รวบยกแก๊งค้าอาวุธสงครามส่งขายเมียนมา

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาโดยเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาที่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ในคดีการตรวจยึดกระสุนปืน 5.56 มิลเมตร และระเบิดบุคคล K75 จำนวนมาก จนสามารถขยายผลจับกุม ผู้ต้องหาในดคีนี้ได้ทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วยนายมโนกรณ์ อายุ 29 ปี ชาว ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายทรงศักดิ์ อายุ 31 ปี ชาว ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เอาไว้ก่อนหน้านี้ และได้ขยายผลประสานกับตำรวจ บก.สส.ภ.8 และ บก.สส.ภ.7 จับกุมตัวนายชิติพัทธ์ อายุ 36 ปี ชาว ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม นายภัคเมศร์ อายุ 28 ปี ชาว ต.กระตืบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นายธีระพล อายุ 28 ปี ชาว ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.พิชญาภัค อายุ 32 ปี ชาว ต.หนองปลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมผู้ต้องหา 6 คน ของกลางกระสุนปืนขนาด 5.56 ม.ม.จำนวน 6,000 นัด ลูกระเบิดขว้างสังหารแบบ K 75 จำนวน 115 ลูก

โดยการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนที่ 28 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่สาย ได้รับแจ้งว่ามีกล่องพัสดุต้องสงสัย ส่งที่ร้านรับส่งพัสดุเอกชนใน อ.แม่สาย จึงได้ตรวจสอบกล่องพัสดุ พบของกลางทั้งหมดบรรจุอยู่ภายใน โดยเบื้องต้นสืบทราบว่าเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ และเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธสงครามในภาคใต้ จึงได้ทำการขยายผลจนสามารถจับกุมตัวนายมโนกรณ์ ขณะเดินทางไปติดต่อรับ ส่วนนายทรงศักดิ์ กำลังรอจะขับรถตู้เพื่อจะรับจ้างขนไปส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน

จึงขยายผลการจับกุมไปยัง บก.สส.ภ.8 และ บก.สส.ภ.7 ยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาอีก 4 คน และตั้งข้อหา ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตตีให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยนายชิติพัทธ์ ที่มีชื่อเป็นผู้จัดส่งพัสดุดังกล่าวไปถึงผู้รับที่ อ.แม่สาย สามารถจับกุมได้ที่ จ.นครปฐม และนายภัคเมศร์ จับกุมได้ที่โรงเรียนการบิน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ส่วนนายธีระพลได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.พิชญาภัค ตามจับได้ที่ จ.นครราชสีมา

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย ตรวจสอบก็ได้ขยายผลจากการส่งกล่องพัสดุ 3 จุดคือ อ.บางละมุง อ.กำแพงแสน และ อ.สิชล จนพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าใครเป็นคนส่งพัสดุดังกล่าว จึงได้ติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด โดทุกคนต่างให้การรับสารภาพว่าได้ส่งอาวุธดังกล่าวจริง แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีก โดยต้นทางกำลังขยายผลเพราะยังมีบางส่วนที่ได้ไม่ครบส่วนปลายทางอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านโดยอยู่ระหว่างประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนตัวอาวุธของกลางอยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากรณีลูกระเบิดน่าจะเป็นของทางราชการ แต่จากการตรวจสอบเลขล็อตนับเบอร์ก็ยังไม่พบเลขล็อตที่ตรงกันกับลูกระเบิด เพราะของทางราชการจะเป็นอินทรีย์ 82 แต่ล็อตที่พบเป็นอินทรีย์ 84 ซึ่งการจัดเก็บมีมาตั้งแต่ปี 2531 ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ สำหรับของกลางถือเป็นของเก่า แต่ที่มีสภาพยังคงเหมือนหม่อยู่นั้นเพราะมีการจัดเก็บที่ดี ซึ่งจะต้องขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการนี้ต่อไป

หนุ่มใหญ่หึงโหดกระหน่ำแทงแฟนสาวนับสิบแผลดับคาเก๋งหลังลงมือจุดเตาถ่านรมควันฆ่าตัวตายตาม

31 มี.ค.64  ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เขื่อนแก้ว ร้อยเวร สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุมีเหจุฆ่ากันตายในรถเก๋ง เหตุเกิดริมถนนโพธาราม ซ.12 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพร้อมพวก ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ริมถนน สภาพรถล็อกประตูทั้งสี่บาน ตามช่องประตู มีการใช้สก็อตเทปติดตามช่องเพื่อปิดไม่ให้อากาศเข้า เจ้าหน้าที่พยามงัดประตูรถที่ถูกล็อคไว้อยู่ประมาณ 20 นาที แต่ไม่สามารถเปิดได้ จึงตัดสินใจทำการทุบกระจกรถด้านหลังเพื่อเข้าไปเปิดล็อคประตูรถได้ในที่สุด

ภายในที่นั่งคนขับพบศพนายวศุภัทรอายุ 35 ปี ชาว ต.ท่าผา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สภาพศพขาดอากาศหายใจเริ่มเน่าเปื่อยแล้ว บริเวณที่นั่งคู่ด้านหน้าคู่คนขับ พบศพ น.ส.เบญจพร อายุ 24 ปี ชาว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถูกผ้าห่มและเครื่องนอนคลุมไว้ จากการตรวจสอบพบร่องรอยบาดแผลถูกแทงอาวุธมีด แทงเข้าที่บริเวณ คอ,อก,ท้อง,สีข้างซ้าย และใต้ราวนม รวมประมาณ 10 แผล ในรถพบบกระป๋องทินเนอร์ วางอยู่ใกล้กับศพของฝ่ายชาย รวมทั้งหม้อหุงข้าวมีการใส่ถ่านไฟจุดวางอยู่ใต้พักเท้าที่นั่งคนขับ นอกจากนี้พบอาวุธมีดคัดเตอร์ และมีดพกเดินป่า เปื้อนเลือดตกอยู่ในรถด้วย

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้งสองคนอาศัยอยู่หอพักใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุมีคนพบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวอยู่อยู่เป็นเวลานานหลายวันและมีกลิ่นคล้ายซากศพโชยออกมาจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพเสียแล้ว สอบสวนญาติฝ่ายชายทราบว่าผู้ตายทำงานอยู่บริษัทน้ำดื่มชื่อดังแห่งหนึ่งคบหาอยู่กินกับ น.ส.เบญจพร มาหลายเดือนแล้วโดยฝ่ายหญิงไม่ได้ทำงานอะไรในช่วงนี้ เป็นคนหน้าตาดี ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยเนื่องจากฝ่ายชายหึงห่วงเพราะเป็นคนสวยหน้าตาดีพอทะเลาะกันทีไรฝ่ายหญิ่งมักหนีกลับบ้านฝ่ายชายจะตามไปง้อและกลับมาคืนดีกันหลายครั้ง ส่วนการลงมือในครั้งนี้ทั้งคู่ทะเลาะและต่อสู้กันภายในรถกันภายในรถ นายวศุภัทร ใช้มีดกระหน่ำแทง น.ส.เบญจพร จนเสียชีวิตแล้วนำผ่าห่มมาคลุมศพไว้ หลังจากนั้นจึงลงไปเอาเตาถ่านมาจุดรมควันจนตัวเองเสียชีวิตดังกล่าว

ศิลปากรตรวจสอบองค์พระเจดีย์วัดสวนดอกพบเสียหายหลังถูกพายุถล่มเร่งซ่อมแซมใช้งบสูงถึง30ล้านบาท

วันที่30 มี.ค.นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบยังวัดสวนดอกพระอารามหลวง ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อสำรวจความเสียหายของตัวองค์พระเจดีย์โดยรอบซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีแผ่นทองจังโก้หลุดจากแรงพายุพัดอีกทั้งยังพบความเสียหายหลายจุดที่ต้องเร่งซ่อมแซมโดยเร็ว

นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในส่วนของวันนี้ที่เข้ามาตรวจสอบพบร่องรอยความเสียหายของแผ่นทองจังโก้ที่หุ้มบริเวณปากระฆังด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระมาหาฐานโดยในส่วนของความเสียหายนั้นพบว่ากระแสลมที่พัดผ่านองค์ระฆังลักษณะทรงกลมปรากฎว่าแผ่นทองจังโก้มีรอยเผยอออกมารอยต่อของแผ่นทองจังโก้ทั้งในทางดิ่งและทางราบซึ่งทำให้กระแสลมที่พัดมาด้วยความแรงสูงเข้ามาแทรกตามรอยนั้นทำให้เกิดแรงอัดระหว่างผิวขององค์เจดีย์ระหว่างพระธาตุกับทองจังโก้ที่หุ้มอยู่เกิดความโปร่งทำให้แรงดันฉีกขาดได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีความเสียหายอื่นด้วยยังพบว่าบริเวณยอดฉัตรมีการทรุดเอียงไปทางทิศตะวันตกและบริเวณส่วนฉัตรคอน้ำบริเวณบัวมีรอยฉีกขาดจากแรงลมเหลือเพียงไม่กี่แผ่น อีกทั้งผิวทองที่หุ้มเริ่มเสื่อมจากอายุตามกาลเวลาและทางวัดเป็นผู้ดำเนินการเองนั้นในช่วงปี 2549 เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมาแล้วและยังพบองค์เจดีย์บริวารมีการแตกร้าวด้วย ส่วนขั้นตอนการซ่อมแซมนั้นจะต้องมีการหารือกับทางวัดก่อนในเรื่องของงบประมาณ ส่วนในเรื่องเทคนิคการซ่อมแซมการบูรณะและการอนุรักษ์นั้นไม่มีความเป็นห่วงซึ่งก็เหมือนการบูรณะฟื้นฟูองค์พระฐานเจดีย์ทั่วไป อย่างไรก็ตามเรื่องงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซมในเบื้องต้นต้องมีการเปลี่ยนทองจังโก้ทั้งหมดรวมทั้งฉัตรและตัวพระธาตุเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

สะหรับเหตุการณ์พายุฤดูร้อนซึ่งทำให้องค์พระเจดีย์วัดสวนดอกได้รับความเสียหายเกิดขึ้นช่วงค่ำวันที่ 26 มีนาคม 64 ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฤดูร้อนลมพัดกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะตัวเมืองเชียงใหม่ส่งผลให้แผ่นทองจังโก้ที่ห่อหุ้มองค์พระเจดีย์หลุดร่วงลงมาจนทำให้เห็นด้านในองค์พระเจดีย์ซึ่งหลังจากที่พายุสงบทางพระสงฆ์และสามเณรได้ช่วยกันนำแผ่นทองจังโกที่หลุดร่วงลงมาไปเก็บรักษาไว้เพื่อให้ทางสำนักศิลปกรที่7เชียงใหม่เข้าตรวจสอบ

ผู้อพยพหนีภัยสงครามทหารเมียนมา-กองกำลังกระเหรี่ยงKNUหนีตายทะลักอ.แม่สะเรียงจ.แม่ฮ่องสอนอย่างต่อเนื่องหลายฝ่ายชี้ไทยต้องให้ที่พักพิงตามหลักมนุษยธรรมหลังมีภาพทางการไทยผลักดันกลับประเทศ

จากกรณีมีการสู้รบกันระหว่างทหารกองพลน้อยที่ 5 กองกำลังกะเหรี่ยง KNU กันทหารเมียนมาสังกัดกองพันทหารราบที่ 73 (ฐานเซหมื่อท่า) ตรงข้ามชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ ทหารกะเหรี่ยงอิสระสามารถยึดอาวุธ ยุโธปกรณ์ และอุปกรณ์สื่อสารของทหารพม่าได้เป็นจำนวนมาก และทหารกะเหรี่ยงอิสระ KNU ได้ปฏิบัติการทางทหาร ต่อทหารพม่า สังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็ว ที่ 341 ฐานตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทางกลุ่ม KNU ได้ทำการซุ่มโจมตีทหารพม่ากองพันดังกล่าว เสียชีวิตไป 3 นาย และบาดเจ็บอีก 2 นาย ทำให้ทหารเมียนมานำกำลังบุกเข้าโจมตีทหารกะเหรี่ยงทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ จนเป็นเหตุให้มีผู้อพยพในพื้นที่สู้รบในเขตประเทศเมียนมาอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำสาละวินชายแดนไทยในพื้นที่ อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวนหลายพันคน

ต่อมามีภาพทางการไทยได้ผลักดันผู้ที่หนีการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเข้ามาฝั่งไทยพื้นที่สบแงะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีการผลักดันกลับไปฝั่งประเทศเมียนมา เมื่อเย็นวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา หลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยชี้เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ต่อมาหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน อำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ชี้แจงว่าจากการประเมินสถานการณ์ชายแดน เห็นว่าเบาบางไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงได้มีการผลักดันกลับ หากสถานการณ์สู้รบกลับมารุนแรงอีกทางฝ่ายไทยก็พร้อมให้ที่พักกับผู้ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาฝั่งไทย

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านรองรับสถานการณ์ หลังจากที่มีประชาชนชาวกะเหรี่ยงตามพื้นที่ชายแดนในประเทศเมียนมาบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่ข้ามฝั่งมายังแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทยแล้ว โดยเข้ามาอยู่ในจุดแรกรับซึ่งกองกำลังนเรศวรควบคุมดูแลเป็นการรับเบื้องต้นโดยทางทหารก็มีกระบวนการและมาตรการดูแล หากสอบสวนแล้วอาจจะแค่ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวก็จะให้กลับเข้าไปในเขตประเทศเมียนมาที่อยู่อาศัยเดิม แต่ถ้าหากผู้อพยพเหล่านี้ได้รับผลกระทบถึงขั้นอาจจะเสี่ยงต่อชีวิตทางเราก็จะดูแลไว้ในห้วงระยะเวลาหนึ่งตามหลักมนุษยธรรมตามสมควร และผู้อพยพเหล่านี้ยังอยู่ในการดูแลของทหาร ยังไม่ได้ส่งต่อให้ฝ่ายปกครองจังหวัดแต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านไว้ ส่วนความชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงามเพิ่มเติมว่าการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง KNU กับทหารเมียนมา ยังไม่มีรายงานกระสุนปืนเข้ามาตกในเขตไทยแต่อย่างใด โดยทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้นายอำเภอแต่ละอำเภอประสานงานกับฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิดเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนไทยตามแนวชายแดน โดยล่าสุด มีชาวเมียนมาเชื้อสายกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สะเรียงจำนวนสองพันกว่าคนด้วยกัน

รองแม่ทัพภาคที่3ส่งชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึกและประชาชนจิตอาสาภัยพิบัติลงพื้นที่สร้างการรับรู้แก้ปัญหาหมอกควันเข้มข้นช่วงเดือนเม.ยเนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลต่อการเกิดไฟป่า

พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งจะมีอากาศที่ร้อนทำให้พื้นที่เกิดความแห้งแล้ง ส่งผลกระทบกับการเกิดปัญหาไฟป่า ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพอากาศของวันนี้พบว่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือเริ่มมีค่าฝุ่นละอองที่มีผลกระทบกับประชาชนในหลายจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ และจังหวัดพะเยา โดยมีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37 – 140 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 62 – 157 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร และค่า AQI ระหว่าง 50 – 250 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร โดยมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ในพื้นที่ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า จำนวน Hotspot (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ในช่วงเช้านี้จำนวน 320 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 174 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 112 จุด ,พื้นที่เกษตร จำนวน 14 จุด ,เขต สปก. จำนวน 10 จุดโดยจังหวัดที่มีจุดความร้อนมากที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 135 จุดปัจจุบันกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้ายังคงส่งชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึก ชุดดับไฟของหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงประชาชนจิตอาสาภัยพิบัติ ลงพื้นที่จุดเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนลดการเผาแก้ปัญหาหมอกควัน

รวบแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ขณะขนเฮโรอีน26.2กก.ฝากส่งให้ลูกค้าผ่านบริษัทขนส่งเอกชน

24 มี.ค.64 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย จับกุมนางเจิ้งหยิ่ง อายุ 45 ปี ชาว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และนายสมศักดิ์ อายุ 34 ปี ชาว ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวม 26.2 กิโลกรัม ดำเนินคดีข้อหามายาเสพติดให้โทษประเภทที่1(เฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบว่าว่าจะมีแก๊งค้ายาเสพติดนำเฮโรอีนจำนวนมากมาฝากส่งกับบริษัทรับส่งพัสดุเอกชน ที่สำนักงานหมู่ 8 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงไปตรวจสอบพบคนร้ายไหวตัวทันขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ขฆ-8266 กรุงเทพ หลบหนีไปโดยทิ้งกล่องบรรจุยาเสพติดไว้จำนวน 3 กล่อง มีชื่อผู้รับปลายทางติดไว้เรียบร้อยเมื่อเปิดดูทั้ง 3 กล่อง พบเป็นเฮโรอีนนำหนักรวม 26.2 กิโลกรัม จึงแจ้งข่าวเพื่อสกัดจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ที่ตู้ยามตำรวจแม่มะ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย สำหรับยาเสพติดล็อตนี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเป็นของแก๊งนายตี๋ ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลักลอบขนส่งเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศ ซึ่งจะได้สืบสวนสวนเพื่อขยายผลถึงแก๊งค้ายาเสพติดที่ร่วมขบวนการนี้ต่อไป

บ่อนไฮโลแตกลอบเล่นข้างวัดชาวบ้านร้องตำรวจบุกจับรวบได้16คน

24 มี.ค.64 พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมพวก จับกุมตัวผู้ต้องหาได้เป็นชาย 16 คน ทั้งหมดเป็นชาวเชียงใหม่ พร้อมของกลางไพ่ 2 สำรับ ลูกเต่าสำหรับเล่นพนันไฮโล 1 ชุด เงินสดจำนวน 300 บาท แผงปูพนันไฮโล 1 ชุด นำตัวดำเนินคดีข้อหา”ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่องการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ”

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าที่บริเวณป่าละเมาะข้างวัดมืดกา หมู่ 17 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มีกลุ่มนักพนันจำนวนมากลักลอบมั่วสุ่มเล่นการพนัน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านใกล้เคียงส่งเสียงดัง และกลัวเป็นแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 จึงนำกำลังเข้าจับกุมเมื่อตำรวจกลุ่มนักพนันตกใจพากันแตกกระเจิงวิ่งหนีคนละทิศละทางสามารถจับกุมตัวได้ 16 คน โดยผู้ถูกจับกุมอ้างว่าเล่นเป็นเพื่อนเจ้าภาพงานศพซึ่งตั้งสวดอยู่ในวัด ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

หนุ่มใหญ่โหดแทงทะลุตัดขั้วหัวใจพ่อเฒ่ากระเหรี่ยงวัย70ดับโมโหจับเมียมัดมือขังไว้ในบ้านเมียร้องขอชาวบ้านช่วยพ่อเฒ่าสงสารช่วยออกมาผัวไม่พอใจยุ่งเรื่องผัวเมียเขาทำไมอย่างนี้ต้องตาย

22 มี.ค.64 พ.ต.อ.ปริญญา เพชรมี ผกก.สภ.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายที่บ้านเลขที่ 12/1 บ้านวาซอทะ หมู่ 13 ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัย แพทย์เวรจากโรงพยาบาลอมก๋อย

ที่เกิดเหตุข้างบ้านไม้ชั้นเดียว พบศพนายชะปู่ แนนอ อายุ 70 ปีเจ้าของบ้านถูกอาวุธมีดปลายแหลมแทงเข้าที่อกซ้าย คมมีดทะลุตัดขั้นหัวใจ นอนเสียชีวิตจมกองเลือดกลิ่นคาวคลุ้งทั่วบริเวณ ส่วนคนร้ายคือนายดิ๊โพ ชาแฮ อายุ 49 ปีอยู่บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ หมู่บ้านเดียวกันหลังก่อเหตุหนีไปหลบอยู่ท้ายหมู่บ้านจึงตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุดพร้อมอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม

หมู่บ้านที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านของชนเผ่า ปกาเกอญอ หรือกระเหรี่ยง นายดิ๊โพ ผู้ต้องหาซึ่งมีอาการทางประสาท ได้จับภรรยาตัวเองมัดไว้ภายในบ้าน ภรรยาของผู้ต้องหาก็ร้องขอความช่วยเหลืออยู่นานเพื่อขอให้ชาวบ้านช่วยปล่อยตัวจากการถูกมัดแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย กระทั่งนายชะปู่ ผู้ตายซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆกันเกิดความสงสารได้เข้าไปช่วยเหลือ สร้างความไม่พอใจให้กับนายดิ๊โพ เป็นอย่างมากจึงถือมีดปลายแหลมไปต่อว่านายชะปู่ ว่ามายุ่งเรี่องของผัวเมียเขาทำไมอย่างนี้ต้องตายแล้วใช้มีดจ้วงแทงไปหนึ่งครั้งคมมีดตัดขั้วหัวใจจนร่างล้มลงเสียชีวิตดังกล่าว

ยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้านยังลักลอบขนข้ามแดนเข้าไทยอย่างต่อเนื่องทหารผาเมืองสกัดยึดไอซ์20กก.ที่ชายแดนด้านอ.เชียงแสน

16 มี.ค.64 พลตรี นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.กองกำลังผาเมือง ได้รับรายงานจากหน่วยขึ้นตรงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ได้จัดกำลังทหารลาดตระเวนเฝ้าตรวจช่องทาง จุดล่อแหลม ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณท่าดูดทราย บ้านเวียงแก้ว หมู่ 5 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยขณะทำการเฝ้าตรวจพบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 2 คน ถือวัตถุลักษณะคล้ายกระสอบท่าทางมีพิรุธ เข้าใกล้แนวชายแดนจึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มชายดังกล่าวแสดงท่าทีตกใจ แล้วอาศัยความมืดและความชำนาญพื้นที่วิ่งหนีกลับเข้าไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

จึงเข้าทำการตรวจสอบพบถุงดำจำนวน 2 ถุงถูกวางทิ้งไว้ ข้างในบรรจุยาไอซ์ น้ำหนัก 20 กก. มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตรวจสอบและยึดไว้เป็นของกลาง และจะได้ติดตามล่าตัวคนร้ายมาดำเนินดคีตามกฏหมายต่อไป ทั้งนี้กองกำลังผาเมืองยังคงเพิ่มความเข้มในการดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาด้านการข่าวยังคงพบว่ากลุ่มค้ายาเสพติด มีความพยายามในการลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวขายแดนอย่างต่อเนื่องเนื่องจากยาไอซ์เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศอยู่ในขณะนี้

รวบสามหนุ่มทาสนายใหญ่สั่งลำเลียงยาบ้า9.2แสนเม็ดไอซ์อีก52กก.จากชายแดนซุกบ้านเช่ากลางเมืองเชียงใหม่

15 มี.ค.64 พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอีสาณ ผกก.2 บก.ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสมพล อายุ 26 นายวิทยา อายุ 20 ปี และนายอนุชา อายุ 35 ปี ทั้งหมดเป็นชาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 9.2 แสนเม็ด ยาไอซ์52 กิโลกรัม รถยนต์เก๋ง 1 คันรถจักยานยนต์ 2 คัน นำตัวดำเนินดคีข้อหา”ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์ ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”

การจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีบอร์ทอง ซึ่งเป็นรถของเครือข่ายขนลำเลียงยาเสพติด ขับขี่เข้ามาในบริเวณพื้นที่ อ.แม่แตง ก่อนขับวนไปมาในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังติดตามจนถึง ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จึงแสดงตัว ขอทำการตรวจค้นมีนายสมพล เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจค้นรถก็พบช่องเก็บสัมภาระท้ายเก๋งพบยาบ้า 600,000 เม็ด และยาไอซ์ 52 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนก็รู้ว่ามีผู้ต้องหาอีกสองคนคือนายอนุชา และนายวิทยา ที่เช่าบ้านพักในพื้นที่ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รอลำเลียงยาที่ซ่อนไว้ในบ้านอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังบุกค้นบ้านก็พบ ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเจอยาบ้าเพิ่มอีก 320,000 เม็ด จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ามีนายทุนใหญ่ สั่งให้ลำเลียงยาล็อตนี้จากชายแดนมาเก็บไว้ และจะโทรสั่งการให้นำไปส่งยังจุดต่างๆที่สั่ง หลังการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลการจับกุมกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ต่อไป