24 ส.ค.63 ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากสถานการณ์อุทกภัย (ร่องมรสุมพายุฮีโกส) ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรของราษฏรในหลายอำเภอ ว่าที่ร้อยตรี นพรัตน์ ศุภกิจโกศล นายอำเภอปาย พร้อมด้วยปลัดอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บ้านแม่ปิง หลังจากน้ำป่าห้วยแม่ปิงเข้าท่วมที่นาพื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมาก เช่น ข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง ของเกษตรกรถูกน้ำท่วม รวมถึงน้ำได้กัดเซาะตลิ่งพังทลายใกล้บ้านเรือน และดินสไลด์ลงมาทับถมถนนเส้นทางจราจร ทำให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ในหลายพื้นที่ ได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ทางด้าน นายอัครพล ขัติยะ เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของพื้นที่การเกษตร พบว่าพื้นที่การเกษตรของราษฏร อ.เมือง ได้รับความเสียหาย 5 ตำบล ได้แก่ ต.ผาบ่อง , ต.ปางหมู , ต.หมอกจำแป่ , ต.ห้วยโป่ง และ ต.ห้วยผา พื้นที่ปลูกข้าว 450 ไร่ พืชไร่ 120 ไร่ พืชสวนและ อื่น ๆ 135 ไร่ รวม 675 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 298 ราย ที่ อ.แม่สะเรียง 5 ตำบล คือ ต.แม่ยวม , ต.แม่คง , ต.เสาหิน , ต.บ้านกาศ และ ต.แม่สะเรียง นาข้าว 183 ไร่ , พืชไร่ 39 ไร่ , พืชสวนอื่น ๆ 105 ไร่ รวม 327 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 437 ราย และที่ อ.ปาย ต.เมืองแปง , ต.ทุ่งยาว ต.แม่ฮี้ และ ต.เวียงใต้ / อ.ปางมะผ้า และ อ.สบเมย อยู่ระหว่างการสำรวจ
สำหรับในพื้นที่อำเภอสบเมย แม่น้ำสาละวินเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเอ่อล้นเข้าท่วมถนนสายหลักบางช่วง และท่วมบ้านเรือนประชานที่อาศัยอยู่ใกล้ริมน้ำ รวมอาารสถานที่ราชการบางส่วนในพื้นที่บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ ถนนบางช่วงรถเล็กยังไม่สามารถสัญจรได้
ผู้เขียน: sanan
พบนกยูงไทยหลายฝูงในป่าอุทยานแห่งชาติแม่ปืม ผุดข่ายอนุรักษ์นกยูงไทยสู่เมืองรักษ์นกยูงไทยระดับโลก เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย นายมงคล แพ่งประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติแม่ปืม เป็นประธานฝึกอบรมเสริมสร้างการเรียนรู้ เรื่องการอนุรักษ์นกยูงไทย ภายใต้โครงการบูรณาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก “เมืองรักษ์นกยูงไทยระดับโลก”สู่การท่องเที่ยวเชื่อมโยงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมีนายวุฒิพงษ์ ดงคำฟู หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่ปืม และเจ้าหน้าที่อุทยานฯเป็นวิทยากรอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนที่มีที่อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติแม่ปืมพื้นที่ อ.เมืองและอ.พาน จ.เชียงราย จำนวน 80 คน
นายวุฒิพงษ์ ดงคำฟู หัวหน้าอทยานแห่งชาติแม่ปืม กล่าวว่า วันนี้ทางอุทยานฯมีการอบรมเสริมสร้างการเรียนรู้ เรื่องการอนุรักษ์นกยูงไทย ภายใต้โครงการบูรณาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก “เมืองรักษ์นกยูงไทยระดับโลก”สู่การท่องเที่ยวเชื่อมโยงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นการพูดเกี่ยวกับเรื่องของนกยูงและการอนุรักษ์ เนื่องจากอุทยานแห่งชาติแม่ปืม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงรายและพะเยา พบว่ามีนกยูงไทย หรือนกยูงเขียว มีอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มีความต้องการที่จะอนุรักษ์นกยูงให้กับประชาชนที่อาศัยพื้นที่โดยรอบอุทยาน จึงได้มีการประสานงานเอาเครือข่ายประชาชนพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติแม่ปืมมาร่วมกันฝึกอบรม เป็นการให้ความรู้ เรื่องกฎหมาย หลักการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีการระดมความคิดกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้นำไปสู่เครือข่ายการอรุรักษ์นกยูงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ปืม
โครงการนี้จะสามารถเชื่องเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จุดไหนบ้างที่จะสามารถสร้างข่วงนกยูงพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนนำสินค้าโอท็อป ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ โฮมสเตย์ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ของนกยูง การจัดการท่องเที่ยวโดยมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดการอบรมครั้งที่ 3 มีประชาชนในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.พาน จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมฝึกอบรม 80 คน
จากการสำรวจภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ปืมครอบคลุมพื้นที่ 7 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอพาน อำเภอป่าแดด อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย และอำเภอเมือง อำเภอแม่ใจ อำเภอภูกามยาวจังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ 350.8252ตารางกิโลเมตร หรือ 219,266 ไร่ ได้พบร่องรอยนกยูงได้แก่ ตัว ขี้รอยเท้า ขนเป็นต้น ในหลายจุด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่กันเป็นฝูง 40-60 ตัว มักลงมากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่ทำเกษตรกรรมริมพื้นที่อุทยานฯ ทางอุทยานจึงได้จัดสรรเงินอุดหนุนชดเชยความเสียหายให้แก่ชาวบ้านที่มีนกยูงลงมากินพืชผลทางการเกษตรเช่น ข้าวโพด เมล็ดถั่ว ธัญพืชต่างๆ พร้อมทั้งให้ความรู้เชิงอนุรักษ์ เพื่อพัฒนาแนวทางเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าเป็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ฮือฮาพบช้างพัง”คุณยายบุญมา”คุณยายช้างอายุ 70 ปี ขนดกคล้ายแมมมอธหลงยุคมาเกิดโลกโซเชียลแชร์กระหึ่ม
ที่ปางช้างแม่แตง เลขที่ 99/1 หมู่ที่ 2 หมู่2 ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นส.สุภัตรา บุญเรือง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ปางช้างแม่แตง ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูช้างพัง”คุณยายบุญมา” ซึ่งอยู่ภายในโรงเลี้ยงช้างของปางช้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณลานจอดรถพอดี เมื่อจอดรถก็จะเห็นช้างตัวนี้อย่างโดดเด่น เหมือนสัญลักษณ์ของปางช้าง ลักษณะของช้างพังยายบุญมา พบว่ามีขนยาวมากกว่าช้างปกติโดยบริเวณ ตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ลำตัว ปาก และขาก็มีขนยาวให้เห็นอย่างเด่นชัด
จ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของปางช้างแม่แตง เปิดเผยว่า “คุณยายบุญมา” เป็นช้างพัง มีอายุ 70 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยเป็นช้างลากไม้อยู่ในพื้นที่ป่าของ จ.สุโขทัย ต่อมาทางเจ้าของปางช้างได้ซื้อช้างเชือกนี้มา เพราะสงสาร แต่ตอนที่ซื้อมานั้นก็พบว่าช้างพังตัวนี้มีลูกอยู่ในท้องด้วย เมื่อมาอยู่ที่ปางช้างแห่งนี้ก็ถือเป็นช้างชุดแรกที่มาอยู่คู่กับปางช้างแม่แตงกว่า 25 ปี ช่วงที่มาอยู่ก็เหมือนกับช้างปกติทั่วไป แต่ประมาณ 1 – 2 ปีหลังมานี้ พบความผิดปกติคือ ช้างพังคุณยายบุญมา มีขนที่ยาวขึ้นมากกว่าปกติ ทั้งที่ขนของช้างนั้นจะยาวตอนช่วงที่ช้างเกิดใหม่ และจะหายไปตอนโต หรือมีขนาดขนสั้นลง ยาวสุดประมาณ 1 นิ้วเท่านั้น แต่ไม่ได้มีทั้งตัวแบบนี้ แต่ช้างยายบุญมา กลับมีขนที่ยาวขึ้นประมาณ 3 – 5 นิ้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก แม้แต่สัตวแพทย์ประจำปางช้างก็บอกว่าไม่เคยเห็นช้างที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน และควาญช้างที่เลี้ยงช้างและเจ้าหน้าที่ประจำปางช้างก็ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
หลายคนคิดว่า น่าจะมาจากสุขภาพของช้างที่มีสุขภาพดี ทุกเช้าควาญช้างจะพาไปเดินเล่น ให้กินอาหาร อาบน้ำให้ และให้ไปเล่นบ่อโคลนที่ช้างชอบ เมื่อมีสุขภาพจิต สุขภาพร่างกายดี อาจจะทำให้ร่างกายของช้างพังคุณยายบุญมาเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ทางปางช้างแม่แตงได้มีการโพสต์ภาพของคุณยายบุญมา ลงบนโลกโซเชียล ก็มีนักท่องเที่ยวและประชาชนแห่แชร์ภาพของคุณยายบุญมา เป็นจำนวนมาก และหลายคนก็บอกว่าไม่เคยพบเห็นช้างลักษณะแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน จนได้ฉายาว่า “แมมมอธเมืองไทย” และกลายเป็นจุดเด่นของปางช้างแม่แตงไปแล้ว หากใครที่มาและไม่ได้มาถ่ายภาพคู่กับคุณยายบุญมา ก็เหมือนมาไม่ถึงปางช้างแม่แตง สำหรับปางช้างแม่แตงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีการจัดแสดงโชว์ช้างแสนรู้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมฟรีวันละ 2 รอบ ในเวลา 11.00 น.และเวลา 14.00 น. และทางปางช้างแห่งนี้ยังมีคลินิกช่วยเหลือช้าง หากมีช้างป่วยก็สามารถแจ้งมาได้ เพราะมีสัตวแพทย์คอยช่วยเหลือและรักษาช้างให้ฟรีอีกด้วย
ขบวนการค้ายาเสพติดฟอกเงินมีหนาว ปี 64 ตำรวจ ปปส.ตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6 พันล้านบาท
ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่แกรนด์วิว โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเพื่อพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ด้านการสืบสวน ขยายผลในคดียาเสพติดที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงิน (โครงการแกะรอยเส้นทางการเงิน-ภาคทฤษฎี) ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 5 เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมจำนวน 800 นาย เข้าร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้
พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยว่าปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติดมีการดำเนินการหลายรูปแบบ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการฟอกเงิน ซึ่งการจะกำจัดขบวนการค้ายาเสพติดให้สิ้นซากแบบขุดรากถอนโคน ก็ต้องใช้พรบ.มาตราการ ยึดทรัพย์ และพรบ.ฟอกเงิน ซึ่งการนี้เราจึงจัดการประชุมสัมมนา เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีองค์ความรู้เพิ่มเติมในการดำเนินการสืบสวนจับกุมและทลายเครือข่าย โดยเน้นการใช้พรบ.มาตราการในการยึดทรัพย์ และพรบ.ฟอกเงิน
โดยทุกหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปปง. ปปส. และหน่วยอื่นๆจะทำการร่วมกันเป็นทีมงาน โดยปี63 นี้เราได้ทำการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดไปกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากเรามีการดำเนินการเป็นรูปแบบที่ถูกตั้งตั้งแต่การสืบสวน จับกุม ขยายผลไปยังต้นทางและปลาย สืบสวนหาทรัพย์ และเครือข่าย จากนี้การดำเนินการเราเชื่อว่าในปี 64 นี้เราจะดำเนินการยึดทรัพย์ได้มากกว่า 6,000 ล้านบาทแน่นอน
ทหารตรึงชายแดนสกัดจับต่างด้าวหนีเข้าเมืองเข้มหลังพบผู้ป่วยโควิด 19 ในเมียนมา 10คน
พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 สั่งการให้ ร.อ.กิตติเดช กันคล้อย ผบ.ร้อย.ม.3 ฉก.ม.2 จัดกำลังพลลาดตระเวณตามท่าข้ามในพื้นที่รับผิดชอบถึงบริเวณท่าข้ามผักกาด บ.ป่าซางงาม หมู่ 6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 4 คน เดินมาจากทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจึงได้แสดงตัวและเรียกให้หยุด โดยทราบชื่อบุคคลทั้ง 4 คือ 1. นาง แสงคำ โซ อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา 2. นางสาว ดาววรรณ อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมา 3. ด.ช.แดง (นามสมมุติ) สัญชาติเมียนมา 4. ด.ญ.ดำ (นามสมมุติ) สัญชาติเมียนมา โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย โดยทั้ง 4 คน ให้การว่า ได้เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อที่จะเดินทางเข้ามาเรียนหนังสือและมาหาญาติที่อยู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากนั้นได้นำตัวทั้งหมด ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไว้รัส โควิด-19 ในประเทศเมียนมา พบว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมารายงานว่าเมียนมาพบผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด -19 จำนวน 10 รายโดยผู้ป่วย 9 รายอยู่ในกลุ่มที่ถูกกักตัวใน เมืองซิตตะเวของรัฐยะไข่ ส่วนอีก 1 รายมาจากเมืองมรักอู โดยยอดผู้ป่วยในเมียนมาปัจจุบันอยู่ที่ 409 ราย หลังจากไม่พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ 16 ก.ค. 63 โดยในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมามีคำสั่งห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานในเขตเมืองชิตตะเว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ต่อมาเมื่อช่วงดึกของวันที่ 22 ส.ค. รัฐบาลมีคำสั่งให้สั่งปิดสถานบันเทิงในเมืองท่าขี้เหล็กเป็นเวลา 15 วันเนื่องจากบางเมืองมีการติดเชื้อโควิด-19 และเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ โดยสถานบันเทิงบางแห่งได้มีการไลน์แจ้งพนักงานและกลุ่มลูกค้าถึงสาเหตุการปิด ส่วนจะเปิดให้บริการวันไหนจะแจ้งให้ลูกค้าทราบอีกครั้ง ซึ่งทางเมียนมาตรวจพบผู้ป่วยโควิด -19 ครั้งแรกในประเทศเมื่อวันที่ 23 มี.ค.และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมแล้ว 6 ราย ด้านนาย Myint Htwe รัฐมนตรีกระทรวงฯขอให้ประชาชนมีการป้องกันอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และเตรียมพร้อมรับมือในการระบาดระลอกสองต่อไป
พระมาโปรด เจ้าคณะจังหวัดพะเยาช่วยเหลือครอบครัวยากไร้ อ.เชียงคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคมในบ้านเปื๋อยเปียง หมู่ 14 ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือไปยังพระราชปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา วัดศรีโคมคำ ต.เวียง อ.เมืองพะเยา เนื่องจากได้รับความลำบากเรื่องที่อยู่อาศัย โดยสองสามีภรรยาหาต้องเช้ากินค่ำเลี้ยงหวังส่งลูกชายวัยกำลังเรียน 4 คน ด้วยความยากลำบาก ทั้งนี้ทางพระราชปริยัติได้ลงพื้นที่ทันทีท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา
พระราชปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับจดหมายสุดรันทดของครอบครัวนี้ ก็ได้สั่งการและมอบหมายให้ทางทีมงานคณะสงฆ์อำเภอเชียงคำ และทีมงานฮักบ้านเกิดพะเยาได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงครอบครัวของนายยงยุทธ วงศ์หลวง เลขที่ 238 หมู่ 14 ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งทั้งสองสามีภรรยาต้องหาเช้ากินค่ำเลี้ยงดูลูกชายทั้ง 4 คน ทั้งนี้ครอบครัวดังกล่าวได้ขอช่วยเหลือซ่อมบ้านให้ ซึ่งหลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นที่ชัดเจนแล้วจึงเดินทางพร้อมด้วยคณะสงฆ์ อ.เชียงคำ และ ทีมงานฮักบ้านเกิดพะเยา จึงลงเยี่ยมครอบครัวนายยงยุทธ โดยพบว่าสภาพบ้านที่อาศัยอยู่ค่อนข้างลำบาก ยามใดที่ฝนตกหนักบ้านก็จะมีฝนรั่วเป็นจุด ๆ ห้องนอน ห้องพัก อยู่ไม่เป็นสัดส่วน พื้นบ้านติดดินมีความชื้น ด้านแม่ของเด็ก ๆ ต้องทำงานเป็นแม่บ้านสำนักงานเกษตร อ.เชียงคำ เดือนละ 6,000 บาท ส่วนพ่อบ้านรับจ้างรายวันและช่วยเหลืองานชุมชนเป็นอย่างดี
เจ้าคณะจังหวัดพะเยา กล่าวต่อว่า ในการนี้ได้เห็นสภาพบ้านแล้ว เห็นว่าควรต้องมีการซ่อมแซมทั้งฝาผนัง ห้องนอน พื้นบ้าน ดังนั้นจึงได้ได้นำทุนของคณะสงฆ์จังหวัดพะเยา และมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าเพื่อการกุศล มอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ้าน จำนวน 42,000 บาททุกครั้งเมื่อพบเห็นผู้ประสบปัญหาทางสังคม ทางคณะสงฆ์ย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้ จึงเป็นทั้งสะพานบุญและแรงบุญนำปัจจัยมาช่วยเหลือสมทบ เพื่อให้ผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคม ได้รับการบรรเทาทุกข์ตามสมควรและให้มีชีวิตที่ดีขึ้น การช่วยเหลือใด ๆ ย่อมไม่มีเงื่อนไขแห่งการกีดกันทั้งปวงไม่มีการเมืองไม่มีแบ่งฝ่ายไม่มีแบ่งขั้ว มีแต่เราไม่ทิ้งกัน
เงินช่วยเหลือซ่อมบ้าน จำนวน 42,000 นี้ เป็นเงินที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วย(รมช.)ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ถวายมาเมื่อวันจัดงานทำบุญอายุสืบชะตาหลวง 16 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 100,000 บาท ส่วนหนึ่งนำไปใช้จ่ายถวายบูชาพระเจ้าตนหลวง อุปกรณ์เครื่องสืบชะตาหลวง เลี้ยงน้ำปานะและภัตตาหาร พระภิกษุสามเณรที่ช่วยจัดเตรียมงาน ส่วนที่เหลือ จำนวน 42,000 บาท ทั้งหมดนี้จึงได้มอบเป็นทุนช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับครอบครัวของนายยงยุทธ ถือเป็นทานน้ำใจวันคล้ายวันเกิดท่านรมช.เกษตร ที่มีต่อพี่น้องชาวเชียงคำในครั้งนี้ด้วย” พระราชปริยัติ กล่าว
ด้านนายยงยุทธ วงศ์หลวง เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนและภรรยา คือ นางดำรัสสิริ วงศ์หลวง ต่างซาบซึ้งในความเมตตาครั้งนี้ถึงกับน้ำตาไหลกราบขอบพระคุณเจ้าคณะจังหวัดพะเยา และคณะสงฆ์อำเภอเชียงคำรวมทั้งมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าเพื่อการกุศล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนในครั้งนี้ โดยไม่คิดเลยว่า พระสงฆ์พะเยาจะมีบทบาทในด้านการช่วยเหลือสังคมด้วย ทั้งนี้ตนจะขอสู้เพื่อครอบครัวต่อไปโดยได้กำลังใจจากเจ้าคณะจังหวัดพะเยาอย่างเต็มเปี่ยม
ครบรอบ 21ปี วันสถาปนาโรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง
ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง. พ.อ.อ.อธิสันต์ ทับทิม ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง และคณะให้การต้อนรับ ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง อธิการบดี มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ประธานในพิธีบวงสรวงพระพลบดี โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง ได้จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลต้องการยกระดับและพัฒนา มาตรฐานทางการกีฬาให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ด้วยการส่งเสริมการกีฬาอย่างกว้างขวางและทั่วถึง ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและพัฒนามาตรฐานการกีฬาให้มีขีดความสามารถในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬากับนานาชาติได้ดียิ่งขึ้น ตามประกาศจัดตั้งโรงเรียนกีฬากระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2542 โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง จัดตั้งขึ้นเป็นอันดับที่ 8 ของโรงเรียนกีฬาสังกัดสถาบันการศึกษาทั้งหมดทั่วประเทศ 11 โรง เรียนซึ่งในวันนี้วันที่ 19 สิงหาคม 2563 ครบรอบวันสถาปนาโรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง 21 ปี ที่ผ่านมา โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนานักกีฬาให้ไปสู่การแข่งขันในระดับชาติและระดับนานาชาติ และ ยังส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนได้ฝึกทักษะทางด้านกีฬาควบคู่ไปกับการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ใน 6 ชนิดกีฬาประกอบด้วยกีฬากรีฑา กีฬาจักรยาน กีฬาเซปักตะกร้อ กีฬายิงธนู กีฬาฟุตบอลและกีฬามวยไทย ตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียนคือ มุ่งพัฒนานักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬาอย่างเต็มศักยภาพ มีความรู้ตามมาตรฐานการศึกษา อนุรักษ์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีจิตอาสาดังปณิธานเรามุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะพัฒนาให้นักกีฬาของเราไปสู่ระดับชาติและนานาชาติ ดังคำขวัญที่ว่า”เป็นเลิศกีฬารักษาวินัยใฝ่การเรียนรู้ควบคู่คุณธรรม”
ทางด้าน ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง อธิการบดีมหาวิทยาลัยกากีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้มีการเปิดสอนวิทยาลัยการกีฬาทั้งหมด 17 วิทยาเขตทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันเฉพาะทาง คือมีการเรียนการสอนถึงระดับปริญญาตรี ซึ่งสถาบันการกีฬา มีความสามารถที่จะผลิตบัณฑิตที่จบออกไปสู่สังคม จะต้องครอบคลุมทุกสาขาด้านการกีฬาทั้งหมด เพื่อไปพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ และบัณฑิตที่จบไปจะต้องมีบัณฑิตที่คุณภาพ ซึ่งมีเป้าหมายและพัฒนาต่อยอดให้นักกีฬามีศักยภาพ ในแต่ละบุคคลให้สูงสุดให้ได้ โดยการส่งเสริม กีฬาแต่ละประเภท เช่นฟุตบอล เป็นต้นก็จะมีการส่งเสริม ต่อยอด ไปเป็นตัวแทนนักกีฬาทั้งระดับจังหวัด เพื่อไปเป็นตัวแทนของระดับชาติ ส่วนด้านมาตรฐานของนักกีฬา จะต้องมีความสามารถ ในแต่ละ กีฬาชนิดนั้นๆ ที่ผ่านมาในภาคเหนือยังไม่มีศูนย์กีฬาทางด้านจักรยานที่เป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยปรึกษาหารือกับทาง ผอ.โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง เพื่อที่จะหาพื้นที่จัดสรรงบประมาณ ก่อสร้างสนาม กีฬาเกี่ยวกับจักรยานที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ต่อไป
“ลดาวัลลิ์” มุ่งแก้ไขนวดไทยตกงาน นำหัตถเวช ”วัดโพธิ์สู่โพธิ์ตาก” หนองคาย เห็นผลกับตาแก้อาการปวดหลังจากหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทภายใน 30 นาทีไม่ต้องผ่าตัด ตั้งเป้าจับมือ อปท.และสภาครูแพทย์แผนไทยเปิดศูนย์บริการทุกตำบลทั่วประเทศ ดันไทยเป็นฮับ”ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ”รับผู้สูงวัยจากทั่วโลก
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้ก่อตั้งพรรคเสมอภาค เปิดเผยว่า ในช่วงที่ประเทศต่างๆทั่วโลกยังปิดประเทศเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ ตนมีความเห็นว่าประเทศไทยเราควรจะเตรียมการทุกด้านให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจากจีนและจากทุกประเทศทั่วโลก จึงร่วมมือกับสภาครูแพทย์แผนไทย ชมรมพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มสตรีแม่บ้าน ผู้สูงอายุ อสม. จัดโครงการ”หัตถเวชเพื่อผู้สูงวัยไม่ป่วยไม่พิการ” ฝึกอบรมการนวดเพื่อแก้ไขอาการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อยกระดับการนวดแผนไทยเพื่อการผ่อนคลายให้เป็นการนวดเพื่อรักษาโรค ซึ่งวิชาหัตถเวชศาสตร์ไทยนี้ถ่ายทอดสืบต่อกันมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว แต่ ขาดการส่งเสริมสนับสนุนให้นำมาใช้ทางการแพทย์รักษาอาการเจ็บป่วยของประชาชน ซึ่งใช้เวลาไม่นานและเสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก
นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า นายศุภกร มูลสุวรรณรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายที่พร้อมสนับสนุนให้หนองคายเป็นเมืองการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เดินทางมาเป็นประธานมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมพัฒนาเวชศาสตร์ไทยการนวดเพื่อรักษาโรครุ่นที่1 ที่หอประชุม โรงเรียนอาโอยาม่า2 ซึ่งจัดฝึกอบรมระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2563 โดยมีนายอชิรภัทร สิงห์ทรายขาว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก และประธานชมรมพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยจังหวัดหนองคาย พลตรี ดร.ถิรเดช ทรัพย์เขื่อนขันธ์กรรมการสภาครูแพทย์แผนไทย ได้จัดกิจกรรมโครงการหัตถเวช เพื่อผู้สูงวัยไม่ป่วยไม่พิการ” ฝึกอบรมการนวดเพื่อรักษาโรคตามหลักวิชาหัตถเวชศาสตร์ไทย ให้แก่ประชาชนชาวตำบลด่านศรีสุขทั้งหญิงและชาย เพื่อส่งเสริมรักษาวิชาความรู้หัตถเวชให้ยั่งยืน เพื่อสร้างสุขภาพให้แข็งแรง และเพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ต่อไป ในวันปิดการฝึกอบรมได้เห็นกับตาตัวเอง กรณีนายสมาน ชาวสวนยางพาราที่ปวดหลัง เดินตัวบิด มาปีกว่าแล้ว รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่หายปวด เพราะหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท แต่กลัวพิการไม่ยอมไปผ่าตัด ได้มาให้หมอที่ฝึกอบรมรุ่นแรกนวดแก้ไขให้ โดยใช้เวลาประมาณ30นาที ก็สามารถเดินได้ตรงและไม่มีอาการปวดหลังเลยเป็นเรื่องจริงที่น่าทึ่งต่อประสิทธิภาพการนวดแผนไทยมาก
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะประธานชมรมพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย จะขยายหัตถเวชศาสตร์การนวดรักษาโรคไปยังทุกตำบล เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้พิการ ให้ฟื้นฟูร่างกาย กลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และจะส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนในชุมชน ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน มีการพัฒนาคุณภาพประสิทธิภาพให้สามารถบริการแก่คนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะเน้นกระจายพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไปยังตำบล และเมืองรองทั่วประเทศ ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวได้ทุกตำบล ทุกจังหวัด ทุกข์ทรมาณมาแล้วแข็งแรงสุขสบายกลับไป ด้วยหัตถเวชศาสตร์ไทย สมุนไพรไทยและอาหารไทย ที่มีสรรพคุณป้องกันและรักษาโรคพร้อมอยู่แล้ว
เราควรพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เร่งสร้างหมอนวดรักษาโรคให้มากพอที่จะรองรับนักท่องที่ยว ผู้สูอายุจากทั่วโลก ให้เดินทางมารักษาสุขภาพและท่องเที่ยวในประเทศไทย เราสามารถวางแผนให้ทุกตำบลและทุกจังหวัดเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ด้วยภูมิปัญญาไทยหัตถเวชศาสตร์ไทย ยาสมุนไพรไทย อาหารไทย และเวชสำอางสมุนไพรไทย รัฐบาล และองค์กรปกครองท้องถิ่นทุกตำบลทุกจังหวัดควรส่งเสริมสนับสนุนนำภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่ามาเป็นยุทธศาสตร์ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมให้เข้มแข็ง ยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเป็นศูนย์กลางยาสมุนไพรไทยเวชสำอางสมุนไพรไทยผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกนางลดาวัลลิ์กล่าว.
เร่งช่วยเหลือ 7 ครอบครัวไฟไหม้บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 20 สค.เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านชาวบ้าน บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้มีการระดมกำลัง เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย กองร้อย อส.แม่สะเรียง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลแม่ยวม เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 36 เจ้าหน้าที่ ตร.ภูธรท่าตาฝั่ง ชาวบ้าน ช่วยกันสกัดควบคุมเหตุเพลิงไหม้ โดย นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง ได้เดินทาง ตรวจพื้นที่เกิดอัคคีภัย พบบ้านเรือนถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลังและบางส่วนรวม 7 หลังคาเรือน
ที่บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วย เหล่าคณะกรรมการสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ลงพื้นที่เยี่ยมสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อม มอบสิ่งของข้าวสาร น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค และ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวราษฏร 7 ครัวเรือน ที่ประสบเหตุอัคคีภัย ครัวเรือนละ 2000 บาท ขณะ เดียวกันหลายหน่วยงานได้เดินทางเยี่ยมและให้กำลังใจกับครอบครัวราษฏรที่ประสบอัคคีภัยอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทาง ธกส แม่สะเรียง เข้าเยี่ยมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น 7 ผู้ประสบอัคคีภัย ทั้งนี้จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วนที่สุดต่อไป หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้เครื่องอุปโภคบริโภคเครื่องนอนอุปกรณ์ทำครัว ติดต่อบริจาคได้ที่หมายเลขดทรศัพท์ 081-7641424
รวบลุงวัย 68 ปี ลอบปลูกกัญชาในบ้าน อ้างใช้รักษาอาการปวดฟันและนอนไม่หลับ
พ.ต.อ.สุธี จำปา ผกก.สภ.แม่แฝก จ.เชียงใหม่ พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่แฝก จับกุมตัวนายลมโชย อายุ 68 ปี ชาวบ้าน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางกัญชา 4 ต้น โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ที่บริเวณหลังบ้าน
การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหารายหนึ่งในพื้นที่ อ.สันทราย ค้นในตัวพบของกลางกัญชาอบแห้ง สืบสวนขยายผลซัดทอดว่าซื้อมาจากลุงลมโชย และพบว่าว่ามีการลักลอบปลูกต้นกัญชาไว้ในบ้านจึงเข้าจับกุม ผุ้ต้องหารับสารภาพปลูกไว้เพื่อเสพแก้อาการเจ็บฟันและนอนไม่หลับ จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป