชุมชน ชุมใจ : เทศกาลศิลปะ งานฝีมือ และอาหารนคร เชียงใหม่” กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 เทศบาลเชียงใหม่โดยนายจิโรจน์ โรจนเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ,นางน้ำฝน รสจรรยา ผู้แทนจากชุมชนในเขตเทศบาลเชียงใหม่ และ รศ.ดร.สันต์ สุวัจฉราภินันท์ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษาร่วมกันแถลงข่าว “ ชุมชน ชุมใจ : เทศกาลศิลปะ งานฝีมือ และอาหารนคร เชียงใหม่ ” ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคเหนือเป็นเมือง ที่มีมรดกทางวัฒนธรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย จึงทำให้เชียงใหม่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของการ ท่องเที่ยว รวมถึงเป็นจุดหมายของการอยู่อาศัยของผู้คนจากที่ต่างๆ จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้เมืองเชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายในมิติต่างๆ อยู่ในอัตราสูง

เทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีการดำเนินโครงการที่มุ่งเน้นและส่งเสริมให้ภาคประชาชน ประชาสังคม และ นักวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ให้คนในชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ร่วมออกแบบ วางแผน และ กำหนดรูปแบบของกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งวิธีการดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการ เป็นการ สร้างความตระหนักและสร้างความรู้สึกในการเป็นเจ้าของเมือง และทำให้เกิดความภาคภูมิใจ และจะนำไปสู่ความยั่งยืน ได้ในที่สุด อีกทั้งเทศบาลฯ ได้มีโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ในบริเวณพื้นที่หอพื้นถิ่น ล้านนา เพื่อให้เป็นสถานที่ที่ทุกคน ทุกภาคส่วนสามารถใช้เป็นพื้นที่พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดเก็บ ข้อมูล (Data) เมือง

ในปี 2566 นี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ได้จัดงาน “ ชุมชน ชุมใจ : เทศกาลศิลปะ งานฝีมือ และอาหารนคร เชียงใหม่” ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมือง ของเทศบาลนครเชียงใหม่ กิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย การจัดแสดงนิทรรศการผลงานด้านการอนุรักษ์และ พัฒนาเมืองของเทศบาลนครเชียงใหม่ที่ได้มีความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยมีกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2566 ณ บริเวณศูนย์มรดกเมือง เทศบาลนครเชียงใหม่ และพื้นที่เชื่อมต่อบริเวณลาน อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ถึงลานด้านหน้าหอพื้นถิ่นล้านนา

โดยทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์ Workshop โดยภาคชุมชน การแสดงคีตศิลป์และนาฏยศิลป์สร้างสรรค์ กิจกรรมย้อนวันวาน “เชียงใหม่ กลางแปลง” การแสดง 3D Projection Mapping ประกอบเสียงและสื่อผสม AR สร้างสรรค์จินตนาการผสมเทคโนโลยี สมัยใหม่ พร้อมทั้งเปิดให้เข้าเยี่ยมชมหอกลางเวียงในบรรยากาศ Night Museum จนถึงเวลา 20:30 น. และจะมีพิธี เปิดงานชุมชนชุมใจ : เทศกาลศิลปะ งานฝีมือ และอาหารนครเชียงใหม่ และเปิดศูนย์สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาเมือง เชียงใหม่ ในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ผาเมือง ปะทะเดือด กลุ่มขบวนการขนยาเสพติด เสียชีวิต 6 ศพ ยึดคีตามีน 19 เป้ ชายแดนฝาง

ห้วงเช้ามืดวันที่ 9 มกราคม 2566 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับ กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ กองกำลังผาเมือง จัดกำลังพล จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ บริเวณ บ้านปางตอง ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 15-20 คน เดินแบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา จึงเกิดการปะทะกันประมาณ 10 นาที ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย ฝ่ายตรงข้ามไม่ทราบการสูญเสีย หน่วยจึงได้จัดกำลังเพิ่มเติมเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ

 

ต่อมาห้วงบ่ายของวันดังกล่าว พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกลุ่มขบวนการขนยาเสพติด เสียชีวิต จำนวน 6 ศพ พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) จำนวน 19 เป้ น้ำหนักรวม 300 กิโลกรัม, อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 3 กระบอก และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง

โดยในระหว่างทำการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ชุดปฏิบัติการระวังป้องกันของ กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 และ กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ กองกำลังผาเมือง ตรวจพบกลุ่มขบวนการขนยาเสพติด จำนวนประมาณ 2-3 คน หลบซ่อนในร่องน้ำห่างจาก ชุดปฏิบัติการระวังป้องกันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 100 เมตร ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา และเกิดการปะทะกันอีกประมาณ 10 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย กลุ่มขบวนการได้ใช้ความชำนาญในภูมิประเทศหลบหนีไป หน่วยจึงได้ได้นำของกลางส่งสถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กตป. กสทช. ลงพื้นที่ รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม

“กตป. กสทช. ลงพื้นที่ รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing) เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2565 ที่จังหวัดเชียงใหม่”

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุม ดอยหลวง ดอยนาง โรงแรมแคนทารี ฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทิศา รัตนวิชา กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.) เป็นประธานเปิดโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินการและการบริหารงานของ กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2565 ซึ่งจัดขึ้นโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นกว่า 150 คน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทิศา รัตนวิชา กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.) กล่าวว่า กตป. มีกำหนดการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2565 ทั้งหมด 5 จังหวัด 5 ภาค ซึ่งภาคเหนือ ได้เลือกจังหวัดเชียงใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียในด้านกิจการโทรคมนาคมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ 1. การจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง 2. การกำกับดูแลการประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสาร 3. การแก้ไขปัญหา Call Center และ SMS หลอกลวง และ 4. การพัฒนาบริการแทนบัตร “Mobile ID”
ซึ่งการประชุมนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบกิจการ และผู้บริโภคในพื้นที่ เพื่อให้การประเมินการดำเนินงาน
ของสำนักงาน กสทช. ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อมูลต่างๆ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดในวันนี้ ทางกรรมการติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.) และคณะฯ จะรวบรวมสรุปศึกษาและวิเคราะห์ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่างๆ ของสำนักงาน กสทช. ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา

ชาวบ้านโวย ฟาร์มหมู ส่งกลิ่มเหม็นทั้งหมู่บ้าน

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 30 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีกลุ่มชาวบ้านในบ้านห้วยโจ้ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกันเดินขบวนประท้วงไปทั้งหมู่บ้าน เพื่อทำการประท้วง ฟารม์เลี้ยงหมูส่งกลิ่นเหม็นทั้งหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านกินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นเวลาร่วมปี ไร้หน่วยงานรัฐบาลมาช่วยแก้ไขปัญหา

โดยชาวบ้านได้เดินขบวนถือป้ายป้ายประท้วงเป็นธิวแถวร้องตะโกนไม่เอาฟรามส์หมูซึ้งตั้งอยู่ปากทางหมู่บ้าน โดยทำทำฟาร์หมู มาเป็นเวลานับปี ซึ่งทุกวันฟาร์มหมู แห่งนี้ส่งกลิ่นเหม้นโชย เข้ามาในหมู่บ้านทุกวัน ชาวบ้านเคยร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไร้คนเข้ามาแก้ไขปัญหา จนวันนี้ชาวบ้านทนไม่ไหวลุกฮือเดินขบวน ขอปิดฟาร์มดังกล่าว ซึ่งฟาร์มหมู แห่งนี้ตอนเปิดใหม่ๆมีการเลี้ยงหมูแค่ 20 ตัวแต่ก็พัฒนาจนตอนนี้มีหมูกว่า 600 ตัว และส่งให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งการประท้วงครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ามาดูแลเพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปคุยกับทางเจ้าของฟาร์มหมู และได้เสนอแนะ ให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขและใส่สารลงบ่อบำบัด และแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนชาวบ้าน ซึ่งทางฟาร์หมู รับปากจะปฏิบัติตาม ซึ่งชาวบ้านก็ได้แยกย้ายและจะรอดูการทำงานของฟาร์หมู หากยังส่งกลิ่นเหม็นให้ชาวบ้านก็จะประท้วงให้ปิดเลย

คุ้มเสือ เปิดพิธีไหว้ครูพยัคฆราช (พญาเสือ) ดาราสาว พลอย ชิดจันทร์ เข้าร่วมพิธี สืบสานประเพณีและส่งเสริมการท่องเที่ยว

คุ้มเสือ เปิดพิธีไหว้ครูพยัคฆราช (พญาเสือ) ดาราสาว พลอย ชิดจันทร์ เข้าร่วมพิธี สืบสานประเพณีและส่งเสริมการท่องเที่ยว พลักดันให้อยู่ในปฏิทินท่องเที่ยวอำเภอแม่ริมและจังหวัด ส่งเสริมการท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 พ.ย. 65 พลตรีหญิง กชกร ไชยบุตร กรรมการบริษัทคุ้มเสือตระการ จำกัด ได้จัดพิธีไหว้ครูพยัคฆราช (พญาเสือ) ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เบาบางลงและกลับมาเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้ง จึงได้จัดพิธีไหว้ครูเสือ เพื่อเป็นการเปิดการท่องเที่ยวต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายภควัต​ ขันธหิรัญ​ นายอำเภอแม่ริม​ พร้อมด้วย นักแสดงสาว “พลอย ชิดจันทร์” และเจ้าหน้าที่ของคุ้มเสือ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้

พลตรีหญิง กชกร ไชยบุตร กรรมการบริษัทคุ้มเสือตระการ จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากคุ้มเสือ (Tiger Kingdom) แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีไว้ครูเสือเป็นประจำทุกปี เพื่อแสดงความเคารพและความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แและครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทสรรพวิชาในการดูแลอภิบาลปกป้องคุ้มครองบรรดาเสือ ผู้ดูแลเสือ รวมถึผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางคุ้มเสือจึงจำเป็นต้องงดจัดพิธีเป็นเวลาติดต่อกันหลายปี จนกระทั่งปี 2565 นี้ เมื่อทางภาครัฐกลับมาฟื้นฟูและส่งเสริมการ่องเที่ยว เป็นโอกาสสำคัญที่คุ้มเสือ แม่ริม เชียงใหม่ ได้กลับมาจัดพิธีไหว้ครูเสืออีกครั้ง เพื่อสืบสานธรรมเนียมประเพณีอันดีงามซึ่งเคยยึดถือปฏิบัติสืบมา ทั้งยังเป็นการประชสัมพันธ์ ส่งเสริมและกระตุ้นภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ที่ซบเซา ขาลงจากผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าว ให้กลับมาคึกคักเหมือนเช่นในอดีตก่อนหน้านี้อีกครั้ง และเป็นการเปิดประตูต้อนรับช่วงไฮซีซั่น ฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดพิธีนี้ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย

สำหรับพิธีไหว้ครูพยัคฆราช (ไหว้ครูเสือ) เป็นการรื้อฟื้นนำเอาภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สั่งสมองค์ความรู้กันมาหลายชั่วรุ่นเป็นแกนกลางในการจัดพิธีกรรม เพื่อให้เกิดความศรัทธา ความยิ่งใหญ่ และสวยงามท่ามกลางวงล้อมของบรรดาเสือโคร่ง ทั้งนี้ สามารถสัมมผัสได้ถึงพลังแห่งชีวิตและจิตวิญญาณแห่งอำนาจบารมีแห่งเสือ โดยมุ่งหวังให้กิจกรรมไหว้ครูเสือนี้สามารถพัฒนาไปเป็นกิจกรรมประจำปี ซึ่งบรรจุอยู่ในปฏิทินท่องเที่ยวประจำปีของอำเภอแม่ริมและทางจังหวัดเชียงใหม่ในอนาคต

นอกจากนี้พิธีไหว้ครูเสือยังเป็นส่่วนหนึ่งของการรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับเสือ เพื่อจัดทำเป็นคู่มือเรียนรู้เชิงบูรณาการและเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับเสือ ตามนโยบายของทางองค์กรไทเกอร์คิงดอม (Tiger Kingdom) อีกด้วย ซึ่งพิธีไหว้ครูเสือในครั้งนี้ได้จัดขึ้นในรูปแบบผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยประยุกต์และวัฒนธรรมล้านนา โดยจัดให้มีพิธีสักการะบูชาทั้งในภาคพิธีสงฆ์ โดยพระเถราจารย์ และพิธีท้องถิ่นโดยพฤฒาจารย์ผู้ทรงความรู้ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการไหว้ครูพยัคฆราช (ไหว้ครูเสือ) ได้จัดให้มีพิธีครอบครู พิธีสักยันตืแและลง นะ หน้าทอง การถักประเจียดมงคลและไหว้ครูมวยไทย พร้อมทั้งจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับเสือด้วย ซึ่งในช่วงของการประกอบพิธี มีเจ้าหน้าที่ของคุ้มเสือ รวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้

นักท่องเที่ยว ทยอยเดินทางกลับหลังสิ้นสุดงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ คาดมีผู้เดินทางผ่านสนามบินไม่น้อยกว่า 20,000 คน

นักท่องเที่ยว ทยอยเดินทางกลับหลังสิ้นสุดงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ คาดว่าวันนี้มีผู้เดินทางผ่านสนามบินเชียงใหม่ไม่น้อยกว่า 20,000 คน ขณะที่การตรวจเก็บซากโคมลอยในเขตสนามบินปีนี้พบเพียง 1 ลูกเท่านั้น

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เวลา 14.00 น.นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมผู้บริหาร พนักงาน และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันอำนวยความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารทั้งระบบ อาทิ กระบวนการตรวจบัตรโดยสาร กระบวนการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนแบบ In-Line Screening การตรวจค้นก่อนเข้าห้องผู้โดยสารขาออก เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็วภายใต้มาตรฐานสากล และมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามที่รัฐและ ICAO กำหนด โดยผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางกลับภูมิลำเนาหลังจากท่องเที่ยวช่วงเทศกาลประเพณียี่เป็งที่จังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 20,000 คน

สำหรับการตรวจสอบซากโคมลอย โคมควัน ในพื้นที่เขตการบินปีนี้ พบมีซากโคมเข้ามาตกในเขตทางขับเพียง 1 ลูก เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องขอขอบคุณที่ประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายด้านการบินและประกาศจังหวัดเชียงใหม่ โดยงดปล่อยโคมลอย โคมไฟ ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1

เครดิตภาพ : ท่าอากาศยานเชียงใหม่

โต้คลื่นฝ่ากระแส มุ่งหน้าสู่ฝัน เฉลิมฉลองครบรอบ 73 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน อู๋ จื้ออู่ กงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่

โต้คลื่นฝ่ากระแส มุ่งหน้าสู่ฝัน เฉลิมฉลองครบรอบ 73 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน อู๋ จื้ออู่ กงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่

วันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวาระแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับชาวจีนทั้งในและต่างประเทศนี้ ข้าพเจ้าขอส่งคำอวยพรไปยังเพื่อนร่วมชาติ และร่วมแบ่งปันความภาคภูมิใจและความสุขของพวกเราให้กับเพื่อน ๆ ทุกสาขาอาชีพในพื้นที่เขตอาณาของสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่

วันนี้เมื่อ 73 ปีก่อน รัฐบาลประชาชนกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้น ทำให้ประเทศจีนก้าวกระโดดจากระบอบศักดินาที่สืบทอดมานับพันปีสู่ระบอบประชาธิปไตยของประชาชน อันเป็นการเปลี่ยนแปลงของระบอบการปกครองครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งปลุกให้ทุกชนชาติและประชาชนที่ถูกกดขี่ทั่วโลกลุกขึ้นต่อสู้เพื่อการปลดแอก ตลอด 73 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวจีนได้ก้าวผ่านการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงระยะเวลาแห่งการปฏิวัติและการสร้างสรรค์สังคมนิยมนั้น จีนได้ก่อตั้งระบอบสังคมนิยมขั้นพื้นฐานขึ้น บรรลุการปฏิรูปสังคมในขอบเขตกว้างที่สุดและมีระดับลึกซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร์ประชาชาติจีน บรรลุการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากประเทศขนาดใหญ่ที่ยากไร้และมีประชาชนจำนวนมากสู่สังคมนิยม ในยุคใหม่ของการปฏิรูปและเปิดประเทศและการสร้างสรรค์สังคมนิยมสมัยใหม่ ประเทศจีนได้บุกเบิกหนทางที่ถูกต้องอย่างไม่ลดละในการสร้างสรรค์สังคมนิยม และประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามทางประวัติศาสตร์ จากประเทศที่มีพลังการผลิตที่ค่อนข้างล้าหลังมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองในโลก
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 เมื่อปี พ.ศ. 2555 ระบอบสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจีนก็ได้เข้าสู่ยุคใหม่ เศรษฐกิจของจีนมีการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและต่อเนื่อง พลังรวมของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จีนได้บรรลุเป้าหมายการบากบั่นต่อสู้แห่งศตวรรษแรก คือ การสร้างสังคมพอกินพอใช้ทุกด้านบนดินแดนจีนและแก้ไขปัญหาความยากจนสัมบูรณ์เชิงประวัติศาสตร์ได้สำเร็จลุล่วง อีกทั้งยังกำลังก้าวสู่เป้าหมายแห่งศตวรรษที่สอง คือ การสร้างประเทศที่มีความเข้มแข็งและทันสมัยแห่งสังคมนิยมในทุกด้าน ประชาชาติจีนได้บรรลุการก้าวกระโดดอันยิ่งใหญ่ จากการลุกขึ้น มั่งคั่งขึ้น มาเป็นเข้มแข็งขึ้น การบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนนั้นได้เข้าสู่กระบวนการเชิงประวัติศาสตร์ที่ต้องเป็นไปอย่างมั่นคงแล้ว

ในปี พ.ศ. 2564 GDP ของจีนสูงถึง 17.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งคิดเป็น 18.5% ของเศรษฐกิจโลกและมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกประมาณ 25% ทำให้จีนกลายเป็นพลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก GDP ต่อหัวของจีนอยู่ที่ 12,551 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และเข้าใกล้เกณฑ์ของผู้มีรายได้สูงซึ่งกำหนดโดยธนาคารโลก ประเทศจีนเป็นอันดับหนึ่งของโลกในด้านการค้าสินค้า และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และเป็นอันดับสองของโลกในด้านการค้าภาคบริการ การลงทุนในต่างประเทศ และตลาดอุปโภคบริโภค

นับตั้งแต่ต้นปีมานี้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะซับซ้อนและตึงเครียด เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศหลายแห่งหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยที่คาดคิดไม่ถึงได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของจีนที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีศักยภาพมาก ทำให้แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจในทางที่ดีไม่มีการเปลี่ยนแปลง สถานการณ์การฟื้นฟูความมั่นคงอย่างต่อเนื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเงื่อนไขการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลจีนได้ประสานงานการป้องกันและควบคุมโรคกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ มีการดำเนินการตามแนวคิดการพัฒนาแบบใหม่ด้วยนวัตกรรม ความสมดุล ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดกว้าง และการแบ่งปัน เร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาแบบใหม่ที่หมุนเวียนภายในประเทศเป็นหลัก และยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนานในประเทศและต่างประเทศที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ทำให้การเกิดโรคระบาดระลอกใหม่ในประเทศได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจภาคประชาชนมีเสถียรภาพและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาสังคมที่มีเสถียรภาพได้โดยรวม

“เรือเมื่อแล่นสู่กลางสายน้ำ ย่อมเจอกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกว่า” บนเส้นทางการบรรลุความฝันในการฟื้นฟูความรุ่งเรืองของประชาชาติจีนนั้น พวกเรามีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ประเทศจีนมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นแกนนำที่แข็งแกร่ง มีข้อได้เปรียบของระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมที่สามารถระดมกำลังเพื่อทำภารกิจใหญ่หลวงได้ สิ่งเหล่านี้เป็นหลักประกันพื้นฐานที่ทำให้แน่ใจได้ว่า จีนจะสามารถรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางสังคมในระยะยาวได้ การที่จีนมีรากฐานทางวัตถุที่สมบูรณ์ซึ่งสั่งสมมานาน มีทรัพยากรมนุษย์ที่หลากหลาย มีระบบอุตสาหกรรมที่ครบวงจร และมีศักยภาพที่แข็งแกร่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนมีขนาดตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพมากที่สุดของโลก ทำให้จีนมีแรงสนับสนุนขั้นพื้นฐานในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสามารถต้านทานความเสี่ยงจากภายนอกได้

จีนจะยึดมั่นในหนทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศ และจะยืนหยัดส่งเสริมการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนด้วยหนทางสู่ความทันสมัยแบบจีน ในฐานะประเทศกำลังพัฒนา จีนจะพยายามช่วยให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาไปพร้อมๆ กันกับจีน เมื่อปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้นำเสนอข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก และข้อริเริ่มด้านความมั่นคงระดับโลก ตามลำดับ โดยเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมมือกันเพื่อรับมือกับความท้าทายและสร้างอนาคตร่วมกัน ข้อริเริ่มทั้งสองสอดรับและส่งเสริมซึ่งกันและกัน บูรณาการเรื่องสันติภาพและการพัฒนา ซึ่งเป็นหัวข้อหลักที่สำคัญแห่งยุคสมัยเข้าด้วยกัน นับเป็นการเสนอภูมิปัญญาและวิธีการของจีนให้กับประเทศต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการพัฒนาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

วันที่ 16 ตุลาคมที่จะถึงนี้ การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 กำลังจะจัดขึ้น การประชุมครั้งนี้จะกำหนดเป้าหมายภารกิจและนโยบายที่สำคัญของการพัฒนาของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้าและวางแนวทางต่อจากนั้น จีนจะยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศที่เป็นสันติและอิสระ จีนจะยังชูธงแห่งสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และการเอื้อประโยชน์ร่วมกัน ยึดมั่นในการปกป้องสันติภาพของโลก ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน และส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ

จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เป็นหุ้นส่วนที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี และเป็นญาติมิตรที่ดี ที่มีความสามัคคีกลมเกลียวและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 47 ปีที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายมีการเยี่ยมเยียนกันระหว่างผู้นำระดับสูงบ่อยครั้ง และมีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมที่ประสบผลสำเร็จมากมาย ความสัมพันธ์จีน-ไทยมีความเข้มแข็งที่มากขึ้น เป็นแบบอย่างสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีระบอบสังคมที่แตกต่างกัน ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 10 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ไทยอีกด้วย ท่านหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ และได้บรรลุฉันทามติที่สำคัญกับฝ่ายไทยที่จะร่วมกันสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยมีเป้าหมายและแนวทางที่คล้ายคลึงกันในการพัฒนา ตลอดจนมีเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากมายสำหรับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต เราจึงเชื่อมั่นว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะมีอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

นับตั้งแต่ปีนี้ ข้าพเข้าได้เดินทางไปเยือนจังหวัดต่างๆ ในเขตอาณาของสถานกงสุลใหญ่จีนฯ ซึ่งได้พบปะพูดคุยและติดต่อประสานงานกับบุคคล จากส่วนราชการและวงการต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจการค้า การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงมิตรภาพที่ทุกสาขาอาชีพในภาคเหนือของไทยที่มีต่อชาวจีน ตลอดจนความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย สืบเนื่องจากการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ระบบเครือข่ายรางรถไฟจีน ลาว และไทยมีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ “ระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลแห่งใหม่” ของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่โขงมีความสะดวกยิ่งขึ้น ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จะช่วยยกระดับให้ภาคเหนือของไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในด้านความร่วมมือและการพัฒนาระดับภูมิภาค สถานกงสุลใหญ่จีนฯ จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศจีนกับภาคเหนือของไทย ส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ผลักดันข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และ “กรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง” ในภาคเหนือของไทย ให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับความร่วมมือระหว่างจีนและภาคเหนือของไทยให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ

ขออวยพรให้ประเทศจีนและประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนของทั้งสองประเทศอยู่เย็นเป็นสุข

กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ส่งสาส์นอวยพรตรุษจีน

นายอู๋ จื้ออู่ กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ส่งสาส์นอวยพรตรุษจีน ถึงมิตรสหายในทุกสาขาอาชีพและพี่น้องชาวจีนโพ้นทะเลทุกท่านในพื้นที่

วันที่ 31 มกราคม 2565 – เนื่องในโอกาสวันตรุษจีนนี้ ในนามของสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งคำอวยพรวันตรุษจีนถึงมิตรสหายในทุกสาขาอาชีพและพี่น้องชาวจีนโพ้นทะเลทุกท่านในพื้นที่ ขอให้ทุกท่านซินเจียยู่อี่ สมหวังทุกประการและมีครอบครัวที่สุขสันต์ ปี 2021 เป็นปีแห่งความสำเร็จของประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนฉลองครบรอบ 100 ปี ประเทศจีนได้บรรลุเป้าหมายแรกของ “วาระ100 ปี” เสร็จสิ้นการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่แห่งการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกๆด้าน และก้าวสู่เส้นทางการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ได้มาไม่ง่ายและเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

ปี 2021 เป็นปีที่ไม่ธรรมดาอีกหนึ่งปี ในปีที่ผ่านมา เราต้องเผชิญกับโรคระบาดที่ซ้ำซาก สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ได้แสดงความห่วงใยทุกคนเสมอมา เราได้ทำงานร่วมกับชาวจีนโพ้นทะเลและประชาชนจากทุกสาขาอาชีพในพื้นที่เพื่อเอาชนะความยากลำบากครั้งนี้ โดยมีการจัดส่ง “ถุงสู้โควิด” ให้พลเมืองจีนและประชาชนในพื้นที่ ยังได้ร่วมกิจกรรมการบริจาคในพื้นที่เชียงใหม่และใกล้เคียง อีกทั้งได้ร่วมมือกับสมาคม สมาพันธ์ชาวจีนโพ้นทะเลกลุ่มต่างๆ ในการดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ในระหว่างการต่อสู้กับโรคระบาด ฝ่ายไทยก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาชาวจีนที่ติดโควิด อีกทั้งให้ความช่วยเหลืออย่างดีในการดำเนิน “ปฏิบัติการซูนเหมียว” หรือโครงการฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองจีนในจังหวัดเชียงใหม่จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี แม้ไวรัสจะไร้ความปราณี แต่พวกเราทั้งสองฝ่ายได้ใช้การลงมือปฏิบัติจริงในการอธิบายถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งที่สมกับคำกล่าวว่า “จีนไทยพี่น้องกัน”

แลไปข้างหน้าปี 2022 พวกเราเต็มไปด้วยความมั่นใจและความหวัง งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่งที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ การประชุมใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาในอนาคตของจีนจะจัดขึ้นภายในปีนี้เช่นกัน ประชาชนจีนจะมุ่งมั่นต่อไปเพื่อการบรรลุเป้าหมาย “วาระ100 ปี” ที่สอง เราจะส่งเสริมการทูตแบบมีเอกลักษณ์จีนอย่างเต็มที่ จะพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามหลักการมิตรภาพ ความจริงใจ การเอื้อประโยชน์ร่วมกัน และการยอมรับกันและกัน เราจะกระชับความร่วมมือกับมิตรประเทศรวมถึงประเทศไทย เติมพลังใหม่ๆให้กับความร่วมมือแบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้านระหว่างจีนกับไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อความผาสุกยิ่งๆขึ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ

ปีเสือเติมพลัง เสริมมงคลรับปีใหม่ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ประเทศจีนและประเทศไทยจงมีแต่ความสงบสุข ประชาร่มเย็น และขอให้มิตรภาพระหว่างเราทั้งสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งๆขึ้น ขออวยพรให้เพื่อนจากทุกสาขาอาชีพและพี่น้องชาวจีนโพ้นทะเลทุกคนจงเป็นเหมือนเสือติดปีก คิดการใดขอให้สมปรารถนา และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตในปีใหม่นี้

Wu Zhiwu, Consul General of China in Chiang Mai

Spring Festival message to friends from all walks of life in the Consular District

January 31, 2022 – The golden ox bids farewell to the past and the auspicious tiger offers blessings. On the occasion of the arrival of the year of the tiger, on behalf of the Chinese Consulate General in Chiang Mai, I would like to pay New Year’s greetings to people from all walks of life and overseas Chinese in the consular district. I wish you all a happy new year and a happy family!

The year 2021 is a milestone for China. The Communist Party of China is celebrating her centennial birthday. Standing at the historical intersection of the “two centenaries”, China has built a well-off society in an all-round way, embarked on a new journey of building a modern socialist country in an all-round way, and swaggered on the road of realizing the great rejuvenation of the Chinese nation. Our achievements are hard won and we are proud of them.

The year 2021 is also an extraordinary year. In the face of recurrent Covid-19, the Chinese Consulate General in Chiang Mai always cares about everyone and works together with overseas Chinese and people from all walks of life to overcome difficulties. The Consulate General timely distributed “Covid-19 prevention kit” to Chinese citizens, made donations to Chiang Mai and other places several times, and also cooperated with overseas Chinese associations to carry out public welfare activities to help people in need. Thailand has actively treated the Chinese citizens who have been diagnosed and provided strong assistance for the smooth implementation of the “spring sprout” program in Chiang Mai. The virus is ruthless, but we have once again interpreted the kinship between China and Thailand.

Looking forward to the year 2022, we are full of confidence and hope. The Beijing Winter Olympic Games and the Winter Paralympic Games, which have attracted much attention, are about to begin. The 20th National Congress of the Communist Party of China, which is of great significance to China’s future development, will also be held within this year. The Chinese people will continue to strive to achieve the second Centenary goal. We will comprehensively promote the diplomacy of major countries with Chinese characteristics, adhere to the neighboring diplomatic principle of amity, sincerity, mutual benefits and inclusiveness, deepen cooperation with friendly countries including Thailand, constantly add new vitality to the China-Thailand comprehensive strategic cooperative partnership and continue to create greater well-being for the two peoples.

Forge ahead with the vigor and vitality of the tiger and the Spring Festival is full of auspicious atmosphere. I wish China and Thailand to embrace prosperity, our people to enjoy happiness and wellbeing, and the China-Thailand friendship to thrive forever! I wish friends from all walks of life and overseas Chinese all the best in the new year, with might redoubled.

นายกเทศบาลนครเชียงใหม่ นำทีมพนักงาน kick off ทำความสะอาดและพัฒนาเมือง

นายกเทศบาลนครเชียงใหม่ นำทีมพนักงาน kick off ทำความสะอาดและพัฒนาเมือง

เช้าวันนี้ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ นางสาวรัชนี ชมชื่น รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่งานรักษาความสะอาด และ งานช่าง จำนวนกว่า 100 คน ได้ร่วมกันเปิดกิจกรรมทำความสะอาดตลาดสดเมืองใหม่และโดยรอบเทศบาล โดยนำเครื่องจักรมาขุดลอกคลองระบายน้ำในตลาดและบริเวณโดยรอบ ทำความสะอาด เก็บขยะ

รวมถึงการจัดระเบียบการวางขายสินค้าบริเวณตลาดสดแห่งนี้ รวมถึงการ ฉีดน้ำพ่นฆ่าเชื้อ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน พ่อค้าแม่ค้า ให้รู้จักป้องกันตัวเองจากโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยโดยบริเวณหน้าตลาดมีการคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโคหวิด 19 โดยจะมีการระดมเจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาด ตลาดสดทั้ง 4 แขวงในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และบริเวณโดยรอบเพื่อความมั่นใจของประชาชน และนักท่องเที่ยว

เชียงใหม่ขยายโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยวันนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม186รายยอดรวมทะลุ381รายแล้ว

ที่วันที่ 10 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการขนย้ายเตียง ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางโรงแรม 8 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 142 เตียง เพื่อนำมาขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม จากในระยะแรกที่มีอยู่ 252 เตียง และจะเพิ่มจำนวนเตียงอีก 500 เตียง เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยตั้งเป้าจะเพิ่มขนาดของโรงพยาบาลสนามเป็นจำนวน 1,000 เตียง โดยมีกำลังพลจากกรมทหารราบที่ 7 และ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 พร้อมยานพาหนะในการช่วยขนย้าย ทางด้านสาธารณสุขจังหวัดประกาศว่าวันนี้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อ covid19 ในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มจำนวน 186 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่กำลังรักษาตัวอยู่ในขณะนี้มียอดพุ่งขึ้นรวมแล้วมากถึง 381 ราย แล้วในวันนี้