รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ปลูกฝังนักกีฬาอนุบาลเอกชนเชียงใหม่ลดความขัดแย้งในอนาคตนำพาชาติไทยรุ่งเรืองสงบสันติสุข

รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ปลูกฝังนักกีฬาอนุบาลเอกชนเชียงใหม่ลดความขัดแย้งในอนาคตนำพาชาติไทยรุ่งเรืองสงบสันติสุข

ที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปีจังหวัดเชียงใหม่ ดร.นิยดา กรโกวิท ประธานการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์สร้างสรรรค์ความสามัคคีกันในกลุ่มโรงเรียนอนุบาลเอกชน 117 โรงเรียน ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาอนุบาลเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 10 ปีการศึกษา 2560 โดยมีโรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 117 โรงเรียนกว่า 5,000 คน เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

การแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์สร้างสรรรค์ความสามัคคีกันในกลุ่มโรงเรียนอนุบาลเอกชน117 โรงเรียน เป็นการฝึกทักษะของเด็กปฐมวัยในด้านการกีฬาและสมรรถภาพทางร่างกาย ฝึกให้รู้จักน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ตั้งแต่ยังเยาว์วัย โดยได้จัดการแสดงร่วมกันหลายๆโรงเรียน และมีเกมกีฬาที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก

และเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ 2542 ,2545 ,2553 ซึ่งทางสมาคมโรงเรียนอนุบาลเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดการศึกษาให้เด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา การแก้ปัญหาด้วยตนเอง

ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของเด็กที่จะเข้าสู่วัยเรียนในอนาคตต่อไป ซึ่งเป็นการสานความสัมพันธ์อันดีด้วยความรักความสามัคคี ระหว่างบ้าน โรงเรียน และเพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าของสังคมและประเทศชาติ ในอนาคต โดยการสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรภาครัฐและเอกชน

ในวันนี้มีการวนแสดงพลังของกลุ่มเด็กอนุบาล1-3 จำนวนมากว่า 5,000 คน ได้แสดงออกถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชาวล้านนาหรือคนพื้นเมืองภาคเหนือที่ยังมีการอนุรักษ์การแต่งตัว การละเล่น การเข้าวัดตามประเพณีของชาวล้านนา จะบงบอกถึงลักษณะการเล่นประเพณีปี๋ใหม่เมือง หรือสงกราณ์ ที่มีการจำลองเอาแบบขนบธรรมเนียมประเพณี มีการแห่นางนพมาศ การขนทรายเข้าวัด การแสดงกลองสะบัดชัย โดยถือเป็นการหล่อหลอมให้เด็กเยาวชนรักษ์ในขนบประเพณีล้านนาอันเก่าแก่ยังคงอยู่คู่กับคนล้านนาสืบต่อไป

 

คนแห่ขอพรหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ สำเร็จแน่ถ้าแก้บนด้วยดอกมะลิ

วัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างในรัชสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย มีอายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่บนดอยด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ แต่เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต สร้างในปี พ.ศ. 1230 โดยโอรสทั้ง 2 ของพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น แต่ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง

จนในปีพ.ศ. 2509 ชาวบ้านได้พบว่ามีกรุพระภายในวัดได้แตก โดยพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ จึงได้มีการบูรณะวัดดังกล่าวขึ้นมาใหม่

สำหรับประวัติตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาได้กล่าวว่า ที่บริเวณดอยคำแห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์สองผัวเมีย ชื่อ จิคำและตาเขียวมาก่อน ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้เรียกยักษ์ทั้งสองนี้ว่า “ปู่แสะ – ย่าแสะ” ปู่แสะย่าแสะมีลูก 1 คน ชื่อว่า “สุเทวฤๅษี” โดยปู่แสะย่าแสะ จะยังชีพด้วยเนื้อสัตว์และเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร จนกระทั่งต่อมาพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ และได้พบยักษ์ สามตนพ่อแม่ลูก พระพุทธเจ้าจึงทรงเทศนาและให้ยักษ์ทั้งสามรักษาศีลห้า แต่ผีปู่แสะย่าแสะไม่อาจรับศีลห้าได้ตลอดจึงขอกินเนื้อควายปีละครั้ง

ซึ่งหลังจากนั้นยักษ์ทั้งสองได้รับพระเกศาธาตุจากพระพุทธเจ้า นำขึ้นมาฝังและก่อสถูปไว้บนดอยแห่งนี้ จนกระทั่งต่อมาในปีพ.ศ. 1230 เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ 2 พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี แห่งหริภุญชัยนคร ได้เกิดศุภนิมิตถึงเรื่องราวดังกล่าว จึงได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศานั้นไว้ และได้ตั้งชื่อว่าวัดสุวรรณบรรพต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดพระธาตุดอยคำ ในปัจจุบัน

นอกจากวัดที่มีประวัติเก่าแก่ยาวนานแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการขอพร บนบาน หลวงพ่อทันใจ ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์หลายต่อหลายครั้งที่มีผู้เดินทางมาขอพร บนบาน แล้ว ประสบความสำเร็จ และได้เดินทางกลับมาถวายดอกมะลิเพื่อแก้บน สำหรับ“พระเจ้าทันใจ” แห่งวัดพระธาตุดอยคำนั้น ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา โดยเป็นพระพุทธรูปที่ใช้เวลาสร้างได้สำเร็จภายใน 1 วัน ซึ่งการสร้างพระพุทธรูปนั้น มักจะมีขั้นตอน และพิธีกรรมที่ละเอียดซับซ้อน

และมีการมีการบรรจุหัวใจพระเจ้า คล้ายกับหัวใจของมนุษย์ ตลอดจนการบรรจุวัตถุมงคลสิ่งของมีค่าไว้ในองค์พระพุทธรูปด้วย และในช่วงระยะเวลาที่กำลังปั้น จะมีการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์อยู่ตลอด โดยสามารถทำพิธีพุทธาภิเษกได้สำเร็จภายใน 1 วัน ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จนทำให้เกิดความเชื่อกันว่าเป็นเพราะพระพุทธานุภาพ และอานุภาพแห่งเทพยดาที่บันดาลให้พิธีกรรมสำเร็จโดยปราศจากอุปสรรค ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงถือว่าพระเจ้าทันใจเป็นพระพุทธรูปที่จะบันดาลความสำเร็จให้แก่ผู้อธิษฐานขอพรได้อย่างทันอกทันใจ

การบนบานขอพรพระเจ้าทันใจของวัดพระธาตุดอยคำ จะใช้ธูปสามดอกเท่านั้นในการเพื่อขอพร โดยผู้ที่ขอกรจะต้อง ท่องคาถาที่อยู่บนป้ายด้านข้างองค์พระเจ้าทันใจ จากนั้นจะต้องเอ่ย ชื่อ และ นามสกุล ของท่าน และขอพรที่ต้องการเช่นขอโชคลาภ ขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ขอเรื่องสุขภาพ เรียกว่าขอได้ทุกอย่างตามที่ที่ผู้ขอต้องการ โดยไม่ต้องกล่าวยืดเยื้ออยากได้อะไรก็ขอไปตรงเลย พร้อมทั้งบนบานว่าหากสำเร็จจะนำพวงมาลัยดอกมะลิสด จำนวนกี่พวงมาถวายแก้บน ว่ากันว่าปากต่อปาก ผู้ที่มาขอพรส่วนใหญ่ต่างก็สมหวังจนทำให้เกิดเสียงร่ำลืออย่างรวดเร็ว

ทำให้ปัจจุบันมีผู้คนที่ศรัทธามาอธิฐานและขอพรหรือบนบานศาลกล่าวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละวันจะมีคนนำดอกมะลิมากราบไหว้แก้บนไม่น้อยกว่าหลายร้อยหลายพันพวงเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้การอธิษฐานขอพรต่อสิ่งใดนั้น บางทีก็ขึ้นอยู่กับคุณงามความดี หรือสิ่งที่เรามีอยู่เป็นพื้นฐาน ที่จะทำให้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นจริงและสัมฤทธิ์ผลได้ทุกคนต้องทำดีเป็นคนดีหมั่นทำบุญก่อนในเบื้องต้นนั่นเอง

31 ม.ค.นี้ สถาบันดาราศาสตร์ชวนชาวไทยจับตา “จันทรุปราคาเต็มดวง” ครั้งแรกของปี

31 ม.ค.นี้ สถาบันดาราศาสตร์ชวนชาวไทยจับตา “จันทรุปราคาเต็มดวง” ครั้งแรกของปี

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 31 มกราคม 2561 จะเกิด “ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง” นับเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกของปี 2561 พื้นที่ที่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ในครั้งนี้ ได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปออสเตรเลีย ทวีปเอเชีย บริเวณตอนเหนือและตะวันออกของทวีปยุโรป ตอนเหนือและตะวันออกของทวีปแอฟริกา ตอนเหนือและตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งประเทศไทยสามารถมองเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้ได้ด้วยตาเปล่า ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทางทิศตะวันออกในช่วงหัวค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 18:30 น. เป็นต้นไป

 

สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 31 มกราคม 2561 ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกตั้งแต่เวลา 17:51 น. จากนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 18:48 น. และเข้าสู่จันทรุปราคาเต็มดวงตั้งแต่เวลา 19:51-21:07 น. เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงนาน 1 ชั่วโมง 16 นาที ช่วงเวลาดังกล่าวดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของโลกเต็มดวง จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐทั้งดวง เมื่อสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงหลังเวลา 21:07 น. ไปแล้ว ดวงจันทร์จะเริ่มออกจากเงามืดของโลกกลายเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้ง

จนกระทั่งออกจากเงามืดของโลกหมดทั้งดวงในเวลา 22:11 น. แล้วเปลี่ยนเป็นจันทรุปราคาเงามัวที่จะสังเกตเห็นได้ยาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดวงจันทร์จากเงามัวของโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสุดท้ายดวงจันทร์จะพ้นจากเงามัวของโลกเวลา 23:08 น. ถือว่าสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้โดยสมบูรณ์

ดร.ศรัณย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561 จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในประเทศไทยถึงสองครั้งด้วยกัน ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของปี 2561 ซึ่งวันดังกล่าวยังตรงกับช่วงที่ดวงจันทร์โคจรอยู่ใกล้โลก จะมองเห็นดวงจันทร์มีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในไทยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 กรกฏาคม 2561 ซึ่งปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน

ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยจุดสังเกตการณ์หลัก ในพื้นที่เชียงใหม่ จัดที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จัดที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา และจังหวัดสงขลา ที่ลานชมวิวนางเงือก หาดสมิหลา สงขลา และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่างทางด้านดาราศาสตร์ได้ที่ เฟสบุ๊ค www.facebook.com/NARITpage

เจ้าหน้าที่ทหารคิดค้นและปรุงเมนูพิเศษ นำยอดต้นฝิ่นพืชยาเสพติดมาผัดเป็นอาหารเลิศรส

เจ้าหน้าที่ทหารค่ายโสณบัณฑิตย์ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน คิดเมนูพิเศษ นำยอดต้นฝิ่น พืชยาเสพติดมาผัดเป็นอาหารเลิศรส

เจ้าหน้าที่ทหารตามแนวชายแดน ต้องอาศัยการเดินป่า และจำเป็นคืออาหารที่ต้องอยู่ให้ได้ในป่า พืชผักชนิดไหนที่สามารถนำมาเป็นอาหารได้ ก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ อย่างเช่นเจ้าหน้าที่ทหารตัดทำลายไร่ฝิ่น ของ ร.7 พัน.5 ค่ายโสณบัณฑิตย์ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้มีการเดินทางไปตัดฝิ่นร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 5 ในห้วงที่ผ่านมา โดยนำคณะเลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าตัดทำลายไร่ฝิ่น หลังจากตัดทำลายเสร็จ ก็ได้นำยอดยอดฝิ่นที่ถูกตัดทำลายทิ้ง มาปรุงเป็นอาหารเลิศรส ด้วยการนำมาผัดกับน้ำมันหอย ให้ทางคณะได้กินพร้อมกับอาหารอื่นๆ ด้วย

จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ ก็ทราบว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารต้องออกลาดตระเวนไปในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการตรวจสอบและตัดทำลายไร่ฝิ่น บางพื้นที่ต้องเดินทางและพักในพื้นที่ป่าหลายวัน ทำให้ต้องหาอาหาร ซึ่งเป็นพืชผักที่อยู่ในป่า และฝิ่น หลายคนมองว่าเป็นพืชยาเสพติด แต่การนำต้นฝิ่นมาผัด ก็ได้นำต้นอ่อนของฝิ่น และตัวยอดของฝิ่นที่ยังไม่ได้ออกดอก มาทำการผัด ซึ่งจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างกาย ไม่ได้เกิดอาการมึนเมาแต่อย่างใด

ส่วนรสชาติก็จะเหมือนกับการกินผักทั่วไป บางครั้งอาจจะมีขมบ้าง แต่ก็ไม่มาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะนำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่ซอส เหมือนกับผัดผัก เพื่อให้มีรสชาติ ที่ผ่านมาก็ทำกันประจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็แข็งแรง ไม่ได้ส่งผลอะไรกับร่างกายแต่อย่างใด

โรงเรียนชราบาลวุฒิวิทยาลัย เทศาบาลเชิงดอย ดังไกลต่างชาติแห่ดูงานนำไปเป็นต้นแบบไปพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุประเทศตัวเอง

 

โรงเรียนชราบาลวุฒิวิทยาลัย เทศาบาลเชิงดอย ดังไกลต่างชาติแห่ดูงานนำไปเป็นต้นแบบไปพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุประเทศตัวเอง

ที่เทศบาลตำบลเชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการและพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้อนรับคณะศึกษาดูงาน โดยมี Mr.Mamoru Yasude นายกเทศมนตรีเมืองมูโด เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคณะผู้บริหารได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่เทศบาลตำบลเชิงดอย ชมผลงานและกิจกรรมของโรงเรียนชราบาลวุฒิวิทยาลัย โรงเรียนผู้สูงอายุ ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

 

ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนชราบาล แห่งนี้ได้ต้อนรับองค์กรต่างชาติศึกษาดูงานต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ องค์กรยูเนสโก้ ประเทศ ออสเตเลีย และอีกหลากหลายประเทศ รวมถึงสถานีทีวีชื่อดังของโลก บีบีซี

สำหรับโรงเรียนชราบาลวุฒิวิทยาลัย เป็นโรงเรียนแห่งแรกนำร่องที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ที่มีนักเรียนเข้ามาเรียนมากที่สุด ซึ่งเปิดสอนเรียนรู้ภูมิปัญญาไทย สอนการเขียนและอ่านภาษาล้านนา ฝึกสอนการประกอบอาชีพและการเรียนรู้รูปแบบใหม่ๆ ให้เข้าถึงเทคโนโลยี ไอที มือถือ เล่นไลน์ โดยจะสอนให้ผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป สถานศึกษาแห่งนี้ให้เรียนแบบมีความสุข และเรียนไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ตามแนวนโยบายที่ว่า “ถ่ายทอดภูมิปัญญา ศึกษาเทคโนโลยี แก่อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีคุณภาพ”

สวนสัตว์เชียงใหม่ประสบความสำเร็จได้ลูกนกเพนกวินฮัมโบลด์เกิดใหม่ ตั้งชื่อลัคกี้

สวนสัตว์เชียงใหม่ประสบความสำเร็จได้ลูกนกเพนกวินฮัมโบลด์สมาชิกใหม่ ตั้งชื่อ “ลัคกี้” เพราะเป็นตัวที่ 13 และเกิดที่เกิดในสวนสัตว์เชียงใหม่

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับข่าวดีว่ามีสมาชิกสัตว์เกิดใหม่ เป็นลูกนกเพนกวินฮัมโบลด์ ที่ฟัก ออกจากไข่ จำนวน1 ตัว เกิดจากพ่อชื่อเรนและแม่ชื่อเล็ก ซึ่งครอบครัวเพนกวินนั้น ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับมาจากสวนสัตว์ดุสิต และพ่อแม่นกเพนกวินได้วางไข่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2560 และลูกนกได้ฟักออกจากไข่เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2560

ลูกเพนกวินฮัมโบลด์ในเบื้องต้นสุขภาพ แข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่ยังไม่ทราบเพศ ก่อนหน้านี้แม่นกเพนกวินจะหวงมาก ทำให้พี่เลี้ยงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้มากนัก กระทั่งวันนี้ ลูกนกเพนกวินโตพอที่จะออกมาจากรังและออกมาอยู่ข้างนอกได้แล้ว

นับว่าเป็นความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ ทำให้ปัจจุบันสวนสัตว์เชียงใหม่มีนกเพนกวิน ฮัมโบลด์ เพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้รวมทั้งสิ้น 13 ตัว พร้อมจัดแสดงให้ นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความน่ารัก ได้ทุกวัน และทางเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ก็ได้ร่วมกันตั้งชื่อให้ว่า “ลัคกี้” ด้วย เพราะเป็นลูกนกเพนกวินตัวที่ 13 ซึ่งในต่างประเทศหมายถึงความโชคดี

สำหรับเพนกวินฮัมโบลด์มีการดัดแปลงอวัยวะที่ใช้ในการบินเพื่อการว่ายน้ำ มีหน้าอกและท้องสีขาว หลังมีสีดำ ส่วนหัวสีดำ มีลายเส้นสีขาวคาดจากฐานปาก ผ่านด้านข้างหัวลงมาถึงคอ อาศัยในเขตร้อนทางหมู่เกาะกูโน และชายฝั่งทะเลของเปรู และชิลี ทวีปอเมริกาใต้ อุณหภูมิที่ต้องการ 22-30 องศาเซลเซียส ในฤดูผสมพันธุ์นกชนิดนี้จะอยู่กันเป็นฝูงเล็ก ๆ อยู่ตามน้ำหรือขุดโพรงอยู่ตามพุ่มหญ้าสูงในป่าใกล้กับชายฝั่งทะเล วางไข่ ฟักไข่ ปีละ 1 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิ สร้างรังด้วยก้อนหิน กิ่งไม้ ใบหญ้า วางไข่ครั้งละ 1 – 3 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 39 วัน โดยตัวผู้เป็นผู้ฟักไข่

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัวข้อมูลเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นมือถือ ยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัว www.ThailandTourismDirectory.go.th เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานใหม่ข้อมูลเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นมือถือด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย เป็นการยกระดับในด้านความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว

ที่ห้องนันทา 2 โรงแรมฮอลลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัว “WWW.THAILANDTOURISMDIRECTORY.GO.TH : มาตรฐานใหม่ข้อมูลการท่องเที่ยวของประเทศไทย” โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัวเว็บไซด์และแอพพลิเคชั่นมือถือใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการบูรณาการความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆในประเทศ

โดยมีภาครัฐเป็นแกนกลางในการจัดทำข้อมูลดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน อ้างอิงแหล่งที่มาได้จากฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐ โดยร่วมมือในการจัดทำข้อมูลด้านการท่องเที่ยวจากเจ้าของข้อมูลในพื้นที่ ชุมชนท้องถิ่น ทั่วทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์หลากหลายในการท่องเที่ยวในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสในการกระจายรายได้ไปยังชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา Digital Tourism Platform ให้รองรับกับการใช้เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายในการชี้เป้าเมืองรองเมืองหลัก รวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆในชุมชน ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และการสนับสนุนด้านงบประมาณจากภาครัฐ เป็นพิเศษสำหรับพื้นที่จังหวัดที่มีแผนการพัฒนาตนเองจากจุดท่องเที่ยว ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวและเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งภายหลังจากการพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้ว ก็จะนำมาซึ่งการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวต่างๆ มายังพื้นที่เมืองรองในอนาคตต่อไป

สำหรับ กลไกของศูนย์ปฏิบัติการ Digital Tourism ทั้งในส่วนกลางและส่วนจังหวัด จะทำหน้าที่ในการบริหารจัดการข้อมูลดิจิทัลที่มีคุณภาพเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยว และเส้นทางท่องเที่ยว เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อการบริการข้อมูลดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวของประเทศ กว่า 3,000 รายการ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวผ่านทางเว็บไซต์ WWW.THAILANDTOURISMDIRECTORY.GO.TH และ Mobile Application เช่น กิจกรรมการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร สินค้าในชุมชน และบริการด้านสุขภาพ

สามารถใช้งานได้ถึง 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และจีน พร้อมมีระบบรับแจ้งแก้ไขข้อมูล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการแจ้งปรับปรุงข้อมูลการท่องเที่ยวให้มีความถูกต้องครบถ้วน และเป็นปัจจุบันมากที่สุด ในการนี้ ยังได้มอบประกาศนียบัตรให้กับจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ให้ความร่วมมือในการจัดทำข้อมูลที่มีคุณภาพดังกล่าว

ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท ก๋วยเตี๋ยวราคาถูกที่สุดในประเทศยังคงเอกลักษณ์ราคาถูกสวนกระแสของแพงแต่ไม่ขึ้นราคา

หากคุณเป็นคนเชียงใหม่ หรืออยู่อาศัยที่จังหวัดเชียงใหม่มานาน จะต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อได้ว่า ราคาถูกที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นร้านไหนไปไม่ได้ นอกจากร้าน “ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท” เจ้าเก่าแก่ดั้งเดิม ที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มานานกว่า 30 ปี ถือเป็นขวัญใจมหาชน ทั้งนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น คนทำงาน ประชาชนทั่วไป เพราะนอกจากที่จะมีราคาประหยัดแล้ว ยังมีรสชาติที่ถือว่าไม่ธรรมดา นอกจากนี้ทางร้านยังแถมผักสดฟรี น้ำเปล่าฟรีอีกด้วย

สำหรับร้าน “ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท” นั้นตั้งอยู่ที่บริเวณ รัตนโกสินทร์ ซอย 1 ฝั่งตรงข้ามกับด้านหลังโรงเรียนปรินส์รอลแยล ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยร้านแห่งนี้จะเปิดตั้งแต่ 07.30 น. จนถึง 17.00 น.ทุกวัน ซึ่งเมนูของทางร้านก็จะมีมากมายหลายหลายไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตก น้ำใส หมู เนื้อ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก หมี่ขาว บะหมี่เหลือง โดยก๋วยเตี๋ยวทุกเมนูจะจำหน่ายในราคาชามละ 3 บาท ส่วนข้าวซอยจะจำหน่ายในราคาชามละ 20 บาท ส่วนราคาน้ำดื่ม กาแฟ, ชาเย็น ก็คิดแก้วละราคา 5 บาท นอกจากนี้ภายในบริเวณก็ยังมีร้านขายลูกชิ้นปิ้ง และหมูสะเต๊ะ ให้ลูกค้าได้รับประทาน

โดยหากเดินเข้ามาในร้านแล้ว ท่านจะต้องไปเอากระดาษปากกาที่โต๊ะหน้าเคาร์เตอร์มาจดรายการเพื่อ ส่งให้พนักงานเสริฟ จากนั้นเมื่อทานเสร็จ ทานจะต้องไปจ่ายเงินที่คุณยายคำปัน แสงสุวรรณ เจ้าของร้านวัย 77 ปี ที่นั่งรอคิดเงินให้กับลูกค้าที่มาอุดหนุนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ร้าน

โดยจากการสอบถามทางด้าน คุณยายคำปัน แสงสุวรรณ เจ้าของร้านวัย 77 ปี ได้เปิดเผยว่า ร้าน “ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท” แห่งนี้ ได้เกินมาตั้งแต่ พ.ศ.2529 โดยเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้ก็มีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งลูกชิ้น หมู เนื้อ น้ำตก น้ำใส ทุกเมนูมีราคาเท่ากันคือ 3 บาท และยังคงราคาเดิมมาตั้งแต่เปิดร้านจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรทางร้านก็ยังยืนยันจะไม่มีการขึ้นราคา เพราะตนก็ไม่ได้หวังกำไรจากการขาย แค่พอเลี้ยงตัวเองได้ก็พอใจ ถือว่านี่เป็นความสุขที่ได้เห็นลูกค้ากินก๋วยเตี๋ยวราคาถูก เป็นที่พึ่งของผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งยังถือเป็นเอกลักษณ์ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ราคาถูกที่สุดในประเทศไทย

ด้านนายอดิศักดิ์ แสนสุข หนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการได้กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ มักจะเดินทางมาทานก๋วยเตี๋ยวที่นี่อยู่เป็นประจำ เพราะมีราคาถูก แถมยังอร่อยถูกปากไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวราคาแพง นอกจากนี้ยังมีบริการผักสดและน้ำดื่มฟรี จนลูกค้าหลายคนก็แวะมากินเป็นประจำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่ชักชวนรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ มาแข่งกินก๋วยเตี๋ยว จากนั้นจะเอาชามมาเรียงต่อๆ กัน ซึ่งถ้าหากใครกินน้อยสุดเป็นคนจ่ายเงิน ถือเป็นความสุข และเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของร้านแห่งนี้อีกด้วย

เชียงใหม่จัดงานสตรอว์เบอร์รี่อย่างยิ่งใหญ่ 9-11 กุมภาพันธ์ นี้

อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดยิ่งใหญ่ จับมือกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่และเกษตรกรในพื้นที่จัดงานสตรอว์เบอร์รีสะเมิง ครั้งที่ 17 พร้อมไฮไลท์ประกวดธิดาชนเผ่า และธิดาสตรอว์เบอร์รี และขบวนแห่ประดับด้วยสตอรว์เบอร์รีทั้งคันรถ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่

ที่ห้องโถงสำนักงานสภาเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ถนนคันคลองชลประทาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง และนายวิทยา นาระต๊ะ รองประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวงาน “เทศกาลสตรอว์เบอร์รี่ และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 17 ประจำปี 2561” ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 9 – 11 กุมภาพันธ์ 2561

นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การจัดงานสตรอว์เบอร์รีสะเมิง มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย และสิ่งสำคัญงานนี้ยังเป็นการนำเกษตรแปลงใหญ่และกลุ่มเครือข่ายเกษตรในพื้นที่ มาร่วมกันจัดงาน มาจัดแสดงสินค้า เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพให้กับประชาชนที่เข้าไปเที่ยวงาน ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวงานเป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้มากขึ้นด้วย

จึงอยากจะฝากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันมากๆ เพราะจะได้สินค้าที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรจากมือผู้ผลิตโดยตรงและยังได้สินค้าที่มีราคาถูก มีคุณภาพอีกด้วย

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์การปลูกสตรอว์เบอร์รีในจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2560/61 มีพื้นที่ปลูกจำนวน 6,178 ไร่ ในเขตอำเภอ 10 อำเภอ ได้แก่ สะเมิง แม่วาง ฝาง แม่แจ่ม แม่ริม เมือง จอมทอง แม่ออน หางดง และกัลยาณิวัฒนา ผลผลิตเฉลี่ย 2,100 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะนี้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วประมาณ 2,064 ไร่ ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ประมาณ 4,334 ตัน ในเขตของพื้นที่อำเภอสะเมิง มีการผลิตสตรอว์เบอร์รี จำนวน 4,333 ไร่ เกษตรกร 457 ราย

ในส่วนของสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับงบประมาณจากกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการ โครงการพัฒนาคุณภาพมารฐานสินค้าเกษตร (GAP) และแปลงใหญ่สตรอว์เบอร์รี ซึ่งมีสมาชิก 160 ราย พื้นที่ 1,021 ไร่ โดยมีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ( ศพก.) เป็นแหล่งเรียนรู้ในการผลิตสตรอว์เบอร์รีคุณภาพ

นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 17 แล้ว ถือเป็น 17 ปี ที่มีการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 เป็นต้น ปีนี้จะมีการจัดขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 9 – 11 กุมภาพันธ์ 2561 โดยนำสตรอว์เบอร์รี่ พร้อมของดีของอำเภอสะเมิงมาจัดงาน โดยทางอำเภอได้เน้นเรื่องคุณภาพเป็นอย่างมาก สตอรว์เบอร์รี่ต้องปลอดภัย ใส่ใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเข้าไปสนับสนุนเกษตรกร และให้ความรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและวิชาการทางการเกษตร ไม่ใช้สารเคมี ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่สตรอว์เบอร์รี่ 4.0 ภายใต้แนวคิด “38 ปี ใต้ร่มพระบารมี สตรอว์เบอรี่สะเมิง 4.0”

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าสตรอว์เบอร์รี่ สินค้าแปรรูปที่มาจากสตอรว์เบอร์รี่ รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ สินค้าของดีของอำเภอสะเมิง ตามสโลแกน “ราคาเป็นมิตร คุณภาพปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” และยังมีการจัดขบวนรถแห่ที่ประดับตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่ทั้งคันกว่า 7 คัน มีทั้งกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ในการปลูกสตอรว์เบอร์รี่ในพื้นที่ และภาคเอกชน มาร่วมงาน

มีการจัดประกวดสตรอว์เบอร์รี่ ประกวดผลผลิตทางการเกษตร และประกวดการจัดสวน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม การประกวดชุดสบายสไตล์สตอรว์เบอร์รี่ ประกวดร้องเพลง สำหรับไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคือ การประกวดธิดาชนเผ่า และประกวดธิดาสตอรว์เบอร์รี่

โดยการจัดงานครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นการเผยแพร่ข่าวสารให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่า ในพื้นที่อำเภอสะเมิง มีของดีอะไรบ้าง มีวัฒนธรรมประเพณีอะไรบ้าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้และเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ เป็นการกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้ มีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าของตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับตลาดและการท่องเที่ยวในอนาคต

รัฐบาลญี่ปุ่นมอบรถพยาบาลขับเคลื่อนสี่ล้อและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร

นาย คะซึโนริ คาวาดะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ได้ทำการมอบรถพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ รวมมูลลค่า 2,785,000 บาให้กับโรงพยาบาลเชียงกลาง จ.น่าน โดยมี นพ.อภิชิต สถาวรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงกลาง เป็นผู้รับมอบ ตามโครงการพัฒนาระบบการบริการด้านการแพทย์เพื่อประชาชนในพื้นที่สูง สนับสนุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์

สำหรับการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากโรงพยาบาลเชียงกลาง มีพื้นที่ความรับผิดชอบครอบคลุมหลายหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ในถิ่นธุรกันดารบนภูเขาสูง ทำให้ระบบการแพทย์ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยเข้าถึงได้ยาก อีกทั้งทางโรงพยาบาลเชียงกลางยังไม่มีรถพยาบาลขับเคลื่อนสี่ล้อที่จำเป็นต่อการรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่สูง ส่งผลทำให้โรงพยาบาลเชียงกลางไม่สามารถให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง

ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสนับสนุนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาระบบการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่สูงและการบริการทางการแพทย์ในอำเภอเชียงกลางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น