ทหารฉก.ม.3กองกำลังผาเมืองยึดยาบ้าร่วมสองล้านเม็ดที่ชายแดนแม่สาย

ที่ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.กองกำลังผาเมือง ร่วมกับ ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังจากที่ ร้อย ม.2 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมืองตรวจยึดบาบ้า จากคาราวานลำเลียงยาเสพติด โดยสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้จำนวน 13 เป้ โดยเป็นยาบ้าจำนวน 1,950,000 เม็ด

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ทหารจากร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.3 ได้จัดกำลังลาดตระเวณเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบจนกระทั่งถึงบริเวณป่าเขาติดพื้นที่ชายแดน เขตบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มคนต้องสงสัย เดินฝ่าความมืดลัดเลาะป่าเขามาผ่านมา ประมาณ 15 คน พร้อมเป้สะพายหลัง จึงได้แสดงตัว เพื่อทำการตรวจค้นแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไหวตัวทันพากันวิ่งแตกตื่นหลบหนีโดยอาศัยความมืดและความชำนาญพื้นที่วิ่งหลบหนีไปทำให้ไม่สามารถจับกุมตัวได้และทิ้งกระเป๋าเป้บรรจุยาบ้าทิ้งไว้ จากนั้นทาง ร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.3 จึงได้จัดกำลังค 8 ชุดปฏิบัติการ เพื่อควบคุมพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม และสกัดการหลบหนี จนกระทั่งเวลา 06.30 น.วันที่ 15 ต.ค. ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป้สะพายหลังซึ่งดัดแปลงจากกระสอบลายสีรุ้ง จำนวน 13 เป้ เมื่อตรวจสอบภายในพบว่าเป็นยาบ้า โดยเบื้องต้นคาดว่ามีเป้ละ 150,000 เม็ด รวมประมาณ 1,950,000 เม็ด

พล.ต.นฤทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงนี้ทางเราได้มีการป้องกันเข้มงวดทางชายแดนทั้งการป้องกันยาเสพติดและการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งได้มีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานในการป้องกันแนวชายแดน ซึ่งทางกองกำลังผาเมืองได้มีการเพิ่มการป้องกันทั้งการวางลวดหนามป้องกัน และการเพิ่มกำลังในการลาดตระเวณตามแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาของบุคคลตามแนวชายแดนและยังเป็นการสกัดกั้นขบวนการขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศด้วย

ทหารตรวจเข้มชายแดนไทย-เมียนมาด้านอ.แม่สายหวั่นโควิดข้ามแดนระบาดในไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 ในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ตรงกันข้ามพื้นที่ จ.เชียงราย ได้มีการใช้มาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการตั้งจุดตรวจบนถนนเชื่อมระหว่างเมืองทุกเมืองในเขตรัฐฉานตะวันออก โดยมีการตั้งจุดตรวจบนถนน เพื่อคัดกรองผู้ที่จะผ่านเส้นทางระหว่างเมือง อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ภายในตัวเมืองท่าขี้เหล็กเจ้าหน้าที่เมียนมาได้มีการปิดสถานบันเทิงและร้านต่างๆ ตั้งแต่เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป และยังคงมาตรการห้ามออกจากเคหะสถาน ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงเวลา 04.00 น. โดยล่าสุดได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับมาตราการป้องกันโควิด-19 ที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้รับการประสานงานจากศูนย์ประสานงานชายแดนส่วนท้อถิ่น ไทย – เมียนมา หรือ TBC โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง ศุลกากร หอการค้า ของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วม โดยฝ่ายไทยได้ขอให้ทางเมียนมาตรวจโควิด -19 กับคนขับรถตู้เพราะมีความเสี่ยงมาก และเพื่อความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย ทางไทยพร้อมช่วยเหลือในการตรวจหากทางเมียนมาไม่มีงบประมาณในการตรวจ ส่วนทางฝั่งไทยได้ตรวจโควิดให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติอยู่ที่ด่านและคนขับที่อยู่ฝั่งไทยทุกคนแล้วเบื้องต้นยังไม่พบผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงให้ดูแลตรวจควบคุมตามลำน้ำสายเพื่อป้องกันคนลักลอบข้ามมาฝั่งไทย ทางด้าน หอการค้าไทยได้ขอความร่วมมือเรื่องคนขับรถแก๊สและน้ำมัน เพื่อความปลอดภัยอยากให้คนไทยเป็นคนขับเข้าไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นคนเมียนมาและคนขับจะให้ตรวจโรคโควิดก่อนเข้าที่ทางฝั่งไทยและให้ทางเมียนมาตรวจซ้ำอีกครั้ง สำหรับสถานการณ์โควิด -19 ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ทางการเมียนมายืนยันว่ายังไม่มีผู้ป่วย และได้มีมาตราการที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเช่นกัน

ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้มีการจัดกำลังเข้มงวดตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน และการแพร่ระบาดของโรค ตามนโยบายของ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่ได้สั่งการ เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกัน และสกัดกั้น แรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดย หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ให้กองร้อยที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดพื้นที่ชายแดน ทำการ ลาดตระเวน เฝ้าตรวจ วางลวดหนามตามจุดพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จะเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน เพื่อป้องกันการระบาดภายในประเทศ ซึ่งทางกองกำลังผาเมืองจะยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

 

เอาอยู่หรือไม่ยกระดับเข้มงวดชายแดนไทยหลังเมียนมาล็อคดาวน์หลายเมืองสกัดโควิด19ระบาดล่าสุดรวบชาวจีนหนีตายข้ามแดนได้อีก

พ.อ. สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 สั่งการให้ ร.ท.อลงกรณ์ ปั๋นหน่อ ผบ.ร้อย.ม.4 บก.ควบคุม ที่ 2 ฉก.ม.3 จัดกำลังออกลาดตระเวณขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณ ท่าต้นขี้เหล็ก บ้านป่าซางงาม ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตรวจพบชาย 2 คนเดินฝ่าความมืดไปยังริมแม่น้ำสาย และเวลาต่อมาได้เดินกลับขึ้นฝั่งมาพร้อมกับบุคคลต้องสงสัยอีก 4 คน เจ้าหน้าที่ทหารจึงแสดงตัวขอตรวจค้น เมื่อชายทั้ง 2 คนเห็นเจ้าหน้าที่จึงวิ่งหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่จึงสามารถจับตัวได้แค่ 4 คน จึงนำตัวทั้ง 4 คนกลับมาสอบสวนที่ฐานปฏิบัติการ จากการสอบถามบุคคลทั้ง 4 เป็นชาวจีน มี หญิง 1 คนอายุ 25 ปีและชายอีก 3 คน อายุ 24 ปี 1 คน , อายุ 26 ปี 1 คนและอายุ 29 ปี 1 คน จากการสอบสวนเบื้องต้นทุกคนให้การว่าได้ข้ามมาจากประเทศเมียนมา จะข้ามมาที่ประเทศไทย เพื่อรอโทรศัพท์จากเจ้านายอีกทีว่าจะให้ไปที่ไหน หลังถูกจับกุมได้มีชายโทรศัพท์เข้ามาเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ จึงนำตัวคนจีนทั้งหมดส่งให้ ร.ต.อ. วีรพงษ์ ทะรา รอง สว (สอบสวน) สภ.เกาะช้าง เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดไข้เบื้องต้น ทั้งหมดอุณหภูมิร่างกาย ปกติไม่มีผู้ใดมีไข้ เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนและลงบันทึกการจับกุมเพื่อส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ในช่วงเวลา 07.00น.วันที่ 11 ต.ค.63 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เชียงแสน ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาควาามสงบในแม่น้ำโขง (นรข.)เขตเชียงแสน จ.เชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยคาดว่าเป็นชาวจีนจำนวน 6 คน ที่บริเวณชายแดนใกล้กับ สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยสามารถควบคุมได้ 2 หลบหนีไปได้ 4 คน ไปทางบ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยทางฝ่ายปกครอง อ.เชียงแสน ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับทางผู้นำชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงคอยสอดส่องภายในหมู่บ้านของตนเอง รวมไปถึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามต่อไป

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 ในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ตรงกันข้าม อ.แม่สาย ได้มีการใช้มาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19โดยมีการใช้มาตรการตั้งจุดตรวจบนถนนเชื่อมระหว่างเมืองทุกเมืองในเขตรัฐฉานตะวันออก โดยมีการตั้งจุดตรวจบนถนนน 6 เส้นทางเพื่อคัดกรองผู้ที่จะผ่านเส้นทางระหว่างเมือง โดยหากมีความประสงค์ที่จะผ่านทางจะต้องเสียค่าผ่านทางเพื่อตรวจโรคเป็นเงินประมาณ 2,000 จ๊าด ทำให้ถนนตามเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่รายรอบ จ.ท่าขี้เหล็ก ติดกับ อ.แม่สาย มีการตั้งจุดตรวจดังกล่าวอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้พบว่าถนนเส้นติดแม่น้ำโขงชายแดน เมียนมา-สปป.ลาว ก็มีการตั้งจุดตรวจตรงด่านเมืองเลนที่เชื่อมระหว่างท่าขี้เหล็กไปยังเมืองเชียงลาบที่ติดกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงเมียนมา-สปป.ลาว และถนนระหว่างท่าขี้เหล็ก-สามเหลี่ยมทองคำ ติดกับแม่น้ำโขงชายแดนไทย-เมียนมา-สปป.ลาว มีการตั้งจุดตรวจตรงบ้านห้วยดินดำ ขณะที่ภายในตัวเมืองท่าขี้เหล็กเจ้าหน้าที่เมียนมาได้มีการปิดสถานบันเทิงและร้านต่างๆ ตั้งแต่เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป และยังคงมาตรการห้ามออกจากเคหะสถาน ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงเวลา 04.00 น. โดยนายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้นำเจ้าหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการดังกล่าวด้วยตัวเอง

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในเมียนมา ณ วันที่ 11 ต.ค.63 พบว่า มีผู้ติดเชื้อสะสม 26,064 คน เป็นผู้ติดเชื้อใหม่พบเมื่อ 10 ต.ค. 63 จำนวน 2,158 คน ผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง อยู่ในสถานกักตัว 15,581 คน รักษาหาย 7,050 คน เสียชีวิต 598 คน จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามรัฐต่างๆ ที่ กรุงย่างกุ้ง 18,961 คน รัฐยะไข่ 1,900 คน ภาคพะโค 698 คน ภาคมัณฑะเลย์ 628 คน ภาคอิระวดี 494 คน รัฐมอญ ติดกาญจนบุรี 389 คน กรุงเนปิดอ 202 คน ภาคสะกาย 151 คน ภาคมะกวย 121 คน รัฐคะฉิ่น 72 คน ภาคตะนาวศรี ติดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพร ระนอง 66 คน รัฐกะเหรี่ยง ติดแม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี 64 คน รัฐฉาน ติดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน 46 คน รัฐชิน 41 คน รัฐคะยา ติดแม่ฮ่องสอน ไม่มีผู้ติดเชื้อจากสถานการณ์ที่โควิด19ระบาดอย่างหนักในเมียนมาขณะนี้ ทางการไทยจึงยกระดับความเข้มงวดตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันเชื้อโควิด 19 ข้ามแดนเข้ามาระบาดในประเทศ

ครบรอบ44ปีทหารพัฒนาหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่36พัฒนาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนแม่ฮ่องสอน

ที่กองบังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ทำบุญคล้ายวันสถาปนาหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 ครบรอบ 44 ปี ที่เข้ามาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี พันเอก ยุทธชัย จันทรวิภาค รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 3 เป็นประธาน และ ส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่อำเภอสบเมย อ.แม่สะเรียง ร่วมพิธีทำบุญทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้แก่กำลังพลของหน่วย ฯ ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนมาตั้งแต่ปี 2519 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งกองบังคับการอยู่ที่บ้านคอนผึ้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้ามาช่วยเหลือเสริมงานพัฒนาสร้างความอยู่ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามนโยบายของรัฐบาล และกองบัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ วันที่ 9 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาถึง 44 ปี

ภารกิจของหน่วย ฯ รับผิดชอบทุกอำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าไปพัฒนาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารสร้างเส้นทางคมนาคม ถนนหนทางนับเป็นปัจจัยสำคัญในการนำความเจริญเข้าไปสู่ท้องถิ่น นำผลผลิต ของผู้คนออกมาสู่ตลาด อีกทั้งยังเป็นปัจจัยในการดำรงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนอย่างยั่งยืน มีทั้งถนนลูกรังบดอัดแน่น จนมาเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก และถนนลาดยาง ไปแล้วกว่า 2,000 กิโลเมตร งานส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ ผสมเทียมแม่โคพันธุ์พื้นเมืองของเกษตรกร การพัฒนาแหล่งน้ำ ขุดสระเก็บน้ำ ขุดคลองส่งน้ำ หรือสร้างฝายกั้นน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของชุมชน เอื้อต่อการประกอบอาชีพ รวมทั้งการพัฒนาชุมชนและสาธารณูปการ สร้างถนนภายในหมู่บ้าน สร้างระบบประปาหมู่บ้าน ระบบประปาภูเขา การสร้างถังเก็บน้ำฝน พร้อมทั้งการสาธารณสุข เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของราษฎร การมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

ให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่ถูกหลักสุขอนามัย การป้องกันโรค การวางแผนครอบครัว ให้บริการตรวจรักษาโรคแก่ประชาชน โดยไม่คิดมูลค่า และจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกไปให้บริการถึงหมู่บ้าน เพื่อบรรเทาปัญหา การขาดแคลนแพทย์ในชนบท รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านสุขภาพอนามัยอีกด้วย ให้การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มคุณภาพทางการศึกษาให้แก่เยาวชน อันเป็นทรัพยากรล้ำค่าของชาติ โดยการส่งเสริมการศึกษาในโรงเรียน เช่น สร้างอาคารเรียน จัดหาอุปกรณ์การเรียน การกีฬา ทุนการศึกษา และส่งเสริมการศึกษานอกโรงเรียน เช่น การจัดตั้งศูนย์เยาวชน การฝึกอาชีพให้แก่เยาวชน รวมทั้งการขยายโอกาส ทางการศึกษาและฝึกอาชีพแก่ทหารกองประจำการ เพื่อใช้ประกอบอาชีพ และก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในการ พัฒนาท้องถิ่นในอนาคต โดยไม่ละเลยที่จะเน้นให้เยาวชนและประชาชนรำลึกถึงวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ตลอดจนศาสนาอันเป็นเครื่องนำทางไปสู่ความดีงามไปพร้อม ๆ

ตลอดจนปลูกฝังอุดมการณ์รักและเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แก่ประชาชน ด้วยสื่อทุกชนิดที่หน่วยมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น หอกระจายข่าว สถานีวิทยุกระจายเสียงของหน่วย ตลอดจนการใช้สื่อบุคคล ด้วยการจัดชุดพัฒนาการเคลื่อนที่ออกไปเยี่ยมเยียน เพื่อช่วยเหลือประชาชน และรับรู้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆในแต่ละชุมชนอย่างสม่ำเสมอ การสังคมสงเคราะห์และอื่น ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่เดือดร้อน ได้รับความสูญเสีย ในยามที่เกิดภัย ไม่ว่าจะเป็น อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว ภัยจากการสู้รบบริเวณชายแดน หรือภัยอันเกิดจากอุบัติเหตุที่ส่งผลถึงผู้คนจำนวนมาก จะกระทำในนาม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ศบภ.นทพ.) ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติหลัก ในงานบรรเทาสาธารณภัย ของกองบัญชาการกองทัพไทย และแม้กระทั่งในยามปกติ พี่น้องประชาชนที่ยากจน หรือเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน ก็ถือเป็นหน้าที่ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จะต้องดูแล ให้ความช่วยเหลือดูแลให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีตามนโยบายของรัฐบาลและกองบัญชาการกองทัพไทยตลอดไป

ชาวบ้านเขตเลือกตั้งที่8จ.เชียงใหม่ยื่นหนังสือกกต.เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับสุรพล เกียรติไชยากร หลังศาลตัดสินไม่ได้กระทำผิดพรบ.เลือกตั้งสส.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านเขต 8จ.เชียงใหม่ นำโดยนายพิชิต ตามูล หรือดาบชิต แกนนำคนเสื้อ แดงเชียงใหม่ ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ขอความเป็นธรรมให้กับนายสุรพล เกียรติไชยากร โดยหนังสือดังกล่าวมีใจความสำคัญว่า หลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกคำร้อง กรณีที่ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการธุจริตการเลืออกตั้งของนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โดยศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่านายสุรพล เกียรติไชยากร ไม่ได้กระทำการอันเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง และไม่ได้กระทำการอันเป็นการทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม และการใช้อำนาจตามมาตรา 225 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ของคณะกรรมการ กกต. ไม่ได้กระทำตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เร่งรีบดำเนินการ อันเป็นข้อสงสัยเคลือบแคลงแก่ประชาชน ซึ่งในวันนี้ประชาชนใน พื้นที่เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยชาวบ้านในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอดอยหล่อ อำเภอสันป่าตอง และอำเภอแม่วาง ถึงได้รวมตัวกัน เพื่อแสดงจุดยืนและเจตนารมณ์ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ความเป็นธรรมและคืนคะแนนเสียงให้กับประชาชน

ด้านนายพิชิต ตามูล หรือดาบชิต ได้เปิดเผยว่า การรวมตัวกันในวันนี้เป็นการเรียกร้องทวงถามสิทธิ์ ในการเลือกผู้แทนราษฎรในพื้นที่เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ที่ในครั้งแรกนั้นประชาชนได้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็น ผู้แทนราษฎรในเขตพื้นที่ แต่ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง และได้มีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่ภายหลังทางศาลฎีกาได้มีการพิจารณาแล้วยกคำร้องกรณีดังกล่าว ซึ่งในวันนี้นางประชาชนจึงได้มารวมตัวกันเพื่อต้องการให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาตอบคำถามกับสังคมเกี่ยวกับการเลือกตั้งดังกล่าว ว่าสิทธิของประชาชนเหล่านี้จะอยู่ตรงไหน และจะให้ความเป็นธรรมอย่างไรกับประชาชน และทางคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่จะให้ความเป็นธรรมและคืนคะแนนเสียงให้กับประชาชนได้หรือไม่ ซึ่งหลังจากมีการยื่นหนังสือในวันนี้ ทางกลุ่มชาวบ้านจะให้เวลาทางคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้พิจารณาหาแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งหากไม่ได้คำตอบในอาทิตย์หน้าเราจะมารวมตัวกันมาอีกครั้ง เพื่อติดตามทวงถามคำตอบต่อไป

พรรคการเมืองใหม่”พลังชาติพันธุ์”พี่น้องชนเผ่ารวมตัวตั้งพรรคผนึกกำลังลงสนามการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นลดความเหลื่อมล้ำพัฒนาท้องถิ่นตั้งเป้าเลือกตั้งสส.ครั้งหน้า10ที่นั่งในสภา

ที่ห้องแกรนต์ราชพฤกษ์ โรงแรมทีค การ์เด้น รีสอร์ท อ.เมือง จ.เชียงราย มีการจัดประชุมเพื่อจัดตั้งพรรคพลังชาติพันธุ์ โดยมีกลุ่มชาติพันธ์ชนเผ่าต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง กว่า 700 คน มีนายสุพจน์ หลี่จา นายกสมาคมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนชาติพันธุ์ นางรุจิรา ใจจักร์ นายกสมาคมเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมชาวอ่าข่าเชียงราย นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายกสมาคมลาหู่ในประเทศไทย และผู้นำชนเผ่าชาตพันธุ์ ต่างๆ เข้าร่วมประชุม โดยมี ตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.จังหวัดเชียงราย ร่วมสังเกตุการณ์ด้วยโดยการจัดประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองซึ่งเป็นพรรคที่รวบรวมชาวเขาหรือชาวชาติพันธุ์ ต่างๆ ในประเทศไทย มารวมกัน ของกลุ่มชาติพันธุ์ทุกชนเผ่าเพื่อจะร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา พัฒนาและผลักดันเรื่องต่างๆ และเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยได้มีการเสนอชื่อ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการของพรรค โดยมาจากชาติพันธุ์เผ่าต่างๆการจัดตั้งพรรคการเมืองครั้งนี้มีทุนจดทะเบียนจำนวน 1 ล้านบาท โดยมีผู้ร่วมจัดตั้งและผู้ร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนใช้ในกิจการของพรรคด้วย

นายชาญยุทธ เฮงตระกูล หัวหน้าพรรค กล่าวว่าการรวมตัวกันครั้งนี้เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 10 ล้านคน และมีผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 7 ล้านคน ต้องการให้มีการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น สิทธิที่ดินทำกิน สิทธิประโยนช์ขั้นพื้นฐาน และเรื่องต่างๆที่ชาวชาติพันธุ์ ได้กรับผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการแก้ไขปัญหา จึงต้องมีตัวแทนเพื่อให้เข้าไปผลักดันแนวทางต่างๆ เป็นพรรคการเมืองที่ต้องทำงานให้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศดังนั้นหากได้รับเลือกตั้งก็จะผลันดันการพัฒนาด้านอื่นๆ ไปพร้อมๆ กันหลังจัดตั้งพรรคแล้วจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้ง 250 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมไปถึงการลงสมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่พิจารณาบุคคลที่มีความสนใจในนโยบายของพรรคซึ่งก็เปิดกว้างให้เข้ามาร่วมกันได้ ซึ่งหากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ก็คาดว่าพรรคจะได้ที่นั่งไม่ต่ำกว่า 10 ที่นั่ง ซึ่งก็เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนในการผลักดันการเสนอกฎหมายต่างๆ ได้

นายวุฒิพงศ์ สวรรค์โชติ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่าในอดีตนั้นนักการเมืองที่ไปหาเสียงกับชาวบ้านโดยเฉพาะบนพื้นที่สูงที่เป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์อ้างว่าจะรับใช้ประชาชนแต่เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้วก็หายไป ดังนั้นเมื่อมองย้อนไปที่กลุ่มชาติพันธุ์ในปัจจุบันก็พบว่ามีศักยภาพมากขึ้นและการศึกษาของแต่ละคนก็ดี ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองเพื่อผลักดันการพัฒนาด้านต่างๆ โดยลำดับต้นๆ คือการแก้ไขปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำโดยขณะที่พื้นที่ราบมีการพัฒนาสาธารณูปโภค แต่บนภูเขากลับมีปัญหา เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้า สิทธิที่ดินทำกิน การประกาศเขตป่าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่มีตัวแทนที่เข้าใจปัญหาพื้นที่มาก่อน ดังนั้นเมื่อมีพรรคการเมืองจะทำให้มีตัวกลางที่ทำให้โครงการพัฒนาต่างๆ คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ที่มีประชากร 1.2 ล้านคน พบว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ 30-40% หากว่าไม่ได้รับเลือกตั้งก็ยังสามารถทำกิจกรรมนอกสภาได้ด้วย ส่วนกรณีที่จะมีพรรคการเมืองอื่นๆ เข้าแทรกแซงนั้นตนมีความกังวลอยู่บ้างแต่เนื่องจากเราเน้นการสร้างสรรค์ ไม่พยายามขัดแย้ง ไม่พยายามบอกว่าใครไม่ดี จึงเชื่อว่าจะสามารถก้าวหน้าและดำเนินนโยบายการเมืองเพื่อพี่น้องชนเผาได้

“ลดาวัลลิ์”หนุน อ.เฉลิมชัย พัฒนาวัดกลางน้ำกว๊านพะเยาให้ยิ่งใหญ่ระดับโลก

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และอดีต ส.ส. พะเยาหลายสมัย ออกมาสนับสนุน อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ที่ต้องการพัฒนาวัดติโลกอาราม หรือวัดกลางน้ำกว๊านพะเยาให้เป็นประติมากรรมอันยิ่งใหญ่ระดับโลก

นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่าโดยส่วนตัวแล้วตนรู้สึกชื่นชมและเชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือของ อ. เฉลิมชัย ว่าจะสามารถออกแบบพัฒนาวัดกลางน้ำกว๊านพะเยา ให้เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกได้ โดยที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีวัฒนธรรม ขนบประเพณี และบรรยากาศของกว๊านพะเยาให้มีความสวยสดงดงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดพะเยา

ตนอยากเสนอเพิ่มเติมให้มีการพัฒนากว๊านพะเยาในส่วนอื่นๆ ให้มีศักยภาพควบคู่กันไปกับพัฒนาวัดกลางน้ำกว๊านพะเยาด้วย ทั้งในส่วนของการเพิ่มการเก็บน้ำให้ได้มากพอต่อการประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของประชาชนชาวพะเยา และการเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งทุกปีที่ผ่านมาน้ำในกว๊านพะเยาแทบไม่พอใช้ในหน้าแล้ง ทั้งนี้การพัฒนาวัดกลางน้ำกว๊านพะเยาตามแนวคิดของ อ. เฉลิมชัย ดังกล่าว หากมีการทำอย่างเป็นระบบและมีการบริหารจัดการที่ดีจนสามารถทำสำเร็จได้จริง ก็จะเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ความสวยสดงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมไทยอันวิจิตรงดงามตระการตาที่จะสะท้อนภาพจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อมโยงไปถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติศิลปะวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่น่าสนใจ เช่น ชาวไทยลื้อ ชาวไทยม้ง ชาวไทยเมี้ยน ซึ่งจะทำให้ผู้คนทั่วโลกได้จดจำได้มาเที่ยวชม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก ก็จะเป็นการสร้างรายได้สร้างอาชีพให้คนพะเยา ส่งผลให้เศรษฐกิจในภาพรวมของคนพะเยาดีขึ้นแบบยั่งยืน นางลดาวัลลิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ว่าเชียงใหม่ลุยตรวจเข้มอำเภอติดชายแดนเมียนมากำชับทุกหน่วยงานป้องกันแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองหวั่นนำเชื้อโควิด19เข้ามาแพร่ระบาด

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมแนวชายแดนในเขตพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อรับทราบปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยอาศัยช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนเขตพื้นที่ อ.แม่อาย และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโคโรน่า (โควิด19) ตามแนวชายแดน อ.แม่อาย โดยมีนายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอแม่อาย พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.แม่อาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.334 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แม่อาย ร่วมตรวจเส้นทางตามแนวชายแดน ดอยผ้าห่มปก ซึ่งทางฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ตชด. ได้วางกำลังเข้มคุมแนวชายแดนในพื้นที่อำเภอแม่อาย อย่างเข้มแข็งเนื่องจากติดกับประเทศเมียนมาที่กำลังมีการระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 อย่างหนักในขณะนี้

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการและประสานทางฝ่ายทหาร ความมั่นคงและฝ่ายปกครองให้เข้มงวด ตรวจ สกัดเพื่อป้องกันการลักลอบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ 5 อำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้นยังได้กำชับแนวทางปฏิบัติ ให้มีการบูรณาการของเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสถานบริการ สถานบันเทิงต่างๆ โดยให้ยึดหลักการเดียวกับจังหวัดในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยให้รายงานผลการปฏิบัติมาให้ทางจังหวัดทราบด้วยเพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์และสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวว่าทางจังหวัดได้ดำเนินมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือประชาชนว่าเราจะต้องตั้งการ์ดต้องป้องกันตัวเองโดยสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมืออยู่เสมอ หากการ์ดไม่ตก โอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดก็จะมีน้อยลง ผวจ.เชียงใหม่กล่าวในที่สุด

น่าเป็นห่วงไข้เลือดออกระบาดเมืองสามหมอกยอดผู้ป่วย1,396รายอันดับ1ของประเทศ

นพ.ศุภชัย บุญอำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแม่ฮ่องสอนมีผู้ป่วยไข้เลือดออกอยู่อันดับ 3 ของประเทศ แต่ในขณะนี้กลับมาเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -5 ตุลาคม 63 จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ป่วยสูงถึง 1,396 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 499.09 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 20 ก.ค.63 โดยกลุ่มอาชีพที่พบอัตราป่วยมากที่สุดคือกลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมาคือกลุ่มที่มีอายุ 15-24 ปี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียน และคนอาชีพรับจ้างและเกษตรกร พื้นที่อำเภอแม่สะเรียงมีผู้ป่วยมากสุด 863 ราย รองลงมาได้แก่อำเภอสบเมย สถิติการป่วยไข้เลือดออกในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเทียบกับปี 63 มีผู้ป่วยมากกว่าปี 62 ถึง 4.28 เท่า

สาเหตุมาจากฝนที่หยุดตกในช่วงสัปดาห์ก่อนและกลับมาตกใหม่ทำอากาศชื้นและมีน้ำขังเป็นที่เพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย จึ่งสั่งให้มีการทบทวนมาตรการ 3-3-1 คือ 3 ชั่วโมงแรกให้รายงาน ส่วน 3 ชั่งโมงที่ 2 ให้กำจัดตัวแก่ที่อยู่รอบบ้านที่มีวัชพืช และแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำตัวอ่อนที่อยู่รอบบ้านโดยพ่นหมอกควันรอบ ๆ บ้านในรัศมี 100 เมตร และใน 1 วันให้ทีมสอบสวนโรคลงควบคุมโรค รายงานอุปสรรค์ปัญหาทั้งในเรื่องโลชั่นกันยุงสเปรย์กระป๋อง และทรายกำจัดตัวอ่อน ซึ่งได้สนับสนุนในพื้นที่อย่างเพียงพอ ให้เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือกับประชาชนในการพ่นยาทั้งในและรอบบ้านในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยประชาชนให้ความร่วมมือดีให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม.ลงไปให้ถึงทุกชุมชนทุกครอบครัว และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดหาวัสดุอปกรณ์ให้จัดกิจกรรมณรงค์ทำความสะอาดบ้านเรือน สถานทีสาธารณะ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกครัวเรือนทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือและช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อหยุดยั้งการระบาดและตัดวงจรของยุงลายซึ่งเป็นต้นเหตุของการระบาดของไข้เลือดออกในขณะนี้

ลุยรื้อรีสอร์ทหรูบนดอยอ่างขางอีก

นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ร่วมกับนายชัชวาลย์ ปัญญา นายอำเภอฝาง ชุดพยัคฆ์ไพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ในพื้นที่ดอยอ่างขาง ที่ถูกดำเนินคดีตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดฝาง คดีหมายเลขดำที่ สว 3/2561 คดีหมายเลขแดง สว 10/2563 ตามหมายบังคับคดี เลขที่ 1437/2562 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2562 ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง เนื้อที่ 1-1-36 ไร่

การบุกรื้อรีสอรท์หรูดอยอ่างขาง ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางกรมป่าไม้ให้ออกปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าดำเนินคดีกับโรงแรม รีสอร์ท อาคารบ้านพักตากอากาศเพื่อบริการนักท่องเที่ยวโดยผิดกฎหมาย บริเวณดอยอ่างขาง ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ต.ม่อนปิ่น และ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางซึ่งจากการตรวจสอบก็พบมีการบุกรุกจำนวนทั้งสิ้น 24 ราย เนื้อที่ 20 ไร่เศษบางรายถูกดำเนินคดีรื้อถอนไปก่อนหน้านี้และยังมีบางรายกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งปฏิบัติการเพื่อคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติดอยอ่างขางต่อไป