บดินทร์ หน.”กลุ่มประชารัฐเชียงใหม่”ขอวัดใจชาวเวียงพิงค์ลงสู้ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่

ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่กลุ่มประชารัฐเชียงใหม่ “ขนมจีนบ้านคุณจร้า อ.สันทราย จ.เชียงใหม่”  นายบดินทร์ กินาวงศ์ ผู้สมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครนายกอบจ. และทีมงาน ส.อบจ. ทั้ง 18 เขตเลือกตั้ง ยืนยันตนเองมีความพร้อมและทางพรรคพลังประชารัฐ ก็รับรู้รับทราบและจะทำงานทางด้านการเมืองกันเป็นทีม ซึ่งขณะนี้มีว่าที่ผู้สมัครส.อบจ.ในทีมงานกลุ่มของตนเอง18 คน พร้อมลงสมัครรับใช้พี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งสนาม อบจ.ทั่วประเทศในวันอาทิตย์ ที่20 ธ.ค.นี้

นายบดินทร์ กินาวงศ์ ผู้สมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้า “กลุ่มประชารัฐเชียงใหม่” กล่าวว่าทีมของตนทั้งหมดลงสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารจังหวัดเชียงใหม่ 18 เขต ดังนี้ นายกันตภณพัฒนเพธานนท์ อ.สันทราย เขต 1, นายสุรเวศม์ รินแก้ว อ.สันทราย เขต 2, นายมงคล สุนทรแก้ว อ.ดอยสะเก็ด เขต 1, นายสรพงษ์ บุญธรรม อ.ดอยสะเก็ด เขต 2, นายฉลวย ยาวิลาศ อ.สันป่าตองเขต 1, นายวัลลภ มูลก้อนแก้ว อ.สันกำแพง เขต 2, นางสาวจารุพร การะหงษ์ อ.เชียงดาว เขต 2, นางวีรินทร์พิมล สุพรรณกุล อ.สารภี เขต 2, นายสะอาด ดอนแก้ว อ.แม่แตงเขต 1, นายพิสิษฐ์ โรจนะบริบูรณ์ อ.พร้าว, นายประสิทธิ์ นางเมาะ อำเภอแม่ออน, พ.ต.ท.ดร.นาวินวงศ์ รัตนะมัจฉา อ.เวียงแหง, นายอดิศร อยู่ศิริ อ.ไชยปราการ, นายสุคำ ฐาปนวิทยากุล อ.ฝาง เขต 1, นายนฤบดินทร์ ตาไฝ อ.ฝาง เขต 2 นายวัชรกร ภูวรินทรียศกุล อ.ฝาง เขต 3, นายศิลป์ไทย ติยานุพันธุ์ อ.แม่อาย เขต 1 นายรัชนก ปินธง อ.แม่อาย เขต 2

นโยบายและยุทธศาสตร์ในการหาเสียงในครั้งนี้ แยกออกเป็นหลักใหญ่ คือ ด้านคมนาคม – การบริหารจัดการเรื่องทรัพยากร สาธรณูปโภคและการท่องเที่ยว และในส่วนของการบริหารงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในความคิดของตนเอง คิดว่าที่จะทำให้ กับคนเชียงใหม่ อันดับต้นๆ คือระบบขนส่งมวลชน โดยใน 2 ปีแรก จะต้องจัดสรรงบประมาณให้กับทาง อปท.ในเชียงใหม่ทั้งหมด เพื่อทำการศึกษาและดำเนินการ รายการจัดระบบขนส่งมวลชน ของ “เชียงใหม่มหานคร” ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ทาง อบจ.จะทำคนเดียวต้องอาศัย อปท.ในจังหวัดเชียงใหม่ ในการร่วมมือดำเนินการ จัดทำระบบขนส่งมวลชนในครั้งนี้ ในส่วนของ นโยบายในด้านสาธารณูปโภค ต้องสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและผู้บริโภค ต่อมาในเรื่องของเขตอาหาร คืออำเภอรอบนอก เราจะจัดสรรงบประมาณ ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำในระบบชลประทาน โดยทางอบจ.จะไปช่วยการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และในส่วนของเขต อำเภอที่ติดกับพื้นที่รอยต่อของจังหวัดใกล้เคียง เราต้องส่งเสริมในเรื่องของการท่องเที่ยว เพื่อให้มีความหลากหลายในการท่องเที่ยว โดยนโยบายต้องสอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

ส่วนในเรื่องของการลงพื้นที่ หาเสียงนั้นตนเองมีความพร้อมและทางพรรพลังประชารัฐก็รับรู้รับทราบและจะทำงานทางด้านการเมืองกันเป็นทีม จากประสบการณ์ตนเองเคยเป็นอาจารย์สอนพิเศษด้านรัฐศาสตร์มากว่า10 ปี เคยลงรับสมัครส.ส.ในเขต 7 จังหวัดเชียงใหม่ มาแล้ว ทั้งประสบการณ์ด้านการเมืองและวิชาความรู้ด้านการเมืองการปกครองมีความเชี่ยวชาญพอสมควร จึงมีความพร้อมที่จะขันอาสารับใช้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่และพร้อมเข้าบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.)แน่นอนทางพรรคฯ ก็รับรู้รับทราบและให้การสนับสนุนการลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ การเลือกตั้งในครั้งนี้ต้องบอกว่าหรือใช้คำว่า “วัดใจ” กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ในทางการเมืองไม่ “แพ้” ก็ “ชนะ” เราคือผู้ปลุกให้คนเชียงใหม่ตื่น ตนเสนอตัวเป็นผู้นำพร้อมทีมงานสจ.ทั้ง 18 เขต เพื่อพัฒนาจ.เชียงใหม่ พร้อมประสานงานกับทางรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนา จ.เชียงใหม่ หากเราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ตนและทีมงานจะไม่ทำให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ผิดหวังแน่นอน หัวหน้ากลุ่มประชารัฐเชียงใหม่กล่าวในที่สุด

อบต.เชียงแรงจับมือเครือข่ายกู้ภัยสว่างภาคเหนือจัดโครงการธนาคารเวลาอาสาปันสุข

ที่หอประชุมด้านนอกขององค์การบริหารส่วนตำบลชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา นายสิงห์คำ เชียงแรง นายกอบต.เชียงแรงเปิดเวทีโครงการธนาคารเวลา อาสาปันสุขขึ้นร่วมกับเครือข่ายกู้ภัยมูลนิธิสว่างภาคเหนือ ทั้งนี้ได้มี ดร.นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) เดินทางมาเป็นประธานในการเปิดโครงการและให้ความรู้ในครั้งนี้ พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.พะเยาเขต 2 รวมทั้งกลุ่ม อสม.ในพื้นที่ ต.เชียงแรงให้การต้อนรับและรับฟังรายละเอียดของโครงการในครั้งนี้

โดยนายสิงห์คำ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือว่ามีประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่อย่างมาก เพราะปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยติดเตียงและยากไร้มีจำนวนค่อนข้างมาก ทั้งนี้อุปกรณ์ในการช่วยเหลือนั้นมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย ตนจึงได้รับการสนับสนุนจากทีมกู้ภัยมูลนิธีสว่าง อ.ภูซางของนายประเสริฐ เจี๊ยะหลิม ประธานศูนย์กู้ภัยที่ได้เล็งเห็นความสำคัญนี้ที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังให้ อสม.ในพื้นที่มีส่วนร่วมในการร่วมโครงการนี้ด้วยนั้นคือการเก็บชั่วโมงในการเดินทางไปดูแลผู้ป่วย ซึ่งเปรียบเสมือนการสะสมเงินในธนาคาร เพียงแต่ตรงนี้เป็นการสะสมเวลาในการทำงานเพื่อส่วนร่วม และนอกจากนี้ทางกู้ภัยสว่างยังมอบเครื่องพ่นควันบิ๊กแบ็คที่สามารถพ่นได้ทั้งควันทางจมูกและพ่นยารักษาโรคหอบหืดให้ยืมภายในหมู่บ้านได้อีกด้วย ทั้งนี้ตนเองจึงคิดว่าโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาฝีมือกลุ่ม อสม.ให้รู้จักเครื่องมืออันทันสมัยและสามารถวิธีรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

ทางด้านนายประเสริฐ เจี๊ยะหลิม กล่าวเสริมว่า เครือข่ายกู้ภัยมูลนิธิสว่างที่ตนเองร่วมดูแลอยู่นั้นมีด้วยกัน 5 จังหวัดในเขตภาคเหนือ คือ พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน เชียงรายและลำปาง โดยมีสมาชิกทั้งหมด 278 คน ด้วยกัน การริเริ่มโครงการนี้ตนเห็นว่าบ้านบางหลังนั้นญาติผู้ป่วยจะต้องลางานมาดูแลจนขาดรายได้ในบางครั้ง และยังต้องดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองจึงให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่

โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่จัดกิจกรรม”วันสมเด็จย่า”ประจําปี 2563ตามรอยพระบารมี 19 ปี สมเด็จย่า

ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ นายสำเริง ไชยเสน รองผวจ.เชียงใหม่เป็นประธานในพิธี วันสมเด็จย่า ประจําปี 2563 ตามรอยพระบารมี 19 ปี สมเด็จย่า โดยมีนางวิมลรัตน์ หลอดเข็ม ปลัดอำเภอสันทราย หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตร ปฏิบัติหน้าที่แทนนายอำเภอสันทราย นายประหยัด ทรงคำ ผู้อำนวย การมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการสถาบันองค์กรหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกลุ่มพลังมวลชนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานในพิธีในครั้งนี้

วัตถุประสงค์ของการจัดเพื่อถวายเป็นราชสักการะและรำลึกถึงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระศรีนครินทรา-บรมราชชนนี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อการพัฒนาคนพิการไทยด้อยโอกาส เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของโรงเรียนด้านการพัฒนานักเรียนผู้พิการและเพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรเครือข่ายหน่วยงานชุมชนและประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคนพิการไทยและการจัดงานวันสมเด็จย่าซึ่งในปี 2563 นี้ได้กำหนดจัดกิจกรรมพิธีสืบชะตาหลวงและทำบุญครบรอบ 19 ปีของโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่โดยภายในงานมีขบวนแห่เครื่องราชสักการะและวางพานพุ่มเพื่อถวายเป็นราชสักการะและน้อมรำลึกถึงดวงพระวิญญาณสมเด็จย่า นอกจากนั้นภายในงานยังมีกิจกรรมกาดมั่วคัวฮอมโดยหน่วยงานชุมชนท้องถิ่นร่วมบริการซุ้มอาหารกิจกรรมทอดผ้าป่ามหากุศลสมทบทุนมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการเพื่อนำมาจัดการศึกษาและจัดจ้างพี่เลี้ยงเด็กพิการของโรงเรียนพิการโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ กิจกรรมการแสดงของนักเรียนโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่แสดงถึงศักยภาพของนักเรียนและเป็นการตอบแทนน้ำใจของผู้มาร่วมงานและผู้ให้ความอนุเคราะห์แก่โรงเรียนด้วย

 

รมช.เกษตรมอบเงินเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยพะเยา

ที่หอประชุมโรงเรียนเชียงคำวิทยาคม จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการมอบเงินเยียวยาในโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 โดยมีนายวุฒิชัย เสาวโกมุท รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นายสวัสดิ์ กะรัตน์ เกษตรจังหวัดพะเยา นายกนก ศรีวิชัยนันท์นายอำเภอเชียงคำ พร้อมทั้งนายอำเภออีก 4 อำเภอและตัวแทนชาวบ้านให้การต้อนรับในครั้งนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จ.พะเยา ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโอนเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรในแต่ละรายบุคคล

โดยนายกนก กล่าวว่า วันนี้ได้มีตัวแทนเกษตรกรจากอำเภอเชียงคำ อำเภอปง อำเภอภูซาง อำเภอจุน และอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา มาร่วมงานทั้งหมด 500 คน ซึ่งทั้ง 5 อำเภอดังกล่าวมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 10,809 รายและมีเนื้อที่ทำกินทั้งสิ้น 58,443 ไร่ โดยคิดเป็นเงินเยียวยาทั้งสิ้น 116 ล้านบาท ทั้งนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จะเริ่มดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม ถึง 15 ธันวาคม 2563 ซึ่งเงินดังกล่าวชาวเกษตรกรสวนลำไยจะได้เงินเยียวยาในครั้งนี้จำนวน 2,000 บาท ต่อ 1 ไร่ ทั้งนี้ถือว่าทางภาครัฐได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการแก้ไขปัญหาราคาลำไยตกต่ำในเบื้องต้นก่อน ส่วนปีหน้าหากพ้นผ่านในเรื่องของโรคโควิด-19 แล้ว ต่างประเทศก็อาจจะเข้ามารับซื้อลำไยมากขึ้นก็เป็นได้โดยเฉพาะประเทศจีน ที่กำลังต้องการลำไยจากไทยเราเป็นอย่างมาก

ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวในเรื่องของการแก้ปัญหาราคาลำไยและแผนรับมือภัยแล้งปีหน้า ว่า จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยเราในขณะนี้ได้เผชิญต่อโรคระบาด โควิด-19 จนทำให้การค้าส่งออกถูกหยุดชะงักไปหลายเดือน และส่งผลให้ราคาลำไยตกต่ำในหลายพื้นที่ ตนเองซึ่งเป็นตัวแทนของภาครัฐก็ได้ผลักดันโครงการเยียวยาชาวสวนลำไยให้ช่วยเหลือได้ในที่สุด ทั้งนี้จะเป็นการช่วงเหลือในเบื้องต้นไปก่อน หากปีหน้าผ่านพ้นโรคโควิด-19 ไปได้แล้วตนคาดว่าในหลายประเทศจะเข้ามารับซื้อลำไยเหมือนเดินจนทำให้ราคาลำไยสูงขึ้นอย่างแน่นอน ในส่วนของเรื่องปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อชาวสวนลำไยและเกษตรกรที่ปลูกนาข้าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ โดยตนเองได้มอบนโยบายให้กรมชลประทานในเรื่องของการเตรียมแผนรับมือปัญหาภัยแล้งในปีหน้า ซึ่งจะต้องทำอย่างเต็มที่อย่าได้ทำแบบแก้ไขเฉพาะหน้าไปวัน ๆ ทั้งนี้ในหลายพื้นที่ของจังหวัดพะเยาโดยเฉพาะ อ.เชียงคำและ อ.ภูซางในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เริ่มส่งแผนที่น้ำขึ้นมาแล้ว ทั้งนี้ตนจะได้เริ่มวางแผนในส่วนของการขุดเจาะบ่อบาดาลในการแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งจะสำรวจดูว่าพื้นที่ไหนที่จะสามารถขุดเจาะได้บ้างหรือพื้นที่ไหนที่เป็น สปก.ก็จะให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเข้ามาสำรวจและแก้ไขให้ตรงจุดทันที ทั้งนี้ขอให้พี่น้องชาวเกษตรกรสวนลำไยและนาข้าวได้มั่นในว่าปีหน้าทุกพื้นที่จะมีน้ำใช้อย่างแน่นอน

วันอาหารโลกชนเผ่า

ชาวชนเผ่าในอำเภอขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน จัดงานวันอาหารโลก เพื่อฟื้นฟูองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านความมั่นคงและปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะอาหารของชนเผ่ากะเหรี่ยง ที่มีวัฒนธรรมด้านอาหารแตกต่างไปจากชนเผ่าอื่น ๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน คณะกรรมการคาทอลิคเพื่อการพัฒนา และแผนกสตรีสังฆมณฑลเชียงใหม่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน จัดให้มีการฟื้นฟูองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านความมั่นคงปลอดภัยของอาหาร ( วันอาหารโลก ) ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการรื้อฟื้นอาหารพื้นบ้าน และเป็นการฟื้นฟูองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านความมั่นคงและปลอดภัยของอาหาร

นายอุดม ก่อนแสงวิจิตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การจัดงานวันอาหารโลกในครั้งนี้ ทาง อบต.แม่กิ๊ ฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เพื่อเป็นการฟื้นฟูองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหาร ซึ่งการจัดงานวันอาหารโลกจะมีการจัดเวียนไปในแต่ละ ตำบลของอำเภอขุนยวม ที่มีชนเผ่าชาวกะเหรี่ยง ที่นับถือศาสนาคริสต์อาศัยอยู่ ( หมู่บ้านชนเผ่ากะเหรี่ยง ) ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่เป็นอย่างดี และแต่ละท้องถิ่นก็จะมีภูมิปัญญาแตกต่างกันไปบ้างในด้านอาหารที่เป็นยารักษาโรค

การจัดงานในวันดังกล่าว มีหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัด และผู้แทน อบต.รวมไปถึงนายก อบต.ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ได้แก่ ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน , พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน , พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน , ผู้แทนเทศบาลตำบลขุนยวม , นายก อบต.แม่เงา , นายก อบต.เมืองปอน , นายก อบต. ,ผู้แทน อบต.แม่ยวมน้อย , ผู้แทน อบต.แม่อูคอ , ผู้แทน อบต.ขุนยวม และนายก อบต.สันติคีรีสำหรับอาหารที่นำมาร่วมในงานดังกล่าว มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผักสดนานาชนิด , อาหารท้องถิ่นของชนเผ่า และยาต้มรักษาโรค ชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาหารที่ผลิตจากธรรมชาติและไม่มีการใช้สารเคมีในการผลิต ซึ่งอาหารเหล่านั้น ทำให้ชนเผ่ากระเหรี่ยงส่วนใหญ่จะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์

จับหนุ่มเมียนมาขนยาบ้าข้ามชายแดนแม่สาย1.5แสนเม็ด

ที่กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง พ.อ. สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพื้นที่ประเทศไทย โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 คนคือ นาย มอน อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 152,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 5 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในเป้กระสอบฟางสีรุ้ง 1 กระสอบ

โดยการจับกุมครั้งนี้กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ได้จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ พื้นที่ตามแนวชายแดนบริเวณ บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต่อมาเมื่อเวลา 05.30 น. ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 คน สะพายเป้กระสอบฟางสีรุ้ง เดินผ่านบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น ทราบชื่อคือคือ นาย มอน อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 152,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 5 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในเป้กระสอบฟางสีรุ้ง 1 กระสอบ นำตัวส่ง สภ.แม่สาย ดำเนินคดี

พ.อ. สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบชายคนดังกล่าวลักลอบข้ามแม่น้ำสายไป ยังบริเวณท่ากะหล่ำ บ้านเหมือนแดงใต้ ในช่วงกลางคืน จึงได้วางกำลังไว้เพื่อตรวจสอบ จนกระทั่งเวลา 05.30 น.ชายคนดังกล่าวก็ได้ข้ามแม่น้ำสายกลับมา และได้สะพายเป้มาด้วย เมื่อข้ามแม่น้ำสายมาถึงฝั่งไทยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมในที่สุด สำหรับการลาดตระเวณในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ได้วางกำลังเพื่อตรวจเข้มงวดเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการลำเลียงยาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19ที่กำลังระบาดในประเทศเพื่อบ้านด้วย

บรรยากาศร้านขายโคมลอยสุดเหงาหลังจังหวัดประกาศห้ามปล่อยโคมลอยกระทง

ที่ชุมชนบ้านเมืองสาตร ต.หนองหอย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโคมหลากชนิด โดยทุกปีประชาชนต่างพากันมาซื้อโคมแขวน หรือโคมประดับหลากสีที่ตกแต่งตามบ้านเรือน หรือชุมชน และตามสถานที่จัดงานในจุดต่างๆ รวมไปถึงโคมลอย แต่ในปีนี้กลับพบว่าบรรยากาศการจำหน่ายสินค้านั้นซบเซาและเงียบเหงาเป็นอย่างมาก ถึงแม้แต่ละร้านจะนำโคมหลากสีสันทั้งโคมแขวนลวดลายต่างๆ และโคมที่ตั้งกับพื้น รวมไปถึงโคมขนาดต่างๆ มาวางไว้หน้าร้านเพื่อเตรียมจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีลูกค้าหรือออเดอร์เข้ามา อีกทั้งผู้ประกอบการบางรายถึงกับระบุว่าเป็นปีที่การจำหน่ายสินค้าเงียบเหงาและซบเซามากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

ด้าน นางนงนุช ใจมุข อายุ 67 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายโคมณัฏฐณิชาโคมล้านนา ภายในชุมชนดังกล่าว เปิดเผยว่า สำหรับบรรยากาศการจำหน่ายสินค้าโคมล้านนาที่ร้านของตนในปีนี้ถือว่าเงียบมาก และมีการสั่งออเดอร์สินค้าเพีเล็กน้อยเท่านั้นตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าอีกไม่กี่วันนี้หรือช่วงสิ้นเดือนนี้ก็จะเป็นช่วงเทศกาลลอยกระทงหรือประเพณียี่เป็งแล้ว แต่ก็มียอดการสั่งซื้อสินค้าไม่มากเท่าที่ควร โดยขณะนี้ทางร้านก็ได้มีการเตรียมสินค้าที่ใช้ในการจำหน่ายไว้ เพราะเกรงว่าจะไม่พอขาย แต่เมื่อมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ที่ไม่มีลูกค้าก็ทำให้สินค้าไม่ได้ขาย อยู่ในสถานภาพกึ่งๆ กลางๆ จึงทำได้เพียงเตรียมของไว้ เพื่อรอดูสถานการณ์ในวันข้างหน้า ส่วนในเรื่องของโคมลอยที่หลังจากมีมาตรการบังคับเรื่องการปล่อยออกมาแล้วนั้นทางร้านก็ไม่ได้นำมาจำหน่ายอีกเลย เพราะเนื่องจากไม่มีคนซื้อด้วย และโคมที่พอจำหน่ายได้ในขณะนี้ก็จะเป็นโคมห้อย โคมแขวน ที่ส่วนใหญ่ประชาชนมักซื้อไปตกแต่ง หรือบูชาตามวัด แต่ก็ปริมาณไม่มาก เพราะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลายอย่าง และผลกระทบจากการเกิดโควิด ประชาชนจึงลดค่าใช้จ่ายลง โดยในส่วนของร้านตอนนี้พบว่าโคมที่มีราคาถูกประมาณ 10-20 บาท ก็พอจะจำหน่ายได้ แต่โคมที่มีราคาสูงกว่านี้ก็แทบจะขายไม่ได้เลย

อย่างรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้หากเทียบกับช่วงปีก่อน และหลายปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดการจำหน่ายที่ซบเซาลงอย่างมาก หากเทียบเป็นสัดส่วนก็ประมาณแบ่ง 4 ส่วน ได้เพียง 1 ส่วน แม้เทียบกับปีก่อนที่ว่ามีบรรยากาศการจำหน่ายที่ค่อนข้างเงียบเหงาอยู่แล้ว แต่ในปีนี้พบว่ายิ่งหนักกว่าปีก่อน และแทบที่จะไม่มียอดจำหน่าย หรือมียอดจำหน่ายที่ได้ไม่เท่าที่ควร แต่ทางร้านก็ยังคงมีการเตรียมสินค้าไว้ และรอลุ้นว่าในช่วงใกล้เทศกาลมากกว่านี้อาจจะพอจำหน่าย และมียอดสั่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นมาบ้าง

ประกันสังคมเชียงใหม่Kick OffกิจกรรมHealthy Thailandพร้อมร่วมมือกับรพ.ลานนาเพื่อผู้ประกันตนอายุ50ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ที่โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ประกันจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่และสาขาฝาง ดำเนินการวันแรกของโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (kick off) Healthy Thailand เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกัน ตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายศรัณยู มีทองคำ เป็นประธานในพิธี โดยในกิจกรรมเปิดตัวของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อผู้ประกันตนในวันนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการ สังกัดกระทรวงแรงงาน และ คณะผู้บริหารโรงพยาบาลลานนา นำโดยนพ.ดุสิต ศรีสกุล ร่วมพิธีเปิด ในการนี้มีผู้ประกันตน ของโรงพยาบาลลานนาทีมี อายุ 50 ปีขึ้นไป ร่วมรับการฉีดวัคซีน จำนวน 50 คน ณ โรงพยาบาลลานนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นายศรัณยู มีทองคํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง โครงการ “Healthy Thailand” ผู้ประกันตนตระหนักรู้ สุขภาวะที่ดี สู่ฐานวิถีชีวิตใหม่” ขับเคลื่อนนโยบาย Healthy Thailand นี้ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้หน่วยงานที่สังกัดในกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะสำนักงานประกันสังคม นำไปดำเนินการเป็นการเร่งด่วน เพื่อเป็นการป้องกัน ดูแลสุขภาพ ของผู้ประกันตน โดยมุ่งเน้นให้การคุ้มครองดูแล ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นแรงงานสำคัญของประเทศ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันมากกว่าการรักษา

ทางด้านนางสาวลัดดา แซ่ลี้ ประกันสังคม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงแรงงานได้จัดโครงการ “Healthy Thailand ผู้ประกันตนตระหนักรู้ สุขภาวะที่ดี สู่ฐานวิถีชีวิตใหม่” ให้ความรู้ด้านสุขภาพที่สอดคล้องกับฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาให้บริการทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพให้แก่ผู้ประกันตนให้ได้รับการตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาโรค และเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงโรคเนื่องจากการทำงาน และโรคที่ไม่เนื่องจากการทำงาน มีการปรับสภาพแวดล้อม และสร้างความปลอดภัย จะส่งผลให้ผู้ประกันตน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับการรักษาพยาบาล และสามารถลดจำนวนวันลางาน รวมทั้งลดอัตราการเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่ทำให้เกิดอันตราย พิการ และเสียชีวิตลงได้ จึงได้มีนโยบายด้านสิทธิประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันโรคของผู้ประกันตน เช่น การตรวจสุขภาพเชิงรุกแก่ผู้ประกันตน จำนวน 14 รายการ และมีการปรับปรุงเพิ่มสิทธิปรโยชน์ในรายการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบประกันสังคม กรณีฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine) โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ซึ่งผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี2563 ฉีดฟรีไม่เสียค่าใช่จ่าย ปีละ 1 ครั้ง ในปีนี้จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่15 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และ ตั้งแต่ปี 2564 จะให้บริการตั้งแต่วันที่1พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม เป็นประจำทุกปี โดยผู้ประกันตนสามารถขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนสิทธิตนเองไว้เท่านั้น

สำหรับผู้ประกันตน ของโรงพยาบาลลานนา ที่มีอายุุ 50 ปีขึ้นไป สามารถเข้ามาขอรับสิทธิฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้แล้วนับจากวันนี้ จนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่ ห้องฉีดวัคซีนชั้น 1 อาคาร B และ ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลลานนา ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมโทร. 052 134777 ต่อ 2114

เชียงคำเตรียมย้ายศาลหลักเมืองให้เด่นสง่าขอแรงชาวเชียงคำช่วยการสร้างให้เสร็จ

นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอเชียงคำ จ.พะเยา เตรียมสร้างหอและย้ายศาลหลักเมืองไว้ที่แห่งใหม่ ทั้งนี้จากการลงพื้นที่บริเวณวัดพระแก้ว ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา พบว่า ศาลหลักเมืองเชียงคำที่ตั้งอยู่ทุกวันนี้ไม่ค่อยสวยสง่า โดยศาลดังกล่าวถูกตั้งไว้ข้างศาลาของวัด ทั้งนี้จึงได้เตรียมการสร้างและย้ายศาลหลักเมืองไว้อีกจุดหนึ่งบริเวณภายในวัดพระแก้ว

โดยนายกนก กล่าวว่า หลังจากที่ตนออกสำรวจเรื่องของจุดเด่นและแหล่งท่องเที่ยวใน อ.เชียงคำนั้นกลับพบว่าศาลหลักเมืองเชียงคำที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความเคารพบูชากลับถูกตั้งอยู่ในมุมของศาลาวัดซึ่งส่งให้เห็นภาพที่ไม่สวยงาม ทั้งนี้ตนจึงมีความคิดว่าควรย้ายให้อยู่บริเวณข้างพระวิหารในวัดพระแก้วซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งและเหมาะแก่การที่ชาวบ้านจะเข้ามากราบไหว้ได้สะดวก ทั้งนี้ตนเองได้ให้วิศวกรออกแบบมาแล้วซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 5 แสนบาทและตนเองจะให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนให้ได้เพื่อที่จะได้เฉลิมฉลองในวันปีใหม่ ในส่วนงบประมาณของการสร้างศาลหลักเมืองจุดใหม่นี้ได้รับความร่วมมือจากหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าประชาชนเป็นอย่างดีและตนเองเชื่อว่าศาลใหม่นี้จะทำให้ อ.เชียงคำกลับมาครึกครื้นอีกครั้งอย่างแน่นอนตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่

ทางด้านพระครูพิศาลนพกิจ เจ้าคณะตำบลเวียง เจ้าอาวาสวัดไชยพรม กล่าวเสริมว่า ศาลหลักเมืองดังกล่าวนี้ตนเองเห็นมีนานแล้วจำความได้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 ซึ่งตอนนั้นนายสมจิต ชัยชนะ ชาวบ้านในพื้นที่โดยขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นคนริเริ่มบูรณะขึ้นมาเพราะก่อนหน้านั้นเสาศาลหลักเมืองยังไม่มีศาลาให้ประดิษฐานพบอยู่ในกองดินในวัน นายสมจิตจึงเริ่มสร้างขึ้นมาจนมีการปรับปรุงมาเรื่อย ๆ ทั้งนี้เมื่อตนเองทราบว่านายอำเภอเชียงคำจะมาช่วยบูรณะและย้ายจุดนั้นตนเองรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก โดยตนเองได้สั่งการให้พระจันทร์ กิตติสาโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระแก้วให้หาจุดตั้งใหม่และมาได้ข้างพระวิหารของวัดนี้ซึ่งเป็นจุดโล่งแจ้งเห็นได้ชัดกว่าจุดเดิม ทั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่จะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับการสร้างศาลหลักเมืองจุดใหม่รวมทั้งจะมีพิธีบวงสรวงก่อนการสร้างในวันที่ 23 ต.ค.63 ที่จะถึงนี้ด้วยเช่นกัน

ชาวสวนภูซางหันปลูกโกโก้พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่หวังสร้างกำไรในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านดอนไชย ม.10 ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา พบว่ามีชาวบ้านเกษตรกรบางส่วนที่เคยทำสวนยางพาราหรือสวนลำไยนั้นราคาขายกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ ในบางปี จนมาได้ค้นพบว่าโกโก้คือพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่กำลังมาแรงและให้ราคางามและจึงได้ริเริ่มหันมาทดลองปลูกต้นโกโก้ โดยนายอนนต์ กันทะเนตร อายุ 62 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านดอนไชย ม.10 ต.เชียงแรง ได้นำเอาต้นโกโก้มาทดลองปลูกในพื้นที่สวนยางพาราของตนเอง

โดยนายอนนต์ กล่าวว่าก่อนหน้านั้นตนเองทำทั้งการปลูกยางพารา การทำสวนลำไยและการเพาะปลูกข้าว แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันนี้พื้นเศรษฐกิจเหล่านี้กลับให้ราคาที่น้อยลงจนทำให้ตนเองต้องหาทางในการจุนเจือครอบครัวและสร้างความรู้ให้กับชุมชนที่ตนเองอาศัย ซึ่งตนเองเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาก่อน จนมาล่าสุดลูกสาวของตนเองคือ น.ส.ฝนทอง กันทะเนตร ได้แนะนำมาว่าให้ทดลองปลูกต้นโกโก้ดูเพราะราคาขายนั้นแพงมาก ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นตนเองก็ได้เดินทางไปที่สหกรณ์ จ.พิษณุโลกเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับในเรื่องของการปลูกต้นโกโก้และพบว่าพืชตัวนี้ให้ผลผลิตและราคาได้ดีมาก จึงได้ปรึกษากับลูกสาวของตนเองและได้ริเริ่มนำมาทดลองปลูกในสวยยางพาราของตนเอง และนอกจากนี้ลูกสาวของตนเองได้ทำสัญญาผูกขาดกับทางบริษัทในต่างประเทศถึงการขายผลของต้นโกโก้ด้วย โดยทางบ้านเราส่วนใหญ่ยังพบว่ามีการแปรรูปน้อยมาก จึงขอเก็บผลผลิตขายเพื่อส่งออกดีกว่า ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง กก.ละ 100 บาทสำหรับผลที่แห้ง ส่วนผลดิบนั้นมีประกันราคาถึง กก.ละ 10 บาท

ทั้งนี้ตนเองจึงได้มาทดลองปลูกในสวนยางพาราของตนเองที่มีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งจะต้องรอดูผลผลิตอีก 3 ปีข้างหน้า และนอกจากนี้ยังนำกล้าต้นโกโก้มาจำหน่ายให้ชาวบ้านและผู้ที่สนใจจะปลูกพืชทางเลือกใหม่นี้ในราคาต้นละ50 บาท ส่วนปุ๋ยที่ใส่ต้นโกโก้นั้นตนเองจะแนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น โดยไม่แนะนำให้ใช้ปุ๋ยเคมีแต่อย่างใด ส่วนใครที่สนใจจะนำกล้าไปขายนั้นตนเองก็ยินดีที่จะแบ่งขายพร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นโกโก้นี้ด้วยสำหรับเกษตรกรท่านใดที่สนใจจะปลูกต้นโกโก้หรือหาข้อมูลในการปลูกพร้อมทั้งสอบถามราคาก็สามารถติดต่อมาได้ที่นายอนนต์ กันทะเนตร อดีตผู้ใหญ่บ้านดอนไชย ม.10 หมายเลขโทรศัพท์ 083-3234013 ได้ตลอดเวลา

ทางด้านนายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอภูซาง จ.พะเยา กล่าวเสริมว่า ในพื้นที่ของอำเภอภูซางนี้พบว่าเริ่มมีเกษตรกรหันมาทดลองปลูกต้นโกโก้นี้แล้วจำนวน 3-4 ราย และบางรายยังจำหน่ายกล้าต้นโกโก้นี้ด้วย ทั้งนี้ตนเองมองว่าพืชตัวนี้ทางอำเภอยังไม่ได้มีการส่งเสริมให้ปลูกและก็ไม่ได้ห้ามปลูกแต่อย่างใด เพียงแต่ตอนนี้อยู่ในช่วงของการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเกษตรกรที่กำลังจะหันมาปลูกต้นโกโก้นั้นจะมีจุดรับซื้อที่ชัดเจนและให้ราคาที่สูง มากกว่าที่จะมาหลอกให้ซื้อกล้าไปปลูกแต่ไม่มีจุดรับซื้อ ซึ่งเคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว ในส่วนของการแปรรูปนั้นพบว่าเวลานี้ในส่วนของภาคเหนือนั้น มีเพียง จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่ เท่านั้นที่แปรรูปผลผลิตพืชตัวนี้ได้ แต่ถ้าหากมีการนำส่งออกขายให้ยังบริษัทในต่างประเทศพร้อมทั้งให้ราคาที่สูงนั้นก็อาจจะส่งเสริมการปลูกต้นโกโก้นี้ให้เป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ในอนาคตด้วยเช่นกัน