ผวจ.เชียงใหม่แจ้งดำเนินคดี“พิมฐา”เน็ตไอดอลฐานฝ่าฝืนคำสั่งคกก.โรคติดต่อส่วนยอดผู้ติดโควิดเวียงพิงค์พุ่งเปิดรพ.สนามรองรับอีกรอบ

บ่ายวันที่ 5 ก.ค. นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ มอบอำนาจให้ นายวิชัย ว่องสาริการ นิติกรปฏิบัติการ ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.อดุลย์ สายสม รอง ผกก. สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ฐานิดา มานะเลิศเรืองกูล หรือ “พิมฐา” อายุ 28 ปี ที่อยู่ย่ายตำบลหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 61/2564 เรื่อง มาตรการควบคุมผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเหตุเกิดที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2564 เวลา 09.15 น.

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏตามไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 ราย CM4254 ซึ่งเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 26 มิ.ย. 64 ในเวลา 09.15 น. โดยพ่อขับรถมารับที่สนามบินเชียงใหม่ จากนั้นได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง กระทั่งวันที่ 30 มิ.ย. 64 ได้เข้ารับการตรวจโควิด-19 พบผลเป็น บวก และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ “พิมฐา” เป็นวัยรุ่นยุคใหม่แจ้งเกิดในฐานะเน็ตไอดอลจากการใช้ชีวิตของเธอที่ชอบถ่ายรูปและโพสต์ลงบนโซเชียล เพราะความน่ารัก สดใส ทำให้คนที่เห็นถูกตาต้องใจ กดติดตามไอจีจนมียอดฟอลโล่ หลายล้าน เรียกว่าเป็นเน็ตไอดอลอันดับต้น ๆของเมืองไทย ในขณะนี้เลยก็ว่าได้

วันเดียวกัน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ให้มีการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา หลังที่มีประกาศปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ซึ่งวันดังกล่าวเป็นการส่งผู้ป่วย 2 รายสุดท้ายกลับบ้าน โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเตียง เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อเตรียมรัสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่ง ณ ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ยอดผู้ติดเชื้อในช่วงนี้ยังมีจำนวนน้อยแต่ยังตรวจผู้พบติดเชื้อในทุกวัน โดยที่ข้อมูลวันที่ 5 ก.ค. 64 เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 17 คน ทั้งที่ในวันก่อนหน้านี้ (วันที่ 4 ก.ค. 64) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่แค่ 7 ราย

นพ.อำพร เอี่ยมศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีมติให้เปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ที่ศูนย์ประชุมอีกครั้ง เบื้องต้นจะเปิดราว 250 เตียง โดยจะเริ่มรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ป่วยน้อย หรือผู้ป่วยสีเขียวซึ่งวันนี้เชียงใหม่มีรักษาอยู่ 42 ราย ก็จะรับเอาผู้ป่วยที่ยังมีระยะเวลาในการรักษาตัวอีกหลายวันส่งมายัง รพ.สนามเชียงใหม่ ในช่วงบ่ายวันที่ 6 ก.ค. 64 ซึ่งคงไม่รับเข้ามาทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อบรรเทาเตียงที่มีในโรงพยาบาลหลักที่ต้องดูแลผู้ป่วยในระดับที่สูงกว่า และผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่ต้องการเตียงในโรงพยาบาลหลัก

รักทำไมต้องฆ่ารวบผัวโหดแทงเมีย7แผลดับ

พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.ชียงใหม่ นำหมายจับศาลจังหวัดฮอด ที่ จ.30/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย.64 ทำการจับกุมตัวนายบุญศรี อายุ 50 ปีชาวบ้าน ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร”

โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 29 มิ.ย.64 ที่ผ่านมาร้อยเวร สภ.ฮอด ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกแทง เสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณ ริมถนนท้ายหมู่บ้านนาฟ่อน หมู่ 4 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุเป็นป่าหญ้าข้างทางห่างจากหมู่บ้านประมาณ 100 เมตร พบศพนางแก้ว อายุ 58 ปี ภรรยานายบุญศรี ถูกอาวุธมีดแทงบริเวณนมขวา ทรวงอก 7 แผล เสียชีวิต หลังการสอบสวนทราบว่าคนร้ายคือนายบุญศรี จึงได้เสนอศาลออกหมายจับ และกดดัน จนนายบุญศรี หนีไม่รอด จึงเข้ามอบตัวในที่สุด

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามือมีดกับภรรยาอยู่กินกันมานานหลายปี และมักทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ และทุกครั้งที่ทะเลาะกันมักมีการลงไม้ลงมือทำร้าย จนนางแก้ว ทนไม่ไหว เลิกลาอย่าขาดจากกัน เพราะยังรักอยู่ก่อนเกิดได้ตามมาง้อขอคืนดีแต่นางแก้ว ไม่ใจอ่อนคืนดีด้วยเพราะกลัวถูกทำร้ายอีกจึงถูกมีดแทงจนเสียชีวิตดังกล่าว

ตั้งวงเหล้าพูดไม่เข้าหูมีดสับคอเพื่อนร่วมวงดับ

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน. ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับรายงานจากพ.ต.อ.พิธาน ขวัญเมือง ผกก.สภ.ไชยปราการ พร้อมชุดสืบสวนสภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ว่าได้ทำการจับกุมตัวนายจิตวัต อายุ 28 ปี ชาวบ้าน ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลม นำตัวดำเนินดคีข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร”

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเช้าววันที่ 30 มิ.ย. ร้อยเวร สภ.ไชยปราการ ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกฆ่าตาย เหตุเกิดที่บริเวณห้องพักคนงาน หลังร้านอาหารครัวริมน้ำ หมู่ 7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพนายน้อย ลุงเฮือง อายุ 42 ปีสัญชาติเมียนมา สภาพศพถูกฟันด้วยมีดเข้าที่ที่บริเวณลำคอ เป็นแผลยาว นอนตายจมกองเลือด จากการสอบสวนทราบว่ากอนเกิดเหตุผู้ตาย ทำงานเป็นพนักงานของร้านอาหารดังกล่าว และมักชอบมีเรื่องทะเลาะกับนายจิตวัต บ่อยๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงติดตามหาตัวนายจิตวัต ซึ่งหลังก่อเหตุหลบหนีไปอยู่บ้านญาติ นำตัวมาสอบสวนให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุราวๆ 5 ทุ่มคืนที่ผ่านมาขณะที่ตนเดินเล่นและพบนายน้อย กำลังนั่งดื่มสุราคนเดียว จึงเข้าไปทักทายและร่วมวงพูดคุยกัน และพูดคุยไม่ถูกหูเริ่มทะเลาะกัน ผู้ตายวิ่งเข้าห้องพักหลังร้านเพื่อหยิบมีดมาฟันตนเองแต่ฟันไม่โดน ตนก็เอามีดที่พกมาฟันเข้าที่คอนายน้อยหนึ่งครั้งจนร่างล้มลงมีเลือดไหล ตนคิดว่าแค่สลบไม่ถึงตาย จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

รวบสาวเอ็นพร้อมแฟนหนุ่มตั้งตนเป็นแม่เล้าส่งเด็กสาวบำเรอกามตามออเดอร์คิดค่าบริการครั้งละ2พันบาทมีเด็กอายุไม่เกิน15ปีในสังกัดด้วยผบช.ภาค5ลั่นเตรียมสาวถึงผู้ซื้อบริการด้วย

ที่กองบังงคับการตำรวจสืบสวนภาค 5 พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผบช.ภ 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ5 ได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 2 คนเป็นแฟนกันชื่อนาย ก (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี และนางสาว ข (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี โดยฝ่ายชายทำงานรับจ้างทั่วไป ส่วนผู้หญิงทำงานเป็นสาวเอ็นเตอร์เทน ในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางคลิปภาพวงจรปิดคนร้ายขณะนำเด็กสาวไปส่งให้กับลูกค้าตามบ้านและโรงแรมตามออร์เดอร์ที่สั่งและหลักฐานการจ่ายเงิน

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.5 เปิดเผยว่าพฤติกรรมของคนร้ายทั้งสองคนนี้ จะสร้างกลุ่มไลน์ขึ้นมา และหาเด็กหญิงที่มีปัญหาทางครอบครัวหรือติดยาเสพติด แล้วจะชักชวนให้เด็กมาค้าประเวณี โดยคนร้ายนั้นจะใช้ระบบติดต่อกับลูกค้าทางโซเซียล ทางกลุ่มไลน์ และนำตัวเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และหญิงสาวสวยหน้าตาดี นำไปส่งให้กับลูกค้าที่ติดต่อมาถึงบ้านหรือที่โรงแรม ตามออเดอร์ที่สั่งและตกลงกันไว้ โดยคิดค่าบริการ 1,500 บาท ถึง 2,000 บาท โดยเด็กจะได้รับเงินค่าตอบแทน 500-1,000 บาท แล้วแต่กรณี ทางตำรวจสืบสวนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุดและนำตัวผู้ต้องหาไปค้นหาหลักฐานตามที่พักของผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งได้หลักฐานมาพอสมควร รวมทั้งได้รับการร้องเรียนและให้ข้อมูลจากพลเมืองดีมาด้วย ทำให้ทางตำรวจสามารถติดตามสืบสวนจับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนในกรณีเด็กหญิงที่ถูกหลอกล่อไปค้าบริการ นั้นพวกที่ใช้บริการกับเด็ก ทางตำรวจได้ขยายผลดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไปอีกว่ามีใครบ้าง ใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการกันต่อไป จากการสอบสวนตัวผู้ต้องหาฝ่ายหญิงรับสารภาพ ส่วนฝ่ายชายยังให้การปฏิเสธอยู่ ผบช.ภาค5 กล่าวในที่สุด

จับไอ้โจรโหดปาดคอแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวดับชิงทอง3สลึงหลบหนีตร.ตามลากคอได้ชั่วข้ามคืนสารภาพตกงานไม่มีเงินเพราะพิษโควิดระบาด

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เรียกประชุมชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ และ และชุดสืบสวน สภ.แม่อาย นำโดยพ.ต.ท.สนิท มาลา รองผกก.สส. รักษาราชการแทนผกก.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อทำการประชุมติดตามล่าตัวคนร้ายฆ่าปาดคอแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวชิงสร้อยคอทองคำหลบหนี

เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 27 มิ.ย ที่ผ่านมาได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คนสวมเสื้อแขนยาวด้านหน้าสีขาว ด้านหลังสีฟ้า ใส่แก๊ปสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ขับขี่รถจักยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีส้มดำ มาจอดที่หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวของนางวันเพ็ญ อายุ 63 ปี ในหมู่บ้าน หมู่ 8 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แล้วทำทีมาขอซื้อก๋วยเตี๋ยว พอนางวันเพ็ญ เผลอคนร้ายก็ชักอาวุธมีดปลายแหลมออกมาจี้คอนางวันเพ็ญ และบังคับให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 3 สลึงมูลค่า 20,000 บาทให้กับคนร้าย แต่านางวันเพ็ญ ขัดขืนคนร้ายจึงปาดเข้าที่คอด้านซ้ายเป็นแผลยาวจนร่างล้มลงจมกองเลือด ก่อนดึงเอาสร้อยทองแล้วขึ้นจยย. หลบหนีไป ต่อมาทางชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ได้ช่วยพาตัวนางวันเพ็ญ ส่งรพ.แม่อาย แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติและชาวบ้าน

ต่อมาบ่ายวันที่ 28 มิ.ย.ชุดสืบสวนสามรถติดตามจับกุม นายชิงชิง แซ่จาง อายุ 35 ปี ชาวบ้านบ้านแม่สลองนอก อ.แม่สลอง จ.เชียงราย ขณะขับขี่รถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำส้ม หมายเลขทะเบียน 2 กฆ 732 เชียงใหม่ บนถนนในหมู่บ้านสันต้นหมื้อ อ.แม่อาย นำตัวมาสอบสวนทราบว่านายชิงชิง มีประวัติก่อคดีชิงทรัพย์มาหลายคดีเคยติดคุกหลายครั้ง ส่วนครั้งนี้สารภาพว่ามาหางานทำที่ อ.แม่อาย แต่ด้วยพิษโควิดระบาดไม่มีใครจ้างตกงานมาหลายเดือนจึงลงมือก่อเหตุหลังเกิดเหตุนำทองไปขายร้านทอง จ.เชียงราย แล้วย้อนกลับมากบดานที่ห้องเช่าใน อ.แม่อาย ทำทีไม่รู้ไม่เห็นและไม่ทราบว่ากล้องวงจรปิดจะจับภาพไว้ได้จนถูกจับกุมดังกล่าว

สนธิกำลังบุกตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พวกจ.แพร่พบกลุ่มนายทุนบุกรุกกว่า26ไร่เตรียมสืบสวนขยายผลดำเนินคดี

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ ยอดคำ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.5 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ห้วยไร่ จ.แพร่ นำกำลังตรวจค้นพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง จำนวน 26 ไร่ 52 ตารางวาคิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นจำนวนเงิน 1.7 ล้านบาท และพบไม้กระยาเลยแปรรูป (จำปี,แดงน้ำ) จำนวน 30 ชิ้น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.46 ลบ.ม. อุปกรณ์ในการกระทำความผิดถังเก็บน้ำขนาด 1,๐๐๐ ลิตร จำนวน 1 ถัง สายยางสีดำ จำนวน 1 เส้นท่อน้ำพีวีชี จำนวน 10 เส้นจอบ จำนวน 1 เล่ม

การตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มนายทุนบุกรุกแผ้วถางทำลายพื้นที่ป่าที่บริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พวก ม.7 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบก็พบพื้นที่ป่าสงวนถูกบุกรุกแผ้วถางทำลาย จำนวน 26 ไร่ มีการแปรรูปไม้ทิ้งไว้ด้วย แต่กลุ่มผู้กระทำความผิดไหวตัวทันหลบหนีไปได้เสียก่อน ซึ่งได้ยึดของกลางทั้งหมดไว้ และสืบสวนสอบสวนขยายผลหากลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

สิ้นชื่อมือปืนดังซุ้มเมืองแพร่”เบิร์ดน้ำชำ”ถูกสืบสวนภาค5วิสามัญดับกลางป่าประวัติโชกโชนพัวพันคดีฆ่าอดีตนายกอบจ.แพร่หลบหนีคดีซุกสวนมะม่วงกลางป่าหาญสู้ตร.ชักปืนยิงใส่โดนสวนกลางหน้าอกดับ

พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รองผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวน นำหมายศาลจังหวัดแพร่ เลขที่ จ. 166/2563 ลงวันที่ 22 ก.ย.63 เดินทางไปจับกุมนายเอกภูมิ หรือ เบิร์ด เครือแก้ว อายุ 39 ปี หรือ ฉายา “เบิร์ดน้ำชำ” มือปืนชื่อดังซุ้มเมืองแพร่ ชาว อ.สูงเม่น จ.แพร่ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังพบเบาะแสหลบหนีมากบดาลในสวนมะม่วงที่ตั้งอยู่บนดอยสูง ในพื้นที่บ้านใหม่หนองบัว ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่

กำลังตำรวจขับรถยนต์ลัดเลาะมาตามเส้นทางผ่านป่าเขาและดอยสูงเพื่อไปยังสวนมะม่วง เนื้อที่กว่า 100 ไร่ ระหว่างทางพบนายเบิร์ดกำลังขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 2 กญ 3174 เชียงใหม่ สวนทางลงจากดอยมา เมื่อนายเอกภูมิ เห็นตำรวจจึงรีบวกรถจักรยานยนต์เพื่อจะหลบหนี แต่จักรยานยนต์ล้ม ทางเจ้าหน้าที่จึงจอดรถและเข้าไปหมายจับกุมตัวตามหมายจับ แต่านายเบิร์ด ได้ชักอาวุธปืนยิงใส่ตำรวจ จำนวน 1 นัด ทางเจ้าหน้าที่จึงหลบกันจ้าละหวั่น และเจ้าหน้าที่จึงมีการยิงตอบโต้ไปถูกเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 นัด เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่และค้นในตัวพบยาบ้าจำนวน 1 มัด รวมยาบ้า 2,000 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเดินทางไปยังกระท่อมที่พักที่ใช้หลบซ่อนตัว ซึ่งตั้งอยู่ในสวนมะม่วง พบนายจะเผอะ จะแย อายุ 33 ปี ชาวเขาเผ่ามูเซอ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายเบิร์ด อยู่ภายในกระท่อม จึงควบคุมตัวไว้ และจากการตรวจค้นภายในกระท่อมพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีก 7,000 เม็ด ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

จาการสอบสวนพบว่า ประวัติของนายเอกภูมิ หรือ ฉายา เบิร์ดน้ำชำ เป็นมือปืนที่อยู่ในซุ้มมือปืนเมืองแพร่ ในอดีตเมื่อปี 2550 มือปืนในซุ้มดังกล่าวเคยพัวพันกับการยิงนพ.ชาญชัย ศิลปะอวยชัย อดีตนายก อบจ. แพร่ เสียชีวิตขณะออกกำลังกายที่ จ.แพร่ จากนั้นเพื่อนร่วมแก๊งถูกจับกุมได้ 4 คน แต่นายเบิร์ด หลบหนีรอดมาได้ ต่อมาหันมารับงานอิสระ โดยเน้นรับงานเป็นเอเย่นต์จัดส่งยาเสพติดในพื้นที่จ.แพร่ และเคยถูกจับกุมตัวมาแล้วจำนวน 8 ครั้งในคดีครอบครองยาเสพติด และเสพยาเสพติด โดยล่าสุดได้พ้นโทษมาเมื่อปี 62 และก็หันมารับจ้างทวงหนี้เงินค่ายาเสพติด และเมื่อปี 63 ได้ไปทวงเงินและยิงนักค้ายารายหนึ่งเสียชีวิตที่ จ.แพร่ และถูกศาลออกหมายจับ ก่อนจะหลบหนีมากบดาลในพื้นที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และระหว่างที่หลบซอนตัวอยู่ ก็ได้สั่งซื้ออาวุธปืนไว้หลายกระบอก เพราะทราบข่าวว่าจะมีการส่งคนมาเก็บตัวเองเพื่แแก้แค้น จนถูกตำรวจติดตามจับกุม และยิงต่อสู้ตำรวจและถูกวิสามัญ

พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีหมายจับของ สภ.สูงเม่น เมื่อปี 2563 หลังก่อเหตุยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่านายเอกภูมิเป็นผู้ก่อเหตุ จึงออกหมายจับ จนกระทั่งทราบว่ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่อำเภอไชยปราการ โดยพฤติกรรมของนายเอกภูมิ นอกจากมีอาชีพเป็นมือปืน ยังค้ายาเสพติด เป็นเอเย่นรับยา และส่งยาเสพติดให้เครือข่าย ล่าสุดเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจึงนำหมายศาลมาจับกุม ซึ่งนายเอกภูมิก็กำลังจะเดินทางไปก่อเหตุยิงผู้อื่นอีกหลังรับงานมาจากนายทุนรายหนึ่งไว้ด้วย

รวบแล้วโจรจี้ร้านทองเยาวราชเวียงแหง

 

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 มิ.ย. ได้มีคนร้ายเป็น ชาย 2 คน ขับขี่รถจยย. มาจอดหน้าร้านห้างทองเยาวราชเวียงแหง เลขที่ 327/1 หมู่ 4 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ โดยคนร้ายจำนวน 1 คน เดินเข้ามาในร้าน โดยทำทีสอบถามราคาทอง หลังจากนั้นได้กระโดดขึ้นมาใช้ค้อนและก้อนหินทุบไปยังตู้กระจกที่เก็บทองรูปพรรณไว้ และคนร้ายได้ชักอาวุธปืนพกชนิดลูกโม่ ยิงไปที่เจ้าของร้านหลายครั้ง แต่กระสุนไม่ลั่น และคนร้ายกวาดทองรูปพรรณ ใส่กระเป๋าเป้ไป จำนวน 32 บาทก่อนหลบหนีไป ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เช้าวันที่ 23 มิ.ย.64 พ.ต.อ.อัครภณ วริศเจริญ ผกก.สภ.เวียงแหง พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ จับกุมตัวนายอะเลปะ จันจา อายุ 31 ปีอาศัยอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่ บ้านเปียงหลวง หมู่ 1 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.379/2564 ในข้อหา”ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ โดยมียานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม และพยายามฆ่า” ก่อนนำตัวมาสอบสวน

นายอะเลปะ ให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นหนึ่งในสองคนร้ายที่ควงปืนบุกจี้ร้านทอง โดยเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุ คือ นายอาเบ เป็นคนเร่ร่อนไม่มีงานทำเหมือนกัน จึงคุยกัน นายอาเบ ก็วางแผนว่าจะปล้นร้านทอง แล้วหนีไปต่างจังหวัดนำทองไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน โดยนายอาเบ ให้ตนไปยืมรถจยย. ที่ใช้ก่อเหตุจากเพื่อนของตน ตนทำหน้าที่ขับรถมาจอดข้างร้านทอง และนายอาเบ ลงไปใช้อาวุธปืน ก่อเหตุชิงทอง พอได้มาตนเป็นคนขับรถพากันหลบหนีไปที่จอดท้องที่ลำน้ำแตง และทิ้งรถและแยกกันกันหลบหนี โดยจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน แต่โทรศัพท์ของตนดันตกน้ำ ทำให้ติดต่อนายอาเบ ไม่ได้ตนจึงกลับมากบดาลที่ห้องเช่า ไม่คาดจะถูกตำรวจตามรวบ หลังการจับกุมตัวผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ได้รกะจายกันสืบสวน เพื่อตามล่าจับกุมตัวคนร้ายอีกคนให้ได้โดยเร็ว และจะได้นำของกลางทองจำนวน 32 บาท มูลค่ากว่า 9 แสนบาทกลับคืนให้แก่ร้านทองต่อไป โดยคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้

สองคนร้ายควงปืนบุกจี้ร้านทองเยาวราชเวียงแหงกวาดทองหนัก20บาทหลบหนี

 

บ่ายวันที่ 21 มิ.ย.64 พ.ต.อ.อัครภณ วริศเจริญ ผกก.สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายควงอาวุธปืน บุกจี้ร้านทอง เหตุเกิดที่ร้านทองเยาวราชเวียงแหง บ้านเวียงแหง ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง หลังรับแจ้งเหตุจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหคุพร้อมพวก

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเจ้าของและพนักงานของร้านอยู่ในอาการตกใจ จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน พบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย 2 คนเป็นชายขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านทอง โดยหนึ่งในคนร้าย สวมหมวกกันน็อก เสื้อกันหนาวแขนยาว ได้เดินเข้ามาที่ร้านและทำทีขอดูทอง ก่อนคนร้ายจะชักอาวุธปืนพกสั้นออกขู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ร้านก็พยายามต่อสู้โดยการใช้เก้าอี้ขว้างใส่ แต่คนร้ายก็ไม่หนี กลับใช้อาวุธปืนจ่อแล้วยังตะโกนว่าอยากตายหรือ ก่อนคนร้ายใช้ด้ามปืนทุบกระจก กวดาเอาทองคำรูปพรรณหนักเส้นละ 1 บาทจำนวน 20 เส้นรวมน้ำหนักทองที่ตนร้ายได้ไปจำนวน 20 บาทและวิ่งออกมาขึ้นรถหลบหนีไปได้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้กระจายวิทยุออกปิดล้อมเส้นทางหลบหนีคนร้ายแล้วแต่ยังไม่พบตัวแต่อย่างไร

กองปราบบุกจับกุมบ่อนพนันออนไลน์บ้านรักไทยเมืองสามหมอกขนคนจีน200คนเข้ามาดำเนินการชาวบ้านสุดทนร้องกองปราบบุกทลายชี้เป็นบ่อนกาสิโนออนไลน์ระดับโลกใช้หมู่บ้านคนจีนเป็นฐานเชื่อมโยงกับบ่อนในเมียนมาลูกค้าพนันทั่วโลก

ตำรวจกองปราบปราม ได้นำกำลังเกือบ 100 นาย เข้าจับกุมกลุ่มชาวจีนที่พัวพันกับการพนันออนไลน์ ที่บ้านรักไทย หมู่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จับผู้ต้องหาได้ทั้งหมดจำนวน 57 คน เป็นชาย 54 คน หญิง 3 คน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุค จำนวนมาก ตู้เซฟ 1 ตู้ และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ

การจับกุมดังกล่าว พบว่า กลุ่มชาวจีนกลุ่มดังกล่าวได้เริ่มเข้ามาเปิดบ่อนกาสิโนออนไลน์มาตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านรักไทย หวั่นจะนำพาโรคโควิดเข้าหมู่บ้าน แหล่งข่าวชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า พื้นที่ตั้งของบ้านหลังดังกล่าว เดิมมีเจ้าของเป็นผู้หญิง อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ต่อมาได้ขายบ้านและที่ดินให้กับคนจีนที่เข้ามาซื้อไว้ก่อนที่เจ้าของเดิมจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นก็ได้มีการปรับปรุงก่อสร้างเป็นห้องแถวกว่า 15 ห้อง ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน 64 จึงแล้วเสร็จ และมีการสร้างเป็นศูนย์คอลเซนเตอร์ มีอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก 2-3 ร้อยเครื่อง และทราบว่าจะมีการนำอุปกรณ์อีกจำนวนมาก รวมไปถึงตู้คอนเทนเนอร์ อีก 300 ตู้เข้ามาและนำออกไปเปิดบ่อนกาสิโน ที่บ้านกองมุ่งเมือง ฝั่งประเทศเมียนมาในเขตรับผิดชอบของ กองทัพกู้ชาติแห่งรัฐฉาน SSA และ กลุ่มว้าอิสระ WNA ซึ่งติดชายแดนไทย ตรงข้ามบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยครั้งแรกมีคนจีนจากนอกพื้นที่เข้ามากว่า 200 คน ซึ่งชาวบ้านรักไทยตกใจกันว่าจะมีการนำเชื้อโควิดเข้ามายังหมู่บ้าน

หลังจับกุมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์แม่ฮ่องสอนได้เข้าไปตรวจคัดกรองสอบสวนโรควัดอุณหภูมิร่างกายผู้ที่ถูกจับกุมทุกคน และในเวลาต่อมาของวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาควบคุมตัวและสอบปากคำที่ สภ.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยไม่ยอมให้ข้อมูลใด ๆ แก่ผู้สื่อข่าว อ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่สามารถให้ข้อมูลได้