บ้านฝั่งแวนรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอบลำไยแห้งหวังกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างพอเพียง

ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน บ้านฝั่งแวน ม.11 ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา นายนภดล เข็มเพชร กำนัน ต.เชียงบาน ได้จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอบลำไยบ้านฝั่งแวนขึ้นโดยมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 75 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภายในหมู่บ้านทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดพะเยาอีกด้วย

นายนพดล กล่าวว่า ในหมู่บ้านฝั่งแวนแห่งนี้ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะปลูกลำไยกันมาก ซึ่งลำไยที่ปลูกนั้นก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 พันธุ์คือ อีดอ และเบี้ยวเขียว แต่ลำไยพันธุ์อีดอนั้นมีรสชาติค่อนข้างดีจึงเป็นที่นิยมที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อไปรับประทานสดกัน ส่วนพันธุ์เบี้ยวเขียวนั้น รสชาติจะเป็นลองลงมา ทั้งนี้จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นที่ต้องการของตลาดมากนักดังนั้นตนจึงคิดว่าหากขายสดไม่ได้ก็ต้องแปรรูปเป็นอีกแบบเพื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้จึงได้ปรึกษากับกลุ่มชาวบ้านแล้วได้นำแนวคิดไปพูดคุยกับทางเกษตรจังหวัดพะเยา จนได้รับการสนับสนุนในการแปรรูปลำไยนี้ด้วยการใช้วิธีอบ ซึ่งทางเกษตรจังหวัดพะเยาได้สนับสนุนเครื่องอบลำไยมาทดลองในการแปรรูปลำไยในครั้งนี้ สำหรับเครื่องอบลำไยนี้ใช้หลักการทำงานอบด้วยไฟฟ้าและแก๊ส ทั้งยังมีการควบคุมอุณหภูมิด้วยเช่นกัน แต่ลำไยที่จะแห้งกรอบ หวาน นั้นขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผลลำไยด้วย โดยหากที่ผลลำไยหนามากก็จะใช้เวลาถึง 10 ชม. แต่หากหนาไม่มาก จะอยู่แค่ 6 ชม.ของการอบในแต่ละครั้ง และหลังจากนั้นก็จะได้ลำไยอบแห้งที่แสนอร่อย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้อีกด้วย ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่จะวางจำหน่ายนั้นในเวลาตนเองได้ให้อาจารย์จาก ม.ราชภัฏเชียงราย ทำการออกแบบซองบรรจุภัณฑ์รวมทั้งโลโก้ที่ชวนให้คนซื้ออยากซื้อไปรับประทานอีกด้วย

การเพิ่มมูลค่าทางเกษตรนั้น ชาวบ้านฝั่งแวน ม.11 ต.เชียงบานนี้ส่วนใหญ่จะช่วยกันทำเกือบทั้งหมู่บ้าน เพราะถือได้ว่าชาวบ้านให้ความสนใจกับการแปรรูปผลผลิตทางด้านเกษตรกรรมในชนิดต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ด้วยการยึดมั่นชีวิตในวิถีแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง ร.9 ชาวบ้านที่นี่ต่างก็มีความเป็นอยู่ที่แสนเรียบง่ายและมีความสุขกันอยู่แล้ว และจะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนที่พบเห็นต่อไปในอนาคต นายนภดล กล่าวทิ้งท้าย

มิติใหม่การเมืองไทย”พรรคเสมอภาค”ดึงประชาชนทุกภาคส่วนร่วมตั้งและกำหนดนโยบายพรรค

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ พร้อมคณะผู้ร่วมจัดตั้งพรรคเสมอภาค จัดเวที ” วิพากษ์นโยบายพรรคเสมอภาค” ร่วมกับภาคประชาชน โดยมีการนำเสนอนโยบายที่หลากหลายจากแต่ล่ะกลุ่มสาขาอาชีพ พร้อมร่วมทำworkshopค้นหาแนวนโยบายที่ดีที่สุดในด้าน สังคม เศรษฐกิจและการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ซึ่งมีการสรุปนโยบายที่สำคัญ เช่น นโยบายการปฏิรูประบบการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนให้ทุกสาขาอาชีพเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายในอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นโยบายตั้งกระทรวงสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย นโยบายส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานและสวนไม้เศรษฐกิจ นโยบายการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเป็นระบบ นโยบายเพื่อพัฒนาครอบครัว เด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มชาติพันธุ์ และLGBT นโยบายการศึกษาเพื่อการมีงานทำ นโยบายการจายอำนาจให้ท้องถิ่นและท้องที่อย่างเสมอภาคแท้จริง เพิ่มการประเมินและตรวจสอบจากภาคประชาชน นโยบายยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก นโยบายแก้ไขปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน นโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด นโยบายยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยว นโยบายให้คนไทยทุกคนเข้าถึงโอกาสและสวัสดิการแห่งรัฐอย่างเสมอภาค นโยบายปฏิรูปกฎหมายให้ทันสมัยสอดคล้องกับสภาวการณ์ของโลก

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ว่าที่พรรคเสมอภาค ให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการจัดตั้งพรรคโดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของพรรค ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการเมืองไทย ที่จะทำให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง โดยหลังจากการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค เพื่อรับรองนโยบาย ข้อบังคับพรรค เลือกกรรมการบริหารพรรค และยื่นจดทะเบียนพรรคกับทาง กกต. จนได้รับการรับรองความเป็นพรรคเสมอภาคโดยสมบูรณ์แล้ว ทางทีมเสมอภาคจะเริ่มเดินสายลงพื้นที่ในทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อรับสมัครสมาชิกพรรค พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชนทั่วประเทศต่อไป.

เปิดพิพิธภัณฑ์”แม่ฮ่องสอนร่วมใจ”เล่าขานตำนานตำรวจเมืองสามหมอกแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวแห่งใหม่


พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภาค 5 เป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์”แม่ฮ่องสอนร่วมใจ” โดยมีนายเฉลิมพล มั่งคั่ง รอง.ผวจ.แม่ฮ่องสอน พล.ต.ต. ธีรพล อินทรลิบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน หัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ ประชาชน เข้าร่วมพิธี เปิดพิพิธภัณฑ์”แม่ฮ่องสอนร่วมใจ” ที่บ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนหลังเก่า ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

พิพิธภัณฑ์แม่ฮ่องสอนรวมใจ เป็นผลงานอันทรงคุณค่าบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตำรวจและวัฒนธรรมชาวแม่ฮ่องสอน สร้างไว้ให้จากใจของ พล.ต.ต. ธีรพล อินทรลิบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.63 นี้ โดยได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจใช้บ้านพักของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนหลังเก่าซึ่งสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังอาคารหลังนี้สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2442 มีอายุที่เก่าแก่กว่า 121 ปี ลักษณะเป็นบ้านเฮือนไตหรือบ้านไทใหญ่ มาปรับปรุงตกแต่งให้กลมกลืนกับสภาพเดิมให้มีความแข็งแรงคงทนถาวรทั้งใช้เงินส่วนตัว เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากพักพวกและเพื่อน ๆ จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากข้าราชการตำรวจทั้งในและนอกสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ให้การสนับสนุน จัดหาสิ่งของอันล้ำค่าจากสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมทั้งประวัติความเป็นมาของสถานีตำรวจ เช่น สถานีตำรวจภูธรเสาหิน ซึ่งเป็นสถานีตำรวจไกลปืนเที่ยงติดชายแดนไทย-เมียนมา อยู่ในพื้นที่ ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2470 และที่นานไม่กว่านั้นคือ สถานีตำรวจภูธรท่าตาฝั่งหรือโรงพักท่าตาฝั่ง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2444 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวินชายแดนไทย-เมียนมา ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง เป็นต้น

ภายในพิพิธภัณฑ์ ได้อัญเชิญเรือยนต์พระที่นั่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประทับในคราว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรทัศนียภาพและวิถีชีวิตของราษฎรอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนสองฝั่งลำน้ำปาย เมื่อปีพุทธศักราช 2545 จากสถานีตำรวจภูธรน้ำเพียงดิน มาบูรณะและประทับไว้ที่ศาลาเรือพระที่นั่ง ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเหรียญที่ระลึกสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตราแผ่นดิน รูปภาพโบราณและหนังสือพิมพ์เก่าแก่อายุกว่า 127 ปี เครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ห้องขังในอดีต ตู้ไม้สักเก็บอาวุธปืนเก่าโบราณ และอาวุธปืนเก่า และยังได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของตำรวจ ชุมชนเมืองแม่ฮ่องสอน แหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิต มรดกทางภูมิปัญญาท้องถิ่นในอดีตของจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมของชุมชน ประชาชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานต่าง ๆ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวชมทุกวันตั้งแต่เวลา 0900-1600 (ยกเว้นวันจันทร์ปิด) จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกและแนะนำประวัติความเป็นมาและสิ่งของภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย

ผบช.ภ.5 ติวเข้มตำรวจในสังกัด25สภ.แนวชายแดนภาคเหนือสกัดต่างด้าวป้องกันนำเชื้อโควิด19แพร่ระบาดในไทย

ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด 25 สภ.ตามแนวชายแดนพื้นที่ชายแดนภาคเหนือทั้งหมดเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวต่างด้าว โดยมีทหารกองกำลังผาเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อกวดขันตามพื้นที่ชายแดนและเส้นทางที่เชื่อมโยงภายในประเทศ รวมถึงสถานที่ต้องสงสัย ที่อาจจะมีชาวต่างด้าวไปอาศัยอยู่ เนื่องจากสถานการณ์ ไวรัส โควิด -19 ที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศเมียนมาและมีการลักลอบเข้าเมืองมาตามชายแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกรงว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19เข้ามาในประเทศไทยได้

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่าทางรัฐบาลและสำนังกานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ประสานเครือข่ายในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยเฉพาะภาคเหนือที่มีช่องทางธรรมชาติที่สามารถใช้หลบหนีเข้าเมืองได้หลายช่องทาง และในปัจจุบันรัฐบาลก็ยังไม่มีนโยบายในการป้องกันการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของเราโดยผู้จะเข้ามาต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือกันทุกฝ่ายเพราะได้มีเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้มาระดมกำลังกันเพื่อหามาตรการป้องกันความเสี่ยงร่วมกัน

โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.63 พบว่ามีผู้หลบหนีเข้าเมือง ในพื้นที่ 8 จังหวัดสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 คือเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง น่าน พะเยา แพร่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน รวมทั้งหมด 988 คน โดยพบว่าช่วงที่มีการจับกุมชาวต่างด้าวได้มากที่สุดคือในเดือน ส.ค. สามารถจับกุมได้ถึง 204 คน สำหรับ จ.เชียงราย พบว่าจับกุมได้จำนวน 527 คน โดยในส่วนของกองกำลังผาเมืองพบว่าระหว่างวันที่ 23 มี.ค.-31 ส.ค.63 จับกุมคนลักลอบเข้าเมืองได้จำนวน 153 ราย เป็นชาวเมียนมา 85 ราย ไทย 54 ราย ลาว 12 ราย และจีน 2 ราย โดย จ.เชียงราย มีนโยบายให้มีการดำเนินคดีและผลักดันกลับประเทศเดิมทันที

โดยสถานการณ์ในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับ จ.เชียงราย พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ราย มีรายงานว่าเป็นทหารที่เดินทางมาจากรรัฐยะไข่ และได้รักษาตัวอยู่ที่เมืองตองจี เมืองเอกของรัฐฉาน 1 ราย และชาวสวนยางพารารักษาตัวที่เมืองเชียงตุง ในส่วนของตะเข็บชายแดนที่ติดประเทศไทยยังไม่พบการติดเชื้อขณะ ที่ตลอดแนวชายแดนยังคงปิดการเข้า – ออก เหลือบางจุดเพื่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเท่านั้น

ปลายฝนต้นหนาวเที่ยวชมความสวยงามของนาขั้นบันไดที่บ้านป่าบงเปียงอ.แม่แจ่มจ.เชียงใหม่

 

 

ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ จังหวัเชียงใหม่ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้มาสัมผัสอากาศหนาวที่บริเวณยอดดอยอินทนนท์แล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมเดินทางไปยัง บ้านป่าบงเปียง ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปจะได้สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ และวิวป่าเขาพร้อมนาขั้นบันได ที่ถือว่าเป็นพื้่นที่ที่มีนาขั้นบันไดสวยที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอหรือชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงอีกด้วย

การท่องเที่ยวที่บ้านป่าบงเปียง เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่จะปลูกนาข้าวขั้นบันได และพื้นที่โดยรอบก็จะมีการปลูกไร่ข้าวโพดสลับกันความสวยงามของพื้นที่ที่เป็นหุบเขาทอดยาวลงไปทำให้เกิดความสวยงามของทิวทัศน์ นาขั้นบันไดที่ลดหลั่นลงไปตามแนวของเนินดอย และเป็นผืนกว้างที่สุดทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักถ่ายภาพจะเดินทางมาเก็บภาพความสวยงามของทุกช่วงวันที่จะทำให้เกิดความสวยงามแตกต่างกันของแสงในแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงประอาทิตย์ตกดิน นอกจากความสวยงามของวิวนาขั้นบันไดแล้วนักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้านโดยพักโฮมสเตย์ได้อีกด้วย

 

แสงธรรมส่องทางให้กับผู้สูงวัยชลอความแก่

เทศบาลตำบลชมภู อ.สารถี จ.เชียงใหม่ ได้เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของผู้สูงอายุ จัดโครงการพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุตำบลชมภู ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในกิจกรรม “พัฒนาสุขภาพจิต หัวใจสดใส ร่างกายแข็งแรง” ขึ้น ณ ลานกิจกรรมเทศบาลตำบลชมภู โดยมีประชาชน ผู้สูงอายุเข้าร่วมฟังการบรรยายธรรมะจากพระนักเทศน์ พระครูธีรสุตพจน์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้สูงอายุได้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง โดยใช้หลักธรรมเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ทั้งยังเป็นการสร้างแบบอย่างผู้สูงอายุที่มีคุณค่าต่อสังคมและชุมชนด้วย

โอกาสนี้ ดร.ธวัช ชัยแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลชมภู เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของผู้สูงอายุว่า ผู้สูงอายุนั้นถือว่าเป็นบุคคลสำคัญยิ่งเป็นผู้ที่วางรากฐานสร้างคุณงามความดีสร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองท้องถิ่นบ้านเกิเเมืองนอนมาอย่างต่อเนื่อง คุณค่าของผู้สุงอายุสูงวัยนั้นเรียกว่าสูงวัยอย่างมีคุณค่าทางสังคม โครงการดังกล่าวชัดเจนเทศบาลตำบลชมภูได้มุ่งเน้นส่งเสริมกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจให่เกิดแก่กลุ่มผู้สูงวัย การนำพระธรรมจากการเทศนาธรรมจากพระสงฆ์นั้นจะเป็นแสงแห่งธรรมส่องทางให้เกิดกับผู้ที่สูงวัย เราต้องยอมรับว่าทุกๆคนจะต้องดำเนินชีวิตมาถึงจุดๆนี้เช่นเดียวกัยหมด กิจกรรมตามโครงการจะทำให้สูงวัยทุกคนได้รับสิ่งดีๆทั้งร่างกายและจิตใจกับอย่างทั่วหน้า ยืนยันว่าโครงการแบบนี้จะเกิดขึ้นทุกๆปีและมีความต่อเนื่องเพื่อผู้สูงอายุ ดร.ธวัช กล่าวในที่สุด

สะพานบุญครูหนึ่งลงพื้นที่บ้านเกิดส่งมอบความห่วงใยผู้ประสบอัคคีภัยและผู้ยากไร้อำเภอแม่สะเรียงและแม่ลาน้อย

สำนึกรักบ้านเกิด นายชาติชาย น้อยสกุล ในนาม สะพานบุญครูหนึ่ง เดินทางเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยบ้านห้วยโผ และ มอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 5 ครอบครัวๆ ครอบครัวละ 1000 บาท พร้อม ถุงยังชีพ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียงซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของครูหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย รวม 45 ชุด

ครูหนึ่ง หรือ นายชาติชาย น้อยสกุล ทำหน้าที่เป็นสะพานบุญในการส่งต่อความห่วงใยการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามจิตศรัทธา ผู้ริเริ่มโครงการดีๆ ด้วยงบประมาณส่วนตัวจากการมอบสิ่งของช่วยเหลือจำเป็น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ ผู้สูงอายุด้อยโอกาส ยากไร้ตลอดสองปีที่ผ่านมา จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาพี่น้อประชาชนทำให้การแบ่งปันขยายวงเพิ่มขึ้น มีคนร่วมบริจาคเยอะขึ้นส่งผลทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้และด้อยโอกาสได้มากขึ้นครอบคลุมหลายพื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้พิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้ไม่มีสวัสดิการใดๆ เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวไม่ใช้งบประมาณรัฐแม้แต่บาทเดียว เป็นการรวบร่วมจากผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน

ไชยสถานรวมพลังครั้งใหญ่จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์กำจัดลูกน้ำยุงลาย

นายบุญโสต สมมนุษย์ นายกเทศมนตรีตำบลไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ประธานกิจกรรม”Big Cleaning Day” พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ ชุ่มชัย กำนันตำบลไชยสถาน นายสุพจน์ ไชยจินดา ผอ.รพ.สต.ไชยสถาน รองนายกเทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน กองสาธารณสุขฯ อสม. ร่วมรณรงค์กิจกรรมควบคุมโรคติดต่อที่นำโดยยังลาย ” Big Cleaning Day” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ทำลายแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายในบ้านเรือน ทุกหมู่บ้าน ในวันที่ 10 กันยายน 2563

นายกเทศมนตรีตำบลไชยสถานกล่าวย้ำว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันมีโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างการระบาดของไวรัสโควิด-19ที่ทุกๆคนระมัดระวังตัว พร้อมกับมาตรการต่างๆที่จะสะกัดกั้นการแพ่รบาด ถึงแม้ในบ้านเราจะไม่มีการแพร่เชื้อแล้วก็ตามแต่ก็ต้องเฝ้าระวัง ตอนนี้เป็นช่วงที่ฝนตกชุกเรื่องไข้เลือดออกก็ต้องเฝ้าระวังกันทุกๆฝ่าย เทศบาลฯได้ร่วมกับทางฝ่ายปกครองท้องที่ระดมแกนนำจิตอาสาพร้อมองค์กรเครือข่ายทุกถาคส่วนและประชาชน ร่วมกันลงพื้นที่ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่จะเป็นพาหนะนำเชื้อไข้เลือดออกแพร่ระบาด เพราะตอนนี้ในหลายพื้นที่เกิดโรคไข้เลือดออกระบาดไปแล้ว จึงจำเป็นต้องร่วมกันออกทำความสะอาดบ้านเมืองออกทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและกำจัดขยะมูลฝอย ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วนที่ได้เสียสละเวลามาร่วมด้วยช่วยกันในกิจกรรมอันสำคัญนี้ จะส่งผลให้ทุกคนทุกครัวเรือนรอดพ้นจากไข้เลือดออกและโรคภัยอื่นๆได้อีกด้วย นายกเทศมนตรีฯกล่าวในที่สุด

สุดอาลัยพิธีรดน้ำศพพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ

วันที่ 12 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานที่บ้านเลขที่ 436/2 ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ -ลำปาง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องและบุตรหลาน ได้นำศพของนายณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร อดีต หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ที่ได้ถึงแก่อนิจกรรม อย่างสงบในวัย 94 ปี เมื่อคืนวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา มาตั้งเพื่อให้บุคคลทั่วไปมารดน้ำศพ โดยพิธีการในวันนี้เปิดให้บุคคลรดน้ำศพ ก่อนที่เวลา 17.30 น.จะมีพิธีการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพิธีสวดพระอภิธรรมศพ จนถึงวันที่ 18 ก.ย.63 จากนั้นจะบรรจุร่างไว้ 100 วันต่อไป

ซึ่งบรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้องบุตรหลานและผู้เคารพนับถือ สำหรับนายณรงค์ วงศ์วรรณ หรือ พ่อเลี้ยงณรงค์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง จ.แพร่ เคยลงเล่นการเมืองมาตั้งแต่สมัยอดีต เคยเป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2535 ด้วยจำนวนที่นั่ง ส.ส.มากที่สุด 79 ที่นั่ง ก่อนได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีการเสนอชื่อพล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี แทนและนายณรงค์ ผ่านการดำรงค์ตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่งสูงสุดคือรองนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคชราอย่างสงบ

ลดาวัลลิ์ให้กำลังใจผู้สูงอายุยังไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเสมอภาค อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อผู้สูงอายุตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 11 กันยายนนี้ ที่วัดถิ่นใน เนื่องในโอกาสที่มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนโยบายด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนในปัจจุบันของผู้สูงอายุและครอบครัวด้วย พบว่าผู้สูงอายุวิตกกังวลต่อกรณียังไม่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพตามปกติซึ่งจะได้รับทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน ประกอบกับข่าวลือที่ว่ารัฐบาลถังแตกไม่มีงบประมาณใช้จ่ายแล้ว ทำให้ไม่มีความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐบาล โอกาสนี้นางลดาวัลลิ์ นายภาสกร หม้อกรอก กำนันตำบลบ้านถิ่น และนายนภัสกร อภัยกาวี นายกเทศมนตรี ตำบลบ้านถิ่น ได้แจ้งให้ผู้สูงอายุทราบว่าสาเหตุการจ่ายเบี้ยยังชีพล่าช้าไม่ใช่เกิดจากเทศบาลหรือ อบต แต่เป็นเพราะกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบข้อมูลใหม่ของการเสียชีวิตและย้ายถิ่นของผู้สูงอายุในช่วงสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งจะสามารถจ่ายได้ในวันที่ 22 กันยายน นี้

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตนและทีมเสมอภาคให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีพได้อย่างเป็นสุขสามารถสร้างรายได้ด้วยตนเอง พึ่งพาตนเองได้ไม่เป็นภาระแกรัฐบาลและลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีโครงการป้องกันการเจ็บป่วยและพิการให้แก่ผู้สูงวัยอีกด้วย โดยตั้งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีความสุขในทุกด้านอย่างยั่งยืน พร้อมกับนำประสบการณ์ความรู้ความสามารถมาแบ่งบันให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนด้วย