ผู้เขียน: sanan

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มอบหมายให้นายดุสิต มณีช่วง อายุ 62 ปี แจ้งความกับ ร.ต.อ.สาริน อินต้อ ร้อยเวร สภ.แม่ริม ว่ามีเหตุคนร้ายลักลอบเข้าไปขโมยตัดขนหางช้างในปางช้างแม่สา 2 เชือก คือพังฟ้ารุ่ง อายุ 4 ปี และพลายสีดอพันเพชร อายุ 22 ปีโดยคาดว่าคนร้ายจะนำไปขายหรือทำเครื่องประดับ เช่น กำไล แหวน เพื่อเสริมบารมี หรือนำไปทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อว่า ขนหางของช้างจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากตัว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีด้วย

หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พบช้างพังฟ้ารุ่ง บริเวณหางมีขนถูกตัดไปจำนวนหนึ่งจนแหว่ง เช่นเดียวกับช้างพลายสีดอพันเพชร ก็ถูกตัดขนหางไปหลายเส้น รวมช้างทั้งสองเชือกถูกตัดขนหางไปไม่ต่ำกว่า 40 – 50 เส้นด้วยกัน นางอัญชลี เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากควาญช้างว่า พบขนหางช้างบางเชือกแหว่งไปจึงให้ควาญสำรวจ กระทั่งพบมีคนขโมยตัดขนหางไปจนกลายเป็นตอ แตกต่างจากการร่วงแบบธรรมชาติทั่วไป จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความกับตำรวจ เพราะเรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับปางช้าง และยังเป็นการทารุณช้างด้วย เพราะขนหางมีความสำคัญกับช้างตามธรรมชาติ ใช้ในการปัดไล่แมลง สิ่งรบกวน และระวังภัยด้านหลัง เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ไม่สามารถมองเห็นด้านหลังของตัวเองได้ ทั้งนี้อยากขอร้องให้ผู้ที่มีความต้องการขนหางช้างเพื่อนำไปทำเครื่องประดับ หรือเครื่องรางชองขลัง ให้สงสารช้าง ซึ่งปางช้างแม่สามีช้างอยู่ประมาณ 70 เชือก ถูกเลี้ยงกระจายไปหลายจุดทั้งในปางช้าง บ้านพักช้างสูงวัย และในป่าใกล้พื้นที่ของปาง ที่ผ่านมาเราเหน็ดเหนื่อยกับวิกฤตโควิด -19 ที่แพร่ระบาด ต้องแบกรับภาระการดูแลช้างเดือนละหลายล้านบาท แต่ต้องมาประสบกับปัญหาการขโมยตัดขนหางช้างไป จึงต้องออกมาปกป้องช้างของเราไม่ให้ถูกทารุณกรรมเช่นนี้เชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับปางช้างแม่สาเพียงแห่งเดียว หากนำขนช้างไปทำแหวน ราคาประมาณ 500 – 600 บาท ส่วนกำไลอยู่ที่หลักหมื่นบาทขึ้นไป และยังมีผู้นิยมนำไปทำเครื่องรางของขลัง เพราะมีความเชื่อว่าหางช้างจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ส่วนใหญ่กาซื้อขายหางช้างมีความต้องการในตลาดค่อนข้างสูง ทำให้หลายแห่งมีการซื้อขายกันแต่ในส่วนของปางช้างแม่สาเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราให้การเลี้ยงดูช้างตามธรรมชาติ

ทางด้านด้านนายสัตวแพทย์รณชิต รุ่งศรี สัตวแพทย์ประจำปางช้างแม่สา กล่าวว่า ขนหางช้างถือว่ามีความสำคัญกับช้าง โดยขนหางจะเริ่มงอกตั้งแต่ช้างเกิดกระทั้งโต ประโยชน์ของขนหางใช้เพื่อปัดเป่าแมลง และระวังภัยให้ตัวช้างด้านหลัง การสร้างสมดุลของร่างกายขณะช้างเคลื่อนที่ รวมทั้งการแสดงออกถึงพฤติกรรมของช้าง เช่นหากช้างหวาดระแวงก็จะชูหางขึ้น และหากช้างอารมณ์ดีก็จะแกว่งหาง โดยขนหางช้างจะงอกแตกต่างกันไป เริ่มตั้งแต่ช้างเกิดจนเจริญเติบโต ถือเป็นขนส่วนที่ยาวที่สุดของช้าง สามารถหลุดร่วงได้เองธรรมชาติ แต่การขโมยตัดขนหางช้างเพื่อนำไปทำเครื่องรางถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และยังเป็นการทารุณช้างด้วย

พ.ต.อ.สราวุธ จันมะโน ผกก.สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.พูนทรัพย์ รวมสุข รอง ผกก.สส.สภ.สันทราย พร้อมชุดสืบสวน จับ นายศักดิ์ อายุ 38 ปีชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางเครื่องปริ้นถ่ายเอกสาร ยี่ห้อ เอฟสัน รุ่น อีโคแท้ง แอล 3210 สีดำ จำนวน 1 เครื่องธนบัตรปลอม ฉบับละ 100 หมายเลข 2ท1217595 จำนวน 5 ฉบับ และธนบัตรปลอม ฉบับละ 100 บาท หมายเลข 9ต 0225103 จำนวน 2 ฉบับ นำตัวดำเนินดคีข้อหา”ปลอมและใช้สิ่งของทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใดซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น โดยผิดกฎหมาย”

ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนนำธนบัตรปลอมมาใส่ในตู้บุญเติม โดยเป็นแบงก์ปลอมฉบับละ 100 บาท จำนวน 29 ใบ รวมเป็นเงิน 2,900 บาท ผู้เสียหายทราบว่าเป็นแบงก์ปลอม จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.สันทราย จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่าคนที่นำแบงก์ปลอมมาหยอดในตู้ คือนายศักดิ์ จึงจับกุมได้ที่บ้านพัก นำตัวมาสอบให้การว่าเป็นคนทำแบงก์ปลอมโดยใช้เครื่องถ่ายเอกสารและนำไปใช้ในตู้เติมเงินก็ใช้ได้จริง จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

พ.ต.อ.บัญชา อินถา ผกก.สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.โชติพัฒน์ แสงโรจน์ รอง ผกก.สส. พร้อมชุดสืบสวน จับกุมนายทรงวุฒิ อายุ 37 ชาว จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยของกลางจักรยาน1 คัน ตู้รับบริจาคเงิน 1 ตู้ ดำเนินคดีข้อหา”ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะโดยใช้ยานพาหนะ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายเป็นชายเข้าไปลักขโมยอุ้มตู้บริจาคเงินของวัดสันดอนมูล ต.ท่ากว้าง อ.สารภี แล้วปั่นรถจักยานหลบหนีออกจากวัดไป ในตู้มีเงิดสด 1.3 หมื่นบาท จึงนำกำลังติดตามจับกุมตัวไว้ได้ขณะกำลังหลบหนี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า กำลังตกงาน ปั่นจักรยานมาจากที่พักใน อ.หางดง เพื่อขอข้าววัดกินสบโอกาสจึงอุ้มตู้บริจาคนำไปทุบเอาเงินในป่าช้าที่อยู่ไม่ไกลวัดกระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับรายงานเหตุฆ่ากันตาย จากพ.ต.อ.ศันย์ชัย พานิชกุล ผกก.สภ.ฝาง โดยเหตุเกิดหมู่ที่2 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ในที่เกิดเหตุพบศพนายอนันต์ อายุ 60 ปี ถูกอาวุธปืนลูกซองยองเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุ ภายในบ้านพบนางอรพิน อายุ 64 ปี ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกันเข้าหน้าท้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์รักษาโดยด่วน ห่างออกไปพบนายไชยนวีร์ อายุ 63 ปี ยืนถืออาวุธปืนลูกซองรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบสวนทราบว่าทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่บ้านของนางอรพิน ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตเพื่อพูดคุยเรื่องแบ่งมรดกที่ดินจำนวน 25ไร่ ที่ยังแบ่งกันไม่ลงตัวและเกิดการทะเลาะกันขึ้น นายไชยนวีร์  จึงใช้ปืนยิงใส่นายอนันต์ น้องชายคนเล็กจนล้มลงเสียชีวิต หลังจากนั้นได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าบริเวณหน้าท้องนางอรพิน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วรอมอบตัวซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินดคีตามกฏหมายต่อไป

พ.ต.อ.ปริญญา เพชรมี ผกก. สภ.ไชยปราการ จ.เชียง ใหม่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุแม่ฆ่าลูกตัวเอง เหตุเกิดที่หมู่ 14 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงรายงายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก และแพทย์เวรจาก รพ.ไชยปราการ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว บริเวณห้องนอนพบศพ ด.ญ.น่ารัก (นามสมมุติ) อายุ 2 ปี ถูกฟันด้วยมีดดายหญ้า เข้าที่ท้ายทอยเป็นแผลฉกรรจ์ ใกล้ศพพบมีดดายหญ้าเปื้อนเลือดตกอยู่ ห่างออกเป็นพบ น.ส.สวย (นามสมมุตุ)อายุ 29ปี ผู้เป็นแม่มือเปื้อนเลือดนั่งร้องไห้แย่างไร้สติอยู่ข้างๆศพ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.สวย ซึ่งป่วยเป็นโรคจิตเวศกำลังรักษาอาการด้วยการกินยา อยู่กับลูกตามลำพังส่วนสามีออกไปทำงานรับจ้าง ก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้ร้องไห้ภายในบ้านเสียงดังลั่น ทางญาติเป็นห่วงพากันเข้าไปดูพบ น.ส.สวย ได้ใช้มีดพันลูกเสียชีวิตแล้วคาเตียงนอน โดยสาเหตุที่ลงมือน่าจะมาจากอาการป่วยทางจิตกำเริบเมื่อลูกร้องไห้จึงเกิดความเครียดแล้วลงมือก่อเหตุสลดลงมือฆ่าลูกตัวเองดังกล่าว

นางอัญชลี กัลลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายเอกชัย เศวตสมภพ กรรมการผู้จัดการบริษัทซีโน-แปซิฟิคเทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) ได้ทำการนิมนต์พระ มาทำการเปิด”บ้านพักช้างสูงวัย” แห่งแรกของประเทศไทย ภายในปางช้างแม่สา โดยมีกิจกรรมนำช้างชรา อาทิช้างพังแม่หมู อายุ 61 ปี และ พังยายจันทร์ อายุ 66 ปี สองคุณยายช้างชรามากินบุฟเฟ่อาหารเมนูพิเศษที่ปางช้างได้จัดเตรียมไว้มีทั้ง ข้าวเหนียวงาดำ กล้วย แตงโม และ หญ้าสมุนไพร โดยมีควาญช้างเล่นดนตรีขับกล่อมท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก สำหรับการเปิดบ้านพักช้างสูงวัย ภายในปางช้าง ถือเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับดูแลช้างสูงอายุของปางช้าง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในบั้นปลายชีวิต ในแต่ละวันจะมีอาหารบดละเอียดและอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย พร้อมกับสมุนไพรบำรุงร่างกายให้กับบรรดาช้างชราได้กิน เนื่องจากบางเชือกฟันเหลือน้อย บางเชือกไม่มีฟันเหลืออยู่แล้ว โดยมีทีมสัตวแพทย์และควาญช้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ภ่ยในบ้านพักช้างสูงวัยแห่งนี้ยังมีพื้นที่ที่เรียกว่าเป็นห้องพยาบาลฉุกเฉิน มี ยา เวชภัณฑ์ สมุนไพร และ อุปกรณ์เครื่องมือช่วยพยุงตัวช้าง สำหรับช้างที่ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เพื่อความสะดวกในการรักษาและเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาล

ปางช้างแม่สาเป็นปางช้างเก่าแก่ของประเทศไทย เปิดมานานกว่า 45 ปี ปัจจุบันมีช้างในความดูแลกว่า 70 เชือก ในจำนวนนี้เป็นช้างชราที่มีอายุเกิน 60 ปี จำนวน 16 เชือก และ มีช้างชราที่อยู่ในบ้านพักช้างชรา 8 เชือก มีปู่พลายคำหมื่น อายุ 85 ปี เป็นช้างที่อายุมากที่สุด นางอัญชลี เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปี 2564 ปางช้างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 จนทำให้ต้องปิดกิจการในเดือนตุลาคมและต้องค้างเงินเดือนพนักงานนาน 3 เดือน เมื่อปรากฏเป็นข่าวตามสื่อทำให้นายเอกชัย เศวตสมภพ กรรมการผู้จัดการบริษัทซีโน-แปซิฟิคเทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) ซึ่งเดินทางมาเที่ยวที่ปางช้างหลายครั้งจนเกิดความผูกพันได้ทราบข่าวและโอนเงินมาช่วยเหลือรวม 8 ล้านบาท ทำให้ปางช้างมีทุนต่อชีวิตได้กลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง และ เงินช่วยเหลือยังได้นำมาใช้เป็นทุนเริ่มต้นในการพัฒนาโครงการบ้านพักช้างสูงวัยแห่งนี้ด้วย โดยตอนนี้สถานการณ์โควิด 19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ปางช้างเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือเป็นกลุ่มหลักตลอด 40 ปี ที่ผ่านมาไม่มีอีกแล้ว หากสถานการณ์ในประเทศดีขึ้น คนไทยได้รับวัคซีน มีอิสระในการเดินทางท่องเที่ยว คาดหวังว่าจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายสถานที่คนไทยจะมาเที่ยว และ ปางช้างจะพยายามประคองตัวอยู่ให้ถึงวันที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยดีขึ้น

นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ผอ.ศูนย์ป่าไม้เชียงใหม่ นำกำลังลงพื้นที่ดำเนินการกรณีพบการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ภายใต้โครงการร้อยใจรักษ์ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบมีการตัดโค่นต้นไม้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่และมีการปรับไถพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยตอไม้เดิมกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันตรวจพบตอไม้หวงห้ามซึ่งอยู่ติดกับแนวเขตแปลงที่ดิน ถูกตัดโค่นล้มเข้ามาภายในแปลงที่ดินที่เกิดเหตุและมีการตัดทอนเป็นท่อนกองไว้เพื่อรอการขนย้ายจำนวน7ท่อน ตรวจวัดตำแหน่งแปลงที่ดินพบพื้นที่ถูกบุกรุกทั้งหมดรวม 24 ไร่ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดพร้อมตรวจยึดสิ่งก่อสร้าง 5 รายการ และได้เข้าแจ้งความดำเนินดคีต่อกลุ่มผู้บงรุก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเป็นนายทุนคนหนึ่งในพื้นที่จะก่อสร้างเป็นรีสอร์ทเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมหลักฐานพยานเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รอง.ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหมได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดอกไม้บานตลอดทั้งปี มีสภาพภูมิประเทศตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและดอกไม้นานาพันธุ์ ตลอดจนมีวัฒนธรรมประเพณีหลากหลายและธรรมชาติที่สวยงาม สามารถดึงดูดให้ผู้คนให้เข้ามาเที่ยวชมความงามได้เป็นจำนวนมาก จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีแนวคิดการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่” ขึ้นครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้จัดงานมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนนับได้ว่าเป็นงานประเพณีของจังหวัดเชียงใหม่ และปรากฏในปฏิทินการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2565 ได้กำหนดจัดงานในวันศุกร์ที่ 4 ถึงวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาด และสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณสวนสาธารณะหนองบวกหาดได้มีการจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับของเทศบาลนครเชียงใหม่ จำนวน 7 โซน นำไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ เช่น ทิวลิป ไฮเดรนเยีย สับปะรดสี ปิโกเนีย พิทูเนีย และตระกูลเฟิร์นมาประดับตกแต่งสวน สำหรับในช่วงกลางคืนได้ตกแต่งประดับสวนด้วยแสงไฟ เนรมิตสวนให้เป็นไนท์การ์เด้นท์ ซึ่งสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 07.30 – 22.00 น. ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ยังมีการประกวดไม้ดอกไม้ประดับและการจัดสวนการจัดนิทรรศการของสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 4 – 6 กุมภาพันธ์ อีกด้วย สำหรับการประกวดรถบุปผชาติ ในงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนำรถบุปผชาติจอดไว้บริเวณต่างๆ ทั้งที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด และบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา

ด้านนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ เผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ทำให้สภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่หดตัว รายได้หลักของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ภาคการบริการต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ ประเมินเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วไม่ต่ำกว่า 60,000 – 70,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวอันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ดำเนินการภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาลและนโยบายการเปิดเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ (Charming Chiang Mai) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนไทย ไปด้วยกัน จังหวัดเชียงใหม่ ให้ดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดจัดงาน “มนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม” (Charming Chiang Mai Flower Festival 2022) ระหว่างวันที่ 1 -​ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภายในงาน สัมผัสกับปรากฎการณ์อันน่าประทับใจ สะท้อนอัตลักษณ์ความสวยงามและรุ่งเรืองของจังหวัดเชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่ภายใต้พื้นที่กว่า 27 ไร่ ตื่นตาตื่นใจไปกับโซนไฟประดับสุดยิ่งใหญ่ตะการตา ชมสวนดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ ดอกไฮเดรนเยีย และแสง สี เสียง ยามค่ำคืน โดยเมื่อนักท่องเที่ยวผ่านจุดคัดกรองเข้าโซนต้อนรับด้วยซุ้มทางเข้าสุดอลังการที่ประดับด้วยไม้ใบและไม้ดอกที่บานสะพรั่ง นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ โซนการจัดแสดงต่างๆ แบ่งออกเป็น 8ด้วยกัน ทั้งนี้การจัดงานจะเข้มงวดให้งานอยู่ภายใต้มาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 45ประจำปี 2565 ได้ทางเพจ Facebook : มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดเชียงใหม่ Chiang Mai Flower Festival หรือสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์0 5399 8333 ต่อ 214, 508 และทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/ charmingchiangmaiflowerfestival2022/.

พล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 จับกุมตัวนายทองดี อายุ 43 ชาวจ.สุรินทร์ นายพรชัย อายุ 41 ชาวจ.ราชบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด รถยนต์ปิ๊กอัพยี่ห้อโตโยต้รุ่นรีโว่ ดัดแปลงเป็นรถส่งของมีหลังคา ทะเบียน 3ฒฎ 1344 กทม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 ทะเบียน 1กก 6428 ราชบุรี โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง นำตัวดำเนินคดีข้อหา” ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปส่งในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง จึงติดตามจับกุมพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดในโรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงบุกเข้าตรวจสอบช่วงเช้าตรู่พบผู้ต้องหากำลังนอนหลับในห้องพัก นำตัวมาค้นในรถพบยาบ้าจำนวนดังกล่าวจึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

อีกรายเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันจับนายทรงสินทธิ์ อายุ 42 ปี ชาวจ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์จำนวน 100 กิโลกรัม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีดำแดง จำนวน 1 คัน นำตัวดำเนินคดีข้อหา”ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน “เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าจะมีขบวนการลักลอบขนยาไอซ์จำนวนมาก จากโรงงานผลิตในประเทศเพื่อนบ้านไปนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงวางแผนสืบสวนจับกุมโดยซุ่มบริเวณป่าข้างทางริมถนนเส้นทางบ้านดงสุวรรณ – จอป่าคา หมู่ที่ 5 ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย พบผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์นำกระสอบบรรจุยาไอซ์มาซุกซ่อนอยู่ป่าข้างทางจึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม และกำลังขยายผลเพื่อจับกุมเพื่อร่วมแก๊งและผู้บงการมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมชุดสืบสวนสภ.แม่ปิง จับกุมนายคำหลู่ อายุ 31 ปี ชาวไทยใหญ่ ดำเนินคดีในข้อหา” พรากเด็กอายุไม่เกิน15ปีไปจากบิดามารดา และข้อหาอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีผู้ปกครองของ ด.ญ. A (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี แจ้งความกับตำรวจ สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามหาตัวหลังหายออกจากเมื่อวันที่ 10 มกราคม 65 ที่ผ่านมา ตำรวจจึงติดตามเฟซบุ๊ก ของ ด.ญ.A พบมีความเคลื่อนไหวที่หอพักแห่งหนึ่ง ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง โดยอาศัยอยู่กับนายคำหลู่ มาแล้ว 9 วันแล้ว จึงจับกุมตัวนายคำหลู่ สอบสวนเบื้องต้นยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ด.ญ A จริง แต่ปฎิเสธว่าไม่ได้ล่อลวงหรือบังคับให้เธอมาหา อ้างว่ารู้จักผ่านเฟซบุ๊กมาประมาณ 3 เดือนก่อนที่จะนั่งรถโดยสารจากอำเภอฝางมาหา ตนพยายามบอกให้กลับบ้านแต่เธอไม่ยอมกลับจึงสงสารให้มาพักอาศัยด้วยไม่รู้ว่า ด.ญ.A ยังไม่บรรลุนิติภาวะจนกระทั่งมาถูกจับดังกล่าว