น่ายกย่องทำดีเพื่อสังคม เยาวชน อ.เชียงคำ จ.พะเยา 2 กลุ่มแท็กทีมลุยทำความดีช่วยเหลือผู้ยากไร้ในพื้นที่

 

5 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพล ชาวแพะ ประธานกลุ่มเยาวชน 4 ล้อหลังถนน และนายกรกต สมจิตต์ ประธานกลุ่มเยาวชนอะตอม ได้พาสมาชิกกลุ่มกว่า 50 คน ลุยลงพื้นที่ทั้ง อ.เชียงคำ และ อ.ภูซาง ในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่มีชีวิตอยู่ยากลำบากในทุกวันนี้ โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือทั้งหมด 10 หลังคาเรือน คือ ต.หย่วน จำนวน 3 หลัง ต.เจดีย์คำ จำนวน 2 หลัง ต.เชียงบาน จำนวน 1 หลัง และของ อ.ภูซาง จำนวน 4 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ที่กลุ่มเยาวชนลงพื้นที่ไปช่วยเหลือนั้นจะเป็นผู้สูงอายุและพิการและกลุ่มผู้เดือดร้อนจากพิษการระบาดของโควิด 19 ด้วย

โดยนายณัฐพล กล่าวว่า สำหรับวันนี้ตนเองได้นัดสมาชิกในกลุ่มและกลุ่มเยาวชนอะตอมให้พากันออกมาทำความดีในช่วงเข้าพรรษานี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวตนเองและทุกคนได้ตั้งใจว่าจะทำกันนานแล้ว โดยได้วางแผนและลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลผู้ยากไร้กว่า 1 เดือน ทั้งนี้ได้รับการประสานงานเป็นอย่างดีจากผู้นำชุมชนและนอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลจากสมาชิกในกลุ่มซึ่งเป็นคนของหมู่บ้านในตำบลนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ในส่วนของสิ่งของที่เอามามอบนั้นก็ได้ระดมในการขอรับบริจาคส่วนหนึ่งและก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้มามอบของบริจาคที่ตนเองและสมาชิกในกลุ่มได้ทำการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวรวมถึงการขอจากผู้ใหญ่ที่อยากจะร่วมช่วยเหลือในกิจกรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ด้านนายกรกต กล่าวเสริมว่า ทุกวันนี้กลุ่มของตนเองได้ทำความดีเพื่อสังคมมาโดยตลอด และในวันนี้ก็เป็นการชักชวนจากกลุ่มเยาวชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ตนได้รู้จักซึ่งทำให้กลุ่มของตนเองสนใจที่จะร่วมการทำความดีในครั้งนี้ พร้อมกันนี้สมาชิกในกลุ่มต่างเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้ยากไร้ในพื้นที่ที่พวกตนได้ลงพื้นที่ในการช่วยเหลือในวันนี้ นอกจากนี้ในวันที่ 28 ก.ค.63 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 กลุ่มของพวกเราก็จะได้ทำการปลูกต้นไม้กว่า 500 ต้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลโดยการปลูกต้นไมในครั้งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ที่ได้ประสานของกล้าไม้จากสำนักงานกรมป่าไม้ อ.เชียงคำ จ.พะเยา เช่นเดียวกันกับหน่วยง่านอื่นๆก็ให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน

เข้าพรรษาแห่เทียนบนหลังช้าง

 

 

ที่โรงเรียนห้วยผักกูด ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านและกลุ่มพระบัณฑิตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมแห่เทียนพรรษา โดยได้มีการตั้งขบวนแห่เทียนพรรษาและพระนั่งบนหลังช้าง จำนวน 9 เชือก เดินไปตามชุมชนเพื่อนำไปถวายยัง อาศรมวัดห้วยผักกูด โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ได้ทำพิธีถวายเทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน ต้นเงิน และทอดผ้าป่าไฟโซล่าเซลล์ ที่ชาวบ้านร่วมกันทำบุญให้กับวัด12แห่งบนดอย พร้อมมีการมอบเงินช่วยเหลือให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนช่วงวิกฤติโควิด-19 จำนวน 100 หลังคาเรือนและมอบเงินช่วยเหลือช้างตกงานด้วย

กิจกรรมของกลุ่มพระบัณฑิตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงครั้งนี้เป็นโครงการของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.(มจร) เป็นการบริการวิชาการทางพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม คือ การเผยแผ่พระธรรมแก่กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ บนดอยสูง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การฟื้นฟูอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น การสงเคราะห์ประชาชน เป็นต้น ซึ่งพิธีถวายเทียนพรรษาครั้งนี้ได้นิมนต์พระจากวัดต่างๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย อ.แม่แจ่ม อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ และ อ.ขุนยวม จ.ฮ่องสอน มารับถวายพร้อมกัน

กราบไหว้ขอพรอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เนืองแน่นช่วงหยุดยาว

4 ก.ค. 63 ที่อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ซึ่งอยู่บริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีนักท่องเที่ยวจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดเดินทางมากราบไหว้ขอพรในช่วงก่อนวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา เป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว โดยในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดทำให้นักท่องเที่ยวหายไป แต่เมื่อมีการปลดล็อกดาวน์เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับเป็นวันหยุดยาว ติดต่อกัน 4 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มากขึ้นด้วย โดยบรรยากาศที่ลานอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีชัย แม่ค้าที่จำหน่ายดอกไม้เพื่อบูชา ก็มีใบหน้ายิ้มแย้ม ดีใจ เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา และจำหน่ายดอกไม้บูชาได้เป็นจำนวนมาก บางรายถึงกับนำไข่ต้มมาถวาย เพื่อแก้บนด้วย

บ่อนแตก นอภ.เชียงคำ -ตำรวจ บุกจับพนันไก่เซียนแตกกระเจิงรวบได้ 11ราย พร้อมไก่ชน4ตัว

บ่าบวันที่ 3 ก.ค.63 พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.สภ.เชียงคำ และ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอเชียงคำ ได้รับแจ้งว่ามีการแอบเล่นพนันไก่ชนในบริเวณพื้นที่ อ.เชียงคำ จึงได้สั่งการให้ นายรุ่งทวี แก้วคำปา ปลัดอำเภอพร้อมกำลัง อส.กว่า 10 นายและกำลังของ สภ.เชียงคำ ลงพื้นที่เข้าจับกุมทันที เมื่อไปถึงพบเป็นกระท่อมร้าง ไม่มีเลขที่ ของ ม.2 บ้านทุ่งควบ ต.ทุ่งผาสุข อ.เชียงคำ จ.พะเยา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าควบคุมตัวทันที แต่ผู้เล่นในสนามไก่ชนหลังจากเห็นเจ้าหน้าที่มาก็วิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง แต่สุดท้ายถูกจับกุมตัวไว้ได้ทั้งหมด 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ อ.เชียงคำ อ.ภูซาง จ.พะเยา และบ้านต้า อ.เทิง จ.เชียงราย ทั้งนี้จึงได้พาผู้ต้องหาพร้อมของกลางคือ ไก่ชนจำนวน 4 ตัว โพยพนันและเงินอีกจำนวนหนึ่งมาทำการสอบสวนภายในที่ว่าการอำเภอเชียงคำ

โดยนายกนก กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้มีการควบคุมในเรื่องของการมั่วสุมในแหล่งต่าง ๆ อันจะเป็นการแพร่เชื้อโควิด-19 รวมทั้งยังป้องกันและปราบปรามการแอบเล่นการพนันในทุกรูปแบบ ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวก็ได้สืบทราบมาว่ามีการแอบลักลอบเล่นพนันไก่ชน ในบริเวณดังกล่าว จึงสนธิกำลังกับตำรวจพบว่ามีผู้เล่นกว่า 50 รายเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมจึงวิ่งหนีแตกกระเจิงสามารถจับกุมเพียง 11 ราย และได้แจ้งข้อหาลักลอบเล่นการพนันไก่ชน พร้อมทั้งจะได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคำได้เนินคดีต่อไป

เช้ามืด 8 ก.ค. ชวนชม “ดาวศุกร์สว่างที่สุดครั้งสุดท้ายในปี 2563

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. เผยว่า ในช่วงเช้ามืดวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ดาวศุกร์จะปรากฏสว่างที่สุดอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ จะสว่างเด่นเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า ทางทิศตะวันออกบริเวณกลุ่มดาววัว ตั้งแต่เวลาประมาณ 03:25 น. เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า และเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะลำดับที่ 2 ถัดจากดาวพุธ มีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก หากสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์จะเห็นดาวศุกร์ปรากฏเป็นเสี้ยว ความหนาบางของเสี้ยวจะแตกต่างกันไปในแต่ละตำแหน่งการโคจร และจะไม่สามารถเห็นดาวศุกร์สว่างเต็มดวงได้เลย

ตำแหน่งของดาวศุกร์ที่ปรากฏบนท้องฟ้าจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ได้ไม่เกิน 47 องศา เราจึงสังเกตเห็นดาวศุกร์ได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นหรือหลังดวงอาทิตย์ตกเท่านั้น ไม่เคยปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าหรือในเวลากลางดึก ซึ่งในครั้งนี้ เราจะเห็นดาวศุกร์ปรากฏก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น คนไทยมักเรียก “ดาวประกายพรึก”นั่นเอง

สิ้นแม่ปุ๊ อรพิณ แม่ดาราดังโอวรุฒ วรธรรม

เวลา 07.39 น.วันที่ 3 ก.ค ที่โรงพยาบาลลานนา ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นางอรพิณ กุญชร ณ อยุธยา หรือแม่ปุ๊ อายุ 84 ปี มารดาของโอ วรุต วรธรรม นักแสดงชื่อดัง ภรรยาของนายแรม วรธรรม ดารารุ่นใหญ่ ได้เสียชีวิตอย่างสงบหลังจากเข้ารักษาเนื่องจากลื่นล้ม สำหรับประวัติ นางอรพิน กุญชร ณ อยุธยา เป็นบุตรสาวของ ร.ท.ม.ล.พร้อม กุญชร สมรสกับ นายแรม วรธรรม อายุ 86 ปี ต่อมาที่ได้เสียชีวิตไปอย่างสงบ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2562 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ส่วนโอ วรุต วรธรรม ลูกชายก็เป็นดาราชื่อดัง โดยเฉพาะการแสดงหนังเป็น “โกโบริ” ได้สร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ซึ่งได้เสียชีวิตจากไปด้วยเช่นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จึงเหลือเพียงแม่ปุ๊ อรพิน เพียงคนเดียว กระทั่งได้มาเสียชีวิตลงในวันนี้

นางสาวรุ่งฟ้า บุญสม หลานสาวแม่ปุ๊ เปิดเผยว่าเมื่อเช้าวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมาหลังตื่นขึ้นมา แม่ปุ๊ ได้ลื่นล้มภายในห้องรับแขก ภายในบ้านพักที่ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่มีอาการใบหน้าบวม คิ้วแตก รีบนำตัวมารักษาที่รพ.ลานนา แพทย์ได้เอ็กซเรย์ก็พบว่า มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองแต่ไม่อันตราย เลือดหยุดไหลเองได้ และมีอาการไตวายเฉียบพลันแทรกซ้อน จึงได้นอนพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู เป็นเวลา 2 วัน หลังจากอาการดีขึ้นก็ได้ย้ายไปพักฟื้นที่ห้องพิเศษอาการดีขึ้นตามลำดับ กระทั่งเช้าวันนี้เวลา 07.39 น.ทางโรงพยาบาลได้แจ้งให้ตนทราบว่าอาการของแม่ปุ๊ เริ่มไม่ดี ตนพร้อมกับญาติจึงได้เดินทางมาที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว

ส่วนพิธีศพของแม่ปุ๊ อรพิน ได้พูดคุยกับทางนีโน่ เมทนี บูรณะศิริ  จะมีการเคลื่อนย้ายศพแม่ปุ๊ ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีเอี่ยม กรุงเทพฯ โดยจะเคลื่อนย้ายศพในเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 6 ก.ค. นี้ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงของวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จึงได้ขอฝากศพไว้ที่โรงพยาบาลก่อน เมื่อเคลื่อนศพไปที่วัดแล้ว ก็จะสวดบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 7 ก.ค. จากนั้นจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 10 กรกฎาคม ส่วนเรื่องบ้านของแม่ปุ๊ ที่เชียงใหม่ รวมถึงร้านกาแฟ ของโอ วรุต รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ คงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นงานฌาปนกิจศพของแม่ปุ๊ ซึ่งจะได้พูดคุยกับทางนีโน่ อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ยอมรับมติชาวบ้านไม่นำลายโบราณเวียงบัวไปทำเป็นลายปูพื้นแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบัว หมู่ 7 ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ได้มีการประชุมประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเรื่องการนำลายโบราณของเวียงบัวไปใช้ในโครงการปรับปรุงลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ซึ่งเป็นโครงการในพื้นที่ของเทศบาลเมือง(ทม.)พะเยา โดยมีเจ้าคณะตำบลแม่กา มานั่งรับฟังด้วย พร้อมคณะกรรมการเตาเผาโบราณเวียงบัว และประชาชนในหมู่บ้านกว่า 80 คน เข้าร่วมประชุม ณ หอประชุมหมู่บ้าน ซึ่งมีนายอัษฎากรณ์ ฉัตรานันท์ เลขานุการนายก ทม.พะเยา และคณะทีมออกแบบฯ ของโครงการมาชี้แจง โดยที่ประชุมมีมติชัดเจนห้ามนำลายโบราณเวียงบัวไปทำลายปูพื้นอย่างเด็ดขาด และทางทีมออกแบบฯ ได้ขอโทษประชาชนชาวบ้านบัวด้วย

นายพรศักดิ์ เฉพาะธรรม ประธานกรรมการเตาเผาโบราณเวียงบัว กล่าวว่า มติที่ประชุมยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ยินยอมให้ทาง ทม.พะเยา นำลายโบราณเวียงบัวไปทำเป็นลายปูพื้นโดยเด็ดขาด ขอให้ปรับรูปแบบการวางลายให้เหมาะสมกว่านี้ เช่น ยกระดับลายขึ้นมาให้สูงจากพื้น ไม่ถูกการเหยียบไปมา หรือนั่งพิง ควรใช้เป็นผนังหรือหลักคล้ายหลักศิลาจารึกให้ประชาชนเห็นทั่วไปได้อย่างสวยงาม พร้อมกันนี้ทางหมู่บ้านขอมีส่วนร่วมในการออกแบบเรื่องการนำลายโบราณไปใช้เพื่อความเหมาะสม เราชาวเวียงบัวไม่ได้หวงหรือแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภูมิปัญญาเหล่านี้ แต่เนื่องจากลายโบราณเป็นของสูงและเป็นมงคล ที่สำคัญเป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่สามารถนำไปใช้ได้เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ดังนั้นการนำไปใช้ต้องให้เกิดความเหมาะสม ปธ.กก.เตาเผาฯ กล่าว

ทางด้านทีมออกแบบกล่าวว่า ตนยอมรับผิดและขอโทษทางชุมชนที่ไม่ได้เข้ามาสอบถามตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อทางชุมชนบ้านบัวไม่ต้องการให้นำลายโบราณไปปูพื้น ทางโครงการฯ ก็จะนำไปปรับปรุงใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน และเมื่อออกแบบใหม่เสร็จแล้วจะนำมาให้ทางชุมชนร่วมพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง

ทั้งนี้ในระหว่างการชี้แจง ปรากฏว่าทันใดนั้นได้มีหญิงผู้สูงอายุออกไปฟ้อนรำ หัวเราะเสียงดัง ไม่มองหน้าผู้ใดทั้งสิ้น และโบกมือแสดงอาการไม่ยอมให้นำลายโบราณไปปูพื้น ขณะเดียวกันมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ท้ายห้องประชุมแสดงอาการโกรธอย่างมากพร้อมประกาศว่าไม่ได้ ไม่ให้ปูพื้น ทำไมไม่มาถามชาวบ้านก่อน ซึ่งประชาชนที่มาประชุมตื่นตกใจกันอย่างมาก ทั้งนี้ประชาชนที่มาประชุมให้ข้อมูลว่าเป็นร่างทรงของเจ้าพ่อพญานาคเฝ้าเตาโบราณเวียงบัวกำลังโกรธ และหญิงสูงวัยที่ฟ้อนรำด้านหน้าที่ประชุม คือ ร่างทรงของเจ้าที่อารักหมู่บ้านบัวมานาน

ตร.แม่ฮ่องสอน แถลงข่าวจับรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งและทำลายท่อไอเสียดัดแปลงกว่า 100 ชิ้น

วันที่ 2 ก.ค 63 ที่ สภ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พตอ.สิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.จังหวัดแม่ฮ่องสอน พตท.สมศักดิ์ ต๊ะแดง ผกก.สภ.เมือง ร่วมกันแถลงข่าวผลการปราบปรามรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพ และตกแต่งท่อไอเสียทำให้เกิดเสียงดังในเขต อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังได้รับการร้องเรียนสร้างความเดือดร้อนและรำคาญให้กับชาวบ้าน พร้อมเป็นการป้องกันปราบปรามการแข่งขันรถในทางสาธารณะ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ผู้สัญจร ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 5

ระหว่างวันที่ 20 – 30 มิ.ย ที่ผ่านมาสามารถจับกุมรถดัดแปลงสภาพท่อไอเสียได้จำนวน 14 คัน ดัดแปลงสภาพรถหรือส่วนอื่นใดอีก 2 ราย พร้อมกับบดทำลายท่อไอเสียเสียงดังเพื่อไม่ให้นำกลับมาใช้ได้อีกจำนวนกว่า 100 และโอกาสนี้ยังได้มอบหมวกนิรภัย ในโครงการ หมวกปันสุข แจกหมวกนิรภัยให้ประชาชนที่ขาดแคลน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัย เพราะหากไม่สวมหมวกนิรภัย จะถูกจับจริง ปรับจริง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในการขับขี่รถจักรยานยนต์

พตอ.สิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับแม่ฮ่องสอนการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในเส้นทางสาธารณะนั้นไม่น่าหนักใจ เพราะไม่มีถนนทางตรงระยะยาวไกล และที่ผ่านมาการรวมกลุ่มแข่งรถของวัยรุ่นบนถนนสาธารณะก็ไม่ค่อยปรากฏ ส่วนใหญ่จะมีร้องเรียนเข้ามาเรื่องการดัดแปลงท่อไอเสียเสียงดัง ซึ่งขณะนี้มีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่องต่อไป

บางกอกแอร์เวย์สจับมือช้อปปี้ จัดโปรโมชั่นต้อนรับปลดล๊อคดาวน์ เสนอบัตรของขวัญ (E-Gift Card) ราคาพิเศษมูลค่า 1,000 บาท ในราคาเพียง 799 บาท

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จับมือ ช้อปปี้ ฉลองแคมเปญ “Shopee 7.7 Mid Year Sale 2020” จัดโปรโมชั่นต้อนรับปลดล๊อคดาวน์ เสนอบัตรของขวัญอิเล็กทรอนิกส์ (E-Gift Card) มูลค่า 1,000 บาท ในราคาพิเศษเพียง 799 บาท (มีจำนวนจำกัด) ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฏาคมนี้ เพื่อใช้แทนเงินสดสําหรับซื้อบัตรโดยสารของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สในทุกเส้นทางทั้งในและต่างประเทศ ผู้โดยสารที่สนใจสามารถซื้อบัตรของขวัญอิเล็กทรอนิกส์และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://shopee.co.th/bangkokair

วัดโลกโมฬีต่อยอดโรงทาน ตู้ปันสุข ตั้งศูนย์ฝึกอาชีพระยะสั้นให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากพิษโควิด19

พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาวัดโลกโมฬีได้ตั้งโรงทานแจกจ่ายข้าวปลาอาหารให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในพื้นที่เชียงใหม่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด โดยโรงทานดังกล่าวได้ดำเนินการตามพระบัญชาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช พร้อมการอุปถัมภ์จากพระเดชพระคุณพระธรรมเสนาบดี และมูลนิธิพระบรมธาตุดอยสุเทพ ซึ่งทางวัดได้ดำเนินการตั้งแต่วันนี่ 25 มี.ค. – 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 83 วัน ถือเป็นวัดที่ตั้งโรงทานนานที่สุดในประเทศไทย หลังจากที่หยุดการตั้งโรงทานแล้ว ทางวัดก็ได้จัดทำตู้ปันสุข ตั้งไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าวัด ในหนึ่งวันจะนำสิ่งของไปใส่ในตู้วันละ 4 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที ของที่วางอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ นม ขนม ผลไม้ น้ำดื่ม ได้หมดเกลี้ยง แสดงให้เห็นว่า ยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่อยู่อีกเป็นจำนวนมาก

อาตมามองเห็นว่า การตั้งโรงทาน และการทำตู้ปันสุขเป็นเพียงแค่การช่วยเหลือปลายทาง ไม่ใช่ต้นทางที่แท้จริง เหมือนกับการให้ปลา แต่ไม่ได้สอนหาปลาทำให้เขาต้องรอการตั้งโรงทาน หรือรอของจากตู้ปันสุขอย่างเดียว ดังนั้น อาตมาจึงได้คิดว่า ควรจะมีการฝึกอาชีพให้กับคนที่ต้องการ เพื่อให้ประชาชนที่ตกงาน หรือต้องการมีอาชีพเสริม ได้มีอาชีพติดตัวไปประกอบอาชีพ และดูแลครอบครัวได้ ในช่วงที่ตั้งโรงทาน ก็มีการสอบถามความต้องการของประชาชน และมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฝึกอาชีพจำนวน 50 คน ทั้งนี้ ทางวัดอยากให้มีคนมาฝึกอาชีพให้มากขึ้น โดยจะใช้เวลาฝึก 3 – 5 วัน แล้วใช้สถานที่ของวัดทำการฝึกอาชีพด้านการนวดแผนโบราณ, การทำอาหาร, การทำขนม และการตัดผม ทางวัดได้รับความอนุเคราะห์จากนายสุรัตน์ ปาละนันทน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จะจัดส่งวิทยากรมาช่วยทำการฝึกสอนอาชีพระยะสั้นให้ผู้มาสมัคร

ทางวัดก็จะเปิดรับสมัครประชาชนที่สนใจตั้งแต่อายุ 20 – 45 ปี ให้เข้ามาเรียนได้ฟรี กำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 – 5 ก.ค. 63 และจะเริ่มเรียนประมาณวันที่ 9 ก.ค. 63 รวมถึงใครที่อยู่ต่างจังหวัดหากประสงค์ที่จะมาเรียน แต่ไม่มีงบของการเดินทางก็ประสานทางที่วัดได้ ซึ่งยังมีงบประมาณส่วนหนึ่งในการที่จะนำมาช่วยเหลือในการฝึกอาชีพ แต่ขอให้เป็นบุคคลที่ตั้งใจจริง เพราะทางวัดจะได้จัดเตรียมสถานที่พักให้อาศัยอยู่กินภายในวัด ช่วงที่มีการฝึกอาชีพ หรือท่านใดที่ต้องการเรียนในอาชีพอื่นๆ เพิ่ม ก็สามารถแจ้งได้ทางวัดตั้งใจว่าจะเปิดสอนตลอดทั้งปี 63 และจะเปิดการสอนเป็นรอบๆ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่วัดโลกโมฬี