ลุยรื้อรีสอร์ทหรูบนดอยอ่างขางอีก

นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ร่วมกับนายชัชวาลย์ ปัญญา นายอำเภอฝาง ชุดพยัคฆ์ไพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ในพื้นที่ดอยอ่างขาง ที่ถูกดำเนินคดีตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดฝาง คดีหมายเลขดำที่ สว 3/2561 คดีหมายเลขแดง สว 10/2563 ตามหมายบังคับคดี เลขที่ 1437/2562 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2562 ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง เนื้อที่ 1-1-36 ไร่

การบุกรื้อรีสอรท์หรูดอยอ่างขาง ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางกรมป่าไม้ให้ออกปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าดำเนินคดีกับโรงแรม รีสอร์ท อาคารบ้านพักตากอากาศเพื่อบริการนักท่องเที่ยวโดยผิดกฎหมาย บริเวณดอยอ่างขาง ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ต.ม่อนปิ่น และ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางซึ่งจากการตรวจสอบก็พบมีการบุกรุกจำนวนทั้งสิ้น 24 ราย เนื้อที่ 20 ไร่เศษบางรายถูกดำเนินคดีรื้อถอนไปก่อนหน้านี้และยังมีบางรายกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งปฏิบัติการเพื่อคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติดอยอ่างขางต่อไป

พุทสาสนิกชนจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะเนื่องในวันออกพรรษา

ที่บริเวณหน้าองค์พระธาตุดอยกองมู วัดพระธาตุดอยกองมู ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน นายเฉลิมพล มั่งคั่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย , นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยข้าราชการ ประชาชนชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนและนักท่องเที่ยวกว่า กว่า 1,000 คน ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร โดยมี พระสุมณฑ์ศาสนกิตติ์ เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำพระภิกษุสงฆ์สามเณรจากวัดในเขต เทศบาลเมืองฮ่องสอน จำนวน 104 รูป 11วัด มารับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน เนื่องในวันออกพรรษา

ประชาชนข้าราชการ นักท่องเที่ยว นำข้าวสารอาหารแห้ง มายืนรอทำบุญตักบาตรตลอดสองข้างทาง จากลานวัดพระธาตุดอยกองมู ลงบันไดนาคยาวเหยียดไปจนถึงถนนด้านล่างของตัวเมือง เป็นระยะทางยาวเกือบ 2 กม. การตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งจัดขึ้นโดย เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มาทำบุญสร้างกุศลในวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และให้ตนเองครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข และการตักบาตรดังกล่าว เป็นพระเพณีของชาวไทใหญ่ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีการตักบาตรสืบทอดยาวนานมากว่าร้อยปีแล้ว

เมียนมายอมเปิดด่านแม่สายขนส่งสินค้าข้ามชายแดนได้เแล้วหลังสองฝ่ายจับมือหาข้อสรุปป้องกันโควิด19ระบาดข้ามแดน

วันที่30 กันยายน 2563 ที่สะพานมิตรภาพไทย- เมียนมาแห่งที่ 2 ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พบว่าในช่วงเช้าวันนี้รถขนถ่ายสินค้าจำนวนมากได้เดินทาง ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เข้ามายังด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย เพื่อรับสินค้าจากฝั่งประเทศไทยขนส่งสินค้าเข้าไปยังประเทศเมียนมา เหมือนปรกติที่เคยเป็น

หลังจากที่ได้มีการประชุมและยื่นข้อเสนอที่โรงแรมวันจีวัน จังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 ก.ย.63 ที่ผ่านมา โดยเสนอข้อเรียกร้องให้ทางเมียนมา เปิดให้รถบรรทุกสินค้า ที่ตกค้างและรออยู่บริเวณด่านพรมแดนอำเภอแม่สายจำนวนมากทำให้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 80 ถึง 100 ล้านบาทต่อวัน โดยทางการเมียนมานำโดย นายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าการจังหวัดท่าขี้เหล็ก พ.อ.ต่อสินอู ผบ.ยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เข้าร่วมการประชุมและได้นำข้อหารือดังกล่าวส่งต่อให้ยัง รัฐบาลเมียนมาเพื่อพิจารณา จนกระทั่งได้มีหนังสือชี้แจง มายังศูนย์ประสานงานชายแดนไทยเมียนมาฝ่ายไทยหรือ TBC โดยมีเนื้อหาว่าให้รถขนส่งสินค้า กลับมาดำเนินการได้ตามปกติโดยมีข้อแม้ว่าคนขับรถทั้งสองประเทศจะต้องเปลี่ยนคนขับที่บริเวณด่านพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส covid-19

ทำให้ในช่วงเช้าวันนี้มีรถตู้สำหรับขนส่งสินค้าจากเมียนมาจำนวนมาก ได้เดินทางมาเพื่อรอรับสินค้าและตรวจร่างกายของคนขับรถเพื่อเข้ามารับสินค้าในประเทศไทยตามโกดังต่างๆนอกจากนี้เป็นการผ่อนคลาย ทำให้รถบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่บริเวณหน้าด่านพรมแดนอำเภอแม่สายสามารถไปส่งสินค้าในพื้นที่ จังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมาได้อย่างเป็นปกติ ในส่วนข้อเรียกร้องต่างๆที่ฝ่ายเมียนมาได้ยื่นข้อเสนอมายังฝ่ายไทยนั้น ได้มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว

เมียนมาเล่นแง่ยื่น8ข้อเสนอหลังไทยเจรจาเปิดชายแดนแม่สายให้รถบรรทุกสินค้าผ่านเข้าออกหลังกำหนดให้เข้าออกได้วันละ6คันเท่านั้น

29 ก.ย.63 ที่ด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ยังคงมีการขนส่งสินค้าทั้งจาก อ.แม่สาย ประเทศไทย และจาก จ.ท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา แต่ยังคงมีการจำกัดประมาณรถขนส่งสินค้า จำนวน 6 คันต่อวัน และยังคงมีการผ่อนปรนให้รถบรรทุกน้ำมันข้ามไปส่งให้ทางสถานีน้ำมันในจังหวัดท่าขี้เหล็ก เพื่อบรรทเทาความตึงดเครียดบริเวณดชายแดน และมีการปลี่ยนคนขับรถที่บริเวณด่านพรมแดน และมีการตรวจวัดไข้เบื้องต้นด้วย

ที่ผ่านมา พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผก.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ในฐานะ ประธานศูนย์ประสานงานชายแดนฝ่ายไทยมาหรือ TBC ฝ่ายไทย ได้เดินทางไปยังห้องประชุุมโรงแรมวันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา เพื่อพบกับพ.ท.เปี้ยโส่งอ่อง ผบ.กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 293 ในฐานะประธานศูนย์ประสานงานชายแนส่วนท้องถิ่นฝ่านเมียนมา TBC ฝ่ายเมียนมา พร้อมทั้งมี นายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าการจังหวัดท่าขี้เหล็ก พ.อ.ต่อสินอู ผบ.ยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เข้าร่วมการประชุมโดยฝ่ายไทยให้มีข้อเสนอขอให้มีการเพิ่มจำนวนรถที่ใช้ขนส่งสินค้า หลังจากเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมาคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ที่มีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธาน ได้มีคำสั่งที่ 22 ให้กำหนดรถที่จะขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนไทย-เมียนมา ได้จำนวน 168 คันโดยไม่ได้มีการจำกัดจำนวนว่าจะเป็นรถของสัญชาติใด และให้มีการเปลี่ยนคนขับบริเวณด่านพรมแดนโดยให้คนไทยหรือชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ที่ อ.แม่สาย เป็นคนขับ เข้ามารับสินค้าตามโกดังต่างๆ ใน อ.แม่สาย โดยทางท้องถิ่น จ.ท่าขี้เหล็ก แจ้งว่าจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปแจ้งต่อรัฐบาลรัฐฉานเพื่อให้พิจารณาโดยยังไม่รับปากจะดำเนินการตามข้อเสนอหรือไม่

 

ทางเมียนมาได้มีข้อเสนอต่อทาง จ.เชียงราย จำนวน 8 ข้อคือ 1.การใช้รถขนสินค้าผ่านแดนทั้งที่เป็นป้ายทะเบียนของฝ่ายไทยและเมียนมาต้องอยู่ในจำนวนที่เท่าเทียมกัน 2.ขอให้มีการตรวจสอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถบรรทุกสินค้าคันละ 40,000 บาท ว่ามีระเบียบกฎหมายใดรองรับ 3.กรณีมีรถบรรทุกสินค้าป้ายทะเบียนไทยที่ตกค้างในฝั่งเมียนมาแล้วไม่สามารถมาต่อทะเบียนได้ทันขอให้มีการงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมทะเบียนรถชั่วคราว 4.ขอให้รถป้ายทะเบียนไทยที่จะข้ามไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ตรวจสภาพทุกคัน 5.คนขับรถจากฝั่งไทยที่จะนอนค้างใน จ.ท่าขี้เหล็ก ต้องเสียค่าปรับรายคืน 6.ขอให้ลดภาษีหรือค่าธรรมเนียมสินค้าประเภทผัก เนื้อ หมู ปลา จากเดิมที่เคยขนผ่านสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ก่อนวิกฤติไวรัสโควิด-19 วันละเพียง 2,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อไปข้ามสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพิ่มเป็น 4,000 บาทลงเหลือเท่าเดิม 7.ให้คนขับทั้ง 2 ฝ่ายเปลี่ยนคนขับตรงด่านพรมแดนเหมือนเดิม และ 8.หากจะมีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการเจรจาหารือกันก่อนดำเนินการต่อไปในครั้งหน้า

ลดาวัลลิ์นั่งหัวหน้าพรรคเสมอภาค

ที่ห้องประชุม อัลตร้า อารีน่า ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า โชว์ ดีซี (Show DC) พรรค “เสมอภาค” ได้จัดประชุมผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรค เพื่อพิจารณาเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค รวมถึงพิจารณาคำประกาศอุดมการณ์ นโยบาย และข้อบังคับพรรค โดยมีผู้ร่วมประชุมกว่า 400 คน เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค โดยก่อนเข้าประชุมได้มีการตรวจอุณหภูมิ วัดไข้ แจกหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ และมีการเว้นระยะห่างทางสังคมทั้งในและนอกห้องประชุม เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล

หลังจากนั้น ได้มีการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค สรุปรายชื่อได้ 19 คน ดังนี้ 1. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรค 2. ดร. นิติธร สีเชียว เลขาธิการพรรค 3. นางสาวชริตา พลพานิชย์ เหรัญญิกพรรค 4.นายณัฐพล ปัญญากอง ทะเบียนสมาชิกพรรค 5. กรรมการบริหารอื่นของพรรค จำนวน 15 คน อาทิเช่น นายสถิตย์พันธ์ ธรรมสถิตย์ อดีตรอง ผอ. การยางแห่งประเทศไทย พลตรี ถิรเดช ทรัพย์เขื่อนขันธ์ ตัวแทนสภาแพทย์แผนไทย พลตรี รัชพล สุทนต์ อดีต ผอ สารวัตรทหารบก นางรัตนจันทร์ ศีลสัมฤทธิ์

นอกจากนี้ ได้ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค คือ “มุ่งเน้นการสร้างความเสมอภาคด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม” โดยต้องการพัฒนาด้านการเมืองไทยให้ก้าวไปสู่การเมืองภาคประชาชน โดยประชาชนร่วมเป็นเจ้าของพรรค ร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ เพื่อสร้างสังคมให้มีความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ เป็นสังคมแห่งความดีงามและถูกต้อง อันจะนำความสงบสุขให้กลับคืนมาสู่ประเทศชาติ และจะเป็นผลให้ประชาชนทั่วไป มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นและมีความสุข โดยยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่อที่ประชุม หลังได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสมอภาค ว่า ขอขอบคุณผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคเสมอภาคทุกๆ ท่านที่สละเวลามาช่วยกันสร้างพรรค ทุกคนมาด้วยความตั้งใจที่จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง ทุกคนมาด้วยเจตนามุ่งมั่นที่จะทำงานการเมืออย่างสร้างสรรค์ มุ่งสร้างการเมืองมิติใหม่

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ทุกคนถามมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเราได้ประกาศจะจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ คือ พรรคที่จะจัดตั้งนี้ จะอยู่ฝ่ายไหน เหมือนจะบอกให้เราเป็นพวกกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ตนจึงขอใช้เวทีนี้ประกาศว่า พรรคเสมอภาค จะไม่ใช่พรรคของฝ่ายใดเป็นอันขาด เราเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่ขอไปร่วมอยู่ในความขัดแย้งใดๆ เราตั้งใจจัดตั้งพรรคเสมอภาค เพื่อเป็นพรรคมิติใหม่ที่จะเปลี่ยนการเมืองไทยให้เป็นการเมืองที่ขาวสะอาด ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นพรรคที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง

ขณะนี้บ้านเมืองเรากำลังประสบปัญหา มหาวิกฤตในหลายด้าน สังคมแตกแยก เศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงาน ขาดรายได้ การทำมาหากินเต็มไปด้วยความยากลำบาก กฎหมายหลายอย่างยังล้าสมัยไม่สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภาคการเกษตรมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการศึกษาของเยาวชนที่ไม่สอดคล้องกับอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้ต่างหาก คือภารกิจของพรรคเสมอภาค ที่จะเร่งดำเนินการและเข้ามาแก้ไขปัญหา

ด้านดร. นิติธร เลขาธิการพรรค ได้กล่าวอธิบายถึงสัญลักษณ์พรรค “เสมอภาค” ว่า พรรคเสมอภาค ใช้เครื่องหมายมีลักษณะเป็นสัญลักษณ์ “เท่ากับ” ที่มี “วงกลม”ล้อมรอบและมีตัวอักษรคำว่า “เสมอภาค” ปรากฏอยู่ด้านของล่างของวงกลมดังกล่าว โดยสัญลักษณ์ “เท่ากับ” ที่เป็นแถบสีน้ำเงินอยู่ตรงกลางวงกลม เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเสมอภาคของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แถบสีชมพูและแถบสีฟ้า ที่เป็นสีแถบของวงกลมที่แบ่งครึ่งกันอย่างสมดุล แสดงถึงความเท่าเทียมกันของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยแถบสีชมพูเสมือนเป็นตัวแทนของผู้หญิงและแอลจีบีที(LGBT) ที่เป็นผู้หญิง ส่วนแถบสีฟ้าเสมือนเป็นตัวแทนของผู้ชายและแอลจีบีที(LGBT) ที่เป็นผู้ชาย ที่มีสิทธิ ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ส่วนสัญลักษณ์ “วงกลม” ที่เป็นแถบสีชมพูและแถบสีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามัคคี ความร่วมมือ ความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ รวมกันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่เข้มแข็ง ที่พร้อมจะช่วยกันผลักดันขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ามั่นคงและยั่งยืน ดั่งกงล้อที่พร้อมจะหมุนไปอย่างไม่มีวันหยุดนิ่ง

รับรางวัลบุคคลต้นแบบประจำปี2563

 

ขอแสดงความยินดีกับ ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. ในโอกาสได้รับการคัดเลือกเป็นบุคคลต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2563 จากการคัดเลือกของสโมสรโรตารีเชียงใหม่ใต้ โดยความเห็นชอบจาก ฯพณฯท่าน รองนายกรัฐมนตรี คุณวิษณุ เครืองาม ซึ่งได้รับมอบเกียรติบัตร และโล่รางวัลบุคคลต้นแบบ ประจำปี พ.ศ 2563 จาก คุณกรวิภา วรานิชสกุล นายกสโมสรโรตารีเชียงใหม่ใต้ โดยการคัดเลือกนี้ ทางสโมสรโรตารี่เขียงใหม่ไต้ ร่วมกับโรตารีภาค 3360 ได้คัดเลือกบุคคลต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2563 โดยพิจารณาจาก คุณลักษณะของบุคคลที่ได้รับการคัดเลือก ดังนี้1.เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมและจริยธรรม2.เป็นบุคคลที่มีระเบียบวินัย ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของสังคม3.เป็นบุคคลที่มีจิตอาสา มีน้ำใจ ทำคุณประโยชน์ต่อสาธารณชน4.เป็นบุคคลที่เผยแพร่ศิลปะ ประเพณี ส่งเสริมวัฒนธรรรไทย 5.เป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม6.เป็นบุคคลที่มีคุณงามความดี และทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติซึ่งในปี พ.ศ.2563 มีบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบ จำนวน 10 ท่าน ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลตันแบบประจำปี พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ณ ห้องเชียงแสน โรงแรมดวงตะวัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ได้ข้อสรุปถกในคณะกรรมการTBCปัญหาขนส่งสินค้าชายแดนแม่สาย-เมียนมา

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 กองกำลังผาเมือง พันเอกชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2.กองกำลังผาเมือง เป็นประธานประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ชายแดนอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายหลังจากเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยและเมียนมา เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าข้ามแดนในช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัส covid-19 ทำให้ทางเมียนมา ไม่ยินยอมให้รถขนสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปในประเทศเมียนมาที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก โดยให้ผ่าน ด่านพรมแดนวันละ 6 คันเท่านั้น รถในฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่ง และสินค้าที่ต้อง ไปส่งในประเทศเมียนมาเสียหายมูลค่า 80 – 100 ล้านบาทต่อวัน

โดยล่าสุด พันเอกชาตรี สงวนธรรม ได้เป็นประธานประชุมหารือร่วมกับ ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สาย ตรวจคนเข้าเมืองเขียงราย กรมควบคุมโรคติดต่อ หอการค้า ศุลกากรแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือถึงทางออก ของปัญหาดังกล่าว ซึ่งหลังจากการประชุมได้ข้อสรุปว่า จะให้รถตู้ขนส่งสินค้าของเมียนมา สามารถเข้าออกประเทศไทยได้วันละ 168 คันโดยไม่จำกัดจำนวนรอบและให้เปลี่ยนคนขับ ที่บริเวณด่านพรมแดนโดยให้คนขับจากเมียนมาพักอยู่ที่จุดคัดกรองและเปลี่ยนให้คนขับในฝั่งไทยกับต่อ ไปรับสินค้ายังจุด ขนส่งหรือโกดังเก็บสินค้า ในส่วนคนขับรถของไทย ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของรถบรรทุกน้ำมันสามารถ บรรทุกน้ำมันข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมาร์ได้โดยไม่จำกัดจำนวนคัน เพื่อให้การขนส่งเพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก

โดยข้อสรุปดังกล่าว จะได้ทำเป็นเอกสาร มอบให้กับทางศูนย์ประสานงานชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมาฝ่ายไทยหรือ tbc เพื่อส่งมอบให้กับ ทางศูนย์ประสานงานชายแดน ส่วนท้องถิ่นเมียนมา-ไทย ฝ่ายเมียนมา เพื่อหาทางออกร่วมกันยังไงก็ตามปัญหาก่อนหน้านี้คาดว่าเกิดจากการสื่อสารที่เข้าใจไม่ชัดเจนทำให้เกิดความไม่เข้าใจจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งการหารือในครั้งนี้เพื่อเป็นการหาทางออก ให้กับผู้ประกอบการทั้งสองประเทศและเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศของไทยและเมียนมา ต่อไป

มท.1ลงพื้นที่เมืองสามหมอกเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัยให้ชุมชน(คทช.)

ที่อาคารสนามกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน เปิดโครงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัยให้ชุมชน (คทช.) และมอบสมุดประจำตัวแก่ผู้ได้รับอนุญาตให้ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมี นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน น.ส.ศันสนีย์ ทาสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดแม่ฮ่อสอน ให้การต้อนรับ

จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีพื้นที่ทั้งหมด 7,987,860.50 ไร่ จำแนกเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ จำนวน 6,958,612 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 87.11 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด พื้นที่ไม่มีสภาพป่า จำนวน 1,029,248.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.13 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด จำแนกเป็น พื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 105,319 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.23 พื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) 25,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2.43 พื้นที่ ที่ขอใช้ประโยชน์ 45,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.37 พื้นที่ที่ราษฎรถือครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 853,929.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 82.97 ซึ่งจำแนกออก เป็น 5 กลุ่ม กลุ่ม 1 ป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำ 3,4,5 (อยู่ก่อนปี 45) จำนวน 70,257.17 ไร่ อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ตามโครงการ คทช. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ยื่นคำขอกลุ่ม 2 ป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำ 3,4,5 (อยู่ปี 45-57) จำนวน 62,673 ไร่ ให้กลุ่มเกษตรกรหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่เป็นนิติบุคคล เป็นผู้ยื่นคำขอ
กลุ่ม 3 ป่าสงวนฯ ลุ่มน้ำ 1,2 จำนวน 226,472 ไร่ และพื้นที่ยังไม่ได้มีการสำรวจ จำนวน 250,329.51 ไร่ เป็นการจัดระเบียบในการใช้ประโยชน์พื้นที่ โดยกรมป่าไม้ กลุ่ม 4 ป่าอนุรักษ์ 1,2,3,4,5 จำนวน 244,197.82 ไร่ ดำเนินการให้สิทธิทำกิน มิให้เอกสารสิทธิ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

สำหรับพื้นที่เป้าหมายจัดที่ดิน (คทช) ทั้งหมด ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีจำนวนทั้งสิ้น 9 ป่า 20 พื้นที่ เนื้อที่ประมาณ 70,257.17 ไร่ โดยกรมป่าไม้อนุญาตให้ใช้พื้นที่แล้ว จำนวน 4 พื้นที่ รวมเนื้อที่ประมาณ 9,630 ไร่เศษ ส่วนพื้นที่ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตกรมป่าไม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพื่อจะเสนอเป็นพื้นที่เป้าหมายดำเนินการ คทช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 6 พื้นที่ เนื้อที่ประมาณ 19,235 ไร่เศษ และมีพื้นที่ตกหล่นอีกจำนวน 4 พื้นที่ เนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่

คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) ได้มอบให้สำนักงานที่ดินจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานคณะทำงานจัดที่ดิน โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 ถึง พ.ศ.2563 ได้รับแจ้งพื้นที่เป้าหมายจัดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล (คทช.) จากคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน (กรมที่ดิน) แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 10 พื้นที่ ได้สำรวจ ตรวจสอบคุณสมบัติ จัดคนลงพื้นที่แล้วทั้งสิ้น 3 พื้นที่ รวมทั้งสิ้น 4,382 แปลง 3,325 ราย เนื้อที่ ประมาณ 7,302 ไร่ โดยแจกสมุดประจำตัวให้แก่ราษฎร ผู้ได้รับการจัดที่ดินไปแล้วบางส่วน จำนวน 1,931 เล่ม ยังคงค้างอีกจำนวน 2,451 เล่ม ซึ่งการจัดโครงการในวันนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เกี่ยวกับกระบวนการจัดที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัยให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล และมอบสมุดประจำตัวแก่ผู้ได้รับอนุญาตให้ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 1,300 เล่ม 1,012 ราย รวมเนื้อที่โดยประมาณ 1,388-1-31 ไร่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าแม่ปายฝั่งซ้าย”ในท้องที่ รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ท้องที่ตำบลห้วยโป่ง ตำบลปางหมู ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการในพื้นที่ที่เหลืออยู่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ทุกท่านได้มีที่ดินทำกิน อยู่อาศัย และมีหลักฐานอ้างอิงสิทธิการครอบครองที่ดินในเขตที่ดินของรัฐ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถรวมกลุ่มกันเป็นชุมชน สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร บริหารจัดการชุมชนด้วยตนเอง เพื่อสร้างประโยชน์ สร้างรายได้ให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน สมดังเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป

วันมหิดล ประจำปี 256

 

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีพวงมาลาถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต หรือวันมหิดล ประจำปี 2563 โดยมี นายคมสัน สุวรรณอำภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อาวุธ ศรีศุกรี อุปนายกสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศาสตราจารย์ นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวถวายราชสดุดี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ในด้านการแพทย์ การสาธารณสุข ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา และทรัพย์สินส่วนพระองค์เข้าช่วยเหลือ ค้นคว้าหาแนวทางพัฒนางานด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และการพยาบาล ให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงเท่าเทียมนานาอารยประเทศ เสริมสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับประชาราษฎร์ โดยเฉพาะผู้เจ็บป่วยและผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้แทนจากหน่วยงาน องค์กร และสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ นักศึกษาและประชาชน ร่วมพิธี ณ พระราชานุสาวรีย์ฯ อาคารสุจิณโณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2563

ออกหว่าแม่สะเรียง

นายพัลลภ หว่าละ นายกเทศมนตรีตำบลแม่สะเรียง ร่วมกับทาง นายประพันธ์ วิริยะภาพ ปราชญ์วัฒนธรรมแม่สะเรียง นายอรรถพล ทวีสุนทร รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน นายคำปัน คำประวัน ตัวแทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.วงศพัทธ์ สิทธิวัฒนภัสร์ ผกก.สภ.แม่สะเรียง ร่วมแถลงข่าวการจัดงานประเพณีออกหว่า เทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2563 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 1 – 3 ตุลาคม 2563 นี้ งานประเพณีออกหว่าเทศกาลออกพรรษา เน้นการอนุรักษ์วิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่หลากหลาย ชูความเป็นเลิศทางประเพณีและวัฒนธรรมแห่งเดียวในประเทศไทย ความงดงามของราชวัตรประทีปโคมไฟ มหัศจรรย์ของสีสันแห่งโคมไฟหลากหลายรูปแบบที่ชาวบ้านพร้อมใจกันประดับประดาตามท้องถนน 6 สาย ตามอาคารสถานที่ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย พร้อมชมความมหัศจรรย์ขบวนแห่เทียนเหงพันเล่มยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา ซึ่งเป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมคนแม่สะเรียงที่สืบทอดกันมานับร้อยๆ ปี

สำหรับประเพณีออกหว่าเทศกาลออกพรรษา เป็นภาษาของชาวไทยใหญ่และเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมากว่า 600 ปี ซึ่งก่อนถึงวันออกพรรษาชาวบ้านในอำเภอแม่สะเรียง พร้อมใจกันออกมาตกแต่งประดับประดาราชวัติซุ้มประตูหน้าบ้าน ด้วยการนำไม้ไผ่มาสานเป็นรั้วตกแต่งด้วยประทีปโคมไฟ ต้นกล้วย ต้นอ้อย และตุง ตามความเชื่อของชาวบ้าน เพื่อเป็นการสักการะและรอรับเสด็จพระพุทธเจ้า ที่เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากทรงธรรมเทศนาโปรดพระมารดาทุกเช้า ระหว่างวันที่ 1 – 3 ต.ค. 63 ตั้งแต่เวลา 04.00 น.เป็นต้นไป ประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียง จะพร้อมใจกันแต่งชุดพื้นเมืองออกมารอตักบาตร