ชาวเชียงใหม่สุดปลื้มชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง

ชาวเชียงใหม่สุดปลื้มชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง

ที่บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดตั้งกล้องดูดาวกว่า 10 ตัวเพื่อให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ได้ชมบรรยากาศของจันทรุปราคาเต็มดวง

ซึ่งบรรยากาศการชมเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจต่อปรากฏการณ์นี้โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ที่มาชมผ่านกล้องโทรทรรศน์หลากชนิด ซึ่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดขึ้น ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งมีความพิเศษเนื่องจากเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงช่วงที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกที่จะเห็นจันทร์เต็มดวงสีแดงอิฐมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย หรือเรียกว่า “ซูเปอร์บลูบลัดมูน”

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) กล่าวว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าครั้งอื่น เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่เกิดในช่วงดวงจันทร์โคจรอยู่ใกล้โลก ช่วงกึ่งกลางคราสเต็มดวง มีระยะห่างจากโลกเพียง 360,191 กิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าระยะห่างเฉลี่ยระหว่างโลกถึงดวงจันทร์ (ประมาณ 384,400 กิโลเมตร)

จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงสีแดงอิฐมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ยังตรงกับจันทร์เพ็ญครั้งที่ 2 ของเดือนอีกด้วย หรือที่นิยมเรียกกันว่าบลูมูน (Blue Moon) ซึ่งปกติดวงจันทร์เต็มดวงจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น เดือนไหนที่มีดวงจันทร์เต็มดวง 2 ครั้ง จะเรียกดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองว่า “บลูมูน” ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก เป็นที่มาของสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Once in a blue moon” หมายถึง นานทีจะเกิดขึ้นสักครั้ง

และดวงจันทร์ไม่ได้เป็นสีน้ำเงินแต่อย่างใด ปรากฏการณ์นี้นักดาราศาสตร์สมัครเล่น นิยมเรียกว่า “ซูเปอร์บลูบลัดมูน” (Super blue blood moon) เป็นจันทรุปราคาเต็มดวงช่วงที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกและตรงจันทร์เพ็ญครั้งที่สองของเดือนนั่นเองซึ่งแม้ว่าตลอดชีวิตของคนเรา จะสามารถพบเห็น พระจันทร์สีแดง รวมไปถึง พระจันทร์บลูมูน ได้หลายครั้งในชีวิต แต่การที่เกิดปรากฎจันทรปราคาเต็มดวง ส่งผลให้พระจันทร์เป็นสีแดง อิฐ ในแบบซุเปอร์บลูมูน และมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั้นคงปรากฎได้ไม่บ่อย ถือเป็นปรากฎการณ์พิเศษ

ภาคีเชียงใหม่เพื่อปฏิรูปการศึกษา จัดงานปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ ครั้งที่ 3 “โอกาสเชียงใหม่ 4.0”

 

ภาคีเชียงใหม่เพื่อปฏิรูปการศึกษา จัดงานปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ ครั้งที่ 3 “โอกาสเชียงใหม่ 4.0”

พลโทโกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดงานปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ ครั้งที่ 3“โอกาสเชียงใหม่ 4.0” โดยมีนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายไพรัช ใหม่ชมพู รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเลขานุการภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวรายงานการจัดงาน

ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้แสดงออกถึงทักษะความสามารถและผลงานที่เป็นความสำเร็จตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่หลากหลายและการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคการศึกษาและเศรษฐกิจ 4.0 สร้างการมีส่วนร่วมความตระหนักความภาคภูมิใจในความเป็นพลเมืองเชียงใหม่ การสื่อสาร รณรงค์และความร่วมมือสร้างสรรค์การปฏิรูปการศึกษาสู่อนาคตเชียงใหม่

โดยภายในงานได้จัดกิจกรรมอาทิเช่นการจัดแสดงนิทรรศการความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและโอกาสเชียงใหม่ 4.0 ,นวัตกรรมทางการศึกษาโรงเรียนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ โดยการจำลองและสาธิตนวัตกรรมการอ่านออกเขียนได้ เฮือนจำลองสัมมาชีพโรงเรียนพื้นที่สูง , อุทยานการเรียนรู้ “ข่วงเฮียนอู้บ้านเมืองเจียงใหม่”

พร้อมเปิดศูนย์เรียนรู้หลักสูตรรักษ์เชียงใหม่ปีการศึกษา 2561 , การจำลองศูนย์การเรียนรู้ประจำอำเภอและศูนย์ข้อมูลสารสนเทศการศึกษาเชียงใหม่ , กิจกรรมการแสดงทักษะความสามารถของเด็ก เยาวชน พลเมืองเชียงใหม่สู่โอกาสเชียงใหม่ 4.0 การจำหน่ายสินค้าผลผลิตของนักเรียน นักศึกษา ที่จะนำสู่สัมมาชีพและทักษะการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต, การสัมมนาทางการจัดการศึกษาในทุกรูปแบบที่หลากหลาย

รัฐมนตรีฯ อดุลย์ ขึ้นเหนือเร่งรัดพิสูจน์สัญชาติเมียนมาสั่งให้เฝ้าระวังเรื่องเจ้าหน้าที่รับสินบน ส่วนการแย่งงานคนไทยไม่มี

รัฐมนตรีฯ อดุลย์ ขึ้นเหนือเร่งรัดพิสูจน์สัญชาติเมียนมา เพิ่มศักยภาพแรงงานรับอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมสั่งให้เฝ้าระวังเรื่องเจ้าหน้าที่รับสินบน ส่วนการแย่งงานคนไทยไม่มีเพราะเข้ามาทำงานในส่วนที่แรงงานไทยไม่ทำ

ช่วงเช้าวันที่ 31 ม.ค. 61 พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายและทิศทางการปฎิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบาย (11+4+6) ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน โดยมี นายปวิณ ชำนิประศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางพรปวีณ์ วิชิต จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะให้การต้อนรับ และนำออกตรวจติดตามผลการดำเนินงานของศูนย์บริการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา (OSS) จังหวัดเชียงใหม่

จากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 ถึง 21 มกราคม 2561 พบว่า ทางการเมียนมาสามารถดำเนินการตรวจสัญชาติเฉลี่ยแล้วประมาณวันละ 1,000 คน ที่ผ่านมามีผู้มารับบริการในศูนย์วันละ 600 คนใช้เวลาเฉลี่ยคนละ 2.30 ชั่วโมง มีแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการตรวจสัญชาติแล้ว 57,143 คน จังหวัดที่มีคนต่างด้าวมาขอรับใบอนุญาตทำงานมากที่สุดคือ เชียงใหม่ รองลงมาคือ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ลำปาง และเชียงราย ตามลำดับ

มีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว 151,470 คนนายจ้าง 40,119 คน และจากการเดินทางมาตรวจสอบในวันนี้ ก็พบว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่มีกำลังแรงงาน 1,015,881 คน ผู้มีงานทำ 67.90 เปอร์เซ็นต์ ว่างงาน 1.10 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 0.05 เปอร์เซ็นต์ กำลังรอฤดูกาลมีสถานประกอบการ 10,739 แห่ง มีแรงงานในระบบ 373,836 คน แรงงานนอกระบบ 608,256 คน

สำหรับสถานการณ์แรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่ จากข้อมูลนายจ้างหรือสถานประกอบการที่แจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ มีนายจ้างหรือสถานประกอบการจำนวน 41,307 ราย ความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวจำนวน 313,954 คน ซึ่งประเภทกิจการ 5 อันดับ ที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานมากที่สุดได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการเกษตรและปศุสัตว์ กิจการให้บริการต่างๆ กิจการผู้รับใช้ในบ้าน และกิจการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้แรงงานเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนคน ก็มีการพิสูจน์สัญญาณไปแล้ว เหลือประมาณ 20,000 กว่าราย ก็ดูระบบการบูรณาการต้นทางของเมียนมา ก็คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2 เดือน ก็ดูแล้วน่าพอใจ ก็ขับเคลื่อนไป ให้เน้นด้านการบริการที่มีความรวดเร็ว ให้อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจบ และก็มีระบบคิว ระบบนายหน้าก็ไม่มี ก็มอบหมายให้เจ้าหน้าที่บูรณาให้อย่างชัดเจน และเตรียมที่จะทำศูนย์บริการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา (ศูนย์ OSS) ต่อไป

สำหรับปัญหาอุปสรรคของที่เชียงใหม่ก็ไม่มีอะไร เพราะแรงงานเมียนมาที่นี่จะน้อย และเจ้าหน้าที่ก็เก่ง และก็เป็นที่ให้ศูนย์อื่นนำไปปรับใช้ได้ ทั้งการบริการ การบูรณาการ และระยะเวลา ซึ่งทางเมียนมาก็มีความพร้อมก็จะมีเจ้าหน้าที่ 5 คน มีล่าม มีการพิสูจน์สัญชาติพร้อม

ต่อไปจะมีการปรับให้ทุกศูนย์ปฏิบัติงาน มีระบบ มีระเบียบ มีประสิทธิภาพ ส่วนผู้ประกอบการที่นำแรงงานเข้ามา หรือแรงงานที่เข้ามา จะได้รับการดูแลจากรัฐบาลไทยที่สะดวกรวดเร็ว จะให้มาและรอระบบ 12 ชั่วโมงไม่ได้ ก็คงต้องให้เหลือ 4 – 6 ชั่วโมง การทำงานของคนต่างด้าวไม่ได้มาแย่งอาชีพคนไทยเพราะมาทำในงานที่คนไทยไม่ทำ รวมถึงการคุมเข้มเรื่องเจ้าหน้าที่รับสินบน แต่เบื้องต้นตรวจสอบแล้วยังไม่พบ

ชาวเชียงใหม่ร่วมใจใส่บาตรเป็งปุ๊ด เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 30 ม.ค. 60 ที่บริเวณด้านหน้าวัดอุปคุต ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประชาชนชาวเชียงใหม่ได้พร้อมใจร่วมกันนำข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้ต่างๆ ออกมายืนรอใส่บาตรกับพระสงฆ์และสามเณร เนื่องในวันตักบาตรเป็งปุ๊ด หรือตักบาตรเที่ยงคืน ซึ่งถือเป็นประเพณีของทางภาคเหนือ โดยมีพระสงฆ์และสามเณร จำนวนกว่า 300 รูป ตั้งแถวทอดยาวไปตามถนนสายท่าแพ เพื่อรอพุทฑศาสนิกขชนมาใส่บาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล

สำหรับการใส่บาตรเที่ยงคืน หรือตักบาตรเป็งปุ๊ดนั้น เป็นประเพณีที่ชาวล้านนา โดยประชาชนจะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้คอยใส่บาตรในช่วงกลางดึกวันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธโดยไม่เจาะจงว่าต้องอยู่ในเดือนใด ด้วยคว่ามเชื่อตามตำนานที่พระอุปคุตซึ่งเป็นพระภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นองค์อุปัชฌาย์ จะแปลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้วบุคคลนั้น จะประสบแต่ความสุขร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองได้อานิสงส์แรง ดังนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญตรงกับวันพุธชาวเหนือทุกคนจะไปคอยใส่บาตรเป็นจำนวนมากว่า

สิบแสน เปิดศึก “สิบแสนคัพครั้งที่ 2” ชวนเยาวชนทั่วประเทศร่วมแข่งขันฟุตบอล 7 คนชิงเงินรางวัลรวมกว่า 61,000 บาท

สิบแสน ลักชัวรี เปิดศึก “สิบแสนคัพ ครั้งที่ 2” ชวนเยาวชนทั่วประเทศร่วมแข่งขันฟุตบอล 7 คนชิงเงินรางวัลรวมกว่า 61,000 บาท

นางรัตนาประภา ดิศวัฒน์ ผู้บริหารโรงแรมในเครือสิบแสน โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อานุภาพ เกื้อหนุน รองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 5 นายกรินทร์ บุญตันสา ประธานเจ้าหน้าที่พละศึกษา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว การแข่งขันฟุตบอล 7 คน “สิบแสนคัพ ครั้งที่ 2” ที่ห้องประชุมโรงแรมสิบแสน ลักชัวรี ริมปิง เชียงใหม่

นางรัตนาประภา ดิศวัฒน์ ผู้บริหารโรงแรมในเครือสิบแสน โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน “สิบแสนคัพ” ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งครั้งแรกได้จัดไปเมื่อปี 60 ที่ผ่านมา ซึ่งการจัดประสบผลสำเร็จอย่างมาก จึงได้มีการจัดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชน และเยาวชน ได้มีส่วนร่วม ซึ่งไม่ใช่เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนเชียงใหม่อย่างเดียว แต่เปิดต้อนรับนักกีฬาทั่วประเทศไทย ที่สนใจจะเดินทางมาร่วมการแข่งขัน และยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และห่างไกลจากยาเสพติด และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เข้าแข่งขันด้วย

สำหรับการแข่งขันจะเริ่มในวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. 61 นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งจะรับสมัครเพียงแค่ 32 ทีมเท่านั้น และจะมีการแข่งขันเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ ที่สนามกีฬาโรงเรียนสันมหาพนวิทยา ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยจะใช้ระบบการแบ่งสาย แบ่งออกเป็น 8 สาย สายละ 4 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมดในสาย คัดผู้ที่มีคะแนนที่ 1 และที่ 2 ของแต่ละสายเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในวันที่ 25 มี.ค. 61

โดยรางวัลในการแข่งขัน รางวัลชนะเลิศ รับเงินสดมูลค่า 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , รางวันที่ 2 รับเงินสดมูลค่า 20,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล จากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , รางวัลที่ 3 รับเงินสด 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ , รางวัลที่ 4 รางวัลชมเชย รับเงินสด 5,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายอำเภอแม่แตง และรางวัลที่ 5 รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม รับเงินสด 5,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่แตง

ส่วนรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว จำนวนหนึ่งจะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่ตำบลแม่ตาน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

พ.ต.อ.อานุภาพ เกื้อหนุน รองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเชิญชวนให้เยาวชนหันมาใส่ใจในการเล่นกีฬาแล้ว ยังส่งเสริมให้รู้รักสามัคคี รวมพลัง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติดด้วย เพราะปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาของประเทศที่ทุกคนต้องตระหนัก และกิจกรรมครั้งนี้ ก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนนั้นรักกีฬา ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จึงได้เข้าร่วมและสนับสนุน เพื่อผลักดันให้โครงการนี้ก้าวต่อไป เพื่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็งที่ห่างไกลยาเสพติด

สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เตรียมจัดงานกระตุ้นท่องเที่ยวทั่วไทย 9-11 ก.พ.นี้ ที่แอร์พอร์ตเชียงใหม่

สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ภาคเหนือตอนบน เตรียมเปิดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 6” กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมจัดโปรโมชั่นแพคเกจสุดพิเศษภายในงาน

นายเจษฎา โอวาทเวโรจน์ ประธานชมรม ไทยบริการ ท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน (President Chapter/TTAA-Nothern Chapter) เป็นประธานในการแถลงข่าวการจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 6 – Thai International Travel Fair 2018 (TITF #6)” โดยมีสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ภาคเหนือตอนบน ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สายการบิน โรงแรม รถเช่า จัดแถลงข่าวการจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 6 – Thai International Travel Fair 2018 (TITF #6)” ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารสแตนดาร์ดทัวร์ ถ.ช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่

นายเจษฎา โอวาทเวโรจน์ ประธานชมรม ไทยบริการ ท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า การจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 6” นี้จะจัดขึ้นในวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ชั้น 1 แกรนด์ฮอลล์ (ทางเข้าแผนกเครื่องสำอางห้างโรบินสัน) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ซึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ ทุกท่านจะได้พบกับงานแสดงสินค้า และบริการด้านการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แพคเกจทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถเช่า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับต้อนรับเทศกาล ท่องเที่ยวตลอดปี 2561

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้พบกับตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน จากสายการบิน และแพคเกจทัวร์ในราคาสุดพิเศษ จากบริษัททัวร์ชั้นนำ ทั้งไทยและต่างประเทศ กว่า 20 บูท ที่มาร่วมจัดโปรแกรมท่องเที่ยวพร้อมตั๋วเครื่องบิน พร้อมส่วนลดที่หาได้ภายในงานนี้ที่เดียว ที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ท่านยังจะได้พูดคุยขอคำปรึกษารับคำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนการท่องเที่ยว จากผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวได้อีกด้วย

พิเศษสุด…สำหรับทุกท่านที่จองตั๋วเครื่องบิน และแพคเกจท่องเที่ยวภายในงาน ร่วมลุ้นของรางวัลมากมายภายในงาน

แม่ทัพภาค 3 ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ซ้อมแผนดับไฟป่า

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ม.ค. 61 ที่บริเวณ กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรม รณรงค์และซักซ้อมแผนการดับไฟป่า ประจำปีพ. ศ. 2561 โดยมี พลโทวิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขไฟป่าและหมอกควันระดับภาค เป็นประธานในพิธีเปิดการซักซ้อมแผนดับไฟป่า โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 3,200 คน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มีการมอบอุปกรณ์ในการดับไฟป่าให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อสนับสนุนในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่

โดยทางด้าน พลโทวิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันแห่งชาติ และกองทัพบกได้มอบหมายให้ กองทัพภาคที่ 3 จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค เพื่ออำนวยการ ประสานงานกับส่วนราชการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ดังนั้นในวันนี้จึงได้มีการจัดกิจกรรม รณรงค์และซักซ้อมแผนการดับไฟป่า ประจำปีพ. ศ. 2561

 

เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการรวมพลัง และเป็นการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยมุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนัก รู้ถึงโทษภัยของไฟป่าและหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเกิดจิตสำนึกในความร่วมมือ ในการป้องกันการเกิดปัญหาหมอกควันไฟป่า ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงการคมนาคมทั้งทางบกและทางอากาศ ตลอดจนสภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือ

เพลิงไหม้โรงแรมชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวนับร้อยชีวิต วิ่งหนีตายออกจากโรงแรม โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เพลิงไหม้โรงแรมชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวนับร้อยชีวิต วิ่งหนีตายออกจากโรงแรม โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ช่วงค่ำวันที่ 29 ม.ค. 61 พ.ต.ท.ปวิช วังเวียง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงแรมเดอะปาร์ค โฮเทล เชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับจึงรีบไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัย

เมื่อไปถึงก็พบว่าทางโรงแรมได้ช่วยกันนำนักท่องเที่ยวที่เข้าพักออกมาจากโรงแรมได้เกือบหมดแล้วยังเหลืออีกบางส่วนที่ยังติดอยู่ในห้องพักของโรงแรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบเข้าไปตรวจสอบจุดที่เป็นต้นเพลิงก่อน ทราบว่าเป็นห้องครัว จึงได้เข้าไปควบคุมเพลิงก่อน จากนั้นได้กระจายกำลังออกค้นหานักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในห้องพัก จนสามารถช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ ซึ่งโชคดีที่ไม่มีบาดเจ็บ มีแต่เพียงสำลักควันและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นทางโรงแรมได้รีบให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถเพื่อไปพักโรงแรมอื่นก่อน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า มีการทำอาหารในห้องครัวเพื่อเตรียมไว้ให้กับลูกค้าที่เข้าพัก หลังจากทำเสร็จไม่นาน ก็เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ปล่องดูดควัน และมีควันฟุ้งกระจายทั้งโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างพากันวิ่งหนีออกจากโรงแรมออกมา กระทั่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงและเข้าช่วยเหลือดังกล่าว หลังการสอบสวนแล้ว เตรียมประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้ง

เทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งล้านตลาดก่อนถึงห้วงเทศกาลตรุษจีน สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งล้านตลาดก่อนถึงห้วงเทศกาลตรุษจีน สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

นายณัฐฐ์ชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเมืองสมุทร ทำความสะอาดด้วยการล้าง ตามหลักสุขาภิบาลและการกำจัดสัตว์พาหนะนำโรคก่อนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ตลาดเมืองสมุทร และแผงจำหน่ายเสื้อสัตว์

เทศบาลนครเชียงใหม่ โดยสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนิการล้างตลาดในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 16 แห่ง ตามโครงการตลาดสะอาด อาหารปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ 2561 เพื่อดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุมดูแลการประกอบกิจการตลาดให้ถูกสุขลักษณะ และยกระดับตลาดสดให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

เป็นการสนับสนุนให้ตลาดสดและบริเวณใกล้เคียงมีการบริหารจัดการด้านมาตรฐานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะ ประชาชนได้บริโภคอาหารที่สะอาดมีคุณภาพและปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ที่จะปนเปื้อนในอาหารที่จำหน่ายในตลาดสดภายในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่

นอกจากนี้ในโอกาสเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2561 ที่จะมาถึง ในวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2561 ทางเทศาบาลจึงได้ถือโอกาสในครั้งนี้ “รณรงค์ล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาล ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน” และมีการพ่นยากำจัดแมลงและสัตว์พาหนะนำโรค ไปพร้อมกันด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะได้อาหารที่สะอาดปลอดภัย

กองทัพบกสนับสนุนอากาศยาน เตรียมความพร้อมซ้อมแผนดับไฟป่าในภาคเหนือ 30 ม.ค.นี้

กองทัพบก ส่งอากาศยานเข้ามาสนับสนุนเพื่อเตรียมความพร้อมซ้อมแผนดับไฟป่าในภาคเหนือ 30 ม.ค.นี้ มั่นใจสามารถแก้ไขปัญหาไฟป่าได้

ที่ห้องประชุม ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค สน.) อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.ท.สมพงษ์ แจ้งจำรัส แม่ทัพน้อยที่ 3 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้า ซักซ้อมวางแผนด้านการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมความพร้อมของกิจกรรมรณรงค์และซักซ้อมการดับไฟป่า ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ บูรณาการกับทุกภาคส่วนจัดขึ้น ในวันที่ 30 มกราคมนี้ ที่ สนามรามัญวงศ์ กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

โดยมี พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในงาน เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการรวมพลังและความพร้อมของทุกภาคส่วนและประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ สำหรับ กิจกรรมรณรงค์ในปีนี้ กองทัพบกสนับสนุนอากาศยานใช้งานทั่วไปแบบ MI 17 (เอ็มไอ สิบเจ็ด )ที่มีสมรรถนะเป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางแบบแกนใบพัดเดี่ยว เครื่องยนต์เทอร์โบ ใช้กำลังเครื่องยนต์ 2,000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 139 ไมล์ต่อชั่วโมง บินได้นาน 3 ชั่วโมง 10 นาที

สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดับไฟ Bambi Bucket บรรจุน้ำได้ 5,000 ลิตร และเฮลิคอปเตอร์ EURO COPTER เป็นเฮลิคอปเตอร์ของศูนย์ปฏิบัติการบินที่ 2 เชียงใหม่ ภายใต้การควบคุมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถติดตั้ง Bambi Bucket ขนาด 500 ลิตร สำหรับทิ้งน้ำดับไฟเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์และซักซ้อมการดับไฟป่า ประจำปีงบประมาณ 2561 เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ

ด้าน พ.ท.วัฒนศักดิ์ แสงศรี นายทหารตรวจสอบมาตรฐานการบิน กรมบิน ช่วยราชการ กองพันบินที่ 41 ในฐานะหัวหน้าคณะกิจกรรมรณรงค์และซักซ้อมการดับไฟป่า กล่าวว่า ในส่วนของอากาศยานที่ได้นำมาใช้ในกิจกรรมรณรงค์และซักซ้อมการดับไฟป่า ประจำปีงบประมาณ 2561 ซึ่งในภาวะปกติจะประจำการอยู่ที่กองพันบินที่ 41 กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก จังหวัดลพบุรี และจะมาปฏิบัติการเมื่อร้องขอหากเกิดเหตุไฟป่าในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 โดยสามารถบรรทุกคนได้ปกติ 25 ที่นั่งเสริมได้เพิ่มอีกถึงจำนวน 56 ที่นั่ง และสามารถบรรทุกสิ่งของได้มากที่สุด 4 ตัน

ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของการดับไฟป่าจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ 1.บริเวณที่เกิดเหตุไฟป่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นเข้าดับไฟได้สะดวกและปลอดภัยขึ้น 2.ทิ้งสกัดด้านหน้าไฟ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและสามารถลดความร้อน นำไปสู่การไฟดับได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน การเดินเท้าหรือการเข้าถึงพื้นที่ที่เกิดไฟป่าจะค่อนข้างยากลำบาก หากนำอากาศยานที่มีศักยภาพและสมรรถนะที่ดีมาใช้ ก็จะทำให้สามารถลดพื้นที่ป่าไม้ที่สูญเสียจากเหตุไฟป่าในภาคเหนือได้เป็นอย่างดี