ไม่รอดขนยาบ้า7ล้านเม็ดเคตามีน100กิโล

ที่ จ.เชียงราย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ทหารกองกำลังผาเมือง ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมยาเสพติด ยาบ้าจำนวน 6.7 ล้านเม็ด และเคตามีน จำนวน 100 กิโลกรัม พร้อม ผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คนคือ นายไซ อายุ 27 ปี และ นายหวังอินทร์ อายุ 26 ปี

โดยการติดตามจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันติดตามขยายผลจากการจับกุม นายใหม่ อายุ 43 ปี ชาว อ.แม่จริม จ.น่าน พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน เมื่อวันที่ 31 ก.ค.63 ที่ผ่านมา จึงทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลพบว่ากลุ่มขบวนการนี้นี้เป็นแก๊งใหญ่ลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย ส่งให้กับกลุ่มนายทุน จึงได้เฝ้าติดตามจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 21 ก.ย.63 พบรถยนต์กลุ่มลำเลียง จำนวน 4 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วสูง จากเขต อ.เชียงแสน มุ่งหน้าไปยัง อ.เชียงของ จ.เชียงราย จึงได้สะกดรอยติดตาม แต่รถยนต์กลุ่มดังกล่าว ไหวตัวหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่สามารถสกัดรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว เลขทะเบียน ผญ 409 เชียงราย เอาไว้ได้ที่ บริเวณในหมู่บ้านร่องห้า ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จว.เชียงราย จากการตรวจสอบภายในรถพบว่า ได้บรรทุกยาบ้า จำนวน 6.7 เม็ดและเคตามีน จำนวน 100 กิโลกรัม ส่วนผู้ต้องหาและผู้โดยสาร รวมจำนวน 2 คน ได้วิ่งหลบหนีไป ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 ได้ขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ นายไซ และนายหวังอินทร์ ทั้งสองคนมีภูมิลำเนาอยู่บ้านห้วยหาน ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ กล่าวว่า กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในช่วงหลังนี้ได้มีการเปลี่ยนเส้นทางจากเดิมที่นำเข้ามาจากทางด้าน อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และชายแดน ด้าน จ.เชียงใหม่ ได้มาใช้เส้นทางด้านติดกับประเทศ สปป.ลาว เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้การติดตามอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถสกัดกั้นและจับกุมได้ในที่สุด พร้อมทั้งจะมีการขยายผลกลุ่มผู้ร่วมขบวนการเพื่อทำการยึดทรัพย์ต่อไป

กิจกรรมดีๆสู่สังคมลำปางปลูกต้นไม้ริมฝั่งน้ำวัง

เนื่องในวันอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำคูคลองแห่งชาติ และวันเยาวชนแห่งชาติ ที่บริเวณถนนเลียบน้ำวัง จากหัวสะพานบ้านดงม่อนกระทิง – เขื่อนยาง ระยะทางประมาณ 2 กม. ได้มีกลุ่มคนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดลำปาง ซึ่งประกอบไปด้วย สมาคมเครือข่ายคนรักษ์สิ่งแวดล้อม จังหวัดลำปาง นำโดยนายฉลอง ของเดิม นายกสมาคมเครือข่ายคนรักษ์สิ่งแวดล้อม นักเรียนจากโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยโดยการนำของ นางผ่องพรรณ เดชมี และนางกัญณภัทร ชัยกานต์กุล ครูผู้ควบคุมดูแล เด็กนักเรียนจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเขลางค์นคร โดยการนำนายประเสริฐ ณ จันตา ครูผู้ควบคุมดูแล กลุ่มจิตอาสาของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ลำปาง นำโดยนายจาตุรงค์ แก้วสามดวง อาจารย์ผู้ควบคุมดูแล นอกจากนั้นยังมีตัวแทนชุมชนบ้านดง นำโดย สท.สมหมาย พงษ์ไพบูลย์ ของเทศบาลนครลำปาง รวมทั้งหมดประมาณ 200 คน ได้ร่วมกันน้ำต้นไม้มาปลูกตลอดระยะทาง

โดยนายฉลอง นายกสมาคมเครือข่ายคนรักษ์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่าในฐานะตนเองเป็นนายกสมาคมนี้และเป็นคนจังหวัดลำปาง มองว่าน่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้างในด้านการอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะแม่น้ำวัง ซึ่งถือว่าเป็นเส้นเลือดของคนลำปาง จึงได้เชิญชวนหลายภาคส่วนได้มาร่วมกันทำโครงการนี้ขึ้นมาเป็นการจุดประกาย ให้คนลำปางได้มองเห็นความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม

ด้านนายสมหมาย กล่าวว่า ตนเองได้เข้าร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่า ถนนเลียบน้ำวังช่วงนี้ เป็นจุดที่สวยงามมาก ระยะทางก็ยาวพอสมควรเหมาะสำหรับการพัฒนาต่อยอดเป็นที่พักผ่อนริมน้ำต่อไปในอนาคต จึงประสานผู้บริหารเทศบาลนครลำปาง ช่วยนำเครื่องจักรมาปรับพื้นที่ รองรับการทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้ ซึ่งต่อไปเส้นทางนี้คงจะเป็นเส้นทางหลักอีกแห่งหนึ่งที่พี่น้องประชาชนใช้สัญจรไปมาได้สำหรับต้นไม้ที่นำมาปลูกประกอบไปด้วยต้นยางนา ต้นแคนา ต้นสะเดา ต้นขี้เหล็ก ต้นมะขามป้อม และกล้วยน้ำหว้า ทั้งหมดรวมกัน 500 ต้น

จับหนุ่มลักลอบข้ามชายแดนด้านอ.แม่สายตรวจร่างกายพบมีไข้37.5

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองภายใต้การอำนวยการของ นายประจญ ปรัชญสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ให้นำเจ้าหน้าที่สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 มอบหมายให้ ร.อ.ศุภรัตน์ มีรอด ผบ.ร้อย. ฉก.ม.2 ฉก.ม.2 ร่วมกับ นาย มาติน ไทยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านผาแตก จัดกำลังออกลาดตระเวนในเขตรับผิดชอบ จนกระทั่งมาถึงบริเวณศูนย์ไฟป่า บ้านห้วยน้ำริน ม.7 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

พบชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าข้างทาง ทราบชื่อว่านายเอกชัย ชาว อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยสารภาพว่าได้ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านบริเวณตรงข้ามด่านป่าสัก พร้อมสารภาพว่าก่อนจะเดินข้ามมาได้เสพยาบ้า และเสพเฮโลอีนมาก่อน จากนั้นได้ว่าจ้างวินมอเตอร์ไซร์ 3,000 บาทเพื่อมาส่งตรงจุดใกล้ชายแดนตรงข้ามบ้านผาหมี และได้เดินมาพักอยู่บ้านลุงดู่ ซึ่งเป็นบ้านของคนที่จะพาข้ามโดยจะเรียกเก็บเงินค่าพาข้ามคย 5000 บาท ก่อนจะพาข้ามชายแดนมา และมาโผล่ที่ศูนย์ไฟป่าบ้านห้วยน้ำริน จนกระทั่งมาพบเจ้าหน้าที่ที่กำลังลาดตระเวณอยู่ดังกล่าว จากการตรวจวัดร่างกายและวัดไข้พบว่ามี 37.5 องศา นายเอกชัย สารภาพว่าตนทำอาชีพขายเสื้อผ้าชนเผ่าที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก แต่พ่อเสียเลยจะข้ามมางานศพพ่อ จึงได้ตัดสินใจข้ามพรมแดนมาจนถูกจับกุมดังลกล่าว

ประชารัฐพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของดีวิถีแม่ฮ่องสอน

ที่บริเวณสามแยกตลาดนัด อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน นายปฐมพงษ์ จันทร์สว่าง พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยส่วนราชการ พ่อค้า ผู้ประกอบการ จัดกิจกรรม “ประชารัฐ พัฒนาเกษตรอินทรีย์ ของดี วิถีแม่ฮ่องสอน”ภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ผลักดันและส่งเสริมช่องทางการตลาดแก่เกษตรอินทรีย์ ให้ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยและรับรู้ถึงสินค้าของผู้ประกอบการ ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้ฟื้นกลับมาสู่ภาวะที่ดีขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการผลักดันเศรษฐกิจจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้กลับมาคึกคักมากขึ้นและเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมยกระดับฐานะการผลิตเกษตรอินทรีย์และสร้างเครือข่ายช่องทางการตลาดแก่เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถพัฒนา ต่อยอดธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นสินค้าเกษตรคุณภาพสูง

นายปฐมพงษ์ กล่าวว่ากิจกรรมภายในงาน การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และ ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่คัดสรรคุณภาพ นำมาจำหน่ายภายในงาน จำนวนกว่า 50 คูหา การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจเพิ่มพันธมิตรทางการค้า 15 บริษัท การส่งเสริมศักยภาพ ขีดความสามารถและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ นิทรรศการแสดงผ้าชาติพันธุ์ การแข่งขันทำอาหารพื้นบ้าน การแสดงดนตรี โดยได้รับการสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จาก เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน, สถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน, สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เครือข่ายกลุ่มเกษตรอินทรีย์แม่ฮ่องสอน, เครือข่ายผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จังหวัดแม่ฮ่องสอน และคุณวิชัย กิตติศิริพันธ์ เจ้าของตลาดนัดแม่ฮ่องสอน

นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ MOU ระหว่าง สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน บริษัทประชารัฐรักสามัคคีแม่ฮ่องสอน ( วิสาหกิจเพื่อสังคม ) จำกัด สำนักงาน สภาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เครือข่ายเกษตรอินทรีย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์และส่งเสริมช่องทางการตลาดแก่เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย 3 กลุ่มงาน ได้แก่ เกษตร แปรรูป และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ผ่านกระบวนการขับเคลื่อน 5 กระบวนการ ประกอบด้วย การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างรับรู้ และการบริหารจัดการ

ชาวบ้านแม่พริกลำปางไม่เอาเหมืองแร่ปิดถนนพหลโยธินเรียกร้องทบทวนยกเลิกโครงการเหมืองแร่ในพื้นที่

10.00 น.วันที่18 ก.ย.63 กลุ่มชาวบ้าน อ.แม่พริก จ.ลำปาง ที่ไม่เอาเหมืองแร่แมงกานิส จำนวนกว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันบริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอแม่พริก เพื่อที่จะรอพบกับนายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ,อุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง รวมถึงหน่วยงานทางราชการที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ที่จะยกเลิกให้มีการทำประชาคม ในการขอสัมปทานเหมืองแร่แมงกานีส ในพื้นที่บ้าน หมู่ 7 บ้านห้วยขี้นก และหมู่ 11 บ้านแพะดอกเข็ม ต.แม่พริก อ.แม่พริก รวมพื้นที่ที่จะขอสัมปทานบัตร จำนวน 200 ไร่ โดยมีนายนพรัตน์ รักษ์ไพรสาณฑ์ นายอำเภอแม่พริก และเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง เพื่อที่จะชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับทราบข้อมูล

แกนนำได้ใช้เครื่องขยายเสียง ยืนยันจะขอพบผู้ว่าฯราชการจังหวัดลำปาง และอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง เท่านั้น และเวลาต่อมาได้มีการกางเต้นปิดถนนขาขึ้น เพื่อที่จะรอเวลา พบผู้ว่าราชการ จนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง จนถึงเวลา12.00น. ได้มีการปิดถนนทั้งสองฝั่ง ทั้งขาขึ้นและขาล่อง ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ติดยาวหลายกิโลเมตร

ที่ผ่านมาการเรียกร้องของกลุ่มชาวบ้าน อำเภอแม่พริกที่ไม่เอาเหมืองแร่แมงกานิส ได้มีการร่วมลงชื่อยืนต่อหน่วยงานราชการทั้งในพื้นที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง ไม่มีคำตอบ รวมทั้งได้มีการติดประกาศที่ทำการ อบต. ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เพื่อที่จะมีการดำเนินการในการทำประชาคมอีกด้วย จึงทำให้ชาวบ้านต่างรวมตัวกันปิดถนน เพื่อขอคำยืนยันจากผู้ว่าราชการลำปางในวันนี้

ต่อมาเวลา 15.00 น กลุ่มชาวบ้านได้เลิกปิดถนน ด้วยเงื่อนไขว่าทางอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง จะนำข้อร้องเรียนที่ชาวบ้านไม่เอาเหมือง ส่งต่อให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาขอเสนอของชาวบ้านต่อไป ส่วนพล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จว. รับปากข้อเรียกร้องชาวบ้านว่าไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม จึงมีการสลายตัวยกเลิกปิดถนนให้สัญจรผ่านไปมาได้ตามปรกติ

ตร.ภาค5ฝึกอบรมและแข่งขันSWAT Challenge

ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เป็นประธานการพัฒนาศักยภาพการฝึกอบรมทบทวนและทดสอบหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจ SWAT Challenge ระดับ บก. โดยมีการจัดการแข่งขันขึ้นระดับ บก. ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนโดยมีทีมหน่วยสวาทจำนวน 8 ทีมอาทิทีมเชียงใหม่ ทีมเชียงราย ทีมลำปาง ทีมแพร่ ทีมน่าน ทีมลำพูน ทีมแม่ฮ่องสอน และทีมพะเยา เข้าร่วมการฝึกอบอรมและแข่งขัน

 

การแข่งขันในครั้งนี้จัดให้มีการทดสอบทักษะของหน่วย SWAT ระดับ บก. ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เช่น การจำลองสถาณการณ์จับตัวประกัน การบุกค้นอาคาร การถวายความปลอดภัย รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆด้านงานยุทธวิธี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะทางยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เป็นการสร้างมาตราฐานการฝึก การจัดหน่วย การสร้างเครือข่าย การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยปฏิบัติการ ซึ่งผลการฝึกอบรมและแข่งขันปรากฏว่ารางวัลชนะเลิศประเภทสถานีเรียกระดมพลและการตรวจความพร้อม ได้แก่ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดเชียงราย รางวัลชนะเลิศประเภทการวางแผนได้แก่ทีมจังหวัดเชียงราย รางวัลชนะเลิศประเภทยุทธวิธีการโจมตี ได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลชนะเลิศประเภทพลซุ่มยิง ได้แก่จังหวัดลำปาง รางวัลประเภทสถานีการเคลื่อนกำลังเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการได้แก่ทีมเชียงใหม่ รางวัลสถานีการปฏิบัติการช่วยหลือตัวประกันได้แก่จังหวัดแม่ฮ่องสอน รางวัลประเภทผู้บังคับหมวด ได้แก่จังหวัดลำพูน และรางวัลประเภทผู้บังคับหน่วยระดับกองร้อยได้แก่เชียงใหม่ และรางวัลประเภทSWAT Challenge 2020 ได้แก่ทีมเชียงใหม่

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าขอให้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกนาย ขอให้มีความมุ่งมั่นในการกลับไปปฏิบัติหนาที่ยังหน่วยของตนเอง เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยขอเน้ยย้ำให้ตั้งอยู่ความไม่ประมาทและคิดไว้เสอมว่าความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจนำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

กระตุ้นเศรษฐกิจลดค่าครองชีพประชาชนสุดคึกคัก“ตลาดชุมชนบ้านโป่ง”ชาวบ้านต่อแถวยาวรอซื้อสินค้าราคาประหยัด

ที่ตลาดประชารัฐต้องชม “ตลาดชุมชนบ้านโป่ง” ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประชาชนเดินทางมาจับจ่ายซื้อของสินค้าราคาประหยัด กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการลดค่าครองชีพประชาชน อาทิ ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของผู้ประกอบการในตลาด เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อกระตุ้นและเชื่อมโยงการซื้อขายสินค้าชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง มาเป็นประธานการเปิดงาน

ด้านนางสาวจุไรรัตน์ ศรีตระกูล พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า นอกจากจะมีสินค้าราคาประหยัดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้ว ยังมี การจับแจกคูปองซื้อสินค้า มูลค่า 200 บาท จำนวน 25 รางวัล และรับชมการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนอนุบาลแม่สะเรียง สำนักงานพาณิชย์จังหวัด เป็นหน่วยงานหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรและผู้ประกอบการให้มีศักยภาพและสามารถแข่งขันได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนให้มีความเข้มแข็งในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy Development) ให้เกิดความยั่งยืนในการพึ่งพาตนเองผ่านกลไกของตลาดชุมชน และเพื่อสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ตลาดประชารัฐต้องชม ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างการรับรู้ของประชาชนและกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งกลุ่มผู้ผลิตและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าหัตถกรรม ผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ตลอดจนสินค้าและบริการต่าง ๆ ของชุมชน เพื่อเป็นช่องทางการระบายสินค้าของชุมชน และเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรของรัฐบาล

พิษโควิด19ค้าชายแดนทรุดเมียนมาร์โมโหตอบโต้ไทยจำกัดรถบรรทุกส่งสินค้าไทยข้ามฝั่งแม่สายวันละ6คันเท่านั้น

ที่สำนักงานของหอการค้า อ.แม่สาย ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแม่โขง เดลต้า บูติค อ.แม่สาย นางสาวผกายมาศ เวียร์รา ประธานหอการค้าอำเภอแม่สาย ได้เปิดให้ผู้ประกอบการได้เข้าไปลงทะเบียนเพื่อจัดลำดับส่งออกสินค้าข้ามไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ตามโควต้าที่ทางการท้องถิ่น จ.ท่าขี้เหล็ก กำหนดให้ไปได้วันละเพียง 6 คัน โดยมีผู้ประกอบการไปลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 300 คัน ทางหอการค้า อ.แม่สาย จึงได้เชิญผู้ประกอบการทั้งหมดร่วมประชุมหารือกันที่สำนักงานหอการค้า อ.แม่สาย เพื่อหาวิธีแก้ไขและจะนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่งไทยและเมียนมาร์

โดยเหตุการณ์ดัวกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ได้มีคำสั่งในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ฉบับที่ 22 กำหนดให้รถยนต์ตู้บรรทุกสินค้าจากประเทศเมียนมาข้ามมารับสินค้าใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชายแดนติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้วันละ 168 คันโดยให้มีการเปลี่ยนคนขับเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทยก่อนเข้าสู่ชั้นในของประเทศ มีผลตั้งแต่วันน17 ก.ย.63 ต่อมาทาง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาได้มีคำสั่งอนุญาตให้รถสินค้าไทยเข้าไปในเมียนมาวันละเพียง 6 คันและรถจากเมียนมามายังฝั่งไทยได้เพียง 6 คันเท่ากันนั้น ได้ทำให้การค้าชายแดนที่จุดผ่านแดนถาวรตรงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย มีความแออัดเนื่องจากตามปกติจะมีการขนส่งสินค้าผ่านจุดดังกล่าววันละกว่า 300-400 เที่ยวตลอดทั้งวัน ส่งผลให้รถบรรทุกสินค้าทั้งรถขนาดใหญ่โดยเฉพาะรถบรรทุดน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค จอดรออยู่ที่ด่านพรมแดนโดยบางส่วนเป็นพืชผักและอาหารได้นำมาวางกองกันริมทางโดยไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถข้ามพรมแดนไปได้หรือไม่

สำหรับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเมียนมาที่สะพานแห่งที่ 2 ที่ อ.แม่สายตั้งแต่เดือน ต.ค.2562-ส.ค.2563 นี้ มีสินค้าไทยส่งออกไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก มูลค่า 12,244,019,935.60 บาท โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 10,803,646,550.06 บาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีมากถึง 4,551,742,832.64 บาท น้ำมันเชื้อเพลิง 2,321,141,738.28 บาท สุรา 1,168,833,962.22 บาท ปูนซีเมนต์ 597,971,136.79 บาท เครื่องดื่ม 584,629,823.74 บาท ไวน์ 346,959,654.18 บาท ไฟฟ้า 297,327,916.48 บาท เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว 274,034,274.69 บาท เหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อย 248,726,900.66 บาท ผ้าอ้อมสำเร็จรูปและผ้าอนามัย 212,965,268.06 บาท ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1,440,373,385.54 บาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าทางการเกษตรา เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,127,377,485.75 บาท ผลส้มสด 54,542,400 บาท ไม้สักแปรรูป 40,169,583.65 บาท ใบชา 18,060,039.02 บาท แร่แมงกานีส 103,621,093.34 บาท เศษเหล็ก 37,510,686 บาท เศษอลูมิเนียม 14,885,300 บาท ทำให้ด่านศุลกากรแม่สายสามารถจัดเก็บรายได้เข้าประเทศจากอากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตและภาษีมหาดไทย ได้รวมกัน 23,784,161.39 บาท และจากมาตรการของฝ่ายเมียนมาดังกล่าวทำให้หอการค้า จ.เชียงราย คาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าจะลดลงอย่างแน่นอน

ตชด.327รวบสมุนเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ขนขยาบ้า1แสนเม็ดขายให้สายตำรวจ

พ.ต.อ.รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม ผกก.ตชด.32 เป็นประธานการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติด ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 หน่วยเฉพพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 กองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ปปส.ภ.5 กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.5 และหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายณัฐวุฒิ เงินปา อายุ 25 ปี ชาวพร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด โดยจับกุมได้ที่ บริเวณ ถนนทางเข้าคริสตจักรข่าวดี บ้านห้วยมะหินฝน ม.14 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย

โดยการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายของนายตี๋ ในพื้นที่ บ้านจะพือ ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงได้ออกติดตามหาข่าวจนกระทั่งทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดดังกล่าวมียาเสพติดเป็นยาบ้าอยู่ประมาณ 100,000 เม็ด โดยได้ติดต่อเสนอขายยาบ้าดังกล่าวให้กับสายลับ จึงวางแผนเพื่อจับกุมนัดหมายซื้อยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด ในราคา 550,000 บาท โดยนัดส่งมอบยาบ้าดังกล่าวที่ ถนนท้ายหมู่บ้านห้วยมะหินฝน ม.14 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย

จนกระทั่ง เวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 16 ก.ย. 63 นายตี๋ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่และโดยได้นัดหมายส่งมอบยาบ้าดังกล่าวตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังสังเกตการณ์ อยู่บริเวณโดยรอบ จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. นายตี๋ ได้นัดให้ไปพบบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุโดยให้นายณัฐวุฒิไปดูเงินที่ตกลงซื้อขายยาบ้ากันไว้ จากนั้นนายณัฐวุฒิ ไปรับยาบ้าบริเวณถนนท้ายหมู่บ้านห้วยมะหินฝน จำนวน 100,000 เม็ด มาส่งให้สายที่ติดต่อซื้อ จนถูกจับกุมตัวดังกล่าว

ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวนายณัฐวุฒิฯ มาที่สอบสวนที่ ร้อย ตชด.327 อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อทำการขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยนายณัฐวุฒิห้การว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยได้รับจ้าง จากนายตี๋ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท โดยได้นำยาเสพติดดังกล่าว มาซุกซ่อนบริเวณชายป่าสวนยางพารา และได้ยกมาบนถนนทางสาธารณะ ท้ายหมู่บ้านห้วยมะหินฝน เพื่อรอส่งมอบตามที่ตกลงกันไว้จนถูกจับกุมดังกล่าวและจะได้ติดตามจับกุมตัวนายตี๋ เอเยนต์ยาบ้ารายนี้มาดำเนินคดีต่อไป

เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนเชิญเที่ยวงานประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด29ก.ย-2ต.ค.นี้

ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน นายปกรณ์ จีนาคำนายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเทศบาลเมือง แถลงข่าวการจัดงานประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ดหรืองานเทศกาลออกพรรษาของชาวไทใหญ่หรือชาวไตจังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด 19 การจัดงานปอยเหลินสิบเอ็ดปีนี้จะเน้นการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่หรือชาวไตในแม่ฮ่องสอนเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.- 2 ต.ค.63 วันที่ 29 ก.ย.63 นอกจากจะเป็นวันเปิดงานแล้ว ยังมีการแสดงของนักเรียนและชุมชน การแข่งขันกีฬา , การประกวดศิลปวัฒนธรรมไทใหญ่ ก้าลาย รำโต ก้าแลว ส่วนวันที่ 30 ก.ย.63 จะเป็นการประกวดตีกลางมองเซิง ตีกลองก้นยาว และวันที่ 1ต.ค.63 จะเป็นการประกวดฟ้อนรูปสัตว์สองเท้า ( รำนก)ฟ้อนรูปสัตว์ 4 เท้า ( รำโต)

และเพื่อป้องกันเฝ้าระวังโรคโควิด 19 ปีนี้จะไม่มีการแห่จองพาราเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่จะนำจองพาราหรือปราสาทพระประดับประดาตกแห่งประทีปโคมไฟสว่างไสวสวยงาม จากชุมชนทั้งในเขตเทศบาล หน่วยงานราชการ และชุมชนนอกเขตเทศบาลเมือง นำจองพาราหรือปราสาทพระมาจัดแสดง จำนวน 13 ขบวน มาตั้งโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมบริเวณกลางถนนสิงหนาทบำรุงตั้งแต่สี่แยกไฟแดงไปจนถึงหน้าเทศบาลเมือง ส่วนสองข้างถนนก็จะมีการตลาดย้อยยุค สาธิตศิลปวัฒนธรรม และจำหน่ายสินค้าไทใหญ่ ทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้า เครื่องประดับ พร้อมทั้งจองพาราเล็กประดับประดาสองข้างทางเป็นพุทธบูชาหน้าบ้านและร้านค้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด ส่วนที่บริเวณถนนสิงหนาทบำรุง มีการจัดกิจกรรมตลาดย้อนยุค แสดงวิถีของชาวแม่ฮ่องสอน ส่วนวันที่ 2 ต.ค.63 จะเป็นวันตักบาตรโทโวโรหณะจากวัดพระธาตุดอยกองมูลงบันไดนาคมาถึงด้านล่างอย่างสวยงาม