“บดินทร์”ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่เดินหน้าหาเสียงฝากถึงคนเชียงใหม่ขอให้ตื่นจากฝันอยู่กับปัจจุบันที่เป็นจริงฝากกลุ่มพลังประชารัฐเชียงใหม่ให้ช่วยกันพิจารณาเลือกเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องชาวเชียงใหม่ด้วย

นายบดินทร์ กินาวงศ์ หรือ”ลุงติ่ง”ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (นายกอบจ.เชียงใหม่)เบอร์4 หัวหน้ากลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ ที่ได้ส่งผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(ส.อบจ.)หรือสจ.ในกลุ่มทั้งหมด23คนในเขตเลือกตั้งต่างๆซึ่งเป็นคนแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกัน คือต้องการพี่น้องชาวเชียงใหม่ได้ตื่นจากฝันอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน ไม่อยากให้ภาพเดิมคือการหลงกระแสมาเป็นตัวชี้วัดในการเลือกตั้ง อยากให้ทุกๆคนมีแนวคิดเป็นตัวของตัวเองตัดสินใจเลือกตั้งเลือกตัวแทนเลือกคนที่ต้องการเข้าไปทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน

พลังประชารัฐเชียงใหม่ก่อเกิดจากกลุ่มคนที่มีแนวคิดและอุดมการณ์เดียวกัน คือต้องการอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบันด้าน
การเมืองปการปกครองส่วนท้องถิ่น นโยบายต่างๆเป็นไปได้เพราะจะมีการต่อยอดถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันได้อย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหาอุปสรรคต่อโครงการใหญ่ คนเชียงใหม่จะไม่เสียโอกาสในโครงการใหญ่ที่หลายโครงการต้องมาสะดุดกับการจัดสรรงบประมาณก้อนโตที่ถูกจังหวัดภูมิภาคอื่นๆสอยไปอย่างน่าเสียดาย ผมอยากให้พี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่มีดุลยพินิจในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่าละเอียดถี่ถ้วนว่า หากเราไปเลือกคนเดิมแบบเดิมเราก็ได้อย่างเดิมอย่างที่รู้เห็นและเป็นไป ไม่มีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นผมนายบดินทร์ เสนอตัวเองพร้อมสมาชิกกลุ่มจะผลักดันโครงการใหญ่ๆ เช่นระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่มีการเชื่อมต่อจากรอบนอกถึงภายในตัวเมืองอย่างมีระบบที่ผ่านมามีแต่พูดอย่างเดียวแต่ในความเป็นจริงคือหลอกประชาชน ผมพร้อมทำทันทีหากพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน ในส่วนของการท่องเที่ยวเชียงใหม่ปัจจุบันภาคเอกชนเข้มแข็งมากเอกชนช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอดเพราะสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศตลอดจนวัฒนธรรมหลากหลายเรายังขายทุนเดิม ไม่มีการต่อเติมแต่งแต้มสิ่งแปลกใหม่ผุดขึ้นมาเลย วันใดวันหนึ่งหากนักท่องเที่ยวเบื่อแล้วและเราไม่คิดจะทำสิ่งแปลกใหม่ให้เกิดขึ้น เราตามจังหวัดหรือภูมิภาคอื่นๆไม่ทันแน่ การท่องเที่ยวผมให้ความสำคัญจะผุดไอเดียสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่อลังการณ์ให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะการท่องเที่ยวทำเงินมหาศาลให้กับเชียงใหม่และผู้คนอยู่ดีกินดีกับเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวมาเป็นอันดับต้นๆ ด้านเศรษฐกิจสังคมตอดจนการพัฒนาอาชีพส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมกลุ่มจัดเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อโอบอุ้มภาคเกษตรให้มีแหล่งผลิตและแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ชัดเจนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคา

ขณะนี้ทั้งหมด23คนของสมาชิกกลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ที่สมัครส.อบจ.ในแต่ละเขตพร้อมทุกคนพร้อมเดินหน้าบอกกล่าวเล่า
ขานให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ได้ตื่นจากฝันอยู่กับปัจจุบันที่เป็นจริง ทั้งหมด23คนประกอบด้วยผม”นายบดินทร์ กินาวงศ์”ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่เบอร์4(หัวหน้ากลุ่ม) นายกันตภณ พัฒนเพธานน ผู้สมัครส.อบจ. เบอร์3 อ.สันทรายเขต1, ร.ต.ปวิช พงษ์มณี ผู้สมัครส.อบจ.เบอร์3 อ.สันทรายเขต2, นายยุทธพงษ์ แสนพรหม ผู้สมัครส.อบจ.เบอร์3อ.สันทรายเขต2,นายมงคล สุนทรแก้ว ผู้สมัครส.อบจ.ดอยสะเก็ดเบอร์3 เขต1,นายสรพงศ์ บุญธรรม ผู้สมัครส.อบจ.ดอยสะเก็ดเบอร์3เขต2,นายวัลลภ มูลก้อนแก้ว ผู้สมัครส.อบจ.สันกำแพงเบอร์3 เขต2, นายฉลวย ยาวิลาศ ผู้สมัครส.อบจ.สันป่าตอง เบอร์3 เขต1,นายศิลป์ไทย ติยานุพันธุ์ ผู้สมัครส.อบจ.แม่อายเบอร์3 เขต2, นางวิรินทร์พิมล สุพรรณกุล ผู้สมัครส.อบจ.สารภีเขต2เบอร์3,นายสอาด ดอนแก้ว ผู้สมัครส.อบจ.แม่แตงเขต1เบอร์3, นายอาณาจักร อู่ทอง ผู้สมัครส.อบจ.แม่ริมเขต1 เบอร์4, นายมงคล บุญล้ำ ผู้สมัครส.อบจ.แม่ริมเบอร์4 เขต2, นายพิสิษฐ์ โรจนะบริบูรณ์ ผู้สมัครส.อบจ.พร้าว เบอร์3, นายประสิทธิ์ มางเมาะ ผู้สมัครส.อบจ.แม่ออน เบอร์3, พ.ต.ท.นาวิน วงศ์รัตนมัจฉา ผู้สมัครส.อบจ.เวียงแหง เบอร์3, นายภูวนัตถ์ วนาไพร ผู้สมัครส.อบจ.อมก๋อย เบอร์3, นายธรรมนูญ วุฒิลักษณ์ ผู้สมัครส.อบจ.เชียงดาวเขต1 เบอร์3, นางจารุพร การะหงษ์ ผู้สมัครส.อบจ.เชียงดาวเขต2เบอร์3,นายอดิศร อยู่ศิริ ผู้สมัครส.อบจ.ไชยปราการ เบอร์4, นายสุคำ ฐาปนาวิทยากุล ผู้สมัครส.อบจ.ฝางเขต1 เบอร์4, นายมฤคินทร์ ตาไฝ ผู้สมัครส.อบจ.ฝางเขต2 เบอร์4, นายวัชรากรณ์ ภูวรินทร์ยศกุล ผู้สมัครส.อบจ.ฝางเขต3 เบอร์4,นางณัฐพศิน ปินธง ผู้สมัครส.อบจ.แม่อายเขต2เบอร์4

หัวหน้ากลุ่มประชารัฐเชียงใหม่กล่าวในตอนท้ายว่า ทั้งหมดเป็นผู้สมัครของกลุ่มประชารัฐ ที่มีความรู้ความสามารถและมี
อุดมการณ์เดียวกันพร้อมทำงานให้กับพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ในการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่และส.อบจ.เชียงใหม่ในวันที่20ธ.ค.2563จึงขอโอกาสในการเลือกตั้งขอพี่น้องชาวเชียงใหม่ไปใช้สิทธิ์กันให้มากที่สุด.

ทหารลงพื้นที่ศูนย์อพยพเมืองสามหมอกป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองสกัดเชื้อโควิด19ข้ามแดน

พ.อ.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจติดตามและสั่งกำชับฝ่ายปกครองและกำลังทหารที่ประจำดูแลศูนย์พักพิงเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการหลบหนีข้ามแดนเข้ามาภายในศูนย์ฯของประชาชนจากนอกประเทศ พร้อมกันนี้ก็ได้มีการพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ UN ของแต่ละองค์กรที่ดูแลผู้อพยพห้ามมิให้ผู้อพยพภายในศูนย์พักพิงหลบหนีหรือเดินทางออกนอกศูนย์ฯเข้ามาในหมู่บ้านตัวเมืองแม่ฮ่องสอน และหากมีการหลบหนีข้ามแดนของประชาชนชาวเมียนมาเข้ามาภายในศูนย์ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ไทยพร้อมกักตัวทันที ซึ่งก็ได้รับความมือจากเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์เป็นอย่างดี

ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีศูนย์พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนใหญ่จะอยู่ติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ตั้งแต่รัฐฉาน รัฐคะยา และรัฐกะเหรี่ยง รวม 4 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์พักพิงบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง , ศูนย์พักพิงบ้านแม่สุริน ต.ขุนยวม , ศูนย์พักพิงบ้านแม่ลามาหลวง และศูนย์พักพิงบ้านแม่ละอูน อ.สบเมย มีผู้อพยพรวมประมาณ 30,000 คน ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศพม่า จนถึงปัจจุบันยังไม่พบมีประชาชนชาวเมียนมาหลบหนีข้ามแดนเข้ามาภายในศูนย์แต่อย่างใด

พ.อ. มงคล ปาคำมา รองผู้อำนวยการรักษาความมันคงภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่รัฐฉาน รัฐคะยา และรัฐกะเหรี่ยงของสหภาพเมียนมา การแพร่ระบาดของไวรัฐโควิด19 โดยการควบคุมดูแลของนายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการประชุมกำหนดมาตรการวิธีปฏิบัติที่เข้มข้นมาตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดใหม่ๆ ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ไม่มีการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ประชุมติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด นอกจากนี้ตามแนวชายแดนยังมีกำลังทหาร ตำรวจ ตชด.ออกลาดตระเวนตามพื้นที่ธรรมชาติและจุดตรวจต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังการหลบหนีข้ามแดน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่ตามแนวชายแดนก็ช่วยสอดส่องดูแลไม่ให้มีผู้ลักลอบเข้ามาในหมู่บ้านได้

ตร.ภาค5รวบหนุ่มใหญ่ขนไอซ์20กิโลกรัม

00.30 น.วันที่ 26 พ.ย.63 พ.ต.อ.วรพงษ์ คำลือ รองผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 และชุดสกัดกั้นยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมนายแจ้ง โตกำแพง อายุ 58 ปีอยู่บ้านเลขที่ 10/10 หมู่ 8 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเทาหมายเลขทะเบียน บว-9333 ระยอง ยาไอซ์ จำนวน 20 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดปูแกง ต.แม่เย็น อ.พาน จ.เชียงรายเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดออกจากคุกมาเมื่อปี 2558 จำคุกทั้งหมด 16 ปี พอออกมาค้าขายรับจ้างขนผักไปส่งยัง จ.พิษณุโลก พักหลังกิจการไม่ดีหันมารับจ้างขนยาเสพติดครั้งนี้รับจ้างราคา 1 แสนบาท จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมพร้อมของกลางซึ่งจะได้ขยายผลถึงขบวนการค้ายาเสพติดนี้ต่อไป

ผาเมืองปะทะคาราวานขนยาเสพติดยึดยาบ้า3แสนเม็ด

พล.ต. นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ทำการสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเมียนมา เข้ามายังประเทศไทยในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อลำเลียงไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศต่อไป จึงสั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 5 กองกำลังผาเมือง หมวดทหารม้าที่ 2 กองร้อยทหารม้าที่ 2 กองบังคับการควบคุมที่ 1 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการซุ่มโจมตี บริเวณพื้นที่ ต.เมืองนะ อำเภอเชียงดาว ห่างจากแนวชายแดน ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อเวลา 00.00 น. ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ 10 – 20 คน แบกสัมภาระ เดินเข้ามาตามเส้นทางในภูมิประเทศ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืน ไม่ทราบชนิด ยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะกันนานประมาณ 10 นาที หน่วยจึงได้จัดกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 เวลา 08.30 น. ได้จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจพบเป้สะพายหลัง จำนวน 3 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมจำนวน 300,000 เม็ด, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และของใช้ส่วนตัวจำนวนหนึ่งส่วนกลุ่มคาราวานขนยาเสพติดอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

ชมทุ่งดอกเก๊กฮวยเหลืองอร่ามสวยงามที่ดอยสะโง้

ดอยสะโง้ ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อยู่ใกล้กับจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ อ.ชียงแสน โดยเดินทางจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว และห่างจาก ตัวเมืองเชียงราย เพียง 63 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถมาสัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติสวยงามและชมทะเลหมอกในยามเช้าได้

นอกจุดชมวิวดอยสะโง้แล้วนักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายภาพวิว 3 แผ่นดิน ไทย-ลาว-เมียนมา ที่สวยงามแล้วยังมีทุ่งดอกเก๊กฮวยที่กำลังเบ่งบานเป็นสีเหลืองทั้งแปลงสวยสดงดงาม กับบรรยากาศหนาวในช่วงนี้ของจ.เชียงราย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะแวะมาชมความสวยงาม ทุ่งดอกเก๊กฮวยแปลงใหญ่ที่ออกดอกเบ่งจนกลายเป็นพื้นที่สีเหลืองกว้างๆ อยู่ในหมู่บ้านชาวอาข่าดอยสะโง้ ชาวบ้านได้รวมตัวกันปลูกเป็นแปลงใหญ่ เพื่อสร้างรายได้จนกลายเป็นรายได้หลักให้กับหลายๆ ครอบครัว รวมทั้งในหมู่บ้านยังมีผลิตภัณฑ์ดอกเก๊กฮวยอบแห้ง ไว้จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวเอากลับบ้านได้อีกด้วย ขึ้นมาเมืองพ่อขุนอย่าลืมแวะเที่ยวชมด้วยนะครับ

ใช้เครื่องสแกนโลหะเจอแล้วเหรียญร.5นายกหลักหกกระเด็นตกในโพรงหญ้าส่วนสร้อยทอง10บาทกับสร้อยแขน3บาทยังไม่พบ

จากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถกระบะนักท่องเที่ยวแหกโค้งพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ บนดอยอินทนนท์ ผู้เสียชีวิตคือนายสมพงษ์ ศรีอนันท์ อายุ 62 ปี นายกเทศมนตรีตำบลหลักหก จังหวัดปทุมธานี นางพเยาว์ ศรีอนันต์ อายุ 59 ปี ภรรยา พร้อมกับเพื่อนและญาติอีก3ศพหลังเกิดเหตุทางญาติได้เปิดเผยว่าได้มีทรัพย์สินสูญหายหลายรายการ ทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท กำไลข้อมือหนัก 3 บาท และเหรียญ ร.5 มูลค่ากว่าล้านบาทได้สูญหายไปนั้น

บ่ายวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.จอททอง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย และส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ใช้เครื่องสแกนโลหะในการค้นหาทรัพย์สินของผู้เสียหายตามป่าริมทางใกล้ที่เกิดเหตุ ใช้ระยะเวลานานหลายชั่วโมง โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้พบเหรียญร 5 ซึ่งมีมูลค่าล้านกว่าบาทของผู้เสียชีวิตแล้ว ส่วนสร้อยคอทองคำ10บาทและกำไลข้อมือหนัก3 บาทของนายพเยาว์ ภรรยาและผู้เสียชีวิตยังหาไม่พบในขณะนี้

ตำรวจขอข้อมูลทรัพย์สิน5ศพบนดอยอินทนนท์เพิ่มยันวันเกิดเหตุญาติและเพื่อนสนิทขับรถตามลงมาช่วยเก็บพร้อมกับเจ้าหน้าที่ส่งมอบให้ญาติแล้วส่วนของที่หายพร้อมช่วยติดตามคืนให้ หลังพี่ชายนายกหลักหกวอนขอคืนทรัพย์สินน้องชายและน้องสะไภ้ทั้งเหรียญร5และสร้อยคอหนัก10บาทหายไป

จากกรณีที่ได้เกิดอุบัติเหตุบนดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ โดยสองในห้าศพคือนายสมพงษ์ ศรีอนันท์ อายุ 62 ปี นายกเทศมนตรีตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี และนางพเยาว์ ศรีอนันต์ อายุ 59 ปี ภรรยา โดยล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณหน่วยรักษาศพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้มีทั้งญาติผู้เสียชีวิต เดินทางมาติดต่อเพื่อขอรับศพ โดยมีรถพยาบาล จากสมาคมกุศ สงเคราะห์เชียงใหม่ และรถพยาบาลเอกชนจำนวน 5 คัน มาทำการลำเรียงร่างผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลศพยังวัดนาวง​ ต.หลัก​หก​ ปทุมธานี​ ท่ามกลางความเสียใจของทางญาติผู้เสียชีวิต

นายนิพนธ์ ศรีอนันท์ อายุ 65 ปี พี่ชายของ นายสมพงษ์ ศรีอนันท์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เพื่อขอให้ช่วยติดตามทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตบางส่วนที่ยังไม่ได้คืนและสูญหายไปภายหลังการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าตัวระบุว่า หลังจากที่ได้มีการติดต่อขอรับทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตคืน พบว่าตอนนี้ทรัพย์สินบางส่วนที่อยู่ในตัวของผู้เสียชีวิตยังได้มาไม่ครบ ซึ่งประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท และสร้อยข้อมือนำหนัก 3 บาท ที่เป็นทรัพยสินที่ทางด้าน นางพเยาว์ ศรีอนันท์ ภรรยาของนายกฯ ได้ส่วมใส่อยู่ แต่หลังเกิดเหตุ และจากการตรวจสอบศพพบว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้หายไป โดยไม่รู้ว่าตกกระเด็นหรือถูกผู้ใดเก็บไปหรือไม่ เนื่องจากทรัพย์สินที่ได้คืนตอนนี้มีเพียงสร้อยคอทองคำหนัก 20 บาท นายสมพงษ์ น้องชายเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเหรียญของรัชกาลที่ 5 ที่ติดกับสร้อยหายไป เหลือเพียงกรอบเลี่ยมทองน้ำหนัก 3 บาท และกรอบทองก็ได้คืนมาเพียงซีกเดียว อีกทั้งยังมีเหรียญทองของรัชกาลที่ 5 ทรงม้า ที่นายสมพงษ์ ห้อยคอติดกับสร้อยทองคำน้ำหนัก 20 บาทนั้นก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน และอาจจะมีทรัพย์สินรายอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบหายไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทางตนอยากฝากไปถึงยังเจ้าหน้าที่ หรือคนที่อาจจะเก็บได้ ให้ช่วยนำส่งคืนให้กับทางญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนก็ตาม หรือทางญาติพี่น้องตระกูล ศรีอนันท์ คนไหนก็ได้ ซึ่งตนเพียงอยากได้ทรัพย์สินของน้องชาย และน้องสะใภ้คืนเพียงเท่านั้น และจะไม่ติดใจเอาความกับผู้ที่พบเจอหรือเก็บได้แต่อย่างใด

ในเรื่องนี้พ.ต.อ.ชัชวรินทร์ บุนนาค ผกก.สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าตอนเกิดเหตุรถญาติและคนสนิทของผู้ตายทั้ง 5 ศพก็ขับตามกันมาและจอดในที่เกิดเหตุและที่เกิดเหตุก็ยังไม่มีคนดู หรือบุคคลอื่น จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยาน ก็ตามเข้ามาช่วยกันกั้นที่เกิดเหตุและผู้บาดเจ็บที่จะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางขึ้นไปและได้ร่วมกันตรวจสอบเก็บทรัพย์สินทั้งหมดไว้ ต่อหน้าญาติและคนสนิท ซึ่งอย่างเหรียญ ร.5 เราก็เจอแต่กรอบหาพระไม่เจอ เพราะศพกระเด็นไกลออกไปจากรถ เข้าข้างทาง ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ทราบว่าผู้ตายมีทรัพย์สินติดตัวมาเท่าไหร่และมีอะไรบ้าง ซึ่งการทำหน้าที่ร่วมกันระหว่างปกครอง ตำรวจ อุทยาน และญาติที่ขับรถตามกันมาก็ช่วยกันเก็บทรัพย์สินที่พบ นำมาส่งคืนญาติพี่น้องทั้งหมด แต่หากญาติยังติดใจก็มาพบให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกเวลา ทางตำรวจเราก็พร้อมดำเนินการตรวจสอบเพื่อติดตามหาให้ ผกก.สภ.จอมทอง กล่าวในที่สุด

เศร้าสลดลูกชายนิมนต์พระเชิญดวงวิญญาณพ่อแม่และญาติรวม5ศพบนดอยอินทนนท์กลับไปบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด

จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์พลิกปิ๊กอัพโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน ฆฐ 3307 กรุงเทพ พลิกคว่ำ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 – 32 ขาลงจากยอดดอยอินทนนท์ ส่งผลให้นายสมพงษ์ ศรีอนันท์ อายุ 63 ปี นายกเทศมนตรีตำบลหลักหก และนางพเยาวน์ ศรีอนันท์ อายุ 54 ปี ภรรยา นางเปี๊ยก สิทธิรังสีนภา อายุ 63 ปีนางกรรณิการ์ นรอินทร์ อายุ 55 ปีและนางสาวกุ๊กดา วงศ์แก้วฟ้า อายุ 57 ปี ร่างกระเด็นออกจากรถเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุรวม 5 ศพ

เช้าวันนี้ 21 พย.นายสุทัศน์ ศรีอนันท์ อายุ 33 ปี ลูกชายของนายสมพงษ์ และญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพ ได้นิมนต์พระสงฆ์ 5 รูป จากวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ. เชียงใหม่ และวัดนาวงค์ ต.หลักหก จ. ปทุมธานี มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตกลับบ้านเกิด ที่ จ.ปทุมธานี ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลดของบรรดาญาติๆของผู้เสียชีวิต ส่วนศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ศพนั้น ถูกส่งไปผ่าชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลังเสร็จพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณและจัดการเรื่องเอกสารแล้ว ญาติๆจะเดินทางไปรับศพในช่วงเย็น เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดนาวงค์ ตำบลหลักหก 4 ศพ ส่วนอีกศพคือนางกรรณิการ์ นรอินทร์ ทางญาติจะนำไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ทวัดรังสิต ต.หลักหก จ.ปทุมธานี ต่อไป

สาวซิ่งปิ๊กอัพพุ่งข้ามเลนชนทั้งคนทั้งรถหน้าตลาดสดเจ็บ11ราย

พ.ต.ท.สงกรานต์ กองอินทร์ พนักงานสอบสวน สภ.เทิง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุหน้าตลาดบ้านทุ่งโห้ง หมู่ 5 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงไปสอบสวนพร้อมพวกและเจ้ากู้ภัย ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ปิ๊กอัพยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ผต 2176 เชียงราย สภาพตะแครงขวาอยู่บริเวณหน้าตลาด นอกจากนั้นยังรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ล้มกระจัดกระจาย ส่วนคนขับรถปิ๊กอัพเป็นผู้หญิง อายุ20ปี ถูกแรงอัดร่างติดอยู่ในตำแหน่งที่นั่งคนขับ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมาส่ง รพ.เทิง อย่างเร่งด่วน นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านที่กำลังเดินจับจ่ายซื้อของช่วงเช้าได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย ผู้หญิง 6 ราย ชาย 4รายสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารถยนต์ปิ๊กอัพที่พุ่งชนกำลังจะเดินทางจากพื้นที่ อ.เทิง มุ่งหน้าจะไปทาง อ.เชียงของ โดยวิ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายส่วนตลาดอยู่ทางฝั่งขวา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดเสียหลักพุ่งข้ามเลนเข้าชนทั้งรถทั้งคนที่อยู่บริเวณหน้าตลาด ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินของชาวบ้านได้รับความเสียหายจักรยานยนต์จำนวน 15 คัน และจักรยาน 2 คัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุตำรวจกำลังเร่งสอบสวนอยู่

ขอบคุณภาพจาก. หมวดทางหลวงเทิง แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2

จับตา200ผู้อพยพเกาหลีเหนือจ่อชายแดนไทย-ลาวด้านจ.เชียงรายเตรียมลอบข้ามแดนเข้าไทยเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่สาม

เจ้าหน้าที่ร้อย.ทพ.3206ฉก.ทพ.32ได้ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่รับผิดชอบตามริมแม่น้ำโขง ขณะลาดตระเวนถึงที่บริเวณ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยเป็นหญิงชาวเกาหลีเหนือ อายุระหว่าง30-40ปี จำนวน 6 คน จึงแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้นและจับกุม จากการสอบสวนผ่านล่ามผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นบุคคลสัญชาติเกาหลีเหนือ ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจากพื้นที่ฝั่ง​ สปป.ลาว​ โดยว่าจ้างเรือเร็วชาวลาวเพื่อมาขึ้นฝั่งแม่น้ำโขงเขตไทยจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง ตม.เชียงแสน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป​

สำหรับการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวเกาหลีเหนือในพื้นที่​ จ.เชียงราย​ ในห้วงปี​ 62-63ที่ผ่านมามีการจับกุมน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เบาบางลง​ กลุ่มขบวนการชาวลาวที่รับผลประโยชน์กับชาวเกาหลีเหนือที่ต้องการลักลอบเข้าไทยเพื่อจะผ่านกระบวนตามกฎหมายไทยเพื่อจะได้ถูกส่งตัวไปยังเกาหลีใต้​ และประเทศที่สาม ปัจจุบันทราบว่ามีชาวเกาหลีเหนือที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ แขวงบ่อแก้ว​ จำนวนกว่า​ 200 คน​ เพื่อรอลักลอบเข้ามายังเขตไทยตามพื้นที่​ อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ​ จ.เชียงราย​ ในห้วงฤดูแล้งนี้อย่างต่อเนื่อง​ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกำลังจับตาเพื่อสกัดกั้นจับกุมกลุ่มผู้อพยพลี้ภัยที่พยามหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายนี้อยู่