ผู้เขียน: sanan

พล.ต.ต.พิชญา บุญขจร ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนจับนายณัฐวุฒิ อายุ 34 ปี ชาว จ..แม่ฮ่องสอน พร้อมของกลาง อาบุปืน และส่วนประกอบของอาวุธปืนสงคราม พร้อมทั้งเครื่องกระสุนรวมทั้งสิ้น 24 รายการ ดำเนิคดีข้อหา“มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง” โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีขบวนการค้าอาวุธสงครามเพื่อส่งขายต่อให้ชนกลุ่มน้อยสัญชาติกะเหรี่ยง ในประเทศเมียนมา ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ต่อต่อซื้อขายผ่านทางไลน์ และโทรศัพท์ โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และมีการส่งอาวุธผ่านทางบริษัทรับส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ใน อ.แม่สะเรียง โดยจะมีคนมารับเพื่อนำส่งขายต่อให้ชนกลุ่มน้อยอีกทีหนึ่ง จึงนำกำลังไปดักซุ่มกระทั่งพบนายณัฐวุฒิ มาติดต่อขอรับของที่ส่งมาจึงจับกุมนำตัวไปค้นที่บ้านพบของกลางจำนวนมากดังกล่าว จากการสอบสวนพบว่าได้กระทำการดังกล่าวมาหลายครั้งแล้วโดยติดต่อซื้อขายกับคนส่งใช้ชื่อว่า “สว.นุ” จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา นางสาวพัชราภรณ์ อุทยาน หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่า พร้อมนายสัตวแพทย์และคณะ เดินทางไปยัง หมู่บ้านแม่งัดน้อย หมู่ 4 ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านกลางป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ก่อนหน้านี้อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้รับแจ้งจาก ร.ต.ท.นคร ปัญญาทิพย์ และนายสวาท เนรวรรณ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ว่า นายดาวิ จะนุ ราษฎรชาวลาหู่ บ้านแม่งัดน้อย แจ้งว่า พบสัตว์ป่า (ลูกเก้ง) จำนวน 1 ตัว น่าจะพลัดหลงจากแม่และเดินหลงเข้ามาในบริเวณสวนของชาวบ้าน จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ช่วยมารับไปอนุบาลดูแล จากนั้น อุทยานฯ จึงได้ประสานไปยัง ฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่า ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย มาช่วยดำเนินการตรวจประเมินสุขภาพก่อนนำเคลื่อนย้ายไปดูแลยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า จากการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พบว่า ลูกเก้ง เพศเมีย อายุประมาณ 2 เดือน มีสุขภาพร่างกายค่อนข้างแข็งแรง เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการเคลื่อนย้ายไปดูแลยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย เพื่อตรวจสุขภาพก่อนทำการปล่อยกลับคืนสู่ป่าต่อไป สำหรับเก้งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีแนบท้าย กฎกระทรวง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2562

นายพงษ์ศักดิ์ การดื่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองนายประการ กุออ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง สมาชิก อส.แม่วาง ปศุสัตว์อำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งมีช้างตกมันทำร้ายควาญช้างเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ปางช้างแห่งหนึ่ง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ จึงไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพบศพ นายยุทธนา อายุ 33 ปี ชาว อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ถูกช้างตกมันทราบชื่อพลายปุ๊กกี้ อายุ 20 ปี เหยียบเสียชีวิต จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นควาญช้าง เช้าวันนี้พลายปุ๊กกี้ ก็เกิดอาการตกมัน ทางควาญช้างพยายามเข้าไปดูอาการแต่พลาดท่าถูกช้างเหยียบเสีชีวิตดังกล่าว

กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมือง ออกปฏิบัติภารกิจซุ่มโจมตี บริเวณบ้านป่ากุ๋ย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้ตรวจพบกลุ่มคาราวานต้องสงสัย ประมาณ 8 – 10 คน แบกเป้เข้ามายังพื้นที่จึงแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้นแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้ปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ จึงเกิดการปะทะกันขึ้นเสียงปืนดังลั่นสนั่นป่าประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย หลังจากเกินเหตุปะทะไม่นาน ระหว่างการวางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ ได้มีรถกระบะต้องสงสัย ขับรถออกจากบริเวณใกล้พื้นที่ปะทะจึงได้แจ้งให้หยุดแต่รถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงยางรถเพื่อสกัดและทำการไล่ติดตาม จนกระทั่งตรวจพบรถคันดังกล่าว ยางได้รับความเสียหายไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อได้ ห่างจากจุดปะทะ ประมาณ 500 เมตร แต่ไม่พบบุคคลและสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาเช้าของวันที่ 20 เม.ย. 65 จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกลุ่มขบวนการเสียชีวิต 1 ศพ เป้กระสอบ จำนวน 3 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า จำนวน 246,000 เม็ด และเฮโรอีน จำนวน 28 ขวด น้ำหนักรวม 5.6 กก. จึงยึดไว้เป็นของกลางและรวบรวมหลักฐานเพื่อทำการขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ต่อไป

นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภออำเภอกัลยาณิวัฒนา รายงานสรุปความเสียหายจากพายุฤดูร้อนพักถล่มเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 เมษายน ในพื้นที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา มีหมู่บ้านได้รับผลกระทบ จำนวน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านวันจันทร์ หมู่ที่ 3 และบ้านเด่น หมู่ที่ 7 ต.บ้านจันทร์ โดยพื้นที่บ้านวัดจันทร์ หมู่ที่ 3 มีหลังคาบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายรวม 29 หลังคาเรือน สัตว์เลี้ยง (กระบือ) ตาย 1 ตัว ส่วน บ้านเด่น หมู่ที่ 7 มีหลังคาบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 5 หลัง พืชผลทางการเกษตรคือ ฟักทอง ได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจ ทั้งนี้ในส่วนของอำเภอกัลยาณิวัฒนาและ อปท. ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะได้ดำเนินการ โดยเริ่มจาก อบต.บ้านจันทร์ ได้รายงานเหตุด่วนสาธารณภัยมาให้อำเภอเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมช่วยเหลือ วัสดุ ได้แก่ กระเบื้อง หลังคาสังกะสี ให้แก่ราษฎรที่บ้านได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้อำเภอฯ จะนำจิตอาสาภัยพิบัติเข้าช่วยเหลือเข้าช่วยซ่อมแซมหลังคาบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายต่อไป และมอบหมายให้ปศุสัตว์อำเภอ และเกษตรอำเภอ ร่วมสำรวจ ตรวจสอบ เพื่อช่วยเหลือเจ้าของสัตว์เลี้ยงและเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายตามระเบียบต่อไป

ช่วงเย็นวันเดียวกันยังเกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มในอีก 2 อำเภอของ จ.เชียงใหม่ ได้แก่ อ.สะเมิง และ อ.แม่อาย โดยที่ อ.สะเมิง รายงานเหตุพายุฤดูร้อนได้สร้างความเสียหาย ในพื้นที่ตำบลแม่สาบ 2 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 และหมู่ 7 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ตำบลบ่แแก้ว 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 6 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย และเสาไฟฟ้าหักล้มเพราะถูกไม้ล้มทับ ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อยู่ระหว่างสำรวจและตรวจสอบความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไปส่วนที่ อ.แม่อาย มี 5 ตำบล ที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ ตำบลมะลิกา หมู่ที่ 1 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 2 หลัง ตำบลแม่สาว หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 15 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 5 หลัง ตำบลท่าตอน หมู่ที่ 6 หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 11 และหมู่ที่ 15 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 8 หลัง และตำบลแม่อาย หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 5 หลัง ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้เร่งสำรวจและตรวจสอบความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 สนธิกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมือง ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ”อินทนนท์ 12/65″ นำกำลังเจ้าหน้าที่ผสมกว่า 200 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมายใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเป้าหมายใหญ่อยู่ที่ บ้านหนองเต่า ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ผลปฏิบัติการจับกุมนายสมบูรณ์ อายุ 34 พร้อมกลางอาวุธปืนลูกซองยาว และกระสุน 1 นัด จับกุมตัวชายไม่ทราบชื่อ อายุ 40 ปี ได้ของกลางยาบ้าจำนวน 4 เม็ด และจับกุมชายชาวพม่า พร้อมของกลาง เครื่องวิทยุคมนาคม จำนวน 3 เครื่อง และตรวจยึดอาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 4 กระบอก ไว้ทำการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังทำการตรวจยึดยาบ้า 8 แสนเม็ด โดยเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ได้ทำการลาดตระเวนบริเวณเส้นทางธรรมชาติในพื้นที่ บ้านเปียงหลวง ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหงพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย 5 คน สะพายเป้หลัง จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจพบยาบ้า 4 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า 8 แสนเม็ด ทิ้งไว้จึงยึดไว้เป็นของกลางและติดตามจับกุมแก๊งขนยาบ้ารายนี้มาดำเนินคดีต่อไป

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ นายอนุเทพ ธาระนะ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภาค 5 พ.อ.ชายแดน กฤษณสุวรรณ เสธ.ศป.บส.ชน พ.อ.อุไร ศรีม่วงสุข หน.ฝยก.ศอ.บส.ชน. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ของกลางยาบ้า 2 ล้านเม็ด จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 คน

การจับกุมครั้งสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนภาค 5 เจ้าหน้าที่ทหาร ปปส.ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ สภ.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ สืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าที่กรุงเทพฯ จึงสนธิกำลังตั้งด่านสกัดจับ ต่อมาได้มีนายปรีดา หรือเอ็ม อายุ 31 ปี นายอักษะ อายุ 20 ปี ทั้งคู่เป็นชาวกรุงเทพฯ นายฐิติกร อายุ 20 ปี และ น.ส.จันทร์กระจ่าง อายุ 18 ปี ชาว จ.นครปฐม ขณะขับและนั่งรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ตแคปติว่า สีขาว ทะเบียน 4 กบ 205 กทม. เข้ามาที่ด่านตรวจลักษณะตามที่สายรายงานจึงตรวจค้นพบของกลางยาบ้าจำนวนดังกล่าวภายในรถ นำตัวมาสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดรับสารภาพว่ารับจ้างจากนายทุนรายใหญ่ให้ขับรถยนต์คันดังกล่าวจากจังหวัดเชียงรายเข้ากรุงเทพฯหลังจากนั้นจะมีคนารับรถไปอีกทีซึ่งตำรวจกำลังขยายผลเพื่อติดตามจับกุมแก๊งค้าราบ้ารายนี้ต่อไป

กลุ่มเครือข่ายยุติเหมืองแร่อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เดินทางมารวมตัวหน้าที่ว่าการอำเภออมก๋อย โดยตัวแทนเครือข่ายได้ยื่นหนังสือต่อนายอนุรักษ์ ศิลป์ไพราช ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ผู้แทนนายอำเภออมก๋อย เพื่อคัดค้านการสร้างเหมืองแร่ถ่านหิน ในพื้นที่บ้าน”กะเบอะดิน” โดยทางตัวแทนนายอำเภอได้รับเรื่องไว้เพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป

การชุมนุมประท้วงครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ยื่นคำขอประทานบัตร เพื่อทำเหมืองแร่ถ่านหิน บริเวณพื้นที่หมู่บ้านกะเบอะดิน หมู่ 12 ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และมีการยื่นแบบรายงานการวิเคราะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการให้ทางรัฐบาล แต่แบบรายงานดังกล่าวไม่มีประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม อีกทั้งพื้นที่หมู่บ้านทั้งหมดเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่ยังคงวิถีดั้งเดิม ยังชีพด้วยการทำไร่หมุนเวียน เช่นมะเขือเทศ ฟักทอง กะหล่ำปลี และพริก อีกทั้งพื้นที่หมู่บ้านยังมีแหล่งน้ำจากดอยที่อุดมสมบูรณ์ หากมีการสร้างเหมือนแร่จริง จะส่งผลกระทบทางมลพิษทุกด้านต่อคนในหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือหากการคัดค้านในครั้งนี้ไม่ได้ผล

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.กกล.ผาเมือง นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของกลางยาบ้าจำนวน 2 ล้านเม็ดผู้ต้องหา 7 คนพร้อมยึดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาจำนวน 20 ล้านบาท โดยตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ปปส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวนายอาทิตย์ อายุ 38 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี นายอาก๋วย หรือตี๋ อายุ 31 ปี นายนุพร อายุ 28 ปี นายวิริทธิ์พล หรือเล่าเอ๋อ อายุ 30 ปี นายธีระชัย อายุ 21 ปี นายลิซา อายุ 32 ปี ทั้งหมดเป็นชาว ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และ นาไพรสน อายุ 42 ปี ชาว จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2,000,000 เม็ด รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน กพ 7581 เชียงราย รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ทะเบียน 2 ขข 1989 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน ญบ 1931 กรุงเทพมหานคร นำตัวดำเนินดคีข้อหา”ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้าและเป็นการกระทำที่ก่อให้แพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าว่ามีกลุ่มผู้ค้ายา ลำเลียงยาบ้าเข้ามาทางชายแดนมาเก็บไว้ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง กลางเมืองเชียงราย เพื่อลำเลียงไปส่งให้กับนายทุนที่กรุงเทพฯจึงนำกำลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุม แก๊งค้ายารายนี้มีนายทุนรายใหญ่อยู่เบื้องหลังซึ่งตำรวจรู้แล้วว่าเป็นใคร สั่งซื้อยาจากโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านโดยตรงแล้วมีการลำเลียงยาผ่านชนกลุ่้มน้อย เข้ามาคัดแยกและบรรจุยาไว้ในรถยนต์เพื่อส่งต่อเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของประเทศ เราสืบสวนสอบสวนขยายผลทำการจับกุมและยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้รถยนต์จำนวน 6 คัน บ้าน 3 หลัง ที่ดินและ เงินสด รวมกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งจะได้ขยายผลทำการจับกุมและยึดทรัพย์ต่อไป