“โควิด 19” ผู้ปกครองเหนื่อยหาเงินใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม โรงตึ้งสำรองเงินรองรับหลายร้อยล้านบาท ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 ยันโรงเรียนในสังกัดพร้อมเปิด

 

นายสมชาย ขันอุระ ผู้จัดการสถานธนานุบาล เทศบาลนครเชียงใหม่ 3 เปิดเผยว่า สถานธนานุบาลแห่งนี้ ได้เตรียมงบประมาณไว้ต้อนรับผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่เดือดร้อน ในการเปิดเทอมในช่วงวันที่ 1 ก.ค. 63 นี้ไว้ 100 ล้านบาท คาดว่าสิ่งของที่นำมาจำนำมากที่สุดน่าเป็นทองรูปพรรณ ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 3 เปอร์เซ็นต์ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆ การคาดการณ์ในอนาคต ประกอบกับช่วงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดที่ผ่านมา ประชาชนไม่มีงานทำ และวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็คาดว่าน่าจะมีการนำสิ่งของมาจำนำมากขึ้น เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ก็น่าจะสูงขึ้นกว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์ งบประมาณที่เตรียมไว้าน่าจะเพียงพอหากไม่พอมีการประสานทางกับทางธนาคารออมสิน และ ธอส. ไว้แล้ว และสถานธนานุบาลในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ก็มีทั้งหมด 5 สาขา และในแต่ละสาขาก็มีวงเงินไม่เท่ากัน ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน

 

 

ดร.รตนภูมิ โนสุ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 เปิดเผยว่า ทุกโรงเรียนในสังกัดได้ดำเนินการตามนโยบายจากกระทรวงฯ และอาศัยมาตรการที่กระทรวงฯ และทางสาธารณสุขได้กำหนดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพื้นที่เชียงใหม่ ในเขตรับผิดชอบของ สพฐ.เชียงใหม่ เขต 1 มีทั้งหมด 86 โรงเรียน ก็ได้แจ้งให้ทุกโรงเรียนจัดทำแผน เพื่อนำแผนดังกล่าวส่งให้กับทางคณะกรรมการเขตพื้นที่การการศึกษา และส่งให้กับศึกษาจังหวัด พร้อมกับคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ทราบถึงแผนการเตรียมความพร้อมในการป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 ภายในสถานศึกษา โดยเบื้องต้นจากการจัดทำแผนนั้น มีโรงเรียนที่พร้อมเปิดเต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จำนวน 78 โรงเรียน เหลืออีก 8 โรงเรียน ที่ยังต้องมีการปรับปรุงแผนบางอย่าง แต่คาดว่าจะมีการปรับปรุงให้เสร็จทันภายในวันที่ 1 ก.ค. นี้อย่างแน่นอน ทันกับการเรียนการสอนแบบ New Normal มีความปลอดภัยต่อเด็กนักเรียน ครู อาจารย์ และบุคลากรภายในโรงเรียนอย่างแน่นอน ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 กล่าวในที่สุด

เปิดประตูเมืองเชียงใหม่ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนหลังโควิด 19 ซาลง

rbt

ที่ข่วงประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเปิดเมืองเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายพรชัย จิตนวเสถียร ประธานโครงการเชียงใหม่เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย ผู้ประกอบการ ร้านค้า โรงแรม แหล่งท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ ให้การต้อนรับ

โครงการเปิดเมืองเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวปลอดภัยนี้ เพราะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางของจังหวัดในภาคเหนือ มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ และศูนย์กลางธุรกิจบริการสุขภาพแห่งเอเชีย และได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็นเมืองบริการสุขภาพดีเด่นอันดับ 1 ของโลกศิลปวัฒนธรรม รวมถึงประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาและประเทศไทย จึงทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางรัฐบาลต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวให้ยุติลง ปัจจุบันผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีแล้ว ในวันนี้จึงได้ถือเป็นการเปิดเมืองเชิญชวนนักท่่องเที่ยวกลับมาเยือน”เวียงพิงค์”อีกครั้ง

ตำรวจเชียงใหม่กวดขันจับกุมเด็กแว้นออกซิ่งหลังยกเลิกเคอร์ฟิวตามคำสั่งนายก”ลุงตู่”

วันที่17 มิ.ย.63 พ.ต.อ.กิตติพงษ์  เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก รับแจ้งมีวัยรุ่นใช้รถจักรยานยนต์แต่งท่อเสียงดังรบกวนชาบ้านมารวมกลุ่มกัน ที่หน้าค่ายมวยสันติธรรม ถ.โชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และริมห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ศรีพิงค์ ไหวยะ  สวป.สภ.ช้างเผือก พร้อมพวกไปทำการจับกุมพบกลุ่มวัยรุ่นรวมกลุ่มกันประมาณ 20 คน พร้อมรถจยย.แต่ง เตรียมที่จะออกตระเวนซิ่งและแว้นไปทั่วเมืองจึงนำตัวมา ที่สภ.ช้างเผือก

เพื่อทำประวัติ และปรับเปลี่ยนทัศนะคติถึงการออกแว้นรถจักยานยนต์เสียงเป็นการรบกวนชาวบ้าน และอาจเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย จึงว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับแต่งรถกลับสู่สภาพเดิมแล้วแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวกลับบ้านไป สำหรับการออกมาซิ่งแว้นของกลุ่มวับรุ่นหลังยกเลิกเคอร์ฟิวนั้น พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกยกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวตักเตือนว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกวดขันจับกุมมาแล้ว

4 จังหวัดลุ่มน้ำปิงประชุมแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

ที่ศาลากลางจ.เชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำปิง ครั้งที่ 2/2563 โดยมีคณะกรรมการลุ่มน้ำปิงในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, ลำพูน, ตาก และกำแพงเพชร รวม 4 จังหวัด เข้าร่วมในการรับทราบปัญหาเรื่องของสถานการณ์ภัยแล้ง การเตรียมความพร้อมในช่วงของฝนทิ้งช่วง การสรรหาแหล่งน้ำ ปรับปรุง ซ่อมแซม เพื่อรองรับน้ำฝน การบริหารจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ เพื่อที่จะดำเนินการจัดสรรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 149 รายการ งบประมาณ 2,480.7926 ล้านบาท ซึ่งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีจำนวน 71 รายการ งบประมาณ 1,309.2875 ล้านบาท จังหวัดลำพูน จำนวน 30 รายการ งบประมาณ 347.0402 ล้านบาท จังหวัดตาก จำนวน 15 รายการ งบประมาณ 135.7420 ล้านบาท จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 28 รายการ งบประมาณ 568.4983 ล้านบาท และจังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 5 รายการ งบประมาณ 120.2246 ล้านบาท โดยงบประมาณนี้เพื่อให้ทุกหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคบริโภค จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ขาดแคลน จัดการน้ำภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอย่างสมดุล บรรเทาน้ำท่วมและอุทกภัยในพื้นที่ชุมชน การจัดการน้ำเสีย และฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม การป้องกันการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ต้นน้ำ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครอบคลุมทุกลุ่มน้ำอย่างสมดุลให้มีประสิทธิภาพพเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

“ย่ำราตรีย่องดู”บรรยากาศสถานบันเทิงเชียงใหม่เริ่มคึกคักบ้างแล้ว หลังรัฐประกาศผ่อนปรนระยะที่ 4 เปิดโอกาสให้ร้านอาหารจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรน การประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน ระยะที่ 4 โดยได้มีการยกเลิกเคอร์ฟิว เพื่อเป็นการผ่อนคลายและการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และเพื่อให้คนมีงานทำ ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยอนุญาตให้ร้านอาหาร สามารถจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ จึงทำให้บรรยากาศตามสถานที่ท่องเที่ยวยามดึกในจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะที่บริเวณร้านอาหารท่าช้างคาเฟ่ ถนนรัตนโกสินทร์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าได้มีการเปิดให้บริการแล้ว โดยภายในร้านได้มีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า โดยได้มีการตั้งจุดตรวจวัดไข้ รวมไปถึงการลงทะเบียนข้อมูลผู้ที่มาใช้บริการ และต้องใช้แอลกอฮอล์ล้างมือก่อนเข้าร้าน อีกทั้งมีการจัดที่นั่งใหม่ ให้ห่างกันตามข้อกำหนด ตามมาตรการ Social Distancing อย่างเคร่งครัดอีกด้วย

นายวรวิทย์ สิงห์คำ อายุ 27 ปี หนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการ ได้มีการนัดหมายกับกลุ่มเพื่อน ในการร่วมสังสรรค์เพื่อผ่อนคลาย หลังจากที่ต่างคนต่างกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าตามมาตรการของรัฐบาลเป็นเวลาหลายเดือน แม้ว่าในส่วนของสถานบันเทิงและผับยังไม่เปิดก็ตาม ทั้งนี้พบว่าทางร้านได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่าเป็นอย่างดี สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่มาใช้บริการได้หลังจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวจะดีขึ้น

 

เช่นเดียวกันกับร้านดิฟเฟอร์เชียงใหม่ ก็ได้มีการปรับปรุงจากผับ มาเปิดเป็นร้านอาหารเพื่อที่ให้กลุ่มลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นได้มาใช้บริการ โดยได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า มีการตั้งจุดตรวจวัดไข้ รวมไปถึงการลงทะเบียนข้อมูลผู้ที่มาใช้บริการ และต้องใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือก่อนเข้าร้าน อีกทั้งมีการจัดที่นั่งใหม่ ให้ห่างกันตามข้อกำหนด ตามมาตรการ Social Distancing อย่างเคร่งครัด

สำหรับมาตรการในการผ่อนผันการบังคับใช้ พรก.ฉุกเกฉินในระยะที่ 4นั้น ได้มีการอนุญาตให้ร้านอาหารที่มีการจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร มีใบอนุญาตในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ใช่การจดทะเบียนเป็นสถานบันเทิงสามารถเปิดกิจการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงสามารถบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ แต่จะต้องมีการรักษามาตรการการป้องกันและควบคุมโรค ตามที่หน่วยงานราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดทำให้บรรยากาศเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่เริ่มกลับมาคึกคักบ้างแล้ว

เชียงใหม่เปิดแหล่งท่องเที่ยว ปางช้าง-สวนสัตว์ ให้นักท่อเที่ยวได้เที่ยวชมแล้ว

15 มิ.ย.63 ที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดให้บริการเที่ยวชมวันนี้เป็นแรก นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา เปิดเผยว่า วันนี้ทางปางช้างแม่สาเราได้เปิดให้บริการเป็นวันแรก โดยถือว่าเป็นการเปิดเที่ยวปางช้าง แบบมิตติใหม่ ไม่มีการแสดงช้าง ไม่มีการล่ามโซ่ช้าง ไม่มีการนั่งแหย่งบนหลังช้างแล้ว หลังการแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้ทางปางช้างต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ โดยเปิดให้ท่องเที่ยวชมช้าง ป้อนอาหารช้าง ให้คนผูกพันอยู่กับช้าง โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวนั้นจะไม่เสียค่าบัตร ที่ปกติจะมีการเก็บค่าบัตรคนละ 250 บาท แต่ขณะนี้เปิดให้เข้าฟรี แต่จะมีการจำหน่ายอาหารช้าง ตะกร้าละ 100 บาท และตะกร้า 300 บาท ข้างในตะกร้าจะประกอบไปด้วย กล้วย อ้อย ข้าวเหนียวปั้นก้อนวิตามิน หญ้าเนเปีย ฟักทองนึ่งและอาหารช้างอัดแท่ง เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมช้างสามารถซื้อป้อนช้างเพื่อเป็นการสนับสนุนอาหารช้าง 78 เชือก และควาญช้างของปางช้างแม่สา ภายในปางยังมีร้านกาแฟรวมไปถึงร้านจำหน่ายสินค้าโอท๊อปมาให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายสินค้าอุดหนุนสินค้าโอทอปของชาวบ้านด้วยสำหรับการเปิดให้บริการครั้งนี้นั้นจะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกาเป็นต้นไป โดยเปิดบริการวันละ 3 รอบๆละ 200 คน รอบแรกเวลา 9.00น.-11.00 น. รอบที่ 2 เวลา 11.00 น.- 13 .00 น. รอบที่ 3 เวลา 13.00-15.00 น. ของทุกวันโดยการเข้าเที่ยวชมปางช้างต้องผ่านจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิและผ่านอุโมงค์พ่นน้ำย่ฆ่าเชื่อด้วย

ส่วนที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้เปิดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยเช่นกัน มีการมอบตุ๊กตาหมีแพนด้า และตุ๊กตาหมูสีชมพูให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก พร้อมกับการนำมาสคอร์ตหมีแพนด้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่มาโปรยดอกกุหลาบบริเวณทางเข้า สวนสัตว์เชียงใหม่ ปิดให้เข้าฟรีตั้งแต่วันที่ 15 – 30 มิ.ย. 63 แต่หากนักท่องเที่ยวนำรถมาก็จะเสียค่าบริการจอดรถคนละ 50 บาท ค่าบริการนั่งรถราง ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ในแต่ละวันจำกัดการเข้าชมเพียงแค่วันละ 2,000 คนเท่านั้น ส่วนจุดที่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าทั้งหมด 7 จุด เนื่องจากเป็นสถานที่ปิดคือ หมีแพนด้า, เชียงใหม่ ซู อควาเรียม, เชียงใหม่ ซู สโนว์โดม, โรงหนัง 4DX, สวนชมนกนครพิงค์, ส่วนจัดแสดงเพนกวิน และซูคิดส์โซน แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถชมความน่ารักของสัตว์อื่นๆ ตามส่วนจัดแสดงต่างๆ ได้ตามปกติ ทั้งยีราฟ ม้าลาย ฮิปโป ส่วนจัดแสดงสวนสัตว์เปิดที่มีกวาง ละมั่ง และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ในเร็วๆ นี้ก็อาจจะมีการติดตั้งจอโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมหมีแพนด้าผ่านจอโทรทัศน์วงจรปิดแทนการเข้าชมด้วย

จนมุมจับแก๊งค้ายานำยาบ้าและเฮโรอีนแลกรถจักรยานยนต์

วันที่ 15 มิ.ย.63 นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอแม่อาย พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.แม่อาย พ.อ.เอกวุฒิ สุขรส ผบ.บก.ควบคุม ทพ.ศปก.ทภ.3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทำากรจับกุมตัวนายจะฟะ จะนู อายุ 48 สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 1,314 เม็ด เฮโรอีน 3.61 กรัม นำตัวดำเนินดคีข้อหา” มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)โดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

 

เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่ามีแก๊งค้ายาบ้า ต้องการนำยาบ้ามาแลกรถจักรยายนต์ที่คนร้ายได้โจรกรรมมาจากสถานที่ต่างๆใน จ.เชียงใหม่ เพื่อนำใช้ขับขี่ลำเลียงยาเสพติดตามเส้นทางจากโรงงานผลิตเข้ามาในประเทศไทย และส่วนหนึ่งนำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน จึงส่งสายเข้าไปติดต่อนัดหมายที่สวนธรรมโกสน ม.2 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย พอถึงเวลาผู้ต้องหาหลงกลถึงถูกจับสารภาพว่า เป็นคนบ้านหมากลาง ประเทศเมียนมา ลักลอบเข้ามาอาศัย บ้านตาดหมอก ม.3 ต.แม่อาย และทำงานเกี่ยวกับการขนส่งยาเสพติด และต้องการรถจักรยานยนต์เพื่อขับขี่ลำเลียงยาเสพติดมาส่งขายในประเทศไทย และนำรถขายต่อในตลาดมืดประเทศเพื่อนบ้านจนถูกจับกุมดังกล่าว

เตือนพายุ “นูรี” ถล่มภาคเหนือหลายจังหวัด ปภ.เชียงใหม่ พร้อมรับมือช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

นายกรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ส่วน จากนั้นในช่วงวันที่ 17-19 มิถุนายน 2563 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านรับมรสุมของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

ทั้งนี้ได้มีพายุโซนร้อน “นูรี” ที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน และมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเอาไว้ด้วย

ว่าที่ ร้อยตรี ณัฐพงค์ ฐิตวิกรานต์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางกรมอุตุได้มีการประกาศเตือนให้รับมือ พายุโซนร้อน “นูรี” ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ทางด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์กู้ภัยและเครื่องจักรกล รวมถึงกำลังพล เตรียมรับมือพายุดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการนำระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากและโคลนถล่มในจังหวัดเชียงใหม่ และอาสาสมัครมิสเตอร์เตือนภัย เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อวางแผนการรับมือ และตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อการเฝ้าระวังก่อนเกิด หรือรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดภัยพิบัติต่างๆทางประชาชนยังสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสาธารณภัย 1784 ให้ประชาชนขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ชี้ถึงเวลาเปิดเมือง”เวียงพิงค์” ส่งเสริมการท่องเที่ยว หลังวูบหนักรายได้หาย 4 หมื่นล้านบาท เพราะพิษโควิด19

ที่ จ.เชียงใหม่ นายพรชัย จิตนวเสถียร อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ พร้อมด้วยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการซักรีดอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการย่านไนท์บาซาร์ ร้านสปา ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการนวดไทย ชมรมเพื่อนไกด์เชียงใหม่ ผู้บริหารโรงแรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมกว่า 30 คน ได้ประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเมืองเชียงใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังจากการปลดล็อคยกเลิกเคอร์ฟิว

นายพรชัย จิตนวเสถียร เปิดเผยว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความบอบช้ำมาก ซึ่งก่อนหน้านี้จังหวัดเชียงใหม่ ก็บอบช้ำจากสถานการณ์หมอกควัน มาในปีนี้ ก็มาเจอทั้งหมอกควัน และยังถูกโควิด-19 ซ้ำเติมอีก หลังจากมีการผ่อนปรน และการเดินทางได้ หลายพื้นที่ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าไปท่องเที่ยวกันแล้ว แต่จังหวัดเชียงใหม่ กลายเป็นจังหวัดเหมือนถูกลืม เพราะความชัดเจนที่จะเปิดเมืองนั้นยังไม่มี ซึ่งในส่วนของภาคเอกชน โดยมีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีการพูดคุยกันว่าจะมีการจัดกิจกรรมในการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เวลา 08.00 น. กิจการที่พร้อมจะเปิดกิจการ ก็จะนำป้ายร้าน ป้ายโรงแรม และสถานที่กิจการของตน มารวมตัวกันและแสดงตัวตนว่าจะเปิดกิจการ และจะเป็นการประกาศเชิงสัญลักษณ์ด้วย

ส่วนด้านความพร้อมในการเปิดกิจการมองไว้ 2 ด้านคือ 1.ความพร้อมด้านความปลอดภัย ซึ่งทุกหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงตลาด ที่ผ่านมาได้เตรียมความพร้อม และการป้องกันโควิด-19 อยู่แล้ว หลายมาตรการก็ถูกนำไปใช้ระดับเทศ ดังนั้น มาตรการความปลอดภัย ยืนยันว่า จังหวัดเชียงใหมม่ปลอดภัยมาก ส่วนด้านที่ 2. ความพร้อมด้านธุรกิจ แต่การเจอปัญหาหมอกควัน ภัยแล้ง และเจอโควิด-19 ซ้ำ ซึ่งเจอวิกฤตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และโยงมาถึงปีนี้ทำให้เกิดความบอบช้ำหนัก อย่างไรก็ตามความช่วยเหลือของภาครัฐที่เข้ามาช่วยเหลือภาคธุรกิจ ก็ทำให้ปัญหาบรรเททาลงไปบ้าง แต่ความเดือดร้อนทางธุรกิจยังคงมีอยู่

 

ปีที่แล้วเชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 110,000 ล้านบาท ปีนี้การท่องเที่ยวเกิดผลกระทบ สูญเสียรายได้กว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะกลับมา 60 เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. จนถึง เม.ย. เป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงใหม่ แต่เจอเรื่องไวรัสโควิด-19 ทำให้สูญเสียรายได้จากช่วงไฮซีซั่นไปแล้ว ส่วนเรื่องที่รัฐบาลกำลังมองว่า จะเปิดประเทศเพื่อให้ต่างประเทศที่ปลอดโรคโควิด-19 หรือประเทศที่ปลอดภัยได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศนั้น ในจุดนี้มองว่า กระบวนการของสาธารณสุขไทยความจะเปลี่ยนไปได้แล้ว ที่ผ่านมามีแต่การนำสถิติของประเทศที่ติดเชื้อโควิด-19 สูงมาจัดอันดับ แต่ไม่เคยมีบอกว่าประเทศไทยที่ไม่ติด หรือติดแล้วปลอดภัยแล้วนำมาแจ้งต่อสาธารณชน ทำให้ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานไม่ทราบ ว่าประเทศไทยจะเดินทางเข้ามาได้ และจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร ถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้สถิติย้อนจากแจ้งเรื่องประเทศติดโควิด ต้องกลับมาแจ้งเรื่องประเทศไม่ติดโควิดให้กับประชาชนทราบได้แล้ว เช่นเดียวกันกับจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเมืองการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ มีความปลอดภัยอันดับต้นๆของโลก ซึ่งมีจุดนี้อยู่แล้ว และการยกเลิกเคอร์ฟิว ก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยอันดับต้นๆ ของโลกด้วยเช่นกัน ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนทุกฝ่ายต้องจับมือกันฟื้นฟูการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ให้กลับมาดังเดิมได้แล้ว อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวในที่สุด

ทหารเชียงใหม่ สอนเด็กดำนาเรียนรู้นอกห้องเรียน แบบ New Normal พร้อมท่องเที่ยวชวนขี่ควายเดินบนแปลงนาเรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิม

 

วันที่ 10 มิ.ย. 63 ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมดำนาปลูกข้าว บริเวณนาข้าวจุดชมวิวคิงคอง เนื้อที่ 4 ไร่โดยมีประชาชนและเด็กนักเรียน รวมถึงนักท่องเที่ยว เข้ามารวมกิจกรรมครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมแบบ New Normal ที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่าง มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือก่อนที่จะเข้ามารวมกิจกรรม มีการตรวจวัดอุณหภูมิด้วย

 

พ.อ.สุปกรณ์ เรือนสติ ผู้จัดการสำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า กล่าวว่า การจัดกิจกรรมปลูกข้าวในแหล่งเรียนรู้ครั้งนี้ ได้ดำเนินการมาเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีเด็กนักเรียน ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก แต่ในครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมไปบ้าง เพราะอยู่ในช่วงการป้องกันไวรัสโควิด-19 ดังนั้น ได้ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข

 

สำหรับข้าวที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 โดยใช้ระยะเวลาในการปลูกรวมทั้งหมด 3 เดือน 10 วัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเก็บเกี่ยวข้าวได้ประมาวันที่ 20 ต.ค. 63 นี้ ซึ่งข้าวที่ได้มา ก็จะนำแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงกับอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจำหน่าย แต่จะนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตพื้นที่ทหาร และยังเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนา ภูมิปัญญาดั้งเดิมของการทำนา ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการปลูกข้าวเพื่อจำหน่าย แต่เน้นไปที่การเรียนรู้ของเด็ก นักเรียน เยาวชน ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว ไม่ให้ลืมวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมในอดีต