ทหารเมียนมาคุมเข้มชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็กหลังก่อรัฐประหารคุมตัวอองซานซูจี

1 ก.พ.64 หลังจากทหารในประเทศเมียนมาได้เข้าควบคุมตัว นางอองซานซูจี และคณะแล้ว สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงราย เริ่มมีความตึงเครียด โดยหน่วยทหารที่ประจำอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก จำนวน 3 หน่วย ได้ถูกสั่งการให้เตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถออกปฏิบัติการตามคำสั่งได้ตลอดเวลา ได้มีการส่งกองกำลังบางส่วนไปประจำอยู่ตามด่านตรวจสำคัญต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างเมือง เช่น ด่านหมากยางบนถนนอาร์สามบีเชื่อมระหว่างท่าขี้เหล็กกับเมืองเชียงตุง และห้ามไม่ให้ประชาชนทั่วไปเดินทางผ่านด่านดังกล่าว โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ควบคุมตัวคณะรัฐบาลรักษาการของเมียนมาแล้ว

นอกจากนี้มีการตัดระบบการสื่อสารทั้งโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ การสื่อสารระหว่างหน่วยงานต่างๆ กับรักษาการรัฐบาลพลเรือนและรัฐบาลท้องถิ่นที่เมืองตองจีเมืองหลวงของรัฐฉาน แต่ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ระบบอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ยังใช้การได้เพราะมีการใช้สัญญานจากฝั่งไทยเป็นหลัก โดยสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่่ติดกับประเทศไทยในช่วงเช้า การขนส่งสินค้าระหว่างแม่สายกับท่าขี้เหล็กซึ่งทำกัน ณ จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ยังคงดำเนินการกันอยู่ตามปกติ ต่อมาเวลาประมาณ 09.38 น. เจ้าหน้าที่ของทางการท่าขี้เหล็กได้ทำการควบคุมพื้นที่โดยได้มีการงดใช้เส้นทางผ่านพรมแดน เป็นการชั่วคราว เพื่อรอคำสั่งของคณะปฏิวัติ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับเมียนมา ส่งกำลังตรึงชายแดนเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

สำหรับสถานการณ์ในตัวจังหวัดท่าขี้เหล็ก จากการตรวจสอบในช่วงเช้าพบว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำหน้าที่กันตามปกติ เพียงแต่ก็รอฟังคำสั่งจากคณะปฏิวัติว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ ในขณะที่การใช้ชีวิตของประชาชนไม่ได้มีการเข้มงวดมากนัก มีเพียงแต่การตัดสัญญาณสื่อสารเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากด่านพรมแดนปิดไม่มีการขนส่งสินค้าเกิดขึ้น ประชาชนในเมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งพึ่งพาสินค้าจากแม่สายมีผลกระทบอย่างแน่นอน ในขณะที่การส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาทก็จะหายไป สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าไทย รวมทั้งบรรดาเจ้าของรถตู้ที่มีอาชีพรับจ้างขนส่งสินค้าไปท่าขี้เหล็กในพื้นที่แม่สายที่มีมากกว่า 200 คันอย่างแน่นอน

ด้านน.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่าคาดว่าในระยะยาวจะมีการแก้ไขปัญหาการค้าชายชายแดนให้กลับคืนสู่ปกติเพราะต่างมีความจำเป็นในการค้ากันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจะต้องรอคำสั่งจากคณะปฏิวัติของทางเมียนมาว่าจะดำเนินการอย่างใด

ที่ด่านพรมแดน แม่สาย ท่าขี้เหล็ก ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มีรถขนส่งสินค้าตกค้างยู่ที่ด่านพรมแดน จำนวนมากเนื่องจาก การยึดอำนาจรัฐประหารในประเทศเมียนมา โดยมีการควบคุมพื้นที่สำคัญ ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ทำให้มีรถบรรทุกสินค้าทั้งประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภคในรถยนต์ตู้มากกว่า 30 คัน จอดรออยู่บริเวณด่านพรมแดนฝั่งไทย

ล่าสุดในเวลา 13.30 น.ทางการเมียนมาได้มีการเปิดเส้นทางที่ด่านพรมแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เพื่อให้มีการขนส่งสิค้ากันได้ตามปกติ หลังจากมีการเปิดด่านไปได้นานเกือบ 4 ชั่วโมง ขณะที่นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ด่านศุลกากรแม่สาย เพื่อสรุปสถานการณ์ ด้านเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และสาธารณสุขท่าขี้เหล็ก ได้เริ่มจัดส่งคนไทยจำนวน 4 คนที่ได้แจ้งขอกลับเข้าสู่ประเทศไทยโดยผ่านทาง คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถินไทย – เมียนมาด้วย

บูรณาการทุกภาคส่วนทำแนวกันไฟอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยสกัดไฟป่าลุกลามก่อหมอกควันพิษคลุมเมืองเวียงพิงค์

ที่บริเวณแหลมสน หรือดอยผาดำ ใกล้บ้านม้งดอยปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ชุดปฏิบัติการไฟป่า มณฑลทหารบกที่ 33 บูรณาการความร่วมมือเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และประชาชนจิตอาสาหมู่บ้านม้งดอยปุย ได้พร้อมใจร่วมมือกันในการจัดทำแนวกันไฟเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวป้องกันไม่ให้ไฟป่าไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้างและลุกลามเข้ามาในเขตชุมชน เนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูงและมีเชื้อเพลิงกิ่งไม้ ใบไม้แห้งสะสมอยู่จำนวนมากทำให้ติดไฟได้ง่าย และเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากเป็นประจำทุกปี

ขณะที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้มีการพร้อมใจกัน ทำแนวกันไฟ รวมถึงการสานเสวียนไม้ไผ่ เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนโบราณ ที่นำมาใช้เก็บเศษใบไม้ใบหญ้ามาทิ้งไว้ในเสวียนเพื่อทำเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ ถือเป็นการนำกิ่งไม้ ใบไม้แห้งมาใชข้ให้เกิดประโยชน์แทนการเผา ที่เป็นสาเหตุของการเกิดมลพิษฝุ่นควัน pm 2.5 ที่ปกคลุมเหนือตัวเมืองเชียงใหม่

รวบแล้วฆาตกรฆ่า”น้องบ๊อบบี้”หิ้วสอบข้ามคืนสารภาพโมโหโดนหนังสติ๊กยิงใส่หน้าฟาดด้วยท่อนไม้พบประวัติโชกโชนก่อเหตุมาแล้วหลายคดี

 

23 มค.64 ที่สภ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ รอง ผบ.ตร.พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้อำนวยการสืบสวนสอบสวนหลังจากที่ตำรวจสามารถจับกุม นายสินชัย เกษตรโสภาพันธ์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 206 หมู่บ้านป่าสักงาม ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากบ้านของด.ช.ธนโชต แปงเรือน หรือน้องบ๊อบบี้ อายุ 7 ขวบ เพียง 30 เมตรเท่านั้น

โดยตำรวจสามารถจับกุมนายสินชัย ได้ขณะย้อนกลับมาที่บ้านและกำลังกินอาหารอย่างหิวโหย คาดว่าจะหลบหนีไปแล้วไม่มีอาหารทานจึงได้วกกลับมาที่บ้านจึงนำตัวมาสอบสวนกระทั่งกลางดึกที่ผ่านมา นายสินชัย ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ลงมือฆ่าน้องบ๊อบบี้เอง สาเหตุที่กระทำลงไปเพราะเกิดความไม่พอใจในหลายเรื่องเช่น การแอบเข้าไปกินแก้วมังกรของตนปลูกไว้ นอกจากนั้นยังชอบแอบเข้าไปเล่นในบ้าน ของตนด้วยกระทั่งก่อนเกิดเหตุตนได้ชวนออกไปยิงนกบริเวณสวนกล้วยที่เกิดเหตุแต่น้องบ๊อบบี้ กลับพลาดใช้หนังสติ๊กยิงใส่หน้าตน ด้วความโมโหจึงใช้ท่อนไม้ กระหน่ำตีไป 10 กว่าครั้งจนเสียชีวิต หลังลงมือตนได้หลบหนีออกจากหมู่บ้านไปซ่อนตัวในป่ากระทั่งทนความหิวไม่ไหวจึงย้อนกลับมาที่บ้านและถูกจับดังกล่าว

ด้านพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพด้วยดีโดยไม่มีปัญหาใดๆ หลังจากนี้ไปทางตำรวจจะได้ควบคุมตัวไปไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป สำหรับนายสินชัย เคยต้องคดีพยายามฆ่าน้องสาวต่างมารดาที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาแล้วเมื่อปี 2552 และคดีพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ทำร้ายร่างกายคนอื่นด้วยการใช้ไม้ตี และคดีพกพาอาวุธที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อปี 2554 ด้วย

“น้องบ๊อบบี้”เสียชีวิตจากตับแตกไม่โดนเตะก็ถูกทุบด้วยท่อนไม้รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่เร่งคลี่คลายคดีคาดออกหมายจับเร็วๆนี้

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก.สภ.เวียงเชียงรุ้ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่จุดที่พบศพ ด.ช.ธนโชต แปงเรือน หรือน้องบ๊อบบี้ อายุ 7 ปี เสียชีวิตหลังหายออกไปจากบ้านเลขที่ 397 หมู่บ้านเวียงคำฟ้า หมู่ 9 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เมื่อเย็นวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาและ พบเป็นศพเสียชีวิตในดงต้นกล้วยภายในเขตหมู่บ้านใหม่มหาวัน ม.12 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตรในสภาพใบหน้าและร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำหลายจุด จากนั้นได้มีการนำพยานมาสอบปากคำที่ห้องประชุม สภ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี

รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการเชิญเครือญาติมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ได้มีการสอบปากคำไปหลายรายเพื่อเป็นการรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับคนร้าย ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำข้อมูลจากการสอบปากคำไปประชุมที่กองบังคับการตรำวจภูธรจังหวัดเชียงราย เพื่อหารือเกี่ยวกับรูปคดี และอาจจะออกหมายจับผู้ต้องสงสัย สำหรับผู้ก่อเหตุมีกี่คนนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นข้อมูลทางรูปคดี แต่จะสามรรถจับคนร้ายได้ไหรือไม่นั้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องรวบรวมหลักฐานต่างๆ รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อมัดตัวคนร้าย

สำหรับการเสียชีวิตของน้องบ๊อบบี้เกิดจากอาการตับแตก ซึ่งเกิดจากของแข็ง ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะเป็นท่อนไม้หรือไม่ ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็พอทราบผู้ต้องสงสัยแล้ว ซึ่งจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน จึงจะสามารถออกหมายจับได้ แต่จะมีผู้ก่อเหตุกี่คนนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ซึ่งอาจจะเสียในรูปคดีได้ รอง ผบ.ตร.กล่าวในที่สุด

ตำรวจเร่งสางปมสังหาร”น้องบ๊อบบี้”ใกล้ถึงตัวฆาตกรแล้วใช้ไม้ทุบลากศพเข้าดงกล้วยเตรียมขุดหลุมฝังอำพรางคดี

พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย สั่งการให้ พ.ต.อ.พงษ์สวัสด์ ไชยบาล พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ ยศแผ่น รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก.สภ.เวียงเชียงรุ้ง นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.5 ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงราย ชุดสืบสวน สภ.เวียงเชียงรุ้ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลงพื้นที่คลี่คลายคดี ด.ช.ธนโชต แปงเรือน หรือน้องบ๊อบบี้ อายุ 7 ปี เสียชีวิตหลังหายออกไปจากบ้านเลขที่ 397 หมู่บ้านเวียงคำฟ้า หมู่ 9 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เมื่อเย็นวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาและ พบเป็นศพเสียชีวิตในดงต้นกล้วยภายในเขตหมู่บ้านใหม่มหาวัน ม.12 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตรในสภาพใบหน้าและร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำหลายจุดตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ทั้ง 2 หมู่บ้าน และจุดที่พบร่างของน้องบ๊อบบี้ พบกองฟืน อยู่ในโรงเก็บไม้ห่างจากจุดที่พบร่างน้องบ๊อบบี้ 100 เมตร ซึ่งไม้ในกองฟืนดังกล่าวมีลักษณะเป็นไม้ชนิดเดียวกันกับท่อนฟืนที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งหักเป็น 2 ท่อน อยู่ในจุดที่พบร่างของน้องบ๊อบบี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ และบริเวณทั้ง 2 หมู่บ้านเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุดที่จะสาวถึงตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ชินวิช เปิดเผยว่า คดียังคงไม่ได้ข้อสรุปของคดีนี้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เนื่องจากเด็กๆในหมู่บ้านวิ่งเล่นกันในพื้นที่ตามปกติ ซึ่งด้วยความซนอาจจะเข้าไปในไร่สวนของใครแล้วไปทำให้เจ้าของไม่พอใจ หรือไปทำความเดือดร้อนให้กับใครจนไม่พอใจ จึงเกิดการลงมือกับเด็กแต่อาจจะพลั้งมือจนทำให้เด็กเสียชีวิตแล้วเตรียมนำร่างไปขุดฝังอำพราง แต่มีคนมาบริเวณดังกล่าวก่อนจึงได้ทิ้งของกลางและหลักฐานบางส่วนไว้ในที่เกิดเหตุ ทั้ง จอบ และท่อนไม้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ระดมกำลังกันทั้งจากชุดสืบวนทั้ง ภาค 5 ภูธรจังหวัดเชียงราย และสภ.เวียงเชียงรุ้ง เพื่อติดตามหาตัวคนร้าย ซึ่งดคีนี้ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้งอกับยาเสพติดแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก.สภ.เวียงเชียงรุ้ง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้นำพยานมาสอบปากคำแล้ว 6 คน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น จึงขอให้เวลากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน รวมทั้งรอผลตรวจจากนิติเวชเพื่อคลี่คลายคดีนี้

รายงานแจ้งว่าสำหรับหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุพบว่ามี จอบ 1 ด้าม รองเท้านักเรียนสีน้ำตาล 1 คู่ ท่อนไม้คล้ายฟืน 2 ท่อน รอยรองเท้านักเรียน 1 รอย เศษรถเด็กเล่น 1 ชิ้น ต้นกล้วยที่มีรอยตัดขาด 1 ต้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนและใกล้เข้าถึงตัวคนร้ายรายนี้แล้ว

พ่อเชื่อ”น้องบ๊อบบี้”โดนทำร้ายจนเสียชีวิตพบรอยฟกซ้ำหลายแห่งยันยังไม่ประกอบพิธีทางศาสนาจนกว่าจะจับคนร้ายได้ตำรวจเรียกญาติและพยานสอบเพื่อคลี่คลายคดี

จากกรณีพบศพ ด.ช.ธนโชต แปงเรือน หรือน้องบ๊อบบี้ อายุ 7 ปี ได้หายออกจากบ้านเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และพบว่าเสียชีวิตอยู่ข้างต้นกล้วยใกล้กับลานตากมันสำปะหลัง ภายในสวนยางพารา พื้นที่บ้านป่าสักงาม ม.9 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ในช่วงบ่ายวันที่ 17 ม.ค. ห่างจากบ้านประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก่อนจะมีการนำร่างของน้องบ๊อบบี้ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต

นายทรงวุฒิ แปงเรือน อายุ 30 ปี พ่อของน้องบ๊อบบี้ เปิดเผว่าตนเองมีลูก 3 คน มีพี่สาวอายุ 9 ขวบ น้องบ๊อบบี้เป็นลูกคนที่ 2 และน้องชายอายุ 4 ขวบ ปกติน้องบ๊อบบี้เป็นคนร่าเริงซนบ้างตามประสาเด็ก วันที่น้องหายตัวไปตนเองและภรรยาได้ไปทำงานรับจ้างกรีดยางที่ อ.พญาเม็งราย โดยไปตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.64 และได้ฝากญาติให้ช่วยดูแลหลานทั้ง 3 คน จนกระทั่งวันที่ 16 ม.ค.ตนเองได้กลับมาถึงบ้านประมาณ 20.00 น. แต่ไม่เห็นน้องบ๊อบบี้ สอบถามญาติที่ช่วยดูแลบอกว่าเห็นเล่นอยู่ในบ้านเมื่อตอน 4 โมงเย็น แต่พอออกไปซื้อของกลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็นแล้ว จึงช่วยกันออกตามหาจึงพากันไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เวียงเชียงรุ้ง

กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับแจ้งว่าน้องบ๊อบบี้เสียชีวิตแล้ว โดยพบร่างนอนหงาย สวมเสื้อกีฬาสีชมพู กางเกงขาสั้น อยู่ในดงต้นกล้วยภายในสวนยางพารา ใกล้กับลานตากมันสำปะหลังในหมู่บ้าน โดยห่างจากบ้านประมาณ 2.5 กม. ตามใบหน้าและลำตัวของลูกชายมีแผลฟกซ้ำหลายจุด ใกล้ศพมีรองเท้าลูกเสือน้องวางอยู่ และมีท่อนไม้วางอยู่ไม่ห่างจากศพ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ ขณะที่ไปจุดพบศพยังไม่มีโอกาสเห็นศพลูกชายใกล้ๆ เพราะตำรวจได้กันสถานที่เกิดเหตุไว้ แต่จากสภาพพื้นที่และศพคาดว่าลูกชายตนอาจถูกทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่ผ่านมาตนเองก็ไม่เคยมีเรื่องผิดใจกับใครและไม่มีศัตรูที่ไหนตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้และอยากถามคนร้ายว่าทำไมถึงได้ทำกับน้องบ๊อบบี้ซึ่งเป็นเด็กได้ลงคอ อย่างไรก็ตามตอนนี้หากยังไม่สามรรถจับกุมตัวคนร้ายได้ก็จะยังไม่นำร่างของน้องบ๊อบบี้มาประกอบพิธีทางศาสนา เพราะอยากให้คนร้ายมาขอขมาน้องก่อน” พ่อของน้องบ๊อบบี้กล่าว

พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก.สภ.เวียงเชียงรุ้ง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่บ้านใหม่มหาวัน ม.12 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าการเสียชีวิตของ ด.ช.ธนโชต แปงเรือน หรือน้องบ๊อบบี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำนายทรงวุฒิ แปงเรือน อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องบ๊อบบี้ และผู้ที่อยู่นระแวกใกล้เคียงเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับคดี การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ทำการสอบปากคำคนในครอบครัวของน้องบ๊อบบี้ และผู้ที่อยู่ใกล้เคียงรวมถึงเด็กๆที่เล่นด้วยกัน ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เวียงเชียงรุ้งเก็บข้อมูลรายละเอียดทั้งพยานหลักฐาน และข้อมูลต่างๆ เพื่อจะได้ขมวดปมหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี

รวบหนุ่มใหญ่ขนยาบ้า2หมื่นเม็ดซิ่งแหกด่านหนีไม่พ้นรถพลิกคว่ำอ้างหน้าตาเฉยพิษโควิด19ออกคุกมาไม่มีงานทำเลยค้ายาหาเงินใช้

เช้าวันที่ 18 ม.ค.64 พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.ท.สุริยะฎิษ สุริยะธง สว.กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมพวกจับนายสุริยะ อายุ 34 ปี ชาวบ้าน ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา พร้อมของกลางยาบ้า 2หมื่นเม็ด รถปิ๊กอัพยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน 461 พะเยา และรถจยย.ฮอนด้า เวฟสีแดง 1คัน

ตำรวจได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่เพื่อขนลำเลียงออกไปสู่พื้นที่ใกล้เคียง โดยมักจะใช้ยานพาหนะเป็นรถปิ๊กอัพ สีบรอนซ์ บรรทุกรถจักรยานยนต์อยู่หลังกระบะเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ต่อมาพบยนต์คันดังกล่าวที่ด่านตรวจโควิด-19 ของ สภ.สารภี ถนนบริเวณริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง ฝั่งขาเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจค้น แต่รถดังกล่าวก็ขับพุ่งด้วยความเร็ว แหกด่านตรวจโควิด ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปกครอง และสาธารณสุข ขับหนีด้วยความเร็ว แต่รถเกิดไปกระแทกกับขอบข้างทางเสียหลักพลิกคว่ำพบผู้ต้องหาซึ่งบาดเจ็บเล็กน้อย และพบของกลางยาบ้าจำนวนดังกล่าวซุกซ่อนในรถ

นายสุริยะ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าอดีตติดคุกมากว่า 7 ปีในคดียาเสพติด และคดีขนส่งรถไปขายประเทศเพื่อนบ้าน พอออกจากคุกมาก็ไปทำงานสุจริต ก็ถูกพิษโควิดเล่นงาน จนถูกเลิกจ้าง ไม่มีงาน ไม่มีเงิน จึงติดต่อเพื่อนที่ติดคุกด้วยกัน เขาก็ช่วยเหลือโดยการขายยาบ้าให้ตนเม็ดละ 10 บาท ให้มารับของที่เขตติดต่อเชียงใหม่-ลำพูน จากนั้นตนก็มารับยา แล้วจะนำยาไปขายเม็ดละ 100 บาท ที่จังหวัดพะเยา แต่ถูกจับกุมเสียก่อนส่วนเพื่อนร่วมขบวนการเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

ผบ.กองกำลังผาเมืองลงพื้นที่อ.แม่สายชายแดนไทย-เมียนมาให้กำลังใจกำลังพลปฎิบัติหน้าที่สกัดลักลอบเข้าเมืองและขบวนการขนยาเสพติด

พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ลงพื้นที่ร่วมลาดตระเวณและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชุดปฏิบัติการสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการสกั้ดกั้นจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด

และช่วงนี้อุณหภูมิ​ลดต่ำลง​อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นในพื้นที่ตะเข็บชายแดนซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งตลอดแนวชายแดน โดยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้กลับบ้านมากว่า 1 เดือนแล้วเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงต้องปฏบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดตามแนวชายแดน โดยทางผบ.กองกำลังผาเมือง ได้พูดคุยและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตามจุดปฏิบัติการทั้งนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

เหนือหนาวอุณหภูมิลดวูบอุตุชี้เย็นอีกหลายวัน

วันที่ 12 ม.ค.64 หลังจากอุณหภูมิลดลงในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้สภาพอากาศที่หนาวจัด โดยเฉพาะบนพื้นที่สูง ตามดอยต่างๆ ทำให้ประชาชนต่างต้องนำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาวออกมาใช้อีกครั้ง เช่นเดียวกับที่ บ้านห้วยหาญ ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ในช่วงเช้าที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้เพียง 3 องศาเซลเซียส ทำให้นักเรียนไม่สามรถเข้าห้องเรียนได้ตามปกติ ทางคุณครูจึงได้ก่อไฟให้นักเรียนได้ผิงไฟแก้หนาวที่สนามของโรงเรียน โดยมีนักเรียนนั่งล้อมวงรอบกองไฟเพื่อคลายหนาว

ส่วนสภาพอากาศที่จังหวัดเชียงใหม่ในเช้าวันนี้ ได้มีอากาศหนาวเย็น ประกอบกับมีลมพัดตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลทำให้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยลดลงเฉลั่ย 4-6 องศาเซลเซียส ส่งผลทำให้ชาวบ้านต่างเอาเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ขณะที่ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ช่วงเช้านี้มีหมอกหนา และมีฝนเล็กน้อยท้องฟ้าปิดอุณหภูมิที่ต่ำสุดวัดได้ 7 องศา นักท่องเที่ยว และปะชาชนที่สัญจรเส้นทางขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ต้องเพิ่มความระมัดระวังทั้งเรื่องทัศนะวิสัยในการขับขี่ ที่ลดลงจากหมอกหนา และสภาพถนนลื่นที่เกิดจากน้ำค้างและฝน

นายรักชัย ศรีนวน เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานว่า อากาศที่หนาวเย็นลงอย่างรวดเร็วในเช้าวันนี้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนอย่าง จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลดลงถึง 8 องศา เป็นผลมาบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนแล้ว ทำให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะทางภาคเหนือตอนบน ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน จะมีอากาศหนาวเย็นลงได้อีก 4-6 องศาในช่วงวันนี้ และจะส่งผลให้มีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 ก่อนที่มวลอากาศเย็นจะเริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้ระยะนี้พื้นที่ภาคเหนืออุณหภูมิต่ำสุดพื้ราบจะอยู่ที่ 11-16 องศา ส่วนเทือกเขา และยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ยอดดอยสูงอาจจะกลับมามีอุณหภูมิ 1-5 องศา และมีโอกาสสูงที่จะเกิดเหมยขาบหรือน้ำค้างแข็งให้เห็นอีกรอบ ภาคเหนือ ยังไม่หมดหนาว เพราะหนาวระลอกใหม่จะแผ่เสริมเข้ามาอีกในช่วงปะมาณวันที่ 19 มกราคม 2564 ซึ่งจะทำให้พื้นที่ภาคเนือยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องไปอีก โดยพื้นที่ภาคเหนือของไทยจะหมดฤดูหนาวในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ในระยะนี้ยังต้องติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดต่อไป