ทหารยิงปะทะแก๊งขนยาบ้าชายแดนอ.แม่ฟ้าหลวงยึดอีกยาบ้า1ล้านเม็ด

พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ 17 ก.ย. 67เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองกำลังผาเมืองโดย ร้อย.ม.1 ฉก.ทัพเจ้าตาก จัดกำลัง จำนวน 1 ชป. ทำการเฝ้าตรวจ และปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณ บ้านแม่คำน้อย หมู่ 18 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย ปัจจุบัน หน่วยได้จัดกำลังเพิ่มเติมจำนวน 2 ชป. วางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น.ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผลการปฏิบัติ ตรวจพบเป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 5 เป้ ภายในบรรจุยาบ้าเป้ละประมาณ 200,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 1,000,000 เม็ด ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม

พล.อ.นฤทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มค้ายาเสพติดยังคงอาศัยช่วงที่หน่วยทหารและเจ้าหน้าที่ปกครอง บางส่วนช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดน ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแนวทางการทำงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กลุ่มขบวนการใช้โอกาสต่างๆเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจของเจ้าหน้าที่ ทั้งการตั้งจุดตรวจจุดสกัด การวางกำลัง รวมทั้งการทำงานช่วงรอยต่อในขณะนี้

บิ๊กล็อต!!..รวบ2ผู้ต้องหาขนยาบ้า14ล้านเม็ดลอบลำเลียงจากชายแดนเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่

10.00 น. 24 สิงหาคม 67 ที่ ห้องประชุม นบ.ยส.35 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ( ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายการสกัดกั้นยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.ส่งผลให้กลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน ที่มุ่งหน้าจากแยกเมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน บริเวณหลังตลาดกาดเมืองเพียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น

ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวอำเภอเชียงดาว 2 ราย พร้อมยาบ้า 14,000,000 เม็ด ซุกซ่อนท้ายกระบะรถยนต์ จึงจับกุมและตรวจยึดพร้อมของกลางอีก 4 รายการ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ isuzu สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ยพ 2934 เชียงใหม่ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้าสีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กอ 917 เชียงใหม่ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ผบ.หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดยังคงใช้คนในพื้นที่ชายแดนขนยาเข้าพื้นที่ตอนใน ห้วงวันหยุด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยความเข้มข้นในการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุมยาล็อตใหญ่นี้ได้ ดังนั้นฝากประชาชนในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลในชุมชนของตนเองหากพบเหตุการณ์ผิดปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ล็อตใหญ่!!..ไอซ์1,000กก.ยาบ้า80ล้านเม็ดจ่อชายแดนหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบนรอลอบขนเข้าไทยขายหาเงินทำสงครามสู้รบกันในเมียนมา

9 ส.ค. 67 เวลา 2230 กองกำลังผาเมือง โดย ร้อย.ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก จัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจและได้ปะทะกับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณช่องทาง บ.ผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย รุ่งเช้าวันที่ 10 ส.ค จึงเข้าทำการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบเป้กระสอบดัดแปลง ภายในบรรจุยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 5 เป้ แบ่งเป็น ยาบ้า จำนวน 3 เป้ เป้ละ 200,000 เม็ด รวม 600,000 เม็ด และ เฮโรอีน จำนวน 2 เป้ เป้ละ 12 ถุง น้ำหนักถุงละ 400 กรัม รวมน้ำหนัก 9.6 กิโลกรัม

พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้มีการเร่งผลิตยาเสพติด และระบายเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการทดแทนยาเสพติด ที่ถูกจับกุมได้ทั้งในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ตอนในของประเทศ และจากความเข้มข้นของการสกัดกั้น ในพื้นที่ภาคเหนือ ด้านจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ในห้วงที่ผ่านมา ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของ นบ.ยส.35 จากการบูรณาการงานด้านการข่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดการณ์ยังคงมีปริมาณยาเสพติดพักคอยตามแนวชายแดน ด้านตรงข้ามภาคเหนือของไทย ที่รอการสั่งและนำเข้า โดยมียาบ้าไม่น้อยกว่า 80 ล้านเม็ด ไอซ์ ประมาณ 1,000 กก โดยกลุ่มขบวนการ ใช้วิธีการที่หลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม เช่น ใช้เด็กเยาวชนในการลำเลียง การลักลอบขนส่งผ่านระบบโลจิสติกส์ และการซุกซ่อนในช่องลับดัดแปลงของยานพาหนะที่ใช้ขนส่ง เป็นต้น ตลอดจนมีปรับรูปแบบการยาเสพติดให้มีความทันสมัย เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด เพื่อให้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

ตร.ภาค5ไล่ล่าสองสามีภรรยาชาวไทย!!..บงการขนไอซ์ล็อตใหญ่600กก.ส่งเอเยนต์ภาคกลาง

7 ส.ค.67 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค5 เจ้าหน้าที่ ปปส. ภาค5. ร่วมกันแถลงข่าวกาจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ของกลางยาไอซ์ 602 กิโลกรัม รถยนต์ 7 คัน ผู้ต้องหา 8 คน โดยการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค5 เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ปปส. สืบทราบว่าจะมีแก๊งค้ายาลักลอบลำเลียงยาไอซ์ ล็อตใหญ่จากพื้นที่ จ.เชียงราย ไปส่งให้เอเยนต์ใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย จึงมีการวางแผนสืบสวนสอบสวนเพื่อจับกุมร่วมกัน โดยวันที่ 31 ก.ค.67 ที่ผ่านมา สามารถสกัดจับผู้ต้องหา 3 คน รถยนต์ 2 คันพร้อมยาไอซ์ 150 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้ที่ ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีรถตู้จำนวน 5 คันขับออกจากพื้นเชียงราย ลำเลียงยาไอซ์จำนวนมากมุ่งหน้าสู่ภาคกลาง จึงนำกำลังออกติดตามและสกัดจับรถที่ใช้ขนและรถนำทางได้ทั้งหมด 5 คันได้ที่ จ.ลำปาง และที่ด่านตรวจห้วยไร่ จ.แพร่ พร้อมของกลางยาไอซ์ 450 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 5 คน พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่ การส่งยาจะจัดส่งแบบกระจายตามเส้นทางสายรองจากเชียงรายสู่พื้นที่ภาคกลางของประเทศ มีผู้บงการเป็นสองสามีภรรยาคนไทย ซึ่งเราจะสืบสวนขยายผลไล่ล่าจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

บช.ปส.ร่วมกับฉก.ทัพเจ้าตากรวบผู้ต้องหาแก๊งขนยาบ้า2รายยึดยา6ล้านเม็ดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

 

 

 

31 ก.ค. 67 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเพิ่มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนด้านจังหวัดเขียงราย และพะเยาโดยการมอบหมายให้ พลตรี นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้านยาเสพติด เพื่อเพิ่มมาตรการในการแก้ไขปัญหาเส้นทางลำเลียงยาเสพติดของ 2 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย และ อ.ภูซาง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เมื่อคืน กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน คาดว่าเป็นรถนำ บริเวณ บ้านหัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้าบรรจุอยู่ภายในกระสอบ ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะรถยนต์ จำนวน 30 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้า 6,000,000 เม็ด การจับกุมในครั้งนี้เป็นผลจากการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่สาย เข้ามาพักคอยในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ตามที่หน่วยข่าวของ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย)คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้หน่วยงานด้านการสกัดกั้นยังคงเพิ่มความเข้มในการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานก็ตาม

ล็อตใหญ่!!..ทหารสกัดจับยาบ้าข้ามชายแดนเชียงใหม่-เชียงรายปะทะยิงกันสนั่นป่ารวบแก๊งขนพร้อมยาบ้าจำนวนมาก

20 พ.ค.67 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 20 พ.ค. 67 บก.สกัดกั้นที่ 3 นบ.ยส.35 ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตากและกก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ทำการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง และเข้ามาพักคอย ในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน บริเวณ โรงแรมแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง กระสอบใหญ่จำนวน 29 กระสอบ และกระสอบเล็ก จำนวน 2 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังรถปิคอัพปิดทึบ รถยนต์ปิคอัพ จำนวน 1 คัน และ รถเก๋ง จำนวน 1 คัน ซึ่งจะได้ตรวจนับและขยายผลติดตามจับกุมขบวนการนี้ต่อไป

ขณะเดียวกันในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 05.20 น.วันเดียวกัน กกล.ผาเมือง โดย ร้อย.ทพ.3201 บก.ควบคุมทพ. ศปก.ทภ.3 จัด กพ. 1 ชป. ทำการเฝ้าตรวจและปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณ ช่องทาง บ้านป่ากุ๋ย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่. ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่ปะทะ พบ เป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 4 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า เป้ละ 100,000 เม็ด จำนวน 3 เป้ และเป้ละ 200,000 เม็ด จำนวน 1 เป้ รวมยาบ้าประมาณ 500,000 เม็ด จึงจัดกำลังไล่ล่าแก๊งค้ายาบ้าที่กำลังหลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินตามกฏหมาย

แก๊งซามูไรจนมุมแล้ว!!..ตำรวจเชียงใหม่ตามรวบหลังควบมอเตอร์ไซค์ควงดาบซามูไรอาละวาดขู่เอาเงินเหยื่อทั่วเมืองลงมือก่อเหตุคืนเดียว5รายซ้อน

30 เมษายน 2567 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ช่วยราชการ ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตรำวจ สภ.ภูพิงค์ และสภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเหตุผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ ย่านถนนคันคลองชลประทาน ถนนสุเทพอหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนวัดอุโมง ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านแกรนวิว รวม 5 เคส ผู้เสียหาย 5 คน โดย ลำดับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 เวลา 04.45 น. ปากซอยวัดอุโมงค์-ปากซอย 5 วัดป่าแดง (ถ.หลัง มช.) ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.47 น. ถ.คันคลอง แนวรั้ว มช. ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.51 น. ปากซอยวัดอุโมงค์  (ถ.หลัง มช.) ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.56 น. ถนนในซอย ก่อนถึงวัดอุโมงค์ 50 ม. ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงินได้เงินสด ประมาณ 50 บาท และ เวลา 05.17 น. ถ.ในหมู่บ้านแกรนด์วิว ผู้ ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน แต่ไม่ได้เงินจากผู้เสียหาย

ผู้ต้องหาเป็น เยาาวชนชายอายุ 16 ปี ที่อยู่ตามบัตร ม.5 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ หอพัก  ม.7  ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ และ เยาวชนชาย อายุ 15 ปีเศษ ที่อยู่ หมู่ 4 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง ทะเบียน 2กต – 2806 เชียงใหม่ ใช้อาวุธมีดยาว(ดาบซามูไร) จำนวน 2 เล่มในการข่มขู่ผู้เสียหาย หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร และร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย ว่า มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธมีดมาข่มขู่เพื่อขอเงิน  โดยมีลำดับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้  เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 เวลาประมาณ 04.40 น. ขณะที่ผู้เสียหายคนที่ 1 กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ที่บริเวณ ถ.สุเทพ (ด้านหลัง มช.) ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะ ได้มีผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ขับขี่รถจยย. เข้ามาหาในลักษณะประกบด้านข้าง พร้อมพูดบอกให้ผู้เสียหายส่งเงินสดมาให้จำนวน 100 บาท พร้อมแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป  ส่วนผู้ต้องหาไม่ได้ติดตามไปแต่อย่างใด  ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้กลับรถ แล้วขับรถไปหาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งกำลังขับขี่รถจยย.ในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยมุ่งหน้าไปทางสี่แยกต้นพยอม พร้อมพูดจาและแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดูเพื่อข่มขู่เอาเงินจากผู้เสียหายที่ 2  แต่ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป ซึ่งผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขับติดตามไปแต่อย่างใด  ผู้ต้องหาจึงได้ขับรถกลับมายัง ถ.สุเทพ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะอีกครั้ง  และ เจอผู้เสียหายที่ 3 ขับรถ จยย.อยู่จึงเข้าประกบอีกครั้ง ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป โดยหลบหนีไปทางประตูเชียงใหม่ ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปในย่านชุมชนวัดอุโมงค์ และ ไปเจอกับผู้เสียหายที่ 4 จึงเข้าประกบอีกครั้ง  โดยครั้งนี้ผู้เสียหายได้มอบเงินเหรียญให้ผู้ต้องหาไป ประมาณ 50 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่ไปทิศทางย่านหมู่บ้านแกรนด์วิว และได้เข้าประกบกับผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าไม่มีเงิน  ผู้ต้องหาจึงได้ขับขี่หลบหนีไป  ซึ่งภายหลังผู้เสียหายทั้ง 5 ราย ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จากการสืบสวน ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่นในพื้นที่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่าผู้ต้องหา เป็นเยาวชน  ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวตัวมาซักถามสอบปากคำที่ สภ.ภูพิงค์ฯ  ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่า ได้เป็นคนที่ขับขี่รถจยย. ไปข่มขู่ขอเงินจากบุคคลทั่วไปตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุจริง โดยใช้อาวุธมีดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้จริง โดยรับว่าสารภาพที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมาย

ฆ่ายกครัว3ศพ!!…ลูกชาย9ขวบก็ไม่เว้นฝีมือพ่อแทงเมียดับก่อนจับลูกแขวนคอแล้วผูกคอตัวตายตาม

พ.ต.อ.ณัฐพล จันมะโน ผกก.สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในบ้านหลังหนึ่ง ม.4 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จึงไปตรวจสอบที่เกดิดเหตุพร้อมกับชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์เวรจากรพ.สันกำแพง ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูน ชั้นเดียว พบศพนาง ก.นาม(สมมุติ) สัญชาติเมียนมาร์ อายุ 29 ปี ถูกอาวุธมีดแทงที่ลำคอ นอนตายจมกองเลือดอยู่บนเตียงภายในห้องนอน นอกห้องนอนพบศพ ด.ช.ข. อายุ 9 ขวบ ถูกแขวนคอตายติดกับโครงประตูห้องนอน ห่างออกไปพบศพ นาย ท. สัญชาติเมียนมาร์ อายุ38 ปี แขวนคอตายติดกับโครงประตูห้องนอนอีกห้อง จากการสอบสวนทราบว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกันและพักอาศัยที่บ้านหลังนี้มานานหลายปี โดยนาย ท.ผู้เป็นพ่อและสามี มีอาชีพรับจ้างทั่วไปพบรักแต่งงานกับนาง ก. จนมีลูกด้วยกัน 1 คน ระยะหลังนาย ท.กับ นางก. ทะเลาะกันบ่อยด้วยปัญหาในครอบครัวและความหึงหวง คาดว่า นาย ท.ใช้มีดแทงนาง ก. จนเสียชีวิต แล้วจับลูกตัวเองแขวนคอ ก่อนผูกคอตัวเองตายตามเพื่อหนีความผิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำศพส่งรพ.ชันสูตรศพ และแจ้งญาติมารับศพไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

ไม่รอด!!..รวบหนุ่มคาด่านตรวจพร้อมยาบ้า1ล้านเม็ดจ่อชายแดนรอคนเข้าประเทศอีก50ล้านเม็ด

10.00 น. วันที่ 8 เม.ย.67 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานผลการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ ว่า วันที่ 8 เม.ย.67 เวลา 0600 ภ.5 โดย สภ.เชียงดาว ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้บูรณาการกำลังร่วมกับ บก.คปส.1 กกล.ผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและสกัดกั้น ณ ด่านตรวจแก่งปันเต๊า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้ต้องหาชาย 1 ราย รถเก๋ง 1 คัน พร้อมของกลางยาบ้า บรรจุอยู่ในกระสอบซุกซ่อนภายในรถ จำนวน 1,000,000 เม็ด จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบหลักฐานทั้งนี้กลุ่มขบวนการยังคงใช้การลักลอบลำเลียงจากนอกประเทศเข้ามาพักตามแนวชายแดนการเดินเท้าเข้ามาพักไว้ในเขตพื้นที่อำเภอชายแดน และจ้างผู้ขนด้วยยานพาหนะเพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ มีรูปแบบที่หลากหลาย แทรกซึม และนัดหมายในชุมชน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสาวถึงผู้สั่งการที่แท้จริงได้ นอกจากนี้ยังแฝงมากับกลุ่มนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดต่างๆ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน นบ.ยส.35 ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามรอยต่อแนวชายแดน 5 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังยังคงพบการเตรียมนำยาเสพติดเข้าชายแดน 2 จังหวัดกว่า 50 ล้านเม็ดในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้

แอบซุกในคอนโดฯ!!..บุกทลายเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่กลางเมืองเชียงใหม่เงินหมุนเวียนกว่า100ล้านบาท

 

 

พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้สนธิกำลังนำหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ บุกเข้าตรวจค้นที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังสืบทราบว่าที่ห้องพักในคอนโดแห่งนี้เปิดเป็นฐานปฏิบัติการของเว็บไซต์การพนันรายใหญ่ของภาคเหนือ

 

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องพักพบชาบ 2 คนและหญิง 1 คนกำลังทำงานในการส่งลิงค์โปรโมทเว็บเพจการพนัน ของกลางมีคอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จึงจับกุมทั้งสามคนไว้ และตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ก็พบว่ามีเว็บไซด์การพนันจำนวน 3เว็บไซต์ มีวงเงอนหมุนเวียนทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน สอบสวนผู้ต้องหา เบื้องต้นอ้างว่าถูกจ้างมาคนละ 12,000 ต่อเดือนในการมาดูแลเป็นแอดมินเว็บฯโดยมีหัวหน้าแอดมิน ทางเจ้าหน้่าที่จึงขยายผลไปที่ บ้านพัก ใน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ตรวจพบพนักงาน 2 คน เป็นหัวหน้าแอดมิน คอยจัดการเรื่องการเงิน พร้อมด้วยของกลางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่องโทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่มบัตร ATM จำนวน 2 บัตร จากการสอบสวนทราบว่าทั้งหมดมีนายทุนอยู่เบื้องหลังซึ่งจะขยายผลติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป